ตอนที่ 1451 : เทคนิคทั้งห้าของอสูรทลายมิติ
หลัวเฟิง เดาและเข้าใจบางอย่างขึ้นมา
จาก อสูรทลายมิติ 33 ตัวนั้นจะมีตัวหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าเดิมกำเนิดมา จากอัตรานี้แล้ว จากพันล้านตัวในระดับแรก
มันจะมีระดับสอง 30 ล้านตัวที่เกิดมา
ระดับ 3 อยู่ 1 ล้านตัว
ระดับ 4 อยู่ 30,000 ตัว
ระดับ 5 อยู่ 1,000 ตัว
และระดับ 6 กว่า 30 ตัว
“ตอนนี้ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ที่ระดับ 4 และส่วนมากก็อยู่ที่ระดับ 2” หลัวเฟิงคำนวณในใจ “มันจริงที่ยังอยู่ช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา อสูรทลายมิติ”
ในด้านของการพัฒนาแล้ว มันจำเป็นต้องรอจนกว่ายุคเกิดใหม่นี้จะจบลงก่อนที่ราชาจะกำเนิดขึ้นมาแต่ภัยจาก หลัวเฟิง ทำให้มันเร่งความเร็วขึ้นมา
“โมโลซ่า” หลัวเฟิง มองไปที่ อสูรทลายมิติ ตรงหน้า “พลังของ อสูรทลายมิติ เป็นแบบไหน? ระหว่างระดับ 1 กับ 6 พลังมันต่างกันมากเท่าไหร่?”
โมโลซ่า ตอบกลับตามตรง “สำหรับทุกการทะลวงระดับระหว่างการพัฒนา อสูรทลายมิติ จะแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม ตอนที่มันเกิดขึ้นมา มันอยู่แค่ช่วงเริ่มต้น มันมีวิธีทางเพียงเล็กน้อยอย่างเช่นการแยกร่างหนีหรือกลืนกินจุดกำเนิดจักรวาลย่อย…วิธีการเหล่านี้ล้วนแต่มีใน อสูรทลายมิติ ทุกตัว”
หลัวเฟิง รู้สึกได้ถึงความกดดันที่ถาโถม
“ตอนที่ อสูรทลายมิติ ก้าวข้ามไประดับ 2 พลังของมันย่อมจะแข็งแกร่งขึ้นมาและมันจะได้รับพลังเหนือธรรมชาติ” โมโลซ่า อธิบาย “ความสามารถนั้นใช้การเผาเลือด”
“เทคนิคการเผาเลือด?” หลัวเฟิง ตอบกลับ “เทคนิคนั่นคือสิ่งที่เจ้าใช้ก่อนหน้านี้งั้นรึ ท่าที่ยิงแสงสีแดงออกมาจากตาเจ้า”
เขาจำได้ว่าในตอนแรกที่เขาได้สู้กับโมโลซ่า เขาได้ใช้โซ่จักรวาลในการผูกมัดอีกฝ่าย แต่ตาทั้งสองข้างกลับยิงแสงสีแดงออกมา โมโลซ่า ทำลายโซ่และหนีไปได้ ตอนนั้นพลังของมันต่างจากเดิมไปถึงสองระดับ
โมโลซ่า ตอบกลับ “ถูกต้องนายท่าน การเผาเลือดในร่างเปลี่ยนเป็นแสงสีแดง พลังของข้าได้เพิ่มทะยานขึ้นมา! นี่คือวิธีการต่อสู้ทั่วไป ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าพบกับอาจารย์ของท่าน ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ข้าเป็นเพียงแค่ อสูรทลายมิติ ระดับ 2 ขั้นสูง ดังนั้นข้าจึงต้องใช้เทคนิคเผาเลือดอยู่หลายครั้ง”
หลัวเฟิง พยักหน้า
“เทคนิคเผาเลือดนั้นใช้เลือด มันไม่ได้เป็นอันตรายต่อจุดกำเนิด” โมโลซ่า พูดต่อ “ถ้า อสูรทลายมิติ เข้าถึงระดับ 3 ได้ มันจะได้รับทักษะที่มีไว้สำหรับการหนีจริงๆ ทางเดินส่วนแสง วิธีนี้ไร้อันตรายตอนที่ไม่ใช่มัน แต่เมื่อใช้มันแล้ว อสูรทลายมิติ จะสามารถหนีได้แทบจะทันทีแต่วิธีนี้นั้นอันตรายต่อจุดกำเนิด”
“ทางเดินที่เต็มไปด้วยแสงหลากสี” หลัวเฟิง นึกย้อน “อันที่เจ้าใช้หนีข้าด้วยการเทเลพอร์ททันทีน่ะรึ”
โมโลซ่า พยักหน้า “ใช่ แสงเหล่านั้นจริงๆ แล้วคือแสงภาคส่วน พลังงานที่ปล่อยออกมาตอนที่ข้าเผาไหม้ภาคส่วนในตัวข้า พลังงานของเวลาและมิติ มันสามารถสร้างทางเดินเวลาและมิติซึ่งข้าสามารถเทเลพอร์ทออกไปได้ทันที แต่การเผาไหม้ภาคส่วนนี้…ภาคส่วนนั้นคือจุดกำเนิดของ อสูรทลายมิติ ทุกตัว ครั้งก่อนข้าต้องลดระดับลงจากระดับ 3 มาเป็นระดับ 1 เพื่อที่ข้าจะหนี ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่านจะมีวิธีที่ทำให้ตัวเองส่งผลต่อมิติและเวลาได้ ดังนั้นข้าจึงต้องกลับไปอยู่ระดับ 1 เพื่อที่จะหนี”
หลัวเฟิง ครุ่นคิด เขาต้องพึ่งแค่คิดก็สร้างมิติเพื่อสยบ อสูรทลายมิติ เอาไว้ แค่คิดก็สร้างมิตินั้นควบคุมมิติได้ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่มันจะส่งผลต่อทางเดินส่วนแสง
“แล้วการเข้าถึงระดับ 4 ล่ะ?” หลัวเฟิง ถามต่อ
“ตอนที่เข้าถึงระดับ 4 ภาคส่วนในตัวจะแข็งแกร่งมากกว่าเดิม” โมโลซ่า ถอนหายใจ “แม้ไม่มีการเผาเลือดแต่ภาคส่วนในตัวนั้นจะแยกออกมายังโลกภายนอกได้ ดังนั้นมันจึงส่งผลต่อโลกภายนอก เขตที่ภาคส่วนนี้กระจายไปทั่วรู้จักกันในชื่อขอบเขตส่วนแสง! ในขอบเขตนี้การควบคุมของ อสูรทลายมิติ ในด้านพื้นที่ก็จะเพิ่มขึ้นและพลังเองก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย มนุษย์อย่างท่านก็ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย”
ขอบเขตส่วนแสง?
หลัวเฟิง เริ่มกังวล ดูเหมือนว่ามันจะดูคล้ายกับแค่คิดก็สร้างมิติ
“ถ้า อสูรทลายมิติ เข้าถึงระดับ 5 มันจะได้รับทักษะร้ายกาจที่แฝงไปด้วยความคิดของการทำลายจุดกำเนิด” โมโลซ่า พูดต่อ “ตั้งแต่เกิดมา อสูรทลายมิติ ไม่เคยครอบครอบพลังในการฆ่าที่แท้จริง วิธีที่มันรู้จักก็มีแค่การกินพลังงาน, เผาเลือด, หนี จนกระทั่งถึงระดับนี้ที่จะได้ท่าสำหรับการฆ่ามา มันคือเทคนิคที่ชื่อว่าการทำลาย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการก้าวข้ามจากระดับ 4 ไประดับ 5 นั้นจึงเป็นการพัฒนาพลังอย่างก้าวกระโดด”
สีหน้า หลัวเฟิง เคร่งขรึมขึ้นมา
“ทรงพลังยังไง?” หลัวเฟิง ถาม
“เมื่อใช้การทำลายออกมา การทำลายจักรวาลย่อยก็เป็นเรื่องที่ง่ายดาย” โมโลซ่าพูดขึ้น
หลัวเฟิง พึมพำกับตัวเอง การทำลายจักรวาลย่อยของเทพแท้จริงต้องใช้พลังของเทพแท้จริงมิติ ถ้าเขาพึ่งทักษะลับหรือการเผาพลังอมตะ หรือพึ่งเทพวูฉี, ดาบเงาเลือด หรือปีกซื่อหวู๋ เขาก็เข้าถึงระดับพลังนั้นได้
“น่ากลัวจริงๆ” หลัวเฟิง เริ่มกลัวกับความคิดนี้
“ท่าในการฆ่านี้มีพลังแค่บางส่วนของการทำลายจุดกำเนิด” โมโลซ่า พูดขึ้น “มีแค่ราชาที่แท้จริงเท่านั้นที่จะมีพลังในการทำลายจุดกำเนิดทั้งหมด ระดับ 5…ตอนที่มันใช้ท่านี้ออกมา มันก็ต้องเสียหายไปมากเช่นกันเพราะมันต้องใช้พลังงานอย่างมาก มันอาจจะไม่ยอมใช้ท่านี้ออกมาง่ายๆ”
“แล้วระดับ 6 ล่ะ?” หลัวเฟิง ถามทุกรายละเอียด
“ระดับ 6…” โมโลซ่า ชะงักไปชั่วขณะแล้วพูดขึ้นช้าๆ “ตอนที่เข้าถึงระดับ 6 นั้น มันแทบจะบอก อสูรทลายมิติ ตัวอื่นว่าไม่มีหวัง ระดับ 6 จะกำจัดทุกอย่างที่เป็นภัยต่อมัน มันจะฆ่าพวกระดับ 6 ตัวอื่นๆ ที่อาจจะเป็นภัยต่อมันและมันก็จะทำทันทีที่ทำได้ ตราบใดที่มันไม่ได้โง่ ตัวแรกที่เข้าถึงระดับ 6 ได้ก่อนก็จะเป็นราชา”
แม้ว่าจะกลายเป็นทาสแล้วแต่ โมโลซ่า ก็ยังค่อนข้างนับถือตำแหน่งราชา ยังไงซะตั้งแต่เกิดมามันก็มีโชคชะตาที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นราชา
หลัวเฟิง รีบถามต่อ “แล้วมีอะไรพิเศษกับระดับ 6 กัน?”
“ในด้านของความสามารถแล้ว มันแข็งแกร่งกว่าระดับ 5 เล็กน้อย” โมโลซ่า พูดขึ้น “เพราะมันมีพลังเพิ่มขึ้นมามาก มันจึงใช้การทำลายได้มากกว่าเดิมอย่างมาก”
“แล้วมีอะไรพิเศษ?” หลัวเฟิง ถามโดยไม่หยุดพัก
มันมีบางอย่างพิเศษเกี่ยวกับ อสูรทลายมิติ ในแต่ละระดับ ระดับ 6 เองก็คงไม่ต่างกัน
“10 ล้านร่าง” โมโลซ่า ตอบกลับช้าๆ
“อะไรนะ?” สมองของ หลัวเฟิง ว่างเปล่าไปชั่วขณะ
“นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม อสูรทลายมิติ ตัวแรกที่เข้าถึงระดับ 6 ได้จึงน่าจะเป็นราชาได้” โมโลซ่า พูดขึ้นช้าๆ “การเข้าถึงระดับ 6 ได้ พลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นมานั้นไม่ได้ถือว่ามหาศาลแต่เมื่อมีเทคนิคสิบล้านร่างนี้แล้ว อสูรทลายมิติ ก็จะแบ่งร่างได้ 10 ล้านร่างและกระจายมันไปทั่วทะเลจักรวาลเพื่อหลบซ่อนจากศัตรู แม้ว่าท่านจะพบหนึ่งใน 10 ล้านร่างนี้แต่การสู้และฆ่ามันก็เป็นเพียงวิธีเดียวที่ท่านจะกำจัดหนึ่งในร่างนั้นไป มันไม่ได้ส่งผลอะไรต่อมันมากนักแต่แน่นอนว่าร่างอื่นๆ นั้นก็ยังมีร่างหลักของมันอยู่ ร่างหลักนั้นคือร่างที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุด ส่วนร่างอื่นค่อนข้างอ่อนแอ…ร่างอื่นนั้นไม่ได้ใช้เพื่อสู้แต่เพื่อเพิ่มโอกาสรอด ตราบใดที่หนึ่งในร่างอื่นยังรอด มันก็จะดูดซับพลังงานเพื่อฟื้นฟูพลังของตัวเอง จากนั้นมันก็จะกลับสู่ระดับ 6 ได้ดังเดิม แม้ว่า อสูรทลายมิติ ระดับ 5 กว่า 100 ตัวร่วมมือกันฆ่าร่างหลักของระดับ 6 หลังจากผ่านไปสักพักร่างอื่นของระดับ 6 ที่ดูดซับพลังงานมาก็จะปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง…”
หลัวเฟิง พบว่าทุกอย่างมันดูบ้าสิ้นดี อสูรทลายมิติ ได้ความสามารถใหม่มาในแต่ละระดับ ตอนที่มันขึ้นถึงระดับ 6 ได้ มันก็จะได้รับความสามารถในการแบ่ง 10 ล้านร่าง
“จะฆ่ามันได้ยังไง?” หลัวเฟิง ถาม
“อย่างแรก” โมโลซ่า เริ่มพูด “ด้วยการฆ่าวิญญาณ! ตราบใดที่โจมตีและฆ่าวิญญาณของแต่ละร่างได้ ร่างอื่นๆ ก็จะถูกกำจัดไปทันทีและแน่นอนว่าสำหรับ อสูรทลายมิติ ระดับ 6 แล้ว วิญญาณของมันทรงพลังอย่างมาก…แม้แต่ท่าน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าวิญญาณของมัน อย่างน้อยก็สำหรับตอนนี้”
หลัวเฟิง พยักหน้า
“อย่างที่สอง” โมโลซ่า พูดต่อ “ฆ่า อสูรทลายมิติ ระดับ 5 ทั้งหมดที่เป็นภัยต่อท่าน การฆ่าพวกมันจะทำให้ไม่มีระดับ 6 เกิดขึ้นมา”
หลัวเฟิง เข้าใจ มันคือวิธีการรับมือล่วงหน้า
“อย่างที่สาม” โมโลซ่า พูดต่อ “ขัดโชคชะตามัน”
“โชคชะตา?” หลัวเฟิง สับสน
“ใช่” โมโลซ่า พยักหน้า “โชคชะตาของ อสูรทลายมิติ ทั้งพันล้านตัวคือให้กำเนิดราชา ดังนั้นจึงมีกฎเหล็กไม่มากนักที่ต้องทำตาม ยกตัวอย่าเช่นหลังจากที่ระดับ 6 กำเนิดขึ้นมา ถ้าระดับ 6 ตัวอื่นโผล่มา ทั้งสองต้องสู้กันจนตัวตาย แม้แต่ร่างอื่นๆ ก็ต้องเกี่ยวข้องไปด้วย ผู้ที่ชนะจะรอด ผู้ที่แพ้จะถูกกำจัด นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมสำหรับระดับ 6 แล้วไม่ว่ายังไงก็ตามก็จะมีเพียงแค่ตัวเดียวที่รอด ระดับ 6 สองตัวจะต้องสู้กันจนตัวตาย นี่คือกฎเหล็ก มันยังมีเวลาที่จำกัดที่ อสูรทลายมิติ ต้องสู้กัน นี่คือเวลาจำกัดหรือยกตัวอย่างเช่นถ้ามันมี อสูรทลายมิติ สองตัวเหลืออยู่ ตัวหนึ่งอยู่ระดับ 5 และอีกตัวอยู่ระดับ 4 งั้นพวกมันก็ต้องสู้กัน…ตัวที่รอดก็จะกลายเป็นราชา”
หลัวเฟิง ช็อกเมื่อได้ยินแบบนั้น “เจ้าบอกว่า อสูรทลายมิติ ระดับ 5 เองก็กลายเป็นราชาได้รึ?”
“ใช่” โมโลซ่า พยักหน้า “โชคชะตาของเราบ่งบอกว่าจากพันล้านตัวนี้ ตัวสุดท้ายจะได้เป็นราชาโดยไม่สนว่าอยู่ที่ระดับไหน สุดท้ายจะมีผู้รอดเพียงตัวเดียว! ตราบใดที่ตัวอื่นๆตายไป มันก็มีแค่ตัวเดียวที่รอด มันจะขึ้นเป็นราชาทันที แน่นอนว่าภายใต้เงื่อนไขทั่วไปแล้ว ตัวที่รอดสุดท้ายก็จะอยู่ระดับ 6”
สิ่งที่ โมโลซ่า พูดนั้นทำให้ หลัวเฟิง หนักใจ สิ่งมีชีวิตนี้สมกับเป็นตัวแทนแห่งการทำลาย แม้ว่ายังไม่มีราชาแต่พวกมันก็ยังน่ากลัว
การก้าวข้ามมาถึงระดับ 2 จะมีเทคนิคเผาเลือด
เข้าถึงระดับ 3 จะมีทางเดินส่วนแสง
ระดับ 4 จะมีขอบเขตส่วนแสง
ระดับ 5 จะมีเทคนิคการทำลายล้าง
ระดับ 6จะมีแยก 10 ล้านร่าง
แล้วจะเป็นยังไงถ้า อสูรทลายมิติ เป็นราชาได้?
“ตอนที่ราชากำเนิดมา” โมโลซ่า พูดออกมาอย่างหนักใจ “ไม่มีใครหยุดมันได้! นายท่าน แม้ว่าท่านจะแข็งแกร่งกว่านี้สักสิบหรือร้อยเท่า ท่านก็ยังไม่อาจจะหยุดราชาได้ นี่เพราะราชาอสูรทลายมิติ นั้นไม่จำเป็นต้องลงมือเอง มันสามารถให้กำเนิดนักรบที่แข็งแกร่ง แค่เพียงคนเดียวก็มีพลังน่ากลัวกว่า อสูรทลายมิติ ระดับ 6 แม้ว่าท่านจะเอาชนะคนหนึ่งได้แต่มันก็จะให้กำเนิดคนอื่นออกมาอีกซึ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม สุดท้ายท่านจะเป็นฝ่ายที่ถูกกำจัด”
****
ในที่สุด หลัวเฟิง ก็เข้าใจว่าทำไมจิตจักรวาลดั้งเดิมถึงได้คาดหวังกับเขา ดูจากพลังของอสูรทลายมิติ แล้ว แม้ว่าจะไม่พัฒนาตัวเอง แต่ 10 ล้านตัวก็สามารถทำให้หลายเผ่าในทะเลจักรวาลหรือแม้แต่เป็นร้อยๆ เผ่าถูกกำจัดได้ การพึ่งตัวตนยิ่งใหญ่ของทะเลจักรวาล มันไม่ได้มีหวังเลยแม้แต่น้อย แม้แต่เขาเองมันก็มีหวังแค่เสี้ยวเดียว!
แต่โอกาสเป็นไปได้ที่จะถูกกำจัดนั้นสูงอย่างมาก
“นายท่าน” โมโลซ่า พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้ามีอีกเรื่องต้องบอกท่าน เรื่องนี้สำคัญอย่างมาก”
“หืม?” หลัวเฟิง ผงะ
โมโลซ่า พูดต่อด้วยสีหน้าสลด “จากตอนที่ข้าเป็นทาสของท่าน อสูรทลายมิติ หลายล้านตัวในรังก็รู้ข่าวนี้ นี่เพราะเรา อสูรทลายมิติ ตรวจจับกันได้ ดังนั้นเราจึงตรวจจับได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ อสูรทลายมิติ โกรธ พวกมันเห็นท่านเป็นศัตรู! ในเวลาเดียวกันข้าเองก็เป็นศัตรูของพวกมันด้วย และทุกตัวก็ต้องการฆ่าท่านกับข้า อีกอย่างแล้วการพัฒนาของพวกมันก็ยกระดับขึ้นมาอย่างมาก…นายท่าน ท่านต้องจัดการกับพวก อสูรทลายมิติ ให้เร็วที่สุด ถ้าเราล่าช้า ข้ากลัวว่ามันอาจจะกำเนิดอสูรทลายมิติ ระดับ 5 ขึ้นมามากมาย”