ตอนที่ 1315 การเชิญจากบรรพบุรุษเทพ
หลังจากนั้นไม่นาน…
“ข้าไม่รู้เบอร์ติดต่ออาจารย์ยูฮันโบ หากได้เข้าจักรวาลเสมือน อาจารย์ก็จะสามารถเห็นเบอร์ติดต่อของข้าในรายชื่อได้ในทันที ท่านสามารถติดต่อข้าได้ตลอดเวลาที่ต้องการ อาจารย์ยูฮันโบและบาบาต้าไม่ได้เจอกันมานานแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน”
หลัวเฟิงหันหลังและหายไปในทันที
ยูฮันโบและทาสวิญญาณของเขารู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าหลัวเฟิงจากไป
“พี่ใหญ่ นายท่านหลัวเฟิงต้องการขอบคุณท่าน แม้ว่าท่านจะตายไปนานแล้ว แต่ท่านก็ได้สั่งสอนเขาและทิ้งมรดกซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเขา ไม่จำเป็นต้องกลัวไป…พี่ใหญ่และทุกคนทำไมถึงกลัว เขาไม่แม้แต่จะพูดคุยกับท่าน”
“ฟังดูง่ายแม้เราจะเข้าใจมัน นั่นมันเจ้าแห่งจักรวาลนะ…บาบาต้า!! สำหรับเรา ผู้นำจักรวรรดิแกนวูถือเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณอันไม่น่าเชื่อ แต่เจ้าแห่งจักรวาลที่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นยอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้ว่าพี่ใหญ่จะได้รับการสนับสนุนจากผู้นำทางช้างเผือก แต่เราก็ไม่ได้รู้จักเขา เขาอาจจะฆ่าเราได้หากเรามองเพียงแค่ครั้งเดียว” สิ่งมีชีวิตมนุษย์ลิงกล่าว
ยูฮันโบหายใจเข้าลึกๆ พร้อมลูบหัวบาบาต้า “บาบาต้า เจ้าได้ต่อสู้ด้วยกันกับเขามาตั้งแต่เขายังคงอ่อนแอมาก่อน เจ้าได้เติบโตพร้อมกับเขาจึงสบายใจกับเขา แต่เราไม่ได้รู้จักกับเขาโดยตรงจึงต้องประพฤติตัวให้ดี แม้ว่าเขาจะเป็นหนี้บุญเจ้าและข้า ข้าก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรประมาทได้”
ทุกคนที่อยู่รอบๆ พยักหน้า
เมื่อยู่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ แม้ว่าจะมีบุญคุณต่อกันก็ต้องคอยระวัง สิ่งมีชีวิตอย่างเจ้าแห่งจักรวาลสามารถที่จะฆ่าสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์นับพันล้านดวงดาว มันธรรมดาที่สิ่งมีชีวิตธรรมดาอย่างอมตะจะต้องหวาดกลัว นักสู้ระดับอมตะไม่อาจแม้ที่จะหวังจะได้เห็นเจ้าแห่งจักรวาลแม้ตลอดชีวิตของเขา
“ข้าเข้าใจที่พี่พูด แม้ว่านายท่านหลัวเฟิงจะหยุดพลังของเขาเอาไว้และปฎิบัติกับข้าเหมือนก่อน แต่ข้าก็ยังคงรู้สึกประหม่าในบางครั้งที่ไปเรียกเขาว่า หลัวเฟิง ในก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้นแล้ว”
“แม้ว่าสิ่งมีชีวิตสูงสุดจะไม่เปิดเผยความสง่างามของเขาโดยตรง แต่เราก็ยังเคารพเพราะสถานภาพของเขา ผู้ที่ไม่รู้จักเคารพจะอยู่ได้ไม่นาน ข้าไม่คิดว่ามรดกของข้าจะช่วยปลูกฝังสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่เช่นนี้”
“เจ้าต้องเล่าเรื่องราวของผู้นำทางช้าเผือกให้เราฟัง” ชายผิวเหลืองที่อยู่ด้านหลังกล่าว
บาบาต้าพูดถึงเรื่องราวตั้งแต่เขาพบกับหลัวเฟิงครั้งแรก พูดถึงความเชื่อมโยงระหว่างเขาและยูฮันโบนั้นเป็นมาอย่างไร
หลังจากบาบาต้าสรุปเรื่องราวเสร็จ ยูฮันโบและทาสวิญาณก็รู้สึกเหลือเชื่อ
หลัวเฟิงที่พูดคุยกับพวกเขาในช่วงเวลาสั้นๆ ได้สร้างความกังวลเกินกว่าที่พวกเขาจะพูดคุยกันได้
สำหรับยูฮันโบและทาสวิญญาณอยากรู้ว่ามนุษย์โลกกลายเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ในเวลาเพียง 2 แสนปีได้อย่างไร พวกเขารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนช่วยเหลือ และเข้าใจว่าตัวเองได้มีอนาคตที่ดีรอพวกเขาอยู่ตราบที่ไม่ทำอะไรโง่ๆ ตอนนี้พวกเขาได้เชื่อมต่อกับสิ่งมีชีวิตสูงสุด
“ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนายท่านหลัวเฟิงก่อนที่เขาจะเป็นอมตะ หลังจากที่เขาเป็นอมตะแล้วพลังของเขามากขึ้นเรื่อยๆ พอมาอยู่ถึงจุดนี้ข้าก็เริ่มรู้น้อยลงเรื่อยๆ เรื่องราวที่ข้ารู้ก็ยังคงเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมาก นายท่านหลัวเฟิงมีจิตใจและอำนาจจิตที่สมบูรณ์แบบ เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หาใครเทียบไม่ได้ ข้าจะบอกเกี่ยวกับหายนะบนดาวโลกและการแข่งขันอัจฉริยะ…”
———–
หลัวเฟิงได้เดินไปยังพื้นที่เงียบสงบในทางช้างเผือก
ยิ่งสถานะเขาสูงเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว ครอบครัวของเขาไม่ได้ถูกทำให้เหินห่าง แต่กับเพื่อนนั้นไม่อาจที่จะพูดเช่นนั้นได้ เขาต้องแยกทางกับเพื่อนๆ ของเขาเช่น หง เทพสายฟ้า ทว่าเพื่อนที่เติบโตมาพร้อมกับเขาอย่าง เหว่ยเหวิน ที่ไม่รู้เกี่ยวกับระดับสูงของเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังคงทำตัวเหมือนเดิมกับหลัวเฟิง
“แม้ว่าจะหยุดพลังตัวเองเอาไว้พวกเขาก็ยังคงหวาดกลัว ถ้าปล่อยพลังออกมา แม้กับอัศวินก็ไม่กล้าที่จะสบตา”
หลัวเฟิงรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง เมื่อเขาทำการฟื้นคืนชีวิตยูฮันโบและทาสของเขาก็ทำให้นึกถึงเพื่อนๆ ของเขาที่เคยมีมาก่อน เหมือนทีมค้อนเพลิงที่เขาได้เริ่มเป็นนักสู้ แม้แต่เพื่อนที่ต่อสู้กันจนตายกับอสูรเขาทอง
เขาไม่สามารถที่จะทำการชุบชีวิตของสิ่งมีชีวิตระดับดวงดาวได้ พวกเขานั้นมีอายุเพียง 1 พันปีเท่านั้น หากคืนชีวิตให้กับพวกเขา เวลาจะกลับย้อนคืนมาลงโทษกับหลัวเฟิงโดยตรง หลัวเฟิงจะต้องเป็นคนแบกรับเส้นทางเวลาเหล่านั้น
อมตะนั้นสามารถที่จะแบกรับเวลาได้อย่างง่ายดาย ด้วยร่างกายของผู้ที่อ่อนแอจะสลายหายไปเมื่อเวลาได้ผ่านไป หากไม่มีหลายร่างพวกเขาก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว หลัวเฟิงไม่มีทางช่วยเหลือพวกเขาได้แม้ว่าจะย้อนเวลากลับไปก็ตาม มันเป็นจุดอ่อนของการย้อนเวลาที่มีข้อยกเว้นบางอย่างสำหรับมัน
หลัวเฟิงถอนหายใจแล้วบินไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทางช้างเผือกที่วังของหลัวเฟิงตั้งอยู่
หลังกลับมาที่วังทางช้างเผือก หลัวเฟิงก็ทำการสร้างกาลอวกาศและเวลารอบๆ ขึ้นมาใหม่ ด้วยการควบคุมของเขาทำให้แยกกาลอวกาศและเวลาออกจากรอบๆ แม้ว่าจะมียานอวกาศผ่านไปก็ไม่มีทางผ่านเข้ามายังห้วงเวลานี้ได้
หลัวเฟิงได้เริ่มต้นฝึกฝนครั้งแรกหลังจากได้เป็นเจ้าแห่งจักรวาล
บ้านของหลัวเฟิงนั้นกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในทางช้างเผือก เขาได้รับชื่อเสียงอย่างมากในสงครามที่ไม่ปรากฎให้ทุกคนทราบ แล้วมันเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตสูงสุดในจักรวาลดั้งเดิม บ้านของเขาจึงถูกเรียกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทางช้างเผือก
เรือสุสานมีความยาวหนึ่งหมื่นล้านกิโลเมตรภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทางช้างเผือก หลัวเฟิงทำการฝึกฝนอยู่ในพื้นที่สืบทอด
“ตั้งแต่ได้รับมรดกจากการสร้างเทคนิคดาบก็ไม่ได้ทำการสร้างเทคนิคใดๆ อีก ข้ายังใช้การแกะสลักระดับที่สามของหอคอยดวงดาวที่มีความซับซ้อนพอๆ กับเทคนิคดาบที่สร้างได้” หลัวเฟิงนำหอคอยดวงดาวลอยขึ้นมาที่ฝ่ามือ
การใช้งานแกะสลักนั้นง่ายกว่าการสร้างขึ้นมาใหม่ เช่นเดียวกับเจ้าแห่งจักรวาลที่ใช้สมบัติที่มีการแกะสลักระดับเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดแต่ไม่สามารถที่จะสร้างเทคนิคระดับนั้นขึ้นมา หลัวเฟิงที่สามารถที่จะสร้างการแกะสลักระดับเดียวกับระดับสามของหอคอยดวงดาวได้ เขาจึงสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากการแกะสลักระดับสูงกว่านั้นได้
“หอคอยดวงดาวนั้นลึกลับมากจากสมบัติที่มีทั้งหมด” หลัวเฟิงคิด
ก่อนสงครามหลัวเฟิงมีความรู้สึกสับสนกับการยอมรับเป็นเจ้านายของหอคอยดวงดาวอย่างมาก ด้วยความสามารถที่เขามีจึงยังไม่พบความสามารถพิเศษของมันจริงๆ ก็เพราะว่าตัวเขานั้นยังแข็งแกร่งไม่พอ
หลังจากสงครามหลัวเฟิงก็ได้รับรู้ถึงข้อพิเศษของมันอย่างหนึ่งในการปกป้องวิญญาณที่มากยิ่งกว่าสมบัติแท้จริงสูงสุดใดๆ
“ต้องทำความเข้าใจมันอย่างละเอียด”
หลัวเฟิงใช้เวลาในการทำความเข้าใจการแกะสลักในทันที
ด้วยเวลาในพื้นที่สืบทอดนั้นเร็วกว่าภายนอกนับหมื่นเท่าหรือมากกว่านั้น สิ่งที่ทำให้มันมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิมเป็นเพราะเขาได้พัฒนาเป็นเจ้าแห่งจักรวาล
เวลาได้ผ่านไปเกินกว่าร้อยปีห่างจากภายนอกอย่างมาก
หลัวเฟิงเปิดตาขึ้น “ทำไมโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลถึงหาตัวข้า ข้าคงต้องไปพบเขา”
หลัวเฟิงรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย โรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลมักจะให้คำสั่งเช่นนี้เป็นปกติ ด้วยสถานะของเขาที่แตกต่างไปจากเดิมหลังสงคราม การที่บรรพบุรุษเทพเรียกเขาเช่นนี้แสดงว่าต้องการตัวเขาจริงๆ เขาสามารถที่จะส่งตัวแทนเรียกเขามาหาได้โดยตรง
“หลังจากพูดคุยกับบรรพบุรุษเทพทั้งสามก็ไม่มีคนใดนั้นหยิ่งเลย มันต้องมีเหตุผลที่เขาจะมาเรียกเช่นนี้” หลัวเฟิงคิด
หลัวเฟิงได้เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นยอดในจักรวาลดั้งเดิมจะต้องได้รับความเคารพซึ่งกันและกันจากสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ทำการพูดคุยกัน
หลัวเฟิงหายตัวไปจากเรือสุสาน
———-
เกาะโบฮีเนียลในดินแดนลับบรรพบุรุษเทพ
หลัวเฟิงในชุดคลุมปรากฎขึ้นภายในวังที่เขาอาศัยอยู่ในเกาะโบฮีเนียล
“นานแล้วที่ไม่ได้มาที่นี่” หลัวเฟิงมองไปรอบๆ
“หลัวเฟิงมานี่ มีสิ่งสำคัญที่จะต้องบอกเจ้าสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์” เสียงดังขึ้นมาถึงหลัวเฟิง