997. ปรมาจารย์ชีกง
มันคือสมบัติที่ตู่ซือพึงพอใจมากแต่น่าเสียดายที่ไม่มีวิญญาณสมบัติเกิดขึ้น การทำให้สมบูรณ์นั้นตู่ซือได้ซ่อนมันไว้ในดาวดวงหนึ่งและเปลี่ยนกลายเป็นภูเขาสามลูก เขาต้องการใช้วิญญาณภูเขาของดาวเคราะห์เพื่อสร้างวิญญาณสมบัติให้กับตรีศูลเล่มนี้
เขาวางแผนจะกลับมารับมันเมื่อสำเร็จวิชาสายเลือดราชวงศ์ แต่หลังจากเขาจากไปก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย…
เมื่อหวังหลินเห็นตรีศูลเข้าไปในหลุมดำพร้อมกับเทียนหยุน จึงรู้สึกเศร้าใจ ความเศร้านี้มาจากความเสียในความทรงจำของตู่ซือ
หลิงเทียนโฮวและชายชุดม่วงเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและเข้าหาหลุมดำ ทว่าสองคนนั้นหยุดชะงัก
ขณะที่หวังหลินเตรียมตัวจะเข้าไปในหลุมดำ เขาพลันหันกลับมามองออกไปในดวงดาว ชายชราบนน้ำเต้าและซือถูหนานเร็วไปหนึ่งก้าวพลางมองออกไปไกลก่อน
ระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ชายชราผู้หนึ่งปรากฏออกมาในระลอกคลื่น เพียงแค่ก้าวเดียวก็มาถึงเบื้องหน้าทุกคน
หลิงเทียนโฮวและชายชุดม่วงรีบหยุดชะงัก ชายชุดม่วงเผยท่าทีเคารพและโค้งคำนับ “ซุนซานขอคารวะมหาผู้อาวุโส”
แม้ซุนซานจะเป็นผู้อาวุโสเขาก็ไม่ใช่สมาชิกกลุ่มสภาผู้อาวุโสของพันธมิตรเซียน ตอนนี้เขาเคารพออกมาจากก้นบึ้งจิตใจ เคารพต่อชายชรานี้ลึกล้ำอย่างเห็นได้ชัด
“ผู้น้อยขอคารวะมหาผู้อาวุโส” หลิงเทียนโฮวเผยท่าทีเคารพ ด้วยนิสัยของเขาแล้วมีคนไม่มากที่เขาจะเคารพอย่างแท้จริง
หวังหลินหรี่ดวงตาแคบ ชายชราผู้นี้ผสานเข้ากับโลกเคลื่อนไหวมาที่นี่ เขายังมีกลิ่นอายที่หวังหลินตกตะลึงอีก
หลิ่นอายนี้แตกต่างจากเทียนหยุน หากเทียนหยุนเป็นมหาสมุทรหยั่งลึกไม่ถึงแล้ว ชายชราผู้นี้เป็นเหมือนขุนเขาใหญ่แทงถึงสวรรค์ กลิ่นอายแพร่กระจายออกมาทำให้เซียนที่อ่อนแอกว่าต้องกระอักโลหิตและล่าถอยทันที
ซือถูหนานดวงตาส่องสว่างขึ้นและพึมพำ “ขั้นทลายสวรรค์!” เขาขบคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเย้ยหยัน ดวงตาเปล่งประกายเนื่องจากความโอหังและการมองทุกอย่างต่ำต้อย
‘หากข้าต้องการมีชีวิตที่ดีในโลกนี้ ข้าจำเป็นต้องฝึกเซียนจนสามารถก้าวข้ามโลกนี้ไปได้ ขั้นทลายสวรรค์…ไอ้เฒ่านี่ขี้เกียจเกินไป…’
ชายชราสวมชุดสีทอง เส้นผมครึ่งนึงสีขาว ครึ่งนึงสีดำ ปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณ เขามองหลิงเทียนโฮวและเผยรอยยิ้มชื่นชม
“เราเจอกันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่กันนะ?”
หลิงเทียนโฮวนึกถึงเรื่องอดีตและกล่าวอย่างเคารพ “ผู้น้อยจำไม่ได้ มันนานมาก”
ชายชราชุดทองถอนหายใจ “ตอนที่เจ้าและเทียนหยุนมีคุณสมบัติ ข้าเป็นคนพาเจ้าสองคนเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ฟ้ากระจ่างด้วยตัวเอง ตอนนี้ผ่านมาหลายหมื่นปี หนึ่งในเจ้าสองคนกลายเป็นผู้อาวุโสของพันธมิตรเซียนที่แม้แต่ข้ายังหวาดกลัว และอีกคนระดับบ่มเพาะบรรลุมาถึงระดับนี้”
หลิงเทียนโฮวขบคิดแต่สายตาหวนรำลึกให้มากขึ้น
“ตอนที่ข้าได้รับหินหยกเจ้าไม่กี่เดือนก่อน ข้ากำลังตัดสินใจว่าควรจะมาดีหรือไม่ ข้าไม่ได้อยากมาแต่เพราะสงครามระหว่างฝ่ายทุกชั้นฟ้ากำลังร้ายแรงและพี่อาวุโสข้า จงซวนจื่อไม่สามารถสร้างร่างอวตารได้ แต่พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าและเทียนหยุน ข้าจึงตัดสินใจมาเพื่อจบเรื่องระหว่างเจ้าสองคน!” ขณะที่พูดขึ้น สายตาแฝงความตั้งมั่นและลึกล้ำ
หลิงเทียนโฮวมองชายชราด้วยความคิดสั่นเทา “ขอบคุณท่านมาก ผู้อาวุโสชีกง”
“ไปกันเถอะ ข้าได้ยินเรื่องดินแดนวิญญาณปิศาจแต่ไม่เคยไปมาก่อน ไปดูกัน!” ชายชราโบกแขนและมองหญิงสาววัยกลางคนสุดสวยไกลๆ ตอนที่มองสตรีชุดม่วง สายตาเผยความไมตรี จากนั้นก็เข้าสู่หลุมดำ
หลิงเทียนโฮวและชายชุดม่วงติดตามเข้าไปในวังวนด้วย
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนที่ดวงตาส่องสว่างขึ้นและเคลื่อนไหวไปกับซือถูหนาน ตามมาด้วยจ้าวสายลมหวนและสตรีชุดเงิน เบื้องหลังเป็นสามพี่น้องเฉินและหัวโต ทั้งหมดเหาะเข้าหาวังวน
เล่ยจีหดร่างลงจนกระทั่งเหลือเพียงไม่กี่สิบฟุต และติดตามทุกคนเข้าไปในวังวน
ชายชราผู้นั่งอยู่บนน้ำเต้าและชายชุดดำเยือกเย็น ทั้งสองเข้าไปในหลุมดำ สตรีวัยกลางคนสุดสวยลังเลพร้อมกับมองสตรีชุดชมพูข้างๆกัน
สตรีชุดชมพูยิ้มออกมาดุจกุหลาบและเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ป้าเซี่ย การเดินทางไปดินแดนวิญญาณปิศาจครั้งนี้ท่านสบายใจได้ ซีซวนมีสมบัติที่พี่ใหญ่มอบให้ มันทำให้ข้าปลอดภัยได้เกินพอ ยิ่งไปกว่านั้นพี่สองก็ส่งผู้อาวุโสชีกงมาที่นี่ด้วย…”
หญิงสาววัยกลางคนสุดสวยขบคิดเล็กน้อยและพยักหน้า จากนั้นนางก็พาสี่สาวรอบตัวเข้าไปในหลุมดำ เฉียนฉินเผยใบหน้าซับซ้อน ตอนที่หวังหลินปรากฏตัวนางมองเขาอยู่ตลอด ตอนนี้นางคิดเรื่องราวที่พวกเขาอยู่ด้วยกันในดินแดนวิญญาณปิศาจจึงคิดออกมา ‘ข้าสงสัยว่าเขาจะยังจำข้าได้ไหมนะ’
หลังจากผู้คนเข้าไป เซียนรอบด้านทั้งหมดก็พุ่งเข้าหาหลุมดำอย่างรีบเร่ง ทว่ามีคนอยู่มากเกินไปและมีบางส่วนเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ก่อนที่มันจะหยุดหมุนย้อนคืนและหายวับไป
เซียนบางคนเข้าไปได้ครึ่งตัวแต่วังวนพลันหายไป ร่างกายขาดท่อนและเกิดเสียงกรีดร้องโหยหวน ทำให้เซียนด้านหลังต้องรีบถอย
หลุมดำหายไปพร้อมกับรอยเลือด ราวกับประตูบานยักษ์ปิดลงป้องกันไม่ให้ทุกคนเข้าไป
เซียนรอบด้านทั้งหมดกระจายตัวด้วยความเสียใจ มีบางส่วนเสียดายและรออยู่หลายวันก่อนจะจากไป ทะเลวิญญาณปิศาจตะวันออกกลับคืนสู่สภาวะสงบสุขอีกครา…
ข้างในดินแดนวิญญาณปิศาจ ดวงอาทิตย์ร้อนแรงห้อยอยู่กลางท้องฟ้า คลื่นความร้อนพัดไปกับสายลมไปบนพื้นดิน ซากศพบนพื้นส่งกลิ่นเหม็นเน่า นกแร้งหลายตัวเกาะอยู่บนซากศพดูดซับกลิ่นอายแห่งความตาย
นี่เป็นแค่เพียงมุมหนึ่งของแคว้นปิศาจอัคคีเท่านั้น หากมองทั้งแคว้นจะพบว่ามันปกคลุมไปด้วยซากศพ ภายใต้คลื่นความร้อนยิ่งเน่าเปื่อยเร็วขึ้น สายลมพัดผ่านเสื้อผ้าแต่ละคนให้เห็นผิวหนังสีดำ
ขณะที่เผ่าหลอมวิญญาณโจมตี สงครามขนาดใหญ่แพร่กระจายไปทั่วแคว้นปิศาจอัคคี ผู้คนแข็งแกร่งทั้งหมดกระจายตัวไปแคว้นอื่น หากไม่ยอมจำนนก็ต้องตาย!
เมืองหลวงของแคว้นปิศาจอัคคีเป็นตำแหน่งที่หนึ่งเก้าปิศาจโบราณอาศัยอยู่ ตอนนี้มีกองกำลังสุดท้ายเหลืออยู่ สถานที่แห่งนี้ถูกหนึ่งในกองทัพชั้นสูงของแคว้นปิศาจอัคคียึดครอง มันจึงถูกเรียกว่ากองทัพวิญญาณปิศาจอัคคี!
พวกเขามีหัวหน้าผู้บัญชาการสองคนและมีแม่ทัพปิศาจแปดคนประจำการ แม้กองกำลังวิญญาณปิศาจอัคคีจะสูญเสียอย่างหนัก เมื่อเทียบกับกองกำลังอื่นพวกเขาทรงพลังที่สุดแล้ว ซึ่งทำให้พวกเขาครอบครองเมืองหลวงและยังหลงเหลืออยู่ในแคว้นปิศาจอัคคี
ในตอนนี้กองทัพของเผ่าหลอมวิญญาณได้ล้อมรอบเมืองหลวงเอาไว้ ผู้คนนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในท้องฟ้าพร้อมกับผืนธงใหญ่มากมายรอบตัวเอง หมอกสีดำห่อหุ้มพื้นที่อย่างหนาแน่น
เสียงกรีดร้องจากวิญญาณไม่มีวันจบสิ้นและกวาดผ่านไปทั่วผืนแผ่นดิน เสียงวิญญาณร้องร่ำไห้กลายเป็นเพียงเสียงเดียวในโลก
รูปปั้นหินภายในกองทัพเผ่าหลอมววิญญาณอยู่ตรงประตูเมืองหลวงแคว้นปิศาจวารี สมาชิกเผ่าหลายคนกำลังถือเอาไว้ คนที่ถือต่างก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ การได้รับหน้าที่ถือรูปปั้นบรรพชนจากสมาชิกเผ่าหลายล้านคนถือเป็นเกียรติที่มีครั้งเดียวในชีวิต!
กลางท้องฟ้ามีชายชราผู้หนึ่งเต็มไปด้วยอำนาจ เขาสวมชุดดำ มีผืนธงขนาดใหญ่หลายสิบผืนอยู่ด้านข้างก่อตัวเป็นวังวนสีดำ
“แม่ทัพปิศาจไม้เสน่ห์และแมงป่องทอง เจ้าสองคนกำลังจะยอมจำนนใช่ไหม?” น้ำเสียงชายชราดุจสายลมเย็นพัดผ่าน วินาทีนั้นเสียงกรีดร้องแหลมดังออกมาจากวังวนสีดำรอบตัวเขา
แค่น้ำเสียงชายชราไม่ถือว่าแย่นักแต่สมาชิกเผ่าหลายล้านคนรอบเมืองหลวงต่างก็ร้องคำรามในเวลาเดียวกัน
“เจ้าจะยอมแพ้ใช่ไหม!?”
เสียงคำรามของผู้คนนับล้านในครั้งเดียวนับว่าไม่อาจอธิบายได้ ราวกับโลกกำลังสั่นเทาและไม่มีสายฟ้าใดจะเทียบมันได้ ความคิดทหารที่เหลืออยู่ในเมืองหลวงต้องสั่นสะท้าน บางคนรู้สึกว่ามีบางอย่างระเบิดขึ้นในใจและสลบไปพร้อมกับโลหิตทะลักออกมาจากรูขุมขน
“โอวหยางฮัว อย่าผลักดันเราเกินไป!” น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากกำแพง จากนั้นร่างยักษ์ในชุดเกราะก็ปรากฏตัวขึ้น ชุดเกราะนี้ดูเหมือนแมงป่อง ดวงตาแดงฉาน พุ่งออกมาพร้อมความเกลียดชังแต่ไม่ได้เข้าหาโอวหยางฮัว เขากลับพุ่งเข้าใส่รูปปั้นสีดำท่ามกลางฝูงชน
“แม้ข้าจะตาย ข้าก็จะทำลายไอ้นี่ไปด้วย!” ร่างใหญ่นั่นพุ่งมาเร็วเกินไป เขามาถึงด้านข้างรูปปั้นในเสี้ยววินาที ยกแขนขึ้นและกระแทกใส่พร้อมเสียงคำราม
อย่างไรก็ตามเรื่องประหลาดก็คือสมาชิกเผ่ารอบด้านทั้งหมดเผยสีหน้าเยาเย้ย แม้กระทั่งโฮวหยางฮัวก็ยังเย้ยหยันและไม่พยายามหยุดเขา
ขณะที่แขนของร่างใหญ่โตนั่นกระแทกลงมา น้ำเสียงเย็นยะยือกดังก้องในหูเขา
“เจ้ากล้าทำอันตรายรูปปั้นของนายท่านข้าได้อย่างไร? ตายซะ!” ชายธรรมดายิ่งเคลื่อนไปตามเสียงนั้น เขาสวมชุดคลุมสีดำ ท่าทางเย็นเยียบ หากใครรู้จักหวังหลินคงตกตะลึงเพราะนิสัยประมาณหกถึงเจ็ดส่วนคล้ายๆกับหวังหลิน
เขาเดินออกมาและชกกำปั้นอย่างลวกๆ วินาทีนั้นวิญญาณนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากร่างกายและเข้าไปในหมัดเขาสร้างพายุรุนแรงขึ้นมากระแทกเข้าใส่ร่างใหญ่นั้นอย่างรวดเร็ว
ร่างใหญ่โตกระอักโลหิต เกราะบนร่างแตกหักทีละนิ้ว เสียงกระดูกแตกออกมาจากในร่างด้วย
“คนที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าหลอมวิญญาณ ฉือซาน!” ร่างใหญ่โตสีหน้าขมขื่น ร่างกายแตกหัก ตอนนี้เขาหมดพลังแล้วจึงบาดเจ็บสาหัสและตายทันที
โฮวหยางฮัวหัวเราะจากนั้นชี้นิ้วใส่เมืองหลวงของแคว้นปิศาจอัคคี “ดับวิญญาณ!”
ผู้คนนับล้านของเผ่านำธงวิญญาณตนเองออกมา วิญญาณมากมายไร้ก้นบึ้งพุ่งออกไปปกคลุมทั้งเมืองหลวงให้อยู่ในหมอกดำ มันเข้าใกล้เมืองหลวงอย่างช้าๆ
“ยอมแพ้…” หญิงสาวสวมชุดเกราะสีฟ้ายืนอยู่บนกำแพงเมืองหลวงพลันถอนหายใจ
ตอนนี้แคว้นปิศาจอัคคีกายเป็นเมืองหลวงของเผ่าหลอมวิญาณไปแล้ว! เผ่าหลอมววิญญาณได้กลายเป็นหนึ่งในเก้าอำนาจแห่งดินแดนวิญญาณปิศาจ รูปปั้นสีดำจะถูกแทนที่รูปปั้นปิศาจโบราณและกลายเป็นพื้นฐานจิตวิญญาณให้แก่เผ่าหลอมวิญญาณ!
ขณะที่ฉือซานเดินเท้าเข้าหาเมืองหลวง ร่างกายพลันสั่นอย่างรุนแรง สีหน้าเยือกเย็นสลายไป ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นที่เขาไม่รู้สึกมานานหลายร้อยปีและพลันเงยศีรษะขึ้น
“ท่านบรรพชนกลับมาแล้ว!”
คงเหลือตอนพิเศษ 3 ตอน