ตอนที่ 1380 : พลังของดวงตาศักดิ์สิทธิ์
สูงขึ้นไปนั้นมีดวงตาศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่มองลงมาที่นักรบทั้ง 40 คน เสียงโบราณได้ดังก้องในหัวของพวกเขา “นักรบทั้ง 40 คน จากพลังที่พวกเจ้าได้แสดงออกมาสองชั้นแรก…ในชั้น 3 นี้จะมีแค่ 15 คนที่รอดไปได้! 15 คนที่รอดจากชั้นสามจะขึ้นไปยังชั้น 4 และได้รับรางวัล จนกว่าพวกเจ้าจะผ่านพ้นวิกฤตในชั้น 3 ได้ การเข้าไปในยานเป็นข้อห้าม การทำแบบนั้นจะถือว่าพวกเจ้าล้มเหลว และพวกเจ้าก็จะถูกกำจัด”
คำพูดนี้ทำให้ หลัวเฟิง ช็อก มันจะมีคนรอดแค่ 15 คนได้ยังไง?
นักรบส่วนมากพากันกังวล พวกที่รอดมาถึงชั้นสามได้แน่นอนว่าต้องโดดเด่น แต่มันก็ยังมีมากกว่าครึ่งที่ต้องตาย!
นอกจากคนอย่าง หลัวเฟิง แล้ว นักรบคนอื่นไม่กล้าที่จะบอกว่าตัวเองจะรอดจากชั้นนี้ไปได้
ฮ่ง! ฮ่ง!
เสียงระเบิดอีกสองอันดังขึ้นมา และมีกิ่งกับใบแผ่ออกมาทั่ว พวกมันเปล่งแสงสีทองออกมา และฟาดเข้าใส่นักรบทุกคน เมื่อได้รับการฟาดแสงนั้น นักรบที่สภาพน่าสงสารซึ่งเหลือพลังอมตะแค่เพียง 1% ก็โดนกำจัดไป
“อะไรกัน!”
“มันฆ่านักรบไปแล้ว!”
พวกคนที่รอดมาได้ต่างก็แสดงสีหน้าช็อกออกมา แม้แต่ หลัวเฟิง ก็ยังมองตาม นักรบที่เคลื่อนไหวก่อนคือร่างต้นไม้ และดอกไม้อันหนึ่งของเขาก็ฮึดฮัดออกมา “หอคอยวูฉีบอกว่ามีแค่ 15 คนที่รอดไปได้ แต่มันไม่ได้ห้ามให้เราสู้กันเอง ยิ่งข้าฆ่าคนมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีคู่ต่อสู้น้อยลง ฮ่า ฮ่า! เจอกับวิบัติซะ”
การทรมานจากโลกย่อยที่พวกเขาเพิ่งผ่านมาในชั้นสองทำให้นักรบส่วนมากต้องบาดเจ็บ คนที่อ่อนแอที่สุดเหลือพลังไม่ถึง 1 ส่วน 1,000
“หนี!”
“ไปกันเถอะ!”
“ระวังตัวด้วย!”
นักรบหลายคนถือว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บหนัก พวกเขาพากันกระจายตัวกันหนีเพื่อเว้นระยะห่างกับนักรบที่แข็งแกร่ง แต่สูงขึ้นไปนั้นดวงตานั่นยังคงห่อหุ้มมิติกว่า 1 พันล้านกิโลเมตรเอาไว้ด้วยแสง ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามหนีกันยังไง มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะออกจากพื้นที่นี้ได้ ตอนนั้นพื้นที่ในขอบเขตแสงตกอยู่ในความวุ่นวาย
หลัวเฟิง ยืนอยู่กับที่โดยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว นอกจากนี้ไม่มีนักรบเลยสักคนที่กล้าเข้าใกล้เขา แม้แต่นักรบที่หยิ่งทะนงที่สุดก็ไม่กล้าจะโจมตีเขา
ฮ่ง! ล่ง! ล่ง!
ตาบนท้องฟ้าได้เปล่งแสงออกมา ลำแสงสีทองถูกยิงลงมา
“อ่ะ! นี่มัน….”
นักรบหลายคนที่ยังสู้กันอยู่ก่อนหน้านี้รู้สึกได้ว่าวิญญาณถูกอัดด้วยแรง(ประทับวิญญาณ) หลายคนหยุดสู้กัน พวกเขาต้องโฟกัสกับการป้องกันตัว ไม่มีใครรู้ว่ามีอันตรายแบบไหนรออยู่ในชั้น 3 ถ้ามันมีอันตรายที่น่ากลัว และพวกเขายังคงสนใจแต่การต่อสู้ งั้นพวกเขาก็จะมีแต่พบกับพิบัติ
ไม่นานหลังจากนั้นนักรบ 3 จาก 40 คนก็โดนกำจัด ทั้งสามอยู่ในสภาพปางตายจากการบาดเจ็บจากชั้นสอง พวกเขาโดนโจมตีจนตาย แม้แต่สมบัติประเภทเครื่องจักร, เกราะ และอาวุธต่างก็ถูกชิงไป
“โชคดีที่ ทางช้างเผือก ผู้นี้ไม่ลงมือ” ซูซ่ง มองไปที่ หลัวเฟิง จากนั้นเขาก็เอียงหัวมองขึ้นไปยังท้องฟ้า
นักรบหลายคนเองก็มองไปที่ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ได้ปล่อยแสงสีทองห่อหุ้มทุกอย่างเบื้องล่างเอาไว้ พลังของแรงนี้ยากที่พวกเขาจะรับได้ไหว
“ชั้น 3 นี้…มันจะมีอันตรายแบบไหนกัน?”
“แค่เพียงดวงตาศักดิ์สิทธิ์อันเดียวรึ?”
“ชั้นสองเริ่มด้วยแผนภาพสลัก แต่หลังจากนั้นก็มียักษ์หินโผล่มา ใครจะไปรู้? มันอาจะมีอันตรายที่อาจจะโผล่มาตอนไหนก็ได้ในชั้นนี้”
นักรบต่างก็เข้าใจ มันถึงกับมีบางคนที่บินขึ้นไปในอากาศไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้กับพื้นดินเผื่อว่าจะมีอะไรโผล่มาจากพื้น
แสงสีทองไม่รู้จบสาดลงมายังพื้นหญ้า และที่นักรบทุกคน พลังของมันยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“พลังจิตนี้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!”
“เป็นไปได้รึไม่ว่ามันเป็นการทดสอบของชั้น 3? การทดสอบพลังจิต?”
นักรบพากันต่อต้านมัน ไม่มีใครคิดจะยอมแพ้ง่ายๆ พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าชั้นสามคือชั้นสุดท้ายที่มีภัยแห่งความตาย เริ่มจากชั้น 4 ไปแล้วพวกเขาจะได้รับรางวัล ใครบ้างที่จะไม่กล้าเสี่ยง?
หลัวเฟิง ทนรับแรงพลังจิต เขาถอนหายใจกับตัวเอง ไม่แปลกใจเลยว่าพวกนักรบที่บาดเจ็บหนักมาจะไม่ได้รับการรักษาตัวใดๆ นี่คือการทดสอบพลังจิต การเสียพลังอมตะส่งผลอย่างมากกับพลังต่อสู้ แต่พวกเขาก็ได้รับผลจากพลังจิตนี้ตอนที่เวลาผ่านไปประมาณ 1 นาที
“พลังจิตนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!” หลัวเฟิง หันกลับไปมองที่ ซูซ่ง ที่ซึ่งอยู่ในร่าง ปีกอสูร “พลังจิตนี้ไม่ได้ส่งผลต่อข้าเลยแม้แต่น้อย! ข้าต้องคว้าโอกาสนี้ในตอนที่พลังจิตนี้ยังคงอ่อนแอและกำจัดเขาก่อน!”
ซู่!
ความเร็วของ หลัวเฟิง ทะยานขึ้น เขาบินเข้าหา ซูซ่ง ที่อยู่ไกลออกไปในทันที
***
ซูซ่ง ที่กำลังต่อต้านพลังจิตอยู่ได้มองไปรอบๆ เขาอาจจะมีปีกอสูร ซึ่งน่าประทับใจในเรื่องการหนี แต่ตอนที่เขาอยู่ในชั้น 2 เขาได้รับบาดเจ็บหนักเพราะ ปีกอสูร นั้นอ่อนเรื่องการโจมตี แม้ว่าเขาจะสามารถฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาได้บ้าง แต่เมื่อเข้ามาในชั้นสอง เขาก็ฟื้นฟูร่างเทพมาได้แค่ 50% พลังของเขาเหลือแค่ 1 ส่วน 10!
แน่นอนว่าเขาต้องระวังตัวมากเป็นพิเศษ
“หือ?” ซูซ่ง เห็นลำแสงบินเข้ามาหาเขา “ทางช้างเผือก!”
ซู่!
ซูซ่ง เปลี่ยนเป็นนกขาวตัวขนาดใหญ่ และเร่งความเร็วบินออกไป ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ส่งข้อความเสียงไป “ทางช้างเผือก ทางช้างเผือก! เราต่างก็มาจากกองทัพตะวันออก ทำไมเจ้าต้องมาไล่ตามข้าด้วย?”
“ถ้าข้าไม่ฆ่าเจ้า ใครกันที่ข้าควรจะฆ่า?” หลัวเฟิง ส่งเสียงกลับไปอย่างเย็นชา
ซูซ่ง ใจหล่นวูบ ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในชั้นแรก เขาได้ทำการโจมตี หลัวเฟิง ตอนนั้นเขาก็ได้บอกแบบนี้กับ หลัวเฟิง ตอนนี้มันกลับกันแล้ว
ซูซ่ง สิ้นหวังและตอบกลับ “ทางช้างเผือก ตราบใดที่เจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะยกสมบัติประเภทเครื่องจักรให้เป็นคำขอโทษ”
“ฮึ่ม!” หลัวเฟิง ตอบกลับด้วยการแค่นเสียงอย่างเย็นชา
เป้าหมายของเขาคือผ่านชั้นนี้ไป หลัวเฟิง ไม่ได้สนใจในเรื่องการฆ่า แต่เขานั้นเกลียดคนแบบ ซูซ่ง ต่อหน้าทำตัวเป็นพี่น้อง แต่ตอนที่หันหลังให้ พวกนั้นกลับจะโจมตี ย้อนกลับไปตอนที่ หลัวเฟิง ยังไม่ได้ยิ่งใหญ่ เขาได้เจอกับการที่เพื่อนของเขา โม่ลู่ ได้โจมตีเขาตอนที่เดินทางในภูเขาปีศาจ ตั้งแต่นั้นมา หลัวเฟิง ก็เกลียดคนแบบนี้
ซูซ่ง?
แน่นอนว่าเขาต้องฆ่าอีกฝ่าย!
***
หลัวเฟิง ไล่ตาม ซูซ่ง ไป
ซูซ่ง อยู่ในร่างนกยักษ์ และแม้ว่าพลังของเขาจะเหลือแค่ 1 ส่วน 10 จากที่มีตอนแรก แต่ความเร็วของเขาก็ยังเร็วกว่า หลัวเฟิง มาก
“ลุกไหม้!”
ด้วยการสั่งการทางความคิด หลัวเฟิง ได้ใช้คู่มือแรกของการกำจัด และความเร็วของหลัวเฟิง ในร่างเทพกรงเล็บทองคำ ก็เพิ่มขึ้น เขามีปีกซื่อหวู๋ซึ่งปรับความเร็วในระหว่างที่บินได้ เขาอาจจะไม่ได้เอามันมาในโลกแห่งจิน แต่เขาก็ได้ศึกษามันมาถึง 8 ล้านยุค เขาได้ศึกษาปีกซื่อหวู๋ และสมบัติทั้งหมดพร้อมกับเทคนิคลับหลายอย่างรวมไปถึงเทคนิคร่างกายอย่างการไหลของทองที่เหมาะสำหรับการเพิ่มความเร็ว
ฮัวะ!
ความเร็วของ หลัวเฟิง พุ่งขึ้นแบบติดจรวด
“ทางช้างเผือก ทางช้างเผือก ทางช้างเผือก!” ซูซ่ง หันกลับมามองด้วยสีหน้าลนลาน “จะต้องทำยังไงให้เจ้าปล่อยข้าไป?”
หลัวเฟิง ส่งข้อความเสียงกลับไป “ตอนที่เจ้าไปดีแล้ว เป็นธรรมดาที่ข้าจะปล่อยเจ้าไป”
พวกเขาบินไปมาด้วยความเร็วที่น่ากลัว พื้นที่ในขอบเขตแสงถูกห่อหุ้มโดยดวงตาศักดิ์สิทธิ์ มันกว้าง 1 ล้านกิโลเมตร ดูจากความเร็วของพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่ต้องใช้เวลาถึง 1 วินาทีในการเดินทางไปทั่วทั้งเขตนี้ นี่คือเหตุผลที่ ซูซ่ง ถึงได้บินเป็นเส้นโค้ง
“หือ?” หลัวเฟิง เข้าถึงตัวอีกฝ่ายไม่ได้แม้ว่าจะไล่ตามมาครึ่งนาที บางทีเพราะ ซูซ่ง เผชิญหน้ากับความตาย เขาจึงทุ่มสุดตัวหรือบางทีเพราะ ปีกอสูร นั้นโดดเด่นเรื่องการบิน
“ถ้าข้าใช้ขั้นสองของการกำจัด ข้าก็สามารถจับเจ้าได้ในทันที” หลัวเฟิง ส่ายหน้ากับตัวเอง ในบึงเก้าหมอกเขากล้าที่จะใช้ขั้นสองของการกำจัดเพราะพื้นที่นั้นไม่ได้อยู่ในการควบคุมของนักรบ แต่ที่หอคอยแห่งนี้ทุกการเคลื่อนไหวของเขาจะโดนจับตามอง ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เขาไม่คิดจะใช้ขั้นสองของการกำจัด
“มาดูกันว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน” หลัวเฟิง ยังไล่ตามต่อไปบังคับให้ ซูซ่ง ต้องระวังตัวตลอดเวลาจนไม่มีโอกาสได้พัก
ซูซ่ง ตอนนี้รู้สึกผิดกับตัวเองอย่างมาก
***
เวลาได้ผ่านพ้นไป ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ได้เปล่งแสงที่มีพลังจิตลงมาอย่างต่อเนื่อง ตอนแรกพวกนักรบรับมือได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้จำนวนนักรบที่รู้สึกได้ถึงแรงกดดันก็เพิ่มมากขึ้น
“แรงของพลังจิตนี้ขึ้นถึงขีดจำกัดของ เจ้าแห่งกฏ แล้ว!”
นักรบบางคนอยู่ในสภาพน่าอนาถ พวกเขาอาจจะเป็นนักรบระดับสูงกันหมด แต่ส่วนมากมาถึงทางตันโดยมีพลังจิตที่ระดับเทพแท้จริง มันมีหยิบมือหนึ่งที่มาไม่ถึงระดับนี้
“ตายซะ!”
“ตาย!”
ตอนที่ทนรับพลังจิต นักรบที่ยังคงต่อสู้ และฆ่ากันอยู่โดยเฉพาะนักรบที่รู้สึกว่าตัวเองด้อยเรื่องพลังจิตต่างก็ทุ่มสุดตัวในการกำจัดคู่ต่อสู้
“ยิ่งเราฆ่าเท่าไหร่ คู่ต่อสู้ยิ่งน้อยเท่านั้น ตราบใดที่มี 15 คนเหลืออยู่ ทุกอย่างก็จะจบ”
“ตาย!”
ทุกอย่างตกลงสู่ความมืดมิด
นักรบ 30 คนได้เปลี่ยนเป็นลำแสงและบินตัดไปมา ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นที่พวกเขาต้องสู้กันเพื่อเอาตัวรอดพร้อมกับต้านทานพลังจิต ตอนที่พวกเขาลดการป้องกัน พวกเขาก็จะโดนโจมตี พวกที่ช้าหรือมีพลังอ่อนแอกว่าเริ่มโดนฆ่า จำนวนของนักรบเริ่มลดลงเพราะแรงจากพลังจิตจากดวงตาศักดิ์สิทธิ์เริ่มรุนแรงขึ้น นักรบก็เริ่มกลัวมากขึ้น
ตอนแรกตอนที่พวกเขาสู้กัน แรงจากพลังจิตนั้นเป็นเพียงภัยเล็กๆ แต่ตอนนี้พลังของมันเกินขีดจำกัดของนักรบหลายคนแล้ว
“ไม่!”
“ไม่!”
ตอนที่แรงของพลังจิตนี้เกินขีดจำกัดของ เจ้าแห่งกฏ…
ฮ่ง! ฮ่ง! ฮ่ง! ฮ่ง! ฮ่ง! ฮ่ง!
นักรบ 9 คนที่บินไปมาคอยสู้กันอยู่เริ่มรู้สึกได้ถึงผลที่แสดงผ่านร่างกาย ต่อมาพวกเขาก็หมดสติแล้วล้มลงไป ชัดแล้วว่าแรงของพลังจิตนี้มากเกินกว่าจะรับไหว สูงขึ้นไปนั้นมีดวงตาศักดิ์สิทธิ์ที่ยิงลำแสงสีม่วงออกมา!
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
ลำแสงสีม่วง 9 อันนี้ได้ยิงเข้าใส่นักรบ และฆ่าพวกเขาเหลือทิ้งไว้เพียงเกราะ, สมบัติเครื่องจักร และของอื่นๆ
“ฮึ่ม!” หลัวเฟิง ที่ซึ่งไล่ตาม ซูซ่ง อยู่ได้โบกมือเก็บสมบัติทุกอย่างของ 1 ใน 9 นักรบที่โดนฆ่า “มันมีสมบัติค่อนข้างเยอะ”
เขากวาดตามองรอบๆ “ชั้นสามแห่งนี้ให้โอกาสที่ดีในการหาสมบัติ ถ้าข้าพลาดโอกาสนี้ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะพบโอกาสแบบนี้ในอนาคตเมื่อไหร่”
นักรบทุกคนที่นี่คือคลังสมบัติเคลื่อนที่ได้ นักรบทุกคนมีสมบัติเครื่องจักรอย่างน้อย2 ชิ้น ยังไงซะพวกเขาก็ผ่านชั้นแรก และชั้นสองมาได้
“อ๊ะ!” ไกลออกไป ซูซ่ ที่พยายามจะหนี “ข้าต้องหนี…ข้าต้องหนี! ข้าตายไม่ได้! อ๊ะ! แรงของพลังจิตนี่เริ่มแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ข้าไม่คิดว่าข้าจะทนรับไหว”
หึ่ง!
ดวงตาศักดิ์สิทธิ์เปล่งแสงออกมาใส่พื้น และนักรบทุกคน พลังจิตของลำแสงสีทองนั้นเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป นักรบที่ไม่อาจจะทนรับไหวมีแต่จะโดนกำจัด!
มีแค่ 15 คนที่รอดไปได้!