Skip to content

Swallowed Star 117

ตอนที่ 117 ระเบิดพลัง

ผ่านชั้นที่ 5 ของหอคอยแห่งการทดสอบ มีสิทธิ์ได้รับฉายา ‘ผู้ตรวจการ’…

หลัวเฟิงอดกลับไปอ่านดูส่วนที่เกี่ยวกับ ‘เทพมหากาฬ’ ที่ได้จากซากโบราณคดีอีกครั้งไม่ได้

‘เทพมหากาฬ’ ครบเซ็ต มันคืออะไรกันแน่?

อิจฉา! อิจฉาจริงๆ! แม้แต่ระดับประเทศยังต้องเข้าหาผู้ตรวจการด้วยความยำเกรง

กล่าวคือ…ถ้าตะลุยเข้าไปถึงชั้นที่ 5 ของหอคอยแห่งการทดสอบนี้ได้ อำนาจในโลกความเป็นจริงก็จะพุ่งทะยานฟ้าทีเดียว! และก็ยังได้รับ ‘เทพมหากาฬ’ อันลึกลับที่ว่านั่นด้วย

ถึงแม้ว่าหลัวเฟิงจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาก็พอเดาได้ว่ามันต้องเป็นของดีแน่ๆ!

…………

สักพักต่อมาหลัวเฟิงก็อ่านคู่มือนักเรียนจบ จากสิ่งที่หลัวเฟิงได้อ่านมามี 3 สิ่งที่สำคัญๆ ภายในค่ายฝึกนี้คือ…หอคอยแห่งการทดสอบ ระดับของพลังหมัด และอันดับของมังกรดำ!

“คะแนนมาจากที่นี่นี่เอง”

คะแนนสะสมมาจาก ‘คะแนนต่อสู้’ คูณกับ ‘คะแนนความสามารถในการต่อสู้’ และคะแนนต่อสู้ใช้วิธีการง่ายๆ ก็คือการออกล่าสัตว์ประหลาด

สัตว์ประหลาดระดับบัญชาการขั้นต่ำ 1 ตัว = 1 คะแนน

สัตว์ประหลาดระดับบัญชาการขั้นกลาง 1 ตัว = 10 คะแนน

สัตว์ประหลาดระดับบัญชาการขั้นสูง 1 ตัว = 100 คะแนน

สัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูงขั้นต่ำ 1 ตัว = 1,000 คะแนน

แน่นอนภายในค่ายฝึกหัวกะทิมีน้อยคนนักที่จะออกล่าสัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูงขั้นต่ำถึงแม้พวกเขาจะทำได้ก็ตาม! เพราะว่าหลังจากที่ฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนี้ครบ 2 ตัวแล้วระดับก็จะเลื่อนขึ้นไปเป็นระดับ ‘เทพสงคราม’ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจะต้องจบหลักสูตรและออกจากค่ายฝึกไป

นักเรียนไม่อยากออกจากค่ายฝึกกันอยู่แล้ว

ส่วน ‘คะแนนความสามารถในการต่อสู้’ ก็ไม่ได้ยากนักเช่นกัน คือ ‘ระดับพลังหมัด’ คูณกับ ‘ระดับของหอคอยแห่งการทดสอบ’

ยกตัวอย่างเช่น…

ถ้าคนที่มีคะแนนต่อสู้ 1,000 คะแนน มีพลังหมัดอยู่ในระดับ 1.5 และสามารถผ่านด่านในหอคอยอยู่ที่ระดับ 2 คะแนน ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็จะอยู่ที่ระดับ 3 ผลก็คือ คะแนนสะสมจะถูกคิดเป็น 1,000 X 3 = 3,000 นั่นเอง!

“ค่ายฝึกจริงจังกับระดับของพลังหมัดและระดับในหอคอยแห่งการทดสอบค่อนข้างมาก ถ้าระดับความสามารถในการต่อสู้เพิ่มขั้นเพียงเล็กน้อย ก็จะได้คะแนนสะสมค่อนข้างมากทีเดียว” หลัวเฟิงอ่านคู่มือจบแล้วเปิดวีดีโอที่เกี่ยวกับการเตรียมตัวเข้าค่ายฝึกขึ้นมา

มีอาจารย์ระดับเทพสงครามจำนวนมากที่สอนอยู่ในค่ายแห่งนี้

แต่อย่างไรก็ตาม ชัดเจนว่าในค่ายฝึกนั้นก็มีอัจฉริยะจำนวนมากซึ่งก็มีท่าทีแปลกๆ และไม่อยากเข้าเรียนกันโดยตรง เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงจัดทำ ‘วีดีโอศึกษา’ ที่บันทึกการเรียนการสอนในห้องเรียน และวีดีโอนี้ก็มีอยู่ในโน๊ตบุ๊คของนักเรียนทุกคนด้วย!

แน่นอน…ถ้าไปเรียนในห้องเรียนจริงๆ ก็จะสามารถถามข้อสงสัยกับอาจารย์ผู้สอนแบบตัวต่อตัวได้

ประสิทธิภาพย่อมมีมากกว่าการดูแค่วีดีโอศึกษาเท่านั้น

“แต่เรายังไม่เคยเรียนบทเรียนของเทพสงครามมาก่อน เริ่มต้นจากการดูวีดีโอนี้ก่อนละกัน” หลัวเฟิงเลือกดูไฟล์ที่เรียงรายอยู่

วีดีโอในไฟล์แบ่งอย่างชัดเจนเป็นหลายๆ ประเภท เช่น…เทคนิคเต๋าอิน ท่าร่าง การระเบิดพลัง เทคนิคดาบ เทคนิคกระบี่ เทคนิคทวน เทคนิคพลอง เทคนิคค้อน และต้นทุนที่ใหญ่ที่สุดของหลัวเฟิงตอนนี้คือ 3 อย่าง พลังจิต ร่างกายที่สำเร็จระดับประณีตและการระเบิดพลัง 2.8 เท่า!

“ดูท่าร่างก่อนแล้วกัน”

หลัวเฟิงเปิดวีดีโอศึกษาแล้วเริ่มดู

ระดับของเทคนิคจะถูกแบ่งออกคล้ายๆ กันคือ…ระดับพื้นฐาน ระดับประณีต ระดับสมบูรณ์แบบ และระดับสุดยอด หลัวเฟิงเลือกเปิดดูวีดีโอที่เกี่ยวกับระดับทั้ง 4 นี้ขึ้นมา เนื้อหาส่วนใหญ่จะพูดเกี่ยวกับระดับประณีต เพราะระดับสมบูรณ์แบบชัดเจนว่ายากเกินอาจารย์จะอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้

จำเป็นต้องมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง เอามาสอนยากมาก

และระดับสุดยอดก็ยิ่งยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดยิ่งกว่าระดับสมบูรณ์แบบเสียอีก

…………

เวลา 16.35 น.

หลัวเฟิงยังคงนั่งอยู่ตรงหน้าโน๊ตบุ๊คและกำลังดูวีดีโอเกี่ยวกับการใช้พลังอยู่

“อาจารย์ครับ พลังหมัดของผมสามารถแตะถึงระดับ 1.8 เท่าแล้ว แต่พลังขาของผมยังคงอยู่ที่ระดับ 1.5 เท่านั้น อาจารย์ครับ อาจารย์บอกว่าขาสามารถระเบิดพลังออกมาเท่ากับพลังหมัดไม่ใช่หรือครับ แต่ทำไมพลังของผมถึงได้แตกต่างกันอย่างนี้ครับ?”

ในวีดีโอ เด็กหนุ่มผิวดำกำลังถามคำถาม ภาษาในวีดีโอถูกตั้งเป็นภาษาจีน ดังนั้นหลัวเฟิงจึงสามารถเข้าใจเนื้อหาในวีดีโอได้อย่างชัดเจน

ในวีดีโอ ชายหน้าเข้มผิวขาวกำลังกล่าวยิ้มๆ “นายจะต้องหาประสบการณ์ด้วยตัวเอง! ค่อยๆ คิดเอาว่าหมัดของนายออกแรงยังไงและนายค่อยกลับไปคิดประยุกต์ใช้กับขา! นายเข้าถึงระดับ 1.5 เท่าแล้ว ซึ่งนั่นแสดงว่านายกำลังพัฒนา ที่เหลือจะต้องพึ่งตัวเองแล้ว ฉันบอกวิธีการนายได้เท่านี้”

ตูม!

ราวกับถูกฟ้าผ่า หลัวเฟิงนั่งอยู่ตรงหน้าโน๊ตบุ๊คด้วยความตะลึงงัน หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา ตบหัวตัวเอง แล้วก็กระโดดพรวดขึ้น “เรามันโง่จริงๆ เรามันโง่ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะนึกเรื่องง่ายๆ อย่างนี้ไม่ออก! พระเจ้า…ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะคิดเรื่องแค่นี้ไม่ออก! ใช่…ถ้าหมัดของเราสามารถออกแรงได้ด้วยวิธีการใด โดยธรรมชาติแล้ว ขาของเราก็ต้องทำวิธีการนั้นได้ด้วย”

หลัวเฟิงกายสั่นเล็กน้อย “ผ่านวิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ พลังของเราจะสามารถไต่ขึ้นระดับ 2.8 เท่าได้อย่างธรรมชาติ! แต่ความเร็วของเรายังคงอยู่ในระดับแม่ทัพขั้นต้นเท่านั้น! เรากลับคิดไม่ถึง หากเราสามารถส่งพลังไปที่แขนได้ เราก็จะส่งพลังไปที่ขาได้ด้วยเหมือนกัน!”

หลัวเฟิงหัวเราะอย่างเจ็บใจ

หลักการนั้นง่ายมาก นักสู้ระดับสูงสามารถระเบิดพลังออกมาได้หลังจากชำนาญการควบคุมพลังแล้ว โดยธรรมชาติ ขาก็จะสามารถระเบิดพลังออกมาได้เช่นกัน! หลัวเฟิงเพียงแค่ยังไม่เคยลองเชื่อมต่อพลังสองส่วนนี้มาก่อนเท่านั้น

“นักสู้ทั่วๆ ไปไม่ใช่นักอ่านจิต ดังนั้น พวกเขาจึงใช้พลังจิตช่วยเพิ่มความเร็วไม่ได้!

แล้วนักสู้เหล่านั้นจะฝึกฝนวิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ เพื่อใช้ต่อสู้กับนักสู้ระดับที่สูงกว่าได้ยังไง ถ้าพวกเขามีแค่พลังในการโจมตี? นักสู้ระดับแม่ทัพขั้นต้นอาจจะเทียบแม้กับเงาของนักสู้ระดับแม่ทัพขั้นสูงไม่ได้ด้วยซ้ำ! หลัวเฟิงสามารถต่อสู้กับนักสู้ที่ระดับสูงกว่าเขาได้ก็เพราะเขามีพลังจิตสนับสนุนนั่นเอง

“เรานี่มันโง่จริงๆ การใช้พลังของวิชาดาบสายฟ้า 9 ขั้น นั้นสามารถใช้ได้กับขาเหมือนที่ใช้ได้กับแขน ถ้าเช่นนั้น ขาของเราก็จะทรงพลังและวิ่งได้เร็วมาก! มีเพียงพลังและความเร็วเท่านั้นที่จะใช้ต่อสู้กับนักสู้ที่ระดับสูงกว่าได้”

หลัวเฟิงตาเป็นประกาย

“เราสามารถเข้าถึงพลังระดับ 2.8 เท่าได้แล้ว กล่าวคือหลังจากที่ขาของเราเข้าถึงระดับ 2.8 เท่าแล้ว ความเร็วของเราก็จะพุ่งทะยานขึ้นทันที!” สำหรับนักสู้ระดับสูง ความเร็วนั้นสำคัญยิ่งกว่าพลัง ถ้าความเร็วเหนือกว่าคู่ต่อสู้ อีกฝ่ายก็จะได้เปรียบเหมือนลูกไก่ในกำมือทันที

“ความเร็ว! เราจะต้องเพิ่มความเร็วให้ได้!”

หลัวเฟิงไม่อาจอดทนดูวีดีโอต่อไปได้ เขาปิดโน๊ตบุ๊คแล้วรีบดิ่งลงไปชั้นล่างทันที

……….

ตึกสำหรับนักเรียนล้วนมีโรงฝึกอยู่ที่ชั้นใต้ดิน โรงฝึกชั้นใต้ดินนี้ถูกสร้างขึ้นจากเหล็กโครห์น ดังนั้น นักเรียนจึงสามารถฝึกสิ่งใดก็ได้ตามแต่ใจต้องการภายในโรงฝึกนี้

ที่ชั้นใต้ดินของตึกที่หลัวเฟิงอยู่ก็เป็นโรงฝึกเช่นกัน

“พรึบ!”

หลังจากไฟถูกเปิดขึ้น แสงสว่างก็พุ่งลงมาจากรูเล็กๆ บนเพดานห้องที่ทำจากเหล็กโครห์นนี้ ทำให้ทั้งโรงฝึกสว่างวาบขึ้นทันที โรงฝึกชั้นใต้ดินนี้มีความสูงราวๆ 2.5 เมตร ส่วนกว้างและยาวก็ระยะ 5 เมตรเท่ากัน ผนังมีสีเขียวเข้ม ชัดเจนว่าผนังเหล็กโครห์นนี้ไม่ได้ทำจากเหล็กโครห์นล้วนๆ ซะทีเดียว แต่มีส่วนผสมของวัสดุอย่างอื่นผสมรวมอยู่ด้วย

บนพื้นที่เป็นเหล็กโครห์นมีรอยบุ่มอันเกิดจากเท้าและกำปั้นมองเห็นได้ชัด ร่องยอยเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลงเหลือให้เห็นจากฝีมือของนักเรียนคนก่อนๆ ที่เข้ามาฝึก

“ย๊า!” หลัวเฟิงพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ออกแรงส่งไปที่หมัดแล้วปล่อยหมัดพุ่งตรงไปยังกำแพงเหล็กโครห์นนั้น

ตูม!

ในตอนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ พลังหมัดของหลัวเฟิงเกือบๆ จะ 10,000 กิโลกรัม และตอนนี้ก็อยู่ในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม ถึงเวลานี้ก็ 1 เดือนพอดี พลังหมัดของหลัวเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก พลังหมัดของเขาอยู่ที่ 11,500 กิโลกรัมแล้ว แสดงให้เห็นว่าเขากำลังพัฒนาในอัตราที่เร็วขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนๆ นี้ หากอยู่ภายใต้การระเบิดพลัง 2.8 เท่า มันจะอยู่ที่กว่า 30,000 กิโลกรัมด้วยซ้ำ! กล่าวคือ พลังหมัดในการชกครั้งเดียวของเขาก็หนักกว่า 30 ตันเข้าไปแล้ว

ผนักเหล็กโครห์นสะเทือนเล็กน้อย รอยบุ๋มลึก 1 เซนติเมตรเกิดจากรอยกำปั้นของเขา

ชัดเจนว่าหลัวเฟิงยังคงอ่อนแอมากเมื่อเปรียบเทียบกับพวกรุ่นพี่ที่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน ซึ่งตอนนั้นรุ่นพี่พวกนั้นอาจจะมีพลังอยู่ในระดับเทพสงครามไปแล้วด้วยซ้ำ!

“เราจะต้องทดสอบพลังขาของเราดู!” หลัวเฟิงเริ่มเทคนิคการออกแรงด้วยวิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’

อย่างแรกลองดูที่ขั้นแรกของวิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ ก่อน!

เพิ่มแรงพิเศษขึ้นหนึ่งระดับจากแรงที่ออกสุดๆ ของแรงเดิม

“ปึก!”

“ปึก!” ขาขวาของหลัวเฟิงกลายเป็นภาพเลือนรางจากการเตะอย่างต่อเนื่อง

“มีความรู้สึกบางอย่าง”

“ใช่ ส่งพลังออกไป”

“ต้องอย่างนี้!”

เพราะหลัวเฟิงสำเร็จขั้นที่สามของวิชาดาบสายฟ้า 9 ขั้นแล้ว จึงง่ายมากที่เขาจะไต่ระดับพลังขาถึง 1.4 เท่าได้ ด้วยเหตุนี้หลัวเฟิงจึงลองพุ่งไปมาหน้าหลังอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าภายในห้องขนาด 25 ตารางเมตรนี้ ขณะเดียวกันเขาก็ขยับหลบออกซ้ายขวาอย่างรวดเร็วด้วย เขาได้เริ่มฝึกฝนเทคนิคของเขาแล้ว

เมื่อเกิดการต่อสู้ในชีวิตจริง ร่างกายจะต้องปรับเปลี่ยนทิศทางอยู่ตลอดเวลา การถ่ายพลัง 1.4 เท่าไปใช้อยู่ตลอดเวลาแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากกว่าการใช้พลังเดิมที่มีอยู่ในตัว

หลังจาก 20 นาทีผ่านไ ขาทั้งสองของหลัวเฟิงก็ได้ระเบิดพลัง 1.4 เท่าออกมาอยู่หลายครั้ง!

หลัวเฟิงเคยสามารถระเบิดพลังออกมาได้ถึง 2.8 เท่าแล้วเมื่อตอนที่เขาฝึกดาบครั้งก่อน เขาเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้ ดังนั้นตอนนี้เขาแค่ต้องประยุกต์สิ่งนั้นมาใช้กับขาของเขา สิ่งเดียวที่เขาต้องการตอนนี้ก็คือให้เวลากับมันเท่านั้น

………

ต่อไปค่อขั้นที่สองของวิชาดาบสายฟ้า 9 ขั้น ความพยายามคือต้องระเบิดพลังออกมาให้ได้ 2.1 เท่า

……….

“หลัวเฟิง! มันจะไม่ฝึกหนักไปหน่อยเหรอ? ฝึกโหดในห้องใต้ดินในวันแรกของการเข้าร่วมค่ายเนี่ยนะ? นี่มันเกือบจะ 2 ทุ้มแล้วนะ รุ่นพี่ชาวจีนของนายพวกเขากำลังรอเลี้ยงต้อนรับนายอยู่นะ” รุ่นพี่จ้าวรั่วส่งเสียงแจ้วมาจากด้านนอก

ภายในห้องฝึก…

หลัวเฟิงที่ไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ได้ ในที่สุดเขาก็หยุดมือลงพร้อมด้วยร่างกายอันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

“เกือบ 2 ทุ่มแล้วเหรอ? เราเข้ามาที่ห้องฝึกใต้ดินนี้เมื่อราวๆ 4 โมงเย็น คิดไม่ถึงว่าผ่านไปตั้งหลายชั่วโมงแล้ว” หลัวเฟิงรู้สึกอิ่มใจอยู่ลึกๆ “แค่ราวๆ 3 ชั่วโมง ขาของเราก็ชักจะได้ที่แล้วแฮะ เราสามารถคงสภาพพลัง 2.1 เท่าได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักแล้ว สำหรับพลัง 2.8 เท่าเดี๋ยวเราค่อยมาว่ากันวันหลังแล้วกัน”

หลัวเฟิงพุ่งออกไปจากห้องฝึกอย่างรวดเร็ว

“รุ่นพี่ ผมขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ เดี๋ยวผมตามไป” หลัวเฟิงกล่าว

ในตอนนี้สายฝนด้านนอกหยุดลงแล้ว ฉื่อเจียงและจ้าวรั่วที่อยู่ในลานด้านนอกอดส่ายศีรษะแล้วหัวเราะออกมาไม่ได้หลังจากที่ได้เห็นหลัวเฟิงผู้มีเหงื่อโซมกายอยู่

“หลัวเฟิงนี่ฝึกหนักจริงๆ” ฉื่อเจียงชมเปลาะพลางหัวเราะ

“ใช่…แต่หมอนี่ฝึกหนักกระทั่งถึงทุ่มครึ่งภายในห้องฝึกใต้ดินทั้งๆ ที่งานเลี้ยงจะเริ่มในตอน 2 ทุ่มแล้วน่ะสิ” จ้าวรั่วส่ายศีรษะ เธอไม่ได้ปลกใจอะไรนักเรื่องการฝึกหนัก เพราะอันที่จริงทุกคนในค่ายนี้ต่างก็ฝึกหนักด้วยกันทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตาม มีคนไม่มากนักที่จะเริ่มฝึกหนักภายในห้องใต้ดินตั้งแต่วันแรกที่มาถึงค่ายอย่างที่หลัวเฟิงทำ

………

หลัวจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จสรรพหลัวเฟิงก็สวมชุดลำลองสบายๆ ออกมายืนอยู่ตรงกระจกหน้าห้องน้ำด้วยใบหน้าอันสดใส “กระจกเอ๋ย…มั่นใจว่าฉันจะต้องไต่พลังขึ้นถึงระดับ 2.8 ได้แน่ เมื่อเป็นเช่นนั้น ความเร็วของฉันก็จะเพิ่มขึ้นทวีคูณ! ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้ ฉันจะทะลวงหอคอยแห่งการทดสอบนั่นเข้าไปได้ถึงชั้นไหนนะ?”

ความหมายของการเพิ่มความเร็วขั้น 2 เท่าคืออะไร? พลังจะพัฒนาจนน่ากลัวนัก ถ้าหลัวเฟิงสามารถผสานพลังความเร็วคูณสองนั่นกับเทคนิคระดับกลางและเข้าปากประตูแห่งระดับสมบูรณ์แบบตอนทดสอบระดับ B ล่ะก็ การฆ่ากระทิงอำมหิต 100 ตัวก็เป็นเรื่องสบายมาก

“โอเค…ได้เวลาไปร่วมงานเลี้ยงแล้ว! ขอดูหน้าพวกอัจฉริยะชาวจีนหน่อยเถอะ” หลัวเฟิงยิ้มให้กระจกแล้วหันหลังลงบันไดไปโดยเร็ว

หลัวเฟิงพร้อมด้วยรุ่นพี่ฉื่อเจียงและจ้าวรั่วเดินออกจากหอเจียงหนานมุ่งหน้าไปจุดรวมตัวกันของนักเรียนชาวจีน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version