ตอนที่ 107 แบบทดสองระดับ B
ท้องฟ้ายังไม่มืดมิด พื้นถนนนองไปด้วยเลือดสดๆ ของพวกสัตว์ประหลาด ยานลำนั้นที่แหวกผ่านอากาศหนาวลงมาดึงดูดทุกสายตาของนักสู้ที่อยู่ตรงนั้นในขณะนี้ ครั้งสุดท้ายที่หลัวเฟิงได้เห็นยานลักษณะเช่นนี้คือตอนที่อยู่ในสถานการณ์ฝูงหนูน้ำบุกเข้าโจมตี
“ยานนักสู้มาทำอะไรที่นี่? แถมยังมาจอดตรงหน้าพวกเราอีก พวกเขามาหาใครนะ?” หลัวเฟิงสงสัยเต็มที
นักสู้ที่อยู่ในวงตรงนั้นเริ่มถกกันเซ็งแซ่
“ยานนักสู้?”
“อาจจะเป็นจรวดจากกองทัพหรือเครื่องส่วนตัวของเทพสงครามก็ได้นะ?”
สมาชิกทีมค้อนอัคคี ทีมแม่น้ำเหนือ และทีมจิ้งจอกหิมะ ที่เพิ่งส่งสัญญาณ SOS ต่างจ้องไปที่ยานลำนั้นด้วยความสนใจ โดยปกติ นักสู้มีโอกาสน้อยที่จะได้เห็นยานเช่นนี้บินเข้ามาในเขตแดนเถื่อน และยิ่งกว่านั้นก็คือยานลำนั้นยังมาลงจอดตรงหน้าพวกเขาอีก
ซี่…! ฝาครอบยานลำนั้นเปิดออก
หลัวเฟิงจ้องดูอย่างตั้งใจและก็เห็นเงา…? เงากระโดดออกมาจากยานลำนั้น พวกเขาทั้ง 2 คนสวมชุดต่อสู้สีดำ คนหนึ่งเดินนำหน้าและอีกคนตามมาติดๆ คนที่กำลังเดินตามหลังมานั้นคือหนึ่งในบิ๊กโฟร์แห่งนครเจียงหนาน จูเก่อเทา!
จูเก่อเทากำลังยิ้มให้หลัวเฟิงด้วย
“อาจารย์จูเก่อเทา”
“ท่านหัวหน้าใหญ่”
หลัวเฟิง เกาเฟิง และคนอื่นๆ ในทีมค้อนอัคคี และทีมจิ้งจอกหิมะร้องทักทายด้วยความเคารพ ส่วนทีมแม่น้ำเหนือไม่ได้เอ่ยคำใด เพราะพวกเขามาจากสำนักสายฟ้านั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม สมาชิกทีมค้อนอัคคี ทีมจิ้งจอกหิมะ และทีมแม่น้ำเหนือต่างก็สงสัยอยู่ดี หนึ่งในสี่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งนครเจียงหนานทำไมกำลังเดินตามหลังชายวัยกลางคนๆ หนึ่งเหมือนเป็นผู้ช่วยเขาเสียอย่างนั้น?
ชายวันกลางคนๆ นั้นเป็นใครกัน?
“หลัวเฟิง เกาเฟิง และเถาเค่อ ฉันขอแนะนำให้รู้จัก” จูเก่อเทายิ้มให้ขณะที่ยืนอยู่ถัดจากชายวัยกลางคนๆ นั้น “นี่คือท่านทูตหยาง มาจากสำนักงานใหญ่ของสำนักขีดสุด คุณหยางเป็นนักสู้ระดับเทพสงคราม”
สมาชิกทีมค้อนอัคคีและทีมจิ้งจอกหิมะต่างก็อึ้งไป
“คุณหยาง” ทุกคนกล่าวทักอย่างเคารพ
“อืม” เทพสงครามหยางพยักหน้าและไม่ได้เอ่ยคำใดอีก เขามองผ่านทุกคนอย่างรวดเร็วและมาจับจ้องอยู่ที่หลัวเฟิง!
ภาพนี้ทำให้ทุกคนถึงกับงง ทำไมท่านทูตจากสำนักงานใหญ่คนนี้ถึงได้จับจ้องอยู่ที่หลัวเฟิง?
แน่นอน หยางฮุยเคยเห็นหลัวเฟิงในรูปมาก่อนแล้ว
“หลัวเฟิง” หยางฮุยเอ่ยขึ้น
“คุณหยาง” หลัวเฟิงตอบ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
จูเก่อเทายิ้มให้ขณะที่มองมาที่หลัวเฟิง “หลัวเฟิง คุณหยางตรงมาที่เจียงหนานเพื่อเรื่องของนายโดยเฉพาะ คุณหยางทำงานบางอย่างให้กับนาย ฉะนั้นนายคงจะต้องขอบคุณคุณหยางให้มากๆ”
อันที่จริง ถึงแม้ว่าหยางฮุยคนนี้จะมีโรคประจำตัวที่เรียกว่า ‘โอหังถือดี’ ที่เทพสงครามมีกันทุกคน…แต่ว่าเขาก็ยังให้ความห่วงใยกับเด็กๆ ที่มีพรสวรรค์อย่างจริงใจ ถ้าหยางฮุยไม่เสนอชื่อหลัวเฟิงเพื่อให้ได้เข้าค่ายฝึกหัวกะทิ หลัวเฟิงเองก็อาจจะไม่มีโอกาสได้เข้าทำการทดสอบนี้เลย
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก การฝึกหนักของหลัวเฟิงเองต่างหากที่สร้างโอกาสให้กับเขา” หยางฮุยยิ้มเล็กน้อย
หลัวเฟิงยิ่งสงสัยไปกันใหญ่
หยางฮุยคนนี้กับจูเก่อเทากำลังพูดเรื่องอะไร? ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย?
“หลัวเฟิง มานี่ ขึ้นเครื่องไปด้วยกัน” จูเก่อเทากล่าวชวน และจากนั้น เขาก็ออกคำสั่งไปที่สมาชิกทีมค้อนอัคคี “เกาเฟิง นายกับลูกทีมหยุดภารกิจในแดนเถื่อนเอาไว้เท่านี้และก็กลับเข้าเมืองกันได้แล้ว นับจากวันนี้ไป หลัวเฟิงไม่ใช่หนึ่งในสมาชิกทีมค้อนอัคคีอีกต่อไป ฉะนั้น พวกนายเองก็คงจะต้องกลับไปเตรียมการอะไรสำคัญๆ อีกมาก”
อะไรกัน?
หลัวเฟิงและคนอื่นๆ ในทีมค้อนอัคคีต่างก็ตกตะลึง
“ท่านอาจารย์ครับ นี่มันเรื่องอะไรหรือครับ?” หลัวเฟิงอดถามไม่ได้
“เดี๋ยวฉันจะบอกหลังกลับเข้าเมืองแล้ว” จูเก่อเท่ามองไปรอบๆ ถึงแม้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องเก็บความลับเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าคนมากๆ อยู่ดี
ด้วยสายตาที่ส่งอำลา หลัวเฟิงขึ้นไปบนยานลำนั้นพร้อมกับจูเก่อเทาและท่านทูตหยางฮุย อึดใจต่อมา ยานลำนั้นก็พุ่งทะยานเข้าไปในท้องฟ้าทะมึนและหายลับไปที่เส้นขอบฟ้า
เกาเฟิง เฉินกู่ เว่ยเถี่ยและเว่ยชิงมองหน้ากันไปมา
พวกเขาล้วนรู้สึกได้ว่า…
ทีมค้อนอัคคีถึงเวลาแยกย้ายกันเสียแล้ว!
คำพูดที่จูเก่อเทาบอกว่า ‘หลัวเฟิงไม่ใช่สมาชิกทีมค้อนอัคคีอีกต่อไป’ ก่อนหน้านี้ชัดเจนมาก และวันนี้ เทพสงครามและหัวหน้าใหญ่สำนักขีดสุดมารับตัวหลัวเฟิงเป็นการส่วนตัว บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่คงจะกำลังเกิดขึ้นแน่ๆ!
“หลัวเฟิงอาจจะกำลังเดินทางไปที่สำนักงานใหญ่สากลของสำนักขีดสุด และเข้าร่วมการฝึกพิเศษ” หัวหน้าทีมจิ้งจอกหิมะเถาเค่อเอ่ยขึ้น
“เป็นไปได้มากๆ”
“จริงๆ แล้ว ความแข็งแกร่งของหลัวเฟิงเองนั่นแหละที่ทำให้เขาได้รับโอกาสนี้”
“อย่าพูดไร้สาระน่า…การฝึกพิเศษในสำนักงานใหญ่สากลไม่ได้สำคัญพอที่จะทำให้เทพสงครามกับหัวหน้าใหญ่รีบดิ่งเข้ามาในแดนเถื่อนเป็นการส่วนตัวแบบนี้หรอก ในสำนักสายฟ้าของพวกเราก็มีคนตั้งสองหรือสามคนในทั่วทั้งนครที่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วมฝึกพิเศษ ขอเพียงให้หัวหน้าใหญ่ส่งชื่อและให้ท่านทูตมาทำการทดสอบเท่านั้น แต่นี่ทำไมท่านทูตถึงกับจะต้องเข้ามาตามตัวถึงแดนเถื่อนแบบนี้ด้วย?” หัวหน้าทีมแม่น้ำเหนือคังเว่ยส่ายศีรษะ “เว้นเสียแต่…นั่นจะเป็นการเข้าค่ายฝึกเตรียมเทพสงครามในตำนาน!”
“ค่ายเตรียมเทพสงครามงั้นเหรอ?”
กัวไห่สูดหายใจเข้าลึก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ค่ายหมายเลขหนึ่งในตำนานของทั่วทั้งโลก ชื่อจริงของมันคือ ค่ายฝึกหัวกะทิ แต่มันมักถูกเรียกจากเหล่านักสู้ว่า ค่ายเตรียมเทพสงคราม เพราะว่านักสู้ทุกคนที่ได้เข้าร่วมค่ายนี้จะมีโอกาสถึง 90% ที่จะกลายเป็นเทพสงคราม! ส่วนอีก 10% ที่เหลือถ้าไม่พิการก็จะเสียชีวิตในค่ายไปเลย
“หลัวเฟิงนั่น ได้เข้าค่ายเตรียมเทพสงครามงั้นเหรอ?” กัวไห่กำหมัดแน่น
ความรู้สึกสับสนวุ่นวายเกิดขึ้นในใจเพราะนั่นคือคู่แข่งความรักของเขา
“ในทั่วทั้งนครเจียงหนาน มีคนแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะได้เข้าร่วมค่ายเตรียมเทพสงครามในแต่ละปี และเขาก็ได้เข้าร่วมเหรอ? เป็นไปไม่ได้” สีหน้าของกัวไห่จมดิ่งสู่ห้วงความคิด
………
วูบ!
ยานรูปทรง UFO สีน้ำเงินเข้มพุ่งทะยานและมาถึงที่ท้องฟ้าเหนือนครเจียงหนายอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็ค่อยๆ ลดระดับลงสู่พื้น
“หลัวเฟิง พวกเรามาถึงแล้ว รีบลงมาเร็ว” จูเก่อเทาเรียก
“เร็วมากจริงๆ” หลัวเฟิงมองดูไปรอบๆ
สถิติบางอย่างของยานนักสู้ก็ไม่ได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณะชน การได้เห็นยานลำนี้เข้าไปในแดนเถื่อนด้วยสายตาของเขาก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่ายานลำนี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่าเสียงสองถึงสามเท่าตัวทีเดียว! น่าจะเป็นมากกว่า 1,000 เมตรต่อวินาทีแน่ และอีกอย่างคือ ยานลำนี้ยังบินเป็นเส้นตรงด้วย
ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทียานนักสู้ลำนี้ก็บินจากเมืองหมายเลข 023 มาถึงที่ตัวเมือง
ฝาครอบเปิดขึ้น จูเก่อเทา หลัวเฟิง และหยางฮุยพากันกระโดดลงจากยาน ยานลำนั้นลงจอดอยู่บนดาดฟ้าของสำนักงานใหญ่ของสำนักขีดสุด
ตึกที่ทำการสำนักงานใหญ่ของสำนักขีดสุด ส่วนหลักๆ เป็นโรงฝึกขนาดมหึมา ทั่วทั้งโรงฝึกเป็นสีขาวเงิน และมีชายคนหนึ่งในชุดฝึกสีขาวกำลังนั่งสมาธิอยู่ตรงกลางโรงฝึกนั่น
ติ๊ง! ประตูลิฟต์เปิดออก หลัวเฟิงเดินตามจูเก่อเทาและหยางฮุยเข้าไปในโรงฝึก พอเขาเข้าไปทีแรก หลัวเฟิงจ้องมองดูผู้ชายที่นั่งอยู่ในชุดฝึกนั้นอย่างสนอกสนใจ เขารู้สึกถึงพลังงานลึกลับที่กำลังไหลเวียนอยู่รอบๆ ผู้ชายคนนั้นได้ด้วยตาเปล่า
“มือเขาใหญ่มากเลย” หลัวเฟิงจ้องดูและเห็นว่ามือของชายผู้นั้นเกือบจะเท่าๆ กับใบพัด มือข้างหนึ่งของเขาน่าจะมีขนาดเป็นสองเท่าของมือคนปกติทีเดียว
“มาถึงแล้วเหรอ?”
ชายในชุดฝึกสีขาวลุกขึ้นแล้วยิ้มให้ขณะที่มองมาที่หลัวเฟิง “นายจะต้องเป็นหลัวเฟิงแน่ๆ โอ้ สหายหยาง นายเตรียมให้หลัวเฟิงทดสอบระดับ B ในนครเจียงหนายของฉันเหรอ?”
หยางฮุยลังเลเล็กน้อย
ชายในชุดฝึกสีขาวกล่าวต่อ “หลังจากนายไปตามหาหลัวเฟิง ฉันก็มาลองคิดพิจารณาดูแล้ว การสมัครเข้าร่วมทดสอบในตัวนครเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากลำบาก ไม่ว่าหลัวเฟิงจะผ่านหรือไม่ ยังไงเขาก็จะถูกพาตัวไปที่สำนักงานใหญ่สากลอยู่ดี ฉะนั้นเขามาทดสอบที่สำนักงานใหญ่น่าจะดีกว่า ดูแล้วจะเป็นการสะดวกดี”
“นายพูดมีเหตุผลอยู่” หยางฮุยหัวเราะ “อันที่จริง ถ้าหลัวเฟิงผ่าน เขาก็จะได้เข้าร่วมค่ายฝึกหัวกะทิ ถ้าเข้าไม่ผ่าน เขาก็จะได้เข้าร่วมกับค่ายฝึกขั้นพื้นฐาน”
ไม่ว่ายังไง สำหรับหลัวเฟิง การเข้าไปฝึกกับค่ายฝึกขั้นพื้นฐานก็คงไม่มีปัญหาอะไรแน่
หลัวเฟิงฟังทั้งสองคนคุยกันด้วยความงุนงง การทดสอบที่พวกเขากำลังพูดถึงมันคืออะไรกันแน่?
“หลัวเฟิง นี่คือประธานสำนักงานใหญ่ของสำนักขีดสุดแห่งนครเจียงหนานของเรา” จูเก่อเทากล่าวเบาๆ
หลัวเฟิงรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นใคร!
โจวเจิ้งหย่ง นักสู้ระดับเทพสงคราม…ฉายาของเขาคือ ‘มือเหล็ก’ ประธานสำนักงานใหญ่ของสำนักขีดสุดแห่งนครเจียงหนาน
โจวเจิ้งหย่งและหยางฮุยคุยกันก่อนหน้าไปบ้างแล้วก่อนที่จะไปตามหาหลัวเฟิง
“หลัวเฟิง สำนักงานใหญ่สากลของเรามี 2 ค่ายใหญ่ๆ มีค่ายฝึกขั้นพื้นฐานและค่ายฝึกหัวกะทิ นายรู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหม?” หยางฮุยกล่าว
“ไม่เลยครับ” หลัวเฟิงส่ายศีรษะ
โจวเจิ้งหย่งหัวเราะเสียงดัง “นายต้องเคยได้ยินเรื่องการฝึกพิเศษมาก่อนแน่ๆ”
หลัวเฟิงพยักหน้า สำนักสายฟ้าเคยใช้เรื่องนี้โน้มน้าวเขามาแล้ว
“ค่ายทดสอบขั้นพื้นฐานจะรับเอาเหล่าอัจฉริยะจากทั่วทุกมุมโลกมาและทำการฝึกพวกเขาด้วยหลักสูตรที่ดีที่สุด! ส่วนค่ายฝึกหัวกะทิคือค่ายฝึกอันดับหนึ่งของโลกนี้ ที่นั่นจะรับเอาเหล่าอัจฉริยะของอัจฉริยะ เหล่านักเรียนที่เหมือนปีศาจมา” โจวเจิ้งหย่งมองหน้าหลัวเฟิง “ค่ายฝึกหัวกะทินี้จะมีหลักสูตรที่น่าอัศจรรย์ และครูฝึกของพวกนายอย่างน้อยก็จะเป็นระดับเทพสงคราม! มีสารวัตรนักสู้ และแม้แต่ผู้ที่มีระดับเหนือเทพสงคราม ผู้ตรวจการณ์ เข้าร่วมสอน และมีแม้กระทั่งนักสู้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก อาจารย์หง และนักสู้ผู้แข็งแกร่งอันดับสอง เทพสายฟ้า เข้าร่วมรับเชิญในการฝึกครั้งนี้ด้วย!”
หลัวเฟิงนิ่งไป…
ค่ายฝึกหัวกะทิ? รับเอาเฉพาะปีศาจเท่านั้น? ครูฝึกของพวกเขาอย่างน้อยเป็นระดับเทพสงคราม? แม้แต่อาจารย์หงและเทพสายฟ้ายังเข้าร่วมงานนี้ด้วย?
“ไม่เพียงนายจะได้ครูฝึกชั้นยอด แต่นายยังจะได้เทคโนโลยีขั้นสูงสุดของโลกเพื่อช่วยในการฝึกฝนในค่ายฝึกหัวกะทินี้ด้วย บางส่วนเป็นหลักสูตรล้ำค่าที่ขุดขึ้นมาได้จากซากโบราณคดี นายจะได้รับการฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว!” โจวเจิ้งหย่งจ้องมาที่หลัวเฟิงและพยายามซ่อนความตื่นเต้นไว้ขณะที่เขาพูด
หยางฮุยถอนหายใจยาว “นักเรียนอัจฉริยะที่สุดของโลกนี้ สุดยอดครูฝึก และอุปกรณ์ที่ดีที่สุดต่างมารวมกันที่นี่ ค่ายฝึกหัวกะทิอันดับหนึ่ง สุดยอดทุกแง่มุม! ตราบเท่าที่นายยังไม่ตาย นายก็จะกลายเป็นเทพสงครามอย่างแน่นอน!”
หลัวเฟิงกะพริบตาปริบๆ
“แน่นอน ตำแหน่งฝึกแต่ละตำแหน่งในค่ายฝึกหัวกะทินั้นหาค่าไม่ได้! แม้แต่ตระกูลยักษ์ใหญ่ก็ยังยากที่จะได้ตำแหน่งฝึกในค่าย ถึงแม้จะพร้อมทุ่มเงินเป็นพันๆ ล้านก็ตามที!” หยางฮุยมองหน้าหลัวเฟิง “หลัวเฟิง นายมีโอกาสเข้าร่วมค่ายที่ดีที่สุดในโลกแล้ว มีสิ่งเดียวที่ต้องการจากนายคือ นายต้องผ่านบททดสอบระดับ B ให้ได้!”