Skip to content

Swallowed Star 1135

ตอนที่ 1135 : สาขาโลก

100,000 ปี ต่อมา โลกเป็นยังไง?

ต้นหญ้าทั่วทุกที่นั้นยาว ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์รอบๆ นั้นมีตึกที่พักมากมายสร้างขึ้นมา นกบินไปทั่วท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสีคราม อากาศที่นี่บริสุทธิ์และถ้าเอามาตรฐานของขอบเขตมนุษย์มาใช้ งั้นโลกคงถือว่าเป็นระดับ SSS

ธรรมชาติและเทคโนโลยีนั้นขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ มันมีคนมากมาย ทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่เดินไปตามท้องถนนโดยแต่งตัวสบายๆ มันมีพาหนะขนส่งมากมายอย่างรถบนท้องถนนและที่อุโมงค์ใต้ดินที่เชื่อมต่อโลกกับเมืองต่างๆ รอบๆ ซึ่งเดินทางอย่างรวดเร็วโดยทำให้มนุษย์ไปถึงอีกเมืองได้ง่ายดายกว่าเดิม

แน่นอนมันทำให้ทวีปขนาดใหญ่มากมายที่จมอยู่ในทะเลที่สร้างอุโมงค์ขึ้นมาได้เพราะอาณาเขตของ หลัวเฟิง

“โลกต่างไปจากเดิมแล้ว” หลัวเฟิง พูดออกมาด้วยความชื่นชม

สวีซิน ยิ้มแล้วตอบกลับ “มันจะต่างกว่านี้อีกในอนาคต”

พวกเขาเดินไปตามท้องถนนแล้วมองผู้คน คนอื่นๆนั้ นไม่ได้แตกต่างเลย จริงๆ แล้วแม้ว่าจะเห็น หลัวเฟิง แต่ความทรงจำที่มีเกี่ยวกับเขาหายไปในเสี้ยวพริบตา ไม่มีทางเลยที่พวกนี้จะจำเขาได้

หลัวเฟิง มองไปรอบตัว ตั้งแต่แรกเขาได้ส่ง ร่างมหาสมุทร มาตรวจสอบโลกแต่ ร่างมหาสมุทร นั้นเข้าไปนั่งเงียบๆ ในบ้านของ หลัวเฟิง จะให้ร่างนี้ปรากฏตัวออกมาในตอนวิกฤต ยกเว้นแต่สองครั้งตอนที่ หลัวเฟิง ได้อยู่กับครอบครัวของเขา ร่างมหาสมุทร จะไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

“สวีซิน ข้ารู้มาว่า นักสู้ระดับดวงดาว ปรากฏขึ้นมาบ่อยๆ” หลัวเฟิง พูดขึ้น “ข้าเห็นมาระหว่างทาง”

เขาอดไม่ได้ที่จะจำมันแล้วถามขึ้นมา “นักสู้ระดับดวงดาวตอนนี้เป็นของธรรมดาไปแล้วงั้นเหรอ?”

“กว่า 100,000 ปี ที่ผ่านมาโลกนั้นไม่ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วจนคนส่วนใหญ่เป็นนักสู้ระดับดวงดาว” สวีซิน ส่ายหน้า “โอ้ ใช่สิ ความลึกลับของโลกนั้นเป็นความลับระดับสูง แม้ว่าจะไม่เคยถูกปิดบัง แต่ตระกูลใหญ่ของห้าขุมกำลังนั้นเหมือนกับองค์กรจักรวาลเสมือน, สำนักขวานยักษ์ และพันธมิตรทหารรับแจ้งแห่งจักรวาล ต่างก็หาทางที่จะเข้ามาในโลก! เจ้าควรรู้มัน แล้ว ตอนนี้สิทธิ์ที่พักในโลกตอนนี้ต่างก็เป็นที่ต้องการ”

หลัวเฟิง พยักหน้า

“ก่อนหน้านี้พวกที่อพยพเข้ามาในทะเลโลกเป็นพวกต่างดาว ที่ดินนี้เป็นของชาวโลกเรา” สวีซิน พูดขึ้น “การพัฒนากว่าแสนปีที่ผ่านมาชาวโลกได้กระจายไปทั่ว จักรวรรดิแกนวู และแม้แต่จักรวาลอื่นๆ จำนวนนั้นไม่อาจจะวัดได้”

หลัวเฟิง ยิ้มและพยักหน้า “ในอดีตนั้นจำนวนชาวโลกนั้นไม่อาจจะยกระดับขึ้นมาได้ นั่นเพราะที่ดินที่มีจำกัด ด้วยการยกระดับที่จำกัดนี้จึงมีเสบียงเหลือมากมาย…ถ้าชาวโลกเพิ่มจำนวนมากขึ้น มากกว่านี้ มันก็พอเข้าใจได้”

“อืม” สวีซิน พูดขึ้น “ก็แบบนั้นแหละ ประชากรชาวโลกจะเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าจนอาจจะเทียบกับจำนวนเดิมไม่ได้ หากไม่นับเรื่องอื่นๆ แล้วแค่จำนวนในตระกูลหลัวของเราก็คงไม่ได้น่ากลัวอะไร”

หลัวเฟิง พยักหน้า จำนวนประชากรในตระกูลหลัวเกินกว่าขนาดของพื้นที่ดวงดาวแล้ว ไม่ว่าจะพัฒนายังไงการเพิ่มจำนวนประชากร 100 ล้านเท่า ใน 5,000 ปีก็เป็นเรื่องปกติแต่สำหรับการพัฒนาแล้วต้องกินเวลามากกว่า 100,000 ปี…จำนวนประชากรจะมากมายจนฟังดูมากเกินไป หากไม่นับพลังที่ตระกูลหลัวมี ขนาดจำนวนคนของพวกเขาก็ยังได้รับผลถึงอาณาเขตที่จำกัด ดังนั้นสมาชิกมากมายของตระกูลหลัวจึงต้องเลือกตั้งรกรากที่ดาวเคราะห์อื่นหรือแม้แต่จักรวาลอื่น

“ถ้าตระกูลหลัวต้องเจอกับปัญหาแบบนั้นแล้วสถานการณ์โดยรวมของโลกจะเป็นยังไง?”

ที่ สมาคมแห่งการจัดการโลก การใช้จักรวาลเสมือนนั้นยังเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างบันทึกชาวโลกทุกคนเอาไว้ ยังไงซะในจักรวาลอันกว้างขวางหากเรื่องโชคร้ายอย่างหลุมดำเกิดขึ้นและชาวโลกถูกจับเป็นทาสในดาวเคราะห์อื่น ในที่ที่จำนวนประชากรน้อยนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะดูแล สมาคมแห่งจัดการโลก นั้นไม่สามารถที่จะดูแลจัดการทุกอย่างหรือทุกคนได้ทั้งหมด

“จำนวนประชากรมันมากเกินไป” สวีซิน พูดขึ้น “ตอนนี้เราต้องรับรองตัวตนของชาวโลกทุกคน อย่างแรกคือการลงทะเบียนรายบุคคล มากกว่า 99% มีเอกสารอยู่แล้ว อย่างที่สองคือการลงทะเบียนพันธุกรรม ลูกหลานของชาวโลกในแต่ละตระกูลมีพันธุกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองซึ่งต่างจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ ในหมู่มนุษย์ ในโลกขอบเขตดินแดนต้องเป็นของที่พักชาวโลก หากมันถูกยึดครองไว้โดยเผ่าพันธุ์อื่น มันก็ไม่สำคัญว่าพวกนั้นจะร่ำรวยกันแค่ไหนแต่พวกนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะยึดที่ดินส่วนนั้น”

“เมื่อเวลาผ่านพ้นไป…และสิทธิ์ของที่พักบนโลกเป็นที่ต้องการ มันมีที่พักบนโลกที่ซึ่งเหมาะสมกับชีวิตที่หรูหรา ดังนั้นพวกเขาจึงขายสิทธิ์ที่พักของตัวเองแล้วออกจากโลกเพื่อไปยังดาวเคราะห์อื่น บางทีนี่อาจจะเป็นวิธีที่บางคนได้กลายเป็นเจ้าของดาวเคราะห์ เพราะสิทธิ์ของที่พักบนที่ดินบนโลกนี้ สามารถแลกเปลี่ยนได้เฉพาะชาวโลก ราคานั้นไม่ได้มากไปเพราะค่าของพวกต่างดาวได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว แต่มันก็ไม่ได้สูงจนเกินไป การต้องการเป็นเจ้าของดาวเคราะห์, ต้องการชีวิตที่หรูหรา หรือต้องการเป็น ผู้แข็งแกร่ง ด้วยความสามารถในการไล่ตามทรัพยากรจำนวนมาก….จุดตัดสินคือสิทธิ์ที่พักบนโลกถูกขายอย่างต่อเนื่องเพราะมีพวกระดับสูงที่มีฐานะและอำนาจที่ซึ่งเข้ามาในโลกอยู่ตลอด”

“มันจะมีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นสู่รุ่น พวกที่สามารถเข้ามาในโลกได้นั้นเป็นคนจากองค์กร พวกเขาท่องไปทั่วจักรวาลและก่อตั้งธุรกิจของตัวเองหรือกลายเป็นนักสู้หรือผู้อ่านจิตวิญญาณ ดังนั้นพวกชั้นสูงมากกว่าครึ่งจากล้านล้านคนของสาขาโลกจึงได้มารวมตัวกันที่โลกนี้”

สวีซิน ยิ้ม “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบนโลกนี้ถึงได้มีนักสู้ระดับดวงดาว ให้เห็นบ่อยๆ แม้แต่ระดับดวงดาว ไปจนถึงระดับจักรวาลก็มีให้เห็นบ่อยๆ ด้วย มันมี อมตะ จำนวนหนึ่งอยู่บนโลกนี้ด้วย”

หลัวเฟิง ถอนหายใจแล้วพยักหน้า ระดับอมตะ…มันจริงที่หากบ่มเพาะบนโลก ทำให้โอกาสที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ก็จะเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้สาขาชาวโลกนั้นมี ระดับอมตะ 11 คนรวมไปถึง หลัวเฟิง, หง และเทพสายฟ้า ห้าคนอยู่ที่โลกนี้!

จำนวนระดับห้วงมิติ ยิ่งมากกว่า ด้วยกำลังที่มากมายแบบนี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เจ้าแห่งจักรวาล ของ 5 ขุมกำลังถึงได้คาดหวังกับโลกไว้สูง

“สิทธิ์ที่พักบนดินแดนโลกแลกเปลี่ยนได้อย่างอิสระตามต้องการงั้นเหรอ?” หลัวเฟิง ถาม

“ตราบใดที่เป็นการแลกเปลี่ยนกับชาวโลกเอง การแลกเปลี่ยนแบบอิสระก็ถือเป็นตัวเลือกดีที่สุด” สวีซิน ส่ายหน้า “มันขึ้นอยู่กับคนที่ต้องการซื้อและคนที่ต้องการขาย! ใครจะไปห้ามพวกเขาได้? มันช่วยให้พื้นที่ของเรายกระดับขึ้นมา ยังไงซะพวกชั้นสูงกว่าครึ่งจากสาขาโลก ก็ได้มารวมตัวกัน แต่ชาวโลกที่มีฐานะและอำนาจต่างก็ต้องการให้ลูกหลานตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าชาวโลกจะชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่ดาวเคราะห์อื่นแต่สำหรับลูกหลานแล้ว พวกเขาจะซื้อสิทธิ์ที่พักบนโลกและส่งคนในครอบครัว 2-3 คนมาที่โลกนี้ บอกได้ว่าด้วยวิธีนี้โลกจะมีพวกชั้นสูงกว่า 50% ของสาขาชาวโลกได้มารวมตัวกัน จากพวกระดับสูงกว่าล้านคน 99% นั้นมีสิทธิ์ในที่พักบนโลก”

หลัวเฟิง พยักหน้า นั่นก็เป็นเรื่องดี…ยิ่งนานเท่าไหร่ฐานะของโลกก็สูงเท่านั้น นี่มันก็พัฒนาไปได้แค่ 100,000 ปี ตั้งแต่ที่สาขาโลกได้กลายเป็นจักรวาล มีหลายด้านที่ยังไม่แข็งแกร่งอย่างจำนวนผู้ที่แข็งแกร่ง, พลังขององค์กรและอีกหลายๆ อย่าง เมื่อเวลาผ่านไปพวกชั้นสูงของสาขานี้ก็จะมีชื่อเสียงกันเพิ่มมากขึ้น

ตามการคำนวณของมนุษย์แล้ว การพัฒนาของสาขาชาวโลกนี้เทียบได้กับ 10% ของมนุษย์!

ระดับอมตะ จะมีเท่าไหร่?

อัศวินอวกาศจะมีเท่าไหร่?

เอาให้ชัดคือการพัฒนาของสาขาชาวโลกเพิ่งจะโผล่มาและยังไม่ได้แสดงออกมาเต็มที่ การพัฒนานี้ต้องการเวลาที่เพียงพอ

“สิ่งที่ยากที่สุดตอนนี้คือเด็กที่โดดเด่นในหมู่ชาวโลกนั้นไม่ได้รับการบ่มเพาะที่ดีที่สุดที่พวกเขาควรได้” สวีซิน พูดขึ้น “จากข้อมูลที่เราได้รับมาจากพวกต่างดาว เมื่อภรรยาตั้งท้อง เธอควรเข้ามาในโลกใน 3 เดือนแรก ถ้านับจากช่วงเวลาตั้งท้องตอนนั้นจนถึงการคลอดภายใต้สภาพแวดล้อมของโลก งั้นมันก็มีขอบเขตในการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นมันจึงสำคัญที่ต้องรีบกลับมาที่โลกในระหว่าง 3 เดือนแรกในการตั้งท้อง หลังจากนั้นผลของมันจะแตกต่างออกไป”

“สมาคมแห่งการจัดการโลก ของเราได้จัดการกับเด็กชาวโลกจำนวนมาก, ฝึกฝนพวกเขาอย่างดี จากนั้นก็ส่งพวกเขาเข้ากองทัพเพื่อให้เข้าใจการฝึกฝนได้ลึกซึ้งกว่านี้ เรามีเงินทองแต่การสั่งสอนพวกเขาต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก…ยกตัวอย่างเช่นอาจารย์ที่ดีและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการฝึก ตระกูลของเรายังมีไม่เพียงพอเลย เราตอนนี้ยังเทียบไม่ได้กับกลไกการฝึกฝนของจักรวรรดิแกนวู เมื่อถึงระดับหนึ่งแล้วมันต้องส่งผลต่อการพัฒนาของสาขาชาวโลก”

หลัวเฟิง พยักหน้าและคิดสักพัก

“ข้าจะจัดการให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้” หลัวเฟิง พูดขึ้น

การฝึกฝนนั้นสำคัญอย่างมาก มันก็เหมือนกับ หลัวเฟิง, หง และเทพสายฟ้า หากพวกเขาไม่ได้เข้ามายังจักรวาล…หาก หลัวเฟิง ไม่ได้รับสมบัติของ อาจารย์ยุนโม และการแนะนำจากบาบาต้า งั้นสัตว์อสูรเขาทองคงต้องลดระดับลงอย่างมาก ทั้งสามคนคงเจอกับขีดจำกัดและโอกาสในการขึ้นไประดับจักรวาลก็คงต้องต่ำมากเช่นกัน ตั้งแต่ตอนที่ได้รับการฝึกฝน…ทั้งสามได้แสดงถึงความแตกต่างจากเดิม และหากสาขาชาวโลกนั้นเติบโตจนได้รับการยอมรับ การฝึกฝนเด็กรุ่นใหม่แน่นอนว่าเป็นเรื่องสำคัญ

“กลไกลที่ เจ้าแห่งจักรวาล คนอื่นๆ ใช้ฝึกฝนลูกหลานตัวเองนั้นดีอยู่แล้ว” หลัวเฟิง พูดขึ้น “ข้าจะไปขอข้อมูลจากพวกเขาเพื่อเอามาใช้กับทรัพยากรตัวเองในการสร้างรูปแบบของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ต้องทำ”

หลัวเฟิง พยักหน้าให้กับตัวเอง “มนุษย์มีหลายที่ในการฝึกฝน ปัญหาเดียวตอนนี้คือแม้แต่อัศวินอวกาศก็ไม่สามารถออกคำสั่งให้สมาชิกจำนวนมากฝึกฝนได้”

แต่ เจ้าแห่งจักรวาล ทำได้!

ยกตัวอย่างเช่น ส่งคนในครอบครัวพวกเขาไปยังโลกแม่น้ำเลือด หรือที่อื่นๆ…แน่นอนว่า หลัวเฟิง เองก็ต้องจ่ายไปเล็กน้อยแต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ได้มากมายอะไร

******

หลังจากพวกต่างดาวส่วนใหญ่ได้ย้ายออกจากโลกไปแล้ว โลกก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาอีกครั้ง การใช้ทรัพยากรในน้ำ,การใช้พื้นดินกับทะเลร่วมกันซึ่งได้ยกระดับไปจนเกือบถึงระดับสมบูรณ์ อีกอย่างแล้วการฟื้นฟูบางอย่างก็ทำให้เมืองลอยฟ้าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของพวกต่างดาวให้เหมาะที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวโลก เมืองลอยฟ้ามีหลายร้อยชั้นจนถึงพันชั้น หากที่พักบนพื้นดินนั้นใช้ที่ดินแค่หนึ่งหรือสองชั้น งั้นเมืองลอยฟ้าก็ถือว่าเป็นการใช้พื้นที่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า!

บวกกับที่ผิวทะเลซึ่งมีมากกว่าพื้นที่ของที่ดิน แม้ว่าระยะห่างจากเมืองลอยฟ้าจะไกลกันแต่เมื่อเมืองลอยฟ้ายังคงลอยอยู่บนทะเลถูกเอามารวมกัน พื้นที่นั้นก็จะจุคนได้หลายแสนล้านคน

“มันสามารถจุคนได้หลายแสนล้านคน เราสามารถที่จะให้พวกชาวโลกระดับสูงเข้ามาในโลกได้อย่างรวดเร็ว เราควรที่จะพยายามเพื่อให้พวกเขามาถึงที่โลกใน 3 เดือนแรกของการตั้งท้อง ชาวโลกที่เกิดบนโลก…จะมีการการฝึกฝนที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ในอีกด้านสำหรับชาวโลกที่เกิดบนดาวเคราะห์อื่น โอกาสที่จะพัฒนาเป็นผู้แข็งแกร่งนั้น ยังเป็นเรื่องน่ากังวลเพราะพวกเขามีน้อยเกินไป”

******

แผนมากมายถูกคิดขึ้นมา จากนั้นแต่ละอันก็ถูกใช้งานทีละอย่างๆ

สิ่งแรกที่ หลัวเฟิง ทำตอนที่กลับมาที่โลกคือใช้อำนาจของเขาในการยกระดับการพัฒนาของสาขาโลก!

เขาได้รวบรวมทรัพยากรของเขากับเผ่าซึ่งเร่งความเร็วในการพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก เขาเชื่อว่าในไม่ช้ามันจะไม่ใช่แค่ความหวังของสาขาชาวโลกที่ต้องการแข็งแกร่งกว่าเผ่าพันธุ์หยันชิง

“หากชาวโลกมีอัศวินอวกาศและระดับอมตะ จำนวนมากจนถึงมี เจ้าแห่งจักรวาล นั่นคงจะเป็นเรื่องดีอย่างมาก”

หลัวเฟิง คาดหวังกับเรื่องนี้แต่มันก็คงต้องใช้เวลาที่นาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version