Skip to content

Scumbag System 29

ตอนพิเศษ 8

แค้นซุนซาน ลำนำปิงชิว

“เดี๋ยวๆ ใจเย็นก่อน”

ร่างของลั่วปิงเหอที่นั่งแทรกอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของเสิ่นชิงชิวขยับไปข้างหน้าช่วงหนึ่ง “แต่วันนี้ศิษย์ได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่น่าสนใจมาก เกรงว่าในสองสามวันนี้คงไม่อาจใจเย็นลงได้ จะทำอย่างไรดีเล่าขอรับซือจุน”

หลังจากฟื้นฟูพลังอยู่ที่ชางฉยงซานอยู่เดือนกว่า ร่างกายก็ค่อยๆ กลับสู่สภาพเดิมในที่สุด เสิ่นชิงชิวรู้อยู่แก่ใจว่ายังไงวันนี้คงต้องตายคาเตียงแน่ แต่ก็ยังถามอย่างสงบนิ่งว่า “นี่จะมีอะไรยาก ของอะไร เอามาให้เหวยซือดูหน่อย แล้วพวกเราก็มาวิเคราะห์กันดูสักตั้งก็ได้แต่ก่อนอื่นเจ้าเปลี่ยนท่านั่งให้มันเรียบร้อยก่อนค่อยพูดค่อยจากันดีๆ”

ลั่วปิงเหอพยักหน้า แต่กลับทำเป็นไม่ได้ยินท้ายประโยคเสียอย่างนั้น “ได้ขอรับ เช่นนั้นข้าจะเอามาให้ซือจุนดู”

เขาล้วงหนังสือเล่มเล็กๆ บางๆ เล่มหนึ่งออกมาจากอกเสื้ออย่างไม่ช้าไม่เร็ว

หนังสือเล่มนี้ภาพปกวาดไว้อย่างฉวัดเฉวียน มองแวบแรกฉูดฉาดบาดตาอย่างแรง ทั้งยังดูคุ้นตายิ่งนัก

ขณะเสิ่นชิงชิวกำลังนึกสงสัย ลั่วปิงเหอก็เปิดหนังสือ ขยับนั่งตัวตรงแล้วอ่านออกมาด้วยเสียงไพเราะกังวาน

“…หลังจากล่วงเข้าสู่ยามราตรี ลั่วปิงเหอเอนกายลงบนเตียง กระสับกระส่ายนอนไม่หลับ เขาชินกับการนอนในห้องเก็บฟื้นอันเหน็บหนาว จู่ๆ ได้มานอนบนเตียง กลับยากจะข่มตาหลับลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนึกถึงว่าซือจุนที่ตนเฝ้าคิดถึงมาตลอดกำลังนอนห่างออกไปแค่นี้เอง มีเพียงฉากกันลมและม่านผ้าโปร่งคั่นเท่านั้น ภาพซือจุนที่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใยเมื่อตอนกลางวันปรากฏชัดราวกันอยู่ตรงหน้า ยิ่งทำให้ในท้องน้อยราวกับมีไฟปีศาจกองหนึ่งสุม ยิ่งมายังแผดเผาร้อนแรง…”

“…” เสิ่นชิงชิวพูดไม่ออก

ลั่วปิงเหอหน้าไม่เปลี่ยนสี อ่านต่อ “…..ลั่วปิงเหอคลำทางขึ้นมาบนที่นอน จากนั้นคลี่สายคาดเอวเสื้อตัวกลางของเสิ่นชิงชิวออกช้าๆ ควานไล้เข้าไปในเสื้อ รู้สึกได้ถึงผิวเนียนละเอียดลื่นละมุนมือ และกล้ามเนื้อที่แน่นตึง ท่ามกลางอารมณ์อันปั่นป่วนรัญจวน สติรู้คิดเลือนราง สายคาดเอวก็ขาดผึงเป็นสองท่อน……..”

เสิ่นชิงชิวมองสายคาดเอวที่เพิ่งจะถูกลั่วปิงเหอกระชากขาด พลันขนลุกซู่ไปทั้งตัว ถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก!

ลั่วปิงเหอเอาหนังสือลง เหลือบตาขึ้น สีหน้าเป็นจริงเป็นจัง “ตามที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ ศิษย์เสียความบริสุทธิ์ไปตั้งแต่คืนแรกที่ย้ายออกมาจากห้องเก็บฟื้น ไฟปรารถนารุมเร้า เกิดความคิดบัดสีกลางดึกคลำทางในความมืดเข้าไปในห้องนอนด้านใน กระทำอย่างนี้อย่างนั้นอิงแอบแนบชิดกับซือจุนซึ่งถูกมารฝันสะกดเอาไว้ไม่อาจขยับตัวจนกระทั่งรุ่งสาง”

บ้าบออะไรวะเนี่ย!!!

ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นลั่วปิงเหอเพิ่งจะสิบห้าเองนะ!!!

ไร้มนุษยธรรม!!!

บ้าคลั่งเสียสติ!!!

ลั่วปิงเหอพลิกหน้าหนังสือพลางกล่าวว่า “ลั่วปิงเหอในหนังสือผู้นี้นอกจากจะใจกล้าบ้าบิ่นกว่าศิษย์แล้ว แต่ความรู้สึกที่มีต่อซือจุนนั้นใกล้เคียงกับศิษย์มากทีเดียว”

เสิ่นชิงชิวกล่าวว่า “หากเจ้า ใจกล้าบ้าบิ่นเช่นนั้นจริงยามนั้นเหวยซือไม่แน่ว่าอาจจะปลิดชีวิตน้อยๆ ของเจ้าไปแล้ว”

ลั่วปิงเหอโน้มกายลงมาจุมพิตใบหูเขา ลมหายใจร้อนผะผ่าวกรุ่นอยู่แถวใบหูไม่ยอมจากไปไหน กล่าวออดอ้อนว่า “ซือจุน ท่านมิใช่บอกเอาไว้ว่า เอามาวิเคราะห์ร่วมกันสักตั้งหรอกหรือ อย่างน้อยๆ ก็ลองอ่านสักนิดเถอะนะขอรับ”

ไม่กล้าอ่านอ่ะ กลัวตาบอดแล้วเดี๋ยวไม่มีตาเปลี่ยน!

ลั่วปิงเหอหัวเราะคิกคัก “ไม่อยากอ่านหรือขอรับเช่นนั้นให้ศิษย์อ่านให้ฟังแล้วกัน”

เขาทำเสียงสูงเสียงต่ำ “คืนนั้น หลังจากซือจุนเสียตัวให้กับลั่วปิงเหอก็จับเจ้าศิษย์อกตัญญูผู้นี้มาลงโทษอย่างหนัก ตั้งใจจะขับเขาออกไปจากชางฉยงซาน แต่สุดท้ายก็หักใจทำไม่ลง เพียงทำเฉยชาใส่ จนกระทั่งมาถึงงานชุมนุมเซียนครั้งใหญ่ เกิดเหตุพลิกผัน ศิษย์อาจารย์ต้องพลัดพรากจากกัน อ้อมค้อมเวียนวนอยู่สองสามตลบ หลังจากกลับมาพบกันอีกครั้ง เสิ่นชิงชิวก็ถูกลั่วปิงเหอจับตัวไว้มั่นในที่สุด…..ดูสิขอรับซือจุนท่านลองอ่านดูสิ ฉากคุกน้ำวังฮ่วนฮวานี่ เขียนได้วิเศษแท้”

เสิ่นชิงชิวขัดใจเขาไม่ได้ อีกทั้งเขาเองก็อยากรู้อยากเห็นอยู่หน่อยๆ เลยเผลอใจไม่อยู่ไปชั่วขณะ เหลือบอ่านจากหางตาบ้าง

แต่พออ่านเข้าไปแวบเดียว ก็ราวกับถูกฟ้าผ่าลงกบาลไปเดี๋ยวนั้น

……….

‘แค้นซุนซาน’ บทที่ 37 บาปรักในคุกน้ำ

เสิ่นชิงชิวส่ายหน้า กล่าววาจาฟังแทบไม่เป็นศัพท์ “ลั่ว…ปิงเหอ…..เจ้า…..ปล่อยข้า…”

ลั่วปิงเหอกุมก้นแน่นๆ ของเขาไว้ บีบคลึงสองสามที แบะแก้มก้นสองข้าง แล้วใช้กำลังง้างดูช่องทางด้านหลังซึ่งถูกย่ำยีมานับครั้งไม่ถ้วน พลางหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ซือจุน ตอนนี้ท่านสะอื้นไห้ขอร้องให้ข้าปล่อยท่าน แต่ในตอนนั้นท่านเคยนึกหรือไม่ว่าจะมีวันนี้”

เสิ่มชิงชิวสะอื้นไม่หยุด มันบวมแล้ว…สอดไม่เข้าแล้ว…”

ซึ่งมันก็บวมอย่างสาหัสจริงๆ เกือบจะดูไม่ได้เอาทีเดียว เนื้ออ่อนๆ บวมเต่งหุบปิดสนิท ดูแล้วไม่น่าจะบุกทะลวงเข้าไปได้ ลั่วปิงเหอเกิดความสงสารขึ้นมา ทว่าพลันนึกถึงตอนนั้นที่เสิ่นชิงชิวทอดทิ้งเขา อารมณ์เคียดแค้นจึงปะทุขึ้นมาทันที กระแทกกายไปเบื้องหน้าอย่างเยือกเย็นไร้ปรานี สอดเข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งก็รู้สึกได้ถึงความยากลำบาก ช่องทางด้านหลังที่บวมแดงยิ่งร้อนผ่าวและฉ่ำชื้นกว่าปกติ แต่ก็คับแน่นมากขึ้นเช่นกัน

เสิ่นชิงชิวน้ำตาร่วงเผาะราวกับดอกหลีต้องฝนพรำ สูดจมูกสะอื้นไห้ เจ็บปากทางที่ถูกอาวุธลับดึงดันเข้าออกอย่างไร้ความปรานีจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ จนใจที่สองมือถูกพันธนาการไว้ ดิ้นไปก็เสียแรงเปล่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหลุดรอดไปได้อยู่ดี

……….

เสิ่นชิงชิว “…” เชี่ย นี่มันนิยายบ้าบอคอแตกอะไรวะนี่

ไอ้เบื๊อกที่น้ำตาร่วงเผาะราวกับดอกหลีต้องฝนพรำนี่มันเป็นใคร แล้วไอ้เบื๊อกที่มันโหดร้ายบ้าคลั่งนี่ใคร!

เห็นๆ อยู่ว่าคนที่ร้องห่มร้องไห้บนเตียงทุกครั้งนะ มันลั่วปิงเหอต่างหาก!

ไหนดูชื่อซิ ใครวะเขียน ‘หลิ่วซู่เหมียนฮวา’ ดูชื่อแล้วก็ไม่ใช่คนดีแน่นอน คงมาตะเภาเดียวกับไอ้เซี่ยงเทียนต่าเฟยจีนั่นแหละ

ลั่วปิงเหออ่านจบ ก็ออกความเห็นว่า “หากเปลี่ยนเป็นศิษย์ จะไม่มีทางทำเรื่องบังคับขืนใจพรรค์นี้เด็ดขาด ขอเพียงซือจุนขมวดคิ้วนิ่วหน้านิดเดียว ศิษย์ก็ไม่กล้าลงมือแล้ว จะทำจนถึงขนาดร้องห่มร้องไห้ก็ยังไม่ยอมหยุดได้อย่างไร วิธีการในหนังสือออกจะขาดความสมจริงไปแล้ว”

ไม่ได้แต่ขาดความสมจริงอย่างเดียวหรอก นี่มัน OOC เลยต่างหาก OOC สมบูรณ์แบบเลยเชียวล่ะ OOC ซะจนออกทะเลไปแล้ว!

‘แค้นซุนซาน’ บ้าบอคอแตก แฟนฟิคติดเรตแบบ RPS* ที่ฉีกคาแรคเตอร์จนหลุดโลกแถมชวนช็อคสุดๆ กลับยังร้อนแรงได้ซะขนาดนี้ มิน่าถึงเคยได้ยินสาวๆ ในชาติที่แล้วบอกว่า นิยายที่ยิ่งบ้าบอก็ยิ่งฮิตง่าย

(RPS ย่อมาจาก Real Person Slash หมายถึง นิยายหรือฟิคที่เขียนขึ้นมาจากคนที่มีตัวตนอยู่จริง และเอาชื่อคนผู้นั้นมาใช้ ทั้งนี้ คำว่า Slash ปัจจุบันหมายถึงนิยาย/ฟิคชายรักชายที่เน้นฉากเซ็กซ์แบบรุนแรง)

ไม่ใช่ละนี่ไม่ใช่ประเด็นเสียหน่อย…เสิ่นชิงชิวแช่งชักหักกระดูกไอ้คนที่เขียนซีรี่ย์นิยายลามกชุดนี้กับไอ้คนแต่งเพลงลามกเพลงนี้ ขอให้นกเขามันไม่ขันไปทั้งชาติ ขอให้มันเป็นหมาหงอยโสดสนิท! ขอให้เวรกรรมตามสนองมัน ขอให้มันต้องช่วยตัวเองจนแก่ก็ยังหาเมียไม่ได้!

ลั่วปิงเหอถามว่า “ทำไมซือจุนถึงได้เดี๋ยวหน้าซีดเดี่ยวหน้าแดงอย่างนั้นเล่าขอรับ เนื้อเรื่องตอนท้ายยิ่งเต็มไปด้วยความพลิกผัน ช่างน่าปรบมือให้ด้วยความชื่นชมนัก ถึงแม้ความจริงแล้วตลอดห้าปี ข้าเคารพเทิดทูนร่างของซือจุนราวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เคยกล้าทำอะไรลบหลู่ แต่หนังสือที่อ่านกันทั้งบ้านทั้งเมืองเล่มนี้ ก็มีเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่อยู่เหมือนกัน อ่านๆ ไปก็สนุกดี ไม่เห็นเป็นไรเลย”

เสิ่นชิงชิวเหลือบมองชื่อบท ‘แค้นซุนซาน’ บทที่ 49 บาปรักห้าปีกับการรอคอยอันว่างเปล่า

และแล้วไข่ก็แตกโพละ

ไม่นะ ไม่! ชื่อนี้แม่ง!!!

ประตูสู่โลกใบใหม่ช่างโหดร้าย คงไม่แรงขนาดนั้นหรอกใช่ม้าย!

แต่ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่า เสิ่นชิงชิวดูถูกขีดจำกัดล่างของผู้เขียน ‘แค้นซุนซาน’ ต่ำเกินไป

………………..

เปลวเทียนสะบัดไหววูบ เสิ่นชิงชิวหาได้รับรู้แม้แต่น้อย คิ้วคมเข้ม ริมฝีปากสีแดงสด ทั่วทั้งร่างซับสีระเรื่อราวกับอาบเคลือบความรัญจวนเอาไว้หนึ่งชั้น

ลั่วปิงเหอเอามือทั้งสองข้างที่นุ่มนิ่มไร้เรี่ยวแรงของอีกฝ่ายมาเกี่ยวที่ท้ายทอยตนเอง แล้วนาบจุมพิตลงไป ให้เหมือนกับว่าเสิ่นชิงชิวฟื้นขึ้นมาแล้ว และเป็นฝ่ายเหนี่ยวคอเขาเข้ามาจูบ

ม่านยาวห้อยระพื้นสะบัดไหวเบาๆ โดยไร้แรงลม ท่ามกลางการกอดรัดพัวพัน เสื้อผ้ากระจัดกระจายเกลื่อนกลาด เสียงหอบเบาๆ ของลั่วปิงเหอ ดังลอดผ่าโปร่งที่สั่นไหวไม่หยุด

ร่างไร้ลมหายใจของเสิ่นชิงชิวทาบทับอยู่บนร่างของลั่วปิงเหอ โดยมีวงแขนกำยำของเขากักเอาไว้อย่างแน่นหนา ยอดอกถูกดูดดึงจนบวมแดงดูราวกับผลไม้ผลเล็กจ้อยสุกปลั่งสองผล บนแก้มก้นเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือเขียวๆ ม่วงๆ เนื้ออ่อนบริเวณปากทางเข้าที่ถูกกระแทกกระทั้นจนบวมแดงยังคงโอบรัดแท่งหยกกึ่งอ่อนกึ่งแข็งของลั่วปิงเหอไว้ หว่างขาเปียกชื้นเป็นหย่อมกว้าง

……….

เสิ่นชิงชิวถูกสายฟ้าฟาดจนน้ำตาร่วงไปแล้ว

ขนาดนี้แล้วก็ยังทำกันได้! นี่มันจะท้าทายมโนธรรมศีลธรรมคุณธรรมกันเกินไปแล้ว

ได้ยินว่านิยายแนว mpreg ในจิ้นเจียงเป็นที่นิยมมาก เจ้าประคู้น หวังว่า ‘แค้นซุนซาน’ คงไม่มีฉากผู้ชายตั้งท้องนะ ได้โปรดเถิด อย่ามีเลยนะ จะเป็นพระคุณอย่างสูง!!!

จากนั้นก็พลิกเร็วๆ ไปอีกสองสามหน้า เลยเจอสายฟ้าฟาดเข้าให้อีกเปรี้ยงหนึ่ง

 

‘แค้นซุนซาน’ บทที่ 55 บาปรักโลหิตมารฟ้า

แผงอกเปลือยเปล่าของทั้งคู่แนบชิดกันโดยไร้ช่องว่าง ลั่วปิงเหอรู้สึกว่าผิวพรรณละเอียดนวลเนียนที่อยู่ในอ้อมกอดของตนนั้นยิ่งลื่นละมุนขึ้นไปอีกยามที่กำลังแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อนภูเขา

เขากอดเสิ่นชิงชิวเอาไว้โดยไม่กล่าวคำใด ก้มหน้าจุมพิตดื่มต่ำ บางครั้งก็ขบเม้มริมฝีปากและกัดทึ้งเบาๆ บางครั้งชำแรกชิวหาเข้าไปเกี่ยวกระหวัดพัวพัน

เสิ่นชิงชิวถึงแม้ไม่ยินยอม แต่จนใจที่โลหิตมารฟ้าในร่างกำลังแผลงฤทธิ์ ทั่วร่างไร้เรี่ยวแรง มิหนำซ้ำยังมาถูกจุมพิตเสียจนหายใจไม่ออก ทรวงอกหอบกระเพื่อมไม่เป็นจังหวะ ยอดอกเสียดสีกับมัดกล้ามของลั่วปิงเหอจนค่อยๆ ซูซันขึ้นมา ไม่รู้ว่าสองขาถูกจับแยกตั้งแต่ตอนไหน ลั่วปิงเหอบุกเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้พวกเขาสองคนจะเพริดเตลิดเกินความเป็นศิษย์อาจารย์กันมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว และเสิ่นชิงชิวเองก็คุ้นชินกับความใหญ่โตของลั่วปิงเหอแล้วเช่นกัน แต่การที่จู่ๆ ก็ถลำเข้ามา ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่ดุ้นเนื้อครูดถูไปกับผนังเนื้อด้านใน น้ำในบ่อน้ำพุร้อนก็ถือโอกาสทะลักตามเข้าไปด้วย ปากล่างต้องดื่มน้ำเข้าไปไม่น้อย ขาสองข้างของเขาหนีบเอวลั่วปิงเหอแน่น ผนังเนื้อด้านในสั่นระริกไม่หยุด ลั่วปิงเหอรู้สึกว่าโพรงถ้ำนี้ทั้งรัดและตอด สร้างความหฤหรรษ์รัญจวนให้เขาอย่างสุดจะเปรียบ เขาฟอนเฟ้นก้นแน่นๆ ของเสิ่นชิงชิวเพื่อช่วยให้อีกฝ่ายผ่อนคลายพลางปรับท่าให้ถนัดยิ่งขึ้น

ครูต่อมา เสิ่นชิงชิวก็ผ่อนลมหายใจช้าลง กล่าวประณามทั้งน้ำตา “…ไสหัวไป!”

ลั่วปิงเหอกล่าวยิ้มๆ “ปากบนของซือจุนด่าข้าเช่นนี้ แต่ร่างกายกลับไม่คล้อยตามเอาเสียเลย”

เสิ่นชิงชิวกัดพันกล่าวอย่างไม่เต็มใจ “…หากมิใช่เพราะเจ้ากรอกเลือดพิษนั้นให้ข้าดื่ม ไหนเลยข้าจะยอมให้หมาป่าเนรคุณอย่างเจ้ามาสร้างความอัปยศให้เช่นนี้…”

ภายใต้การออกฤทธิ์ของโลหิตมารฟ้า เขาได้แต่แยกขาให้กว้างขึ้นไปอีกแต่โดยดี ผ่อนคลายช่องทางด้านหลัง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลั่วปิงเหอได้กระทำชำเรา ผนังเนื้อบอบบางโอบกลืนลั่วปิงเหอเข้าไป แล้วตอดรัดถี่รัว ลมหายใจของเสิ่นชิงชิวยิ่งมายิ่งไม่เป็นส่ำ อยากร้องไห้ทว่าไร้น้ำตา ขณะถูกกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง เขาเม้มปากแน่น เสียงครางแผ่วต่ำจึงเล็ดลอดออกทางจมูก มือข้างหนึ่งของลั่วปิงเหอประคองสะโพกเขาไว้ เพื่อให้จุดที่คนทั้งคู่ประสานเชื่อมโยงกันอยู่แนบชิดแน่นสนิท มืออีกข้างตบที่ก้นกลมๆ ขาวๆ ของเสิ่นชิงชิวอย่างไม่เบาไม่หนัก แทรกกายเข้าไปจังหวะหนึ่งก็ตบทีหนึ่ง ทำเอาเสิ่นชิงชิวทั้งอายทั้งโกรธ

หลังจากผ่านไปหนึ่งยก พักหายใจได้ไม่ทันไร ลั่วปิงเหอก็อุ้มเขาขึ้นจากน้ำ พอขึ้นจากบ่อน้ำร้อน ลมเย็นเฉียบพัดมาปะทะร่าง เสิ่นชิงชิวหดแขขชารวมไปถึงช่องทางด้านหลังทันทีตามสัญชาตญาณ ลั่วปิงเหอวางร่างเปลือยเปล่าของเขาไว้ที่หินก้อนใหญ่ข้างน้ำพุร้อนในท่าราวกับกำลังจะทำการสังเวยบูชายัณฑ์ กอดรัดกันใต้ผืนฟ้ากลางแผ่นพื้นปฐพี

พื้นศิลาเย็นเฉียบ เสิ่นชิงชิวที่เพิ่งจะนอนลงไปสะดุ้งโหยง ผิวกายของเขาขาวจัด เพิ่งจะถูกกระทำย่ำยีมาอย่างหนักหน่วง ทั้งยังถูกไอน้ำพุร้อนรมเอา ทั่วทั้งร่างจึงกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ ดวงตาดำขลับที่ราวกับแต้มไว้ด้วยละอองดาวเริ่มหรี่ปรือ ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียจิตใจอ่อนล้า เขาเบือนหน้าไปทางอื่นไม่ยอมมองศิษย์ทรพีลั่วปิงเหอ

ลั่วปิงเหอแทรกกายเข้าไปอยู่ที่หว่างขาของเขา ยกน่องขาวสะอาดไร้ตำหนิขึ้นพาดไหล่ หยัดอาวุธลับแทรกเข้าไปทันที ขยับเข้าออกอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ผนังด้านในทุกตารางนิ้วถูกขึงตึงจนสุดขีดจำกัด แล้วถูกครูดถูอย่างแรง รอยจีบที่ปากทางเข้าถ้ำก็ถูกขึงตึงจนเรียบลื่นเช่นกัน

“…” เสิ่นชิงชิวอึ้ง

วางยาชำเรา บังคับชำเรา ข่มขืนชำเรา กระทำชำเราสารพัดรูปแบบ ไอ้คนเขียนมันก็เขียนของมันชะเมามันเลยนะ…

ลั่วปิงเหอกล่าวว่า “อันที่จริงศิษย์ก็ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าโลหิตมารฟ้ายังสามารถเอามาใช้เพื่อการนี้ได้ด้วย”

เสิ่นชิงชิวพูดอะไรไม่ออก ตอนที่ได้รับรู้ขีดจำกัดล่างของ ‘เทพมารอหังการ’ ฉบับดั้งเดิม เขาไม่ใช่ว่าไม่เคยประหลาดใจมาก่อน แต่ที่เขาคาดไม่ถึงยิ่งกว่าคือจะต้องมาเห็นมันถูกเขียนให้เอามาใช้กับร่างเขาเสียเอง

เสิ่นชิงชิวกล่าวว่า “…นับว่าเปิดหูเปิดตาแล้ว”

ลั่วปิงเหอพยักหน้า “นับว่าเปิดหูเปิดตาจริงๆ”

เขากล่าวต่อว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ศิษย์ก็ไม่อาจปล่อยให้การเปิดหูเปิดตานี้ต้องมาเปล่าประโยชน์ใช่หรือไม่”

เสิ่นชิงชิวกล่าวตักเตือน “ลั่วปิงเหอ ถึงแม้เหวยซือสมยอมไปกับเจ้า แต่ไม่อนุญาตให้เจ้าเอาอะไรแบบนี้มาเล่นนะ”

ลั่วปิงเหอชะงักไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า “โอ้…ศิษย์ทราบแล้วขอรับ”

เขามีสีหน้าผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดึงดันอะไรต่อ คราวนี้ กลับเป็นเสิ่นชิงชิวที่ไม่สบายใจเสียเอง

ลั่วปิงเหอไม่เคยร้องขออะไรในด้านนี้จากเขาเลย เพราะว่าไม่เก่งจึงค่อยๆ ทำอย่างระมัดระวัง ถึงขนาดคอยสังเกตดูท่าทีเขาไปด้วยตลอด ในที่สุดก็ได้เจอสื่อการเรียนการสอนเข้าเลยเกิดความมั่นใจในตนเองขึ้นมานิดหน่อย เลยอยากเอามาทดลองร่วมกับเขาดูแต่ก็ดันมาถูกเขาปฏิเสธเข้าเสียนี่

เสิ่นชิงชิวนั่งกระสับกระส่ายอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอาพัดด้ามจิ๋วขึ้นมาบังๆ หน้า กล่าวอย่างสงวนท่าทีว่า “เจ้าคิดจะทำอย่างไรล่ะ”

ลั่วปิงเหอมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งทันทีราวกับดอกไม้ในฤดูวสันต์เบ่งบาน เห็นดังนั้น เสิ่นชิงชิวก็แอบนึกดีใจ อย่างมากก็ยอมทุ่มสุดตัวเล่นสนุกไปกับเขาสักตั้งแล้วกัน ยังไงก็ไปจนถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ยังจะมัวมารักษาหน้าอะไรอีกล่ะ

เพื่อความปลอดภัย เขายังอุตส่าห์อดทนต่ออาการปูดโปนของเส้นเอ็นบนหน้าผาก เอา ‘แค้นซุนซาน’ ขึ้นมาพลิกเปิดเร็วๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีท่าที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เกินไปหรือว่าใช้วิธีการละเล่นแปลกพิสดารเกินเหตุ จึงค่อยวางใจขึ้นมาเล็กน้อย ใครจะไปนึกว่าพอหันมาอีกทีก็เห็นลั่วปิงเหอกลับถือหนังสือเล่มที่หนากว่าอยู่กำลังยิ้มปากฉีกถึงใบหูเดินเข้ามา “ซือจุนท่านถือหนังสือเล่มนั้นไว้ทำไมขอรับ”

เสิ่นชิงชิวพูดไม่ออก มองดูหน้าปกหนังสือในมือลั่วปิงเหอ ซึ่งก็คือ ‘ลำนำปิงซิว’ งานเขียนชั้นยอดที่ถึงแม้ดังทีหลัง แต่ได้รับเกียรติให้เป็นหนังสือต้องห้ามเคียงคู่กับ ‘แค้นซุนซาน’ โดยผู้เขียน ‘ซานเซิ่งหมู่’

ลั่วปิงเหอกล่าวว่า “สิ่งที่หนังสือเล่มนี้สอนมีเนื้อหาเยอะและละเอียดกว่ามาก ปฏิบัติตามได้ง่าย สุราบุปผากานี้ของศิษย์กลั่นตามกรรมวิธีที่สอนไว้ในหนังสือวันนี้จะได้ลองเอามาใช้ดูว่าได้ผลออกมาดีอย่างในหนังสือหรือไม่”

ฉันว่าขีดจำกัดล่างยิ่งต่ำตมลงไปทุกทีแล้วนะนี่

ไม่ว่ากรณีไหน เสิ่นชิงชิวก็รู้ว่าไอ้สุราบุปผากานี้ต้องไม่ได้เอามาไว้ดื่มแน่

แต่เดี๋ยวนะ เตรียมอุปกรณ์มาพร้อมซะขนาดนี้ แล้วไอ้สีหน้าน่าสงสารเมื่อกี้ คือตีหน้ามาหลอกเขาใช่มั้ย!

 

ลั่วปิงเหอยกสะโพกเขาให้ก้นลอยขึ้นมาสูง ช่วงเอวแอ่นโค้งเป็นเส้นอันอ่อนช้อย หันหลังให้ตน

นี่คือเงื่อนไขที่เสิ่นชิงชิวตั้งไว้ตอนตอบรับข้อเรียกร้องของเขา หากว่าจะต้องเล่นตามอย่างในหนังสือ เช่นนั้นก็ต้องทำแบบหันหลัง ไม่อย่างนั้นแล้วหนังหน้าแก่ๆ ที่แสนจะบอบบางของเสิ่นชิงชิวคงไม่มีเหลือ ลั่วปิงเหอถึงแม้จะยึดติดกับการ ‘ขอขึ้นร่างซื่อจุนแบบประจันหน้า’ แต่เพราะ หนึ่ง เขาร้อนวิชาอยากเอาสิ่งที่เรียนรู้จากในหนังสือมาปฏิบัติจริง สอง เขาได้รับความรู้จากหนังสือเล่มเล็กมาว่า ผู้ที่อยู่ล่างจะได้รับความพึงพอใจง่ายกว่าหากใช้วิธีการเข้าจากด้านหลัง เขาจึงตอบรับอย่างยินดี

เขายกกาบรรจุสุราวิเศษที่หามาได้อย่างลำบากยากเย็นกานั้นขึ้น เอาปลายพวยกาสอบยาวจ่อเข้าที่ช่องทางด้านหลังซึ่งหุบแน่นของเสิ่นชิงชิว แล้วค่อยๆ สอดเข้าไป

พวยกานั้นปากเล็กแคบแต่โคนใหญ่ จึงสอดเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ยิ่งสอดลึกเข้าไป ช่องทางด้านหลังก็ยิ่งตอดรับหนักขึ้น น้ำสุราเย็นๆ ไหลถะถั่งตามเข้าไป ผนังเนื้อด้านในเมื่อถูกปลุกกระตุ้น ก็บีบรัดอย่างรุนแรง เสิ่นชิงชิวจิกผ้าห่มแน่น หัวคิ้วขมวดเป็นปม

หูเขาได้ยินเสียงน้ำสุราไหลเข้าสู่ช่องท้องดังจ๊อกๆ เลยทีเดียว ความรู้สึกอิ่มแน่นในช่องท้องและรู้สึกเหมือนราวกับกำลังร่วงดิ่งลงมายิ่งชัดเจน เสิ่นชิงชิวกล่าวอย่างอดรนทนไม่ไหว “พอแล้ว…”

ลั่วปิงเหอทำตามที่เขาสั่งทันทีอย่างเชื่อฟัง แต่ปลายพวยกายังคาอยู่ในร่างเขาทั้งอย่างนั้น

สุรานี้ตอนแรกชิมจะมีรสอ่อนจาง แต่ออกฤทธิ์แรง ไม่นานนัก ผนังเนื้อด้านในของเสิ่นชิงชิวก็ปวดแสบปวดร้อนราวกับถูกไฟแผดเผา ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ไม่อาจบรรเทาความรู้สึกที่ทั้งแสบทั้งคันนี้ได้เลย เขาจึงขยับแขน คลานไปข้างหน้านิดหนึ่ง

คราวนี้ลั่วปิงเหอไม่ได้ขัดขวางเขา พวยกาหลุดออกมาเสียงดังผัวะเบาๆ เสิ่นชิงชิวรีบขมิบช่องทางด้านหลังปิดทันทีก่อนที่น้ำสุราจะไหลตามออกมา จากนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ

ขืนปล่อยให้น้ำสุราไหลออกมาจากประตูหลังต่อหน้าลั่วปิงเหอ เขาคงอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแน่ แต่เขาเพิ่งจะคลานได้ครู่เดียวก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว ขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็กลัวว่าจะหนีบช่องทางด้านหลังไม่อยู่

ลั่วปิงเหอทาบทับลงมาบนร่างเขา มือข้างหนึ่งเขี่ยยอดอกสีแดงระเรื่อเล่น ปากขบเม้มไหล่เปล่าเปลือยลื่นละมุน มืออีกข้างยกสะโพกที่ไร้เรี่ยวแรงของเขาขึ้นมา ประคองความเป็นชายอันแข็งขึงของตนโดยเอาส่วนปลายซึ่งร้อนผ่าวมาจ่อคุกคามอยู่ด้านหลังของเขา แล้วถูไถสองทีกับปากถ้ำเล็กๆ นั่น

ดูเหมือนว่าเขาจะเรียนรู้มาจากหนังสือบ้านั้นมาไม่น้อย…เสิ่นชิงชิวถูกเขาหยอกล้อจนทนไม่ไหว สองมือจิกขยุ้มผ้าปูที่นอน บนร่างเริ่มผุดเหงื่อบางๆ

แค่เผลอคิดอะไรไปนิดเดียว โดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว ช่องทางด้านหลังที่ปิดสนิทก็ถูกแหวกฝ่าเข้าไปเรียบร้อย

ทันใดนั้น นับจากเอวถึงเท้าของเสิ่นชิงชิวก็อ่อนยวบ แขนก็ฝืนยันร่างกายท่อนบนไว้ไม่ไหว ล้มพังพาบลงไป ข้อดีเพียงอย่างเดียวคือ ความใหญ่โตของลั่วปิงเหอนั้นเบียดเข้ามาในโพรงเนื้อจนเต็มแน่น น้ำสุราจึงยังถูกกักไว้อย่างแน่นหนาอยู่ในท้องของเสิ่นชิงชิวไม่กระฉอกออกมา

ถูกของพรรค์นี้เสียบเข้ามาจนสุด เขาก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ แต่ท่ามกลางความเจ็บปวด เหมือนจะมีอะไรบางอย่างต่างไปจากเดิม

น้ำสุราซอกซอนเข้าไปสร้างความปวดแสบปวดร้อนตลอดช่องทางภายใน ทั้งอึดแน่น ทั้งร้อนวาบ ทั้งฉ่ำชื้น จนเมื่อลั่วปิงเหอเริ่มกระแทกกระทั้นเข้าออก น้ำสุราก็กระฉอกออกมาตามจังหวะการเคลื่อนไหวตรงจุดที่ร่างกายเชื่อมประสานกันอย่างสุดจะควบคุมราวกับน้ำผึ้งไหลทะลัก ระหว่างที่เคลื่อนไหวก็มีเสียงน้ำกระฉอกดังไม่หยุด เสิ่นชิงชิวอายเสียจนหน้าตาหูเหอแดงไปหมด ในห้วงลึกของช่องท้องเสียวซ่านและเจ็บปวดทรมาน อยากถูกกระแทกกระทั้นรีดเค้นอย่างป่าเถื่อน อยากถูกบดขยี้จุดกระสันที่มันคันคะเยอเต็มทีแล้ว แต่หัวเห็ดกลับเพียงแค่แตะๆ จุดนั้นอย่างไม่เบาไม่หนักอยู่อย่างนั้น เสิ่นชิงชิวกระวนกระวายบิดเอวส่ายไปมา ยกสะโพกขึ้นเสนอให้อย่างอดรนทนไม่ไหว

การเคลื่อนไหวอันเล็กน้อยนี้ถูกลั่วปิงเหอสังเกตเห็นพอดี เขาชะงักหอบหายใจทีหนึ่ง ถามอย่างลิงโลด “ซือจุน? รู้สึกดีไหมขอรับ ข้าทำได้ดีหรือไม่!”

จังหวะการเข้าออกกระชั้นเร็วขึ้นน้ำสุราสีชมพูใสจึงยิ่งกระฉอกออกมาตรงจุดที่ร่างกายประสานกันขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาต้นขาอันขาวผุดผ่องของเสิ่นชิงชิวถูกน้ำกระเซ็นใส่จนเปียกปอนไปหมด สุรากับอาวุธของเจ้าศิษย์ตัดีพลุ่งพล่านปั่นป่วนโหมซัดกระหน่ำไม่ยั้งอยู่ในช่องท้อง เสิ่นชิงชิวเกร็งนิ้วจนข้อกระดูกขึ้นปูดโปน จิกขยุ้มผ้านวมอย่างเอาเป็นเอาตาย หลับตาปี๋อย่างน่าสงสาร

ลั่วปิงเหอถามไม่ลดละ “รู้สึกดีไหมขอรับ รู้สึกดีหรือไม่”

เสิ่นชิงชิวพูดอะไรบางอย่างเสียงเบาหวิว เขาฟังไม่ถนัด จึงโน้มกายลงไปฟังให้ชัดๆ ส่งผลให้เจ้าสิ่งที่อยู่ในร่างกายเข้าไปลึกยิ่งขึ้น

เสิ่นชิงชิวปวดเกร็งที่ก้นกบเป็นระลอก ถอนหายใจกล่าว “…หน้า….หน้า….”

ความแรงของสุราแผดเผาเสียจนเสิ่นชิงชิวแดงเป็นกุ้งต้มไปทั้งตัว ขณะเดียวกันก็เหมือนถูกสุรานั้นนึ่งจนสุก แม้แต่ลมหายใจก็ยังเป็นกลิ่นหอมหวานไปด้วย ลั่วปิงเหอก้มลงจุมพิตเขาจากด้านข้างอย่างอดใจไม่อยู่

ปลายลิ้นซอกซอนเข้าไปในโพรงปาก น้ำลายของซือจุนก็เป็นกลิ่นหอมๆ ของสุราเช่นกัน

“ซือจุน” เขาถาม “ท่านอยากเห็นหน้าข้าหรือ”

เสิ่นชิงชิวพยักหน้าเล็กน้อยแทบสังเกตไม่ออก

ลั่วปิงเหอกล่าวว่า “คิดดีแล้วนะขอรับ แบบหันหลังเดิมทีเป็นความต้องการของซือจุน ถ้าอยากเปลี่ยนเป็นข้างหน้า…เกรงว่าหากจะพลิกกลับไปอีกไม่ง่ายแล้วนะขอรับ”

เสียงแผ่วต่ำของลั่วปิงเหอคละเคล้าไปกับลมหายใจร้อนผะผ่าวของเขาที่วนเวียนอยู่ข้างหู เสิ่นชิงชิวมึนงงตาลาย บดเบียดด้านหลังกับเขาโดยไม่รู้ตัว

ลั่วปิงเหอถอนกายออกในฉับพลัน จับกายเขาพลิกอย่างไม่ปรานีปราศรัยให้นอนแผ่หงายเหมือนพร้อมรอคนมาเชือด

แก้มขาวใสของเสิ่นชิงชิวซับสีชมพูระเรื่อ ดวงตากับปลายจมูกแดงจัด ขนตามีหยดน้ำใสจับเกาะ ลั่วปิงเหอไล่จุมพิตไปทีละแห่ง นิ้วมือข้างหนึ่งลูบคลึงแผ่วเบารอบปากถ้ำของเขาอย่างนึกเอ็นดูสงสาร ขณะที่มืออีกข้างดันสะโพกด้านหลังเขาแอ่นขึ้นมา แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ซือจุน….ท่านดูสิ”

กรามของเสิ่นชิงชิวถูกเขาจับเบือนให้ลงมาดู ครั้นพอก้มมองตามการชี้นำ ก็เห็นโคนขาขาวๆ ของตนเองเต็มไปด้วยน้ำสุรากับของเหลวสีขาวขุ่นที่ผสมปนเปกันอยู่ หว่างกลางหุบเขาดูราวกับผกาที่ถูกคลี่จนแย้มบานและบวมเต่ง ผนังเนื้อในปลิ้นออกเล็กน้อยอีกทั้งกำลังสั่นกระตุกเบาๆ อย่างน่าสงสาร พร้อมกับพ่นของเหลวสีขาวขุ่นออกมา

“…” เสิ่นชิงชิวพูดไม่ออก เอามือปิดตาทันทีโดยอัตโนมัติ

ลั่วปิงเหอเวียนหอมทั่วแก้มเขาเป็นการปลอบขวัญ แล้วบุกเข้าไปอีกครั้ง

เสิ่นชิงชิวรู้สึกแสบร้อนเป็นระลอก ลั่วปิงเหอไม่ได้ใช้ฝ่ามือประคองหลังเขาอีก เสิ่นชิงชิวจึงทิ้งตัวลงไปกับที่นอน ผมดำขลับแผ่สยายอยู่บนหมอน สิบนิ้วจิกกล้ามเนื้อที่แผ่นหลังของลั่วปิงเหออย่างไร้เรี่ยวแรง แหงนคอขึ้นหงายหน้าไปข้างหลัง

กระแทกกระทั้นเข้าออกอยู่คำรบหนึ่ง น้ำสุราในท้องของเสิ่นชิงชิวก็ไหลออกมาเกือบจะหมดแล้ว ผนังเนื้อด้านในที่ถูกน้ำสุราชะล้างเข้าๆ ออกๆ จนทั่ว ยามนี้อยู่ในสภาพเหมาะสมที่สุด ยืดหยุ่นได้ที่ ไวต่อความรู้สึก พร้อมแล้วในทุกทาง คิดแต่จะรีดเค้นดูดกลืนสิ่งบุกรุกจากภายนอกเข้ามาให้หมดสิ้น ขณะเดียวกันก็กลัวว่าจะถูกเจ้าสิ่งนี้ครูดผิวหนังอันบอบบางจนทะลุทะลวงไป ถ้ำน้ำถูกบดเบียดสอดแทรกจนเสียงดังกระฉอก สองขาของเสิ่นชิงชิวโอบรัดเอวของลั่วปิงเหอแน่น ผิวลื่นละมุนที่ต้นขาเสียดสีกับกล้ามเนื้อของเขา ปลายเท้าจิกงอ สีหน้าเคลิบเคลิ้มอย่างถึงที่สุด

กลิ่นสุรากรุ่นกำจาย ความแรงของสุรากำลังออกฤทธิ์ เสิ่นชิงชิวเมาแล้ว

แต่เขายังไม่ทันจะเมาจนขาดสติ ลั่วปิงเหอก็ทำให้เขาสร่างขึ้นมาเสียก่อน

ลั่วปิงเหอประคองสะโพกของเขาไว้ แล้วลงจากเตียงมายืนทั้งๆ ยังโอบรัดกันอยู่

ด้วยน้ำหนักตัวของเสิ่นชิงชิวที่กดลงมา เจ้าสิ่งนั้นก็พุ่งเบียดเนื้ออ่อนทีละชั้นๆ จนกระแทกใส่จุดที่ลึกที่สุด หัวใจเขาแทบจะกระดอนหลุดออกมาตามลำคอเพราะท่านี้มันทำให้เขารู้สึกราวกับถูกแทงด้วยกระบี่อันแหลมคม

จึงพยายามดิ้นขัดขืนสุดชีวิต แต่ยามนี้ตัวคนทั้งตัวถูกอุ้มลอยอยู่ ต่อให้ดิ้นแรงยังไง ก็รังแต่จะทำให้โพรงเนื้อแนบชิดกับสิ่งบุกรุกยิ่งขึ้นไปอีก จนทำให้สิ่งนี้ของเจ้าศิษย์ชั่วพองตัวอย่างเหิมเกริมอยู่ในกายเขา เบียดแน่นเสียจนแทบอยากจะอาเจียนออกมา

แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นยังมีตามหลังมาอีก ลั่วปิงเหอเริ่มขยับเท้าเดิน

ท่านี้ทำให้เสิ่นชิงชิวต้องรับอาวุธของลั่วปิงเหอเข้าไปจนลึก แต่ละก้าวที่เดินนั้น เจ้าอาวุธร้ายกาจกลับไม่เคยหลุดออกมา ยังคงกระทำการก่อกวนเบาๆ อยู่ภายในร่างกายของเขาต่อไป จากนั้นก็เปลี่ยนท่าเปลี่ยนมุมเพลิดเพลินกับบริการบีบนวดคลึงรัดจากถ้ำเนื้อของเสิ่นชิงชิวตั้งแต่ต้นจนจบ นอกจากจะถูกบุกทะลวงเสียลึกจนอยากอาเจียนแล้ว เขายังต้องมากลัวว่าตัวเองจะร่วงตกลงไปอีกด้วย

เสิ่นชิงชิวทนไม่ไหวแล้วจริงๆ กล่าวกระท่อนกระแท่น “ดะ…เดี๋ยว…ลึกเกินไปแล้ว..ปะ…ปิงเหอ….ปะ…ปล่อยข้าลง..”

ลั่วปิงเหอขบเม้มใบหูเขา กล่าวงึมงำระคนเสียงหอบหายใจ “ซือจุน…ลึกไม่พอ…ยังลึกไม่พอ….”

ท้องของเสิ่นชิงชิวถูกบดเบียดเข้ามาจนเต็มแน่น เขากล่าวอย่างลำบาก “ยังลึกไม่พออีกรึ จะให้ลึกไปถึงไหน!”

ลั่วปิงเหออุ้มเขาพลางกระแทกกระทั้นไปด้วยอย่างถึงอกถึงใจ จากนั้นอุ้มเขาไปวางบนโต๊ะ ร่างกายท่อนบนของเสิ่นชิงชิวถูกจับกดให้แนบไปกับโต๊ะในสภาพคว่ำหน้า สองมือถูกจับไพล่ไปข้างหลังสองขาแตะพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

ต้นขาเขายันอยู่กับขอบโต๊ะ ประตูบ้านเปิดอ้าไว้ แปะติดอยู่กับหว่างขาที่บุกกระหน่ำเข้ามาไม่ยั้งของลั่วปิงเหอ โต๊ะถูกกระแทกกระเทือนจนส่ายเอี๊ยดอ๊าดไม่หยุด

ใบหน้าของเสิ่นชิงชิวแนบอยู่กับโต๊ะ รู้สึกอย่างชัดเจนถึงวัตถุแข็งขึงที่ขยับเข้าออกอยู่ตรงหว่างขา ก็สุดจะฝืนทน จากปลายเท้าขึ้นมาถึงสะโพกสั่นระริกจนแทบจะยืนไม่อยู่ แต่ลั่วปิงเหอยังคงกอบกุมแก้มก้นขาวๆ เอาไว้มั่น แล้วบีบเข้าหากัน ดื่มด่ำไปกับรสชาติอันสุขสันต์รัญจวนยามที่ถูกช่องทางภายในโอบรัดและถูกแก้มก้นหนีบไปพร้อมๆ กัน

เสิ่นชิงชิวรู้แต่ว่าเจ้าสิ่งแปลกปลอมที่หว่างขามันได้สร้างความรู้สึกสุดแสนจะทรมานให้กับเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สะโพกยังคงถูกเคล้นและตบไม่หยุด ถึงแม้ไม่เจ็บอะไร แต่ก็อับอายเหลือที่จะกล่าว ไม่นานนักลั่วปิงเหอก็เปลี่ยนวิธีเล่นใหม่อีก ซึ่งแต่ละครั้ง เขาจะถอนกายออกมาเพียงเล็กน้อย แล้วหยัดกายกลับเข้าไปใหม่อย่างแรง แก้มก้นถูกบีบเคล้นจนเปลี่ยนรูป เสิ่นชิงชิวคว่ำหน้ากับโต๊ะ เนื้ออ่อนๆ ส่วนที่ลึกที่สุดของผนังเนื้อด้านในถูกถูไถด้วยความตั้งใจอย่างสุดฝีมือจนเสียวซ่าน ทั้งยังเจ็บๆ คันๆ จวนเจียนจะบ้า แต่ถูกตอกตรึงอยู่กับที่ ขยับเขยื้อนไม่ได้ ต้องรับทุกสิ่งทุกอย่างของลั่วปิงเหอเข้าไปจนหมด

ลั่วปิงเหอสมแล้วที่เป็นนักเรียนดีเด่น พอได้ตำรามา แค่อ่านแล้วทำตามอย่างก็สามารถทำเอาซะเกือบตายได้ขนาดนี้เลยทีเดียว

เขาอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาเหลือ คางสะอื้นอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง “…เจ้า…เจ้ายังไปอ่านอะไรมาอีกนี่…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version