Skip to content

Swallowed Star 25

ตอนที่ 25 ระดับของนักสู้

อาจารย์เจียงเหนียนใช้สิทธิ์ของนักสู้นั่งรถไฟมุ่งตรงไปยัง สกานีหลักของเมืองโดยไม่ใช้ตั๋วโดยสาร

นครเจียงหนานแบ่งเป็นนครหลักและแปดเมืองบริวาร

การโดยสารระหว่างนครหลักและเมืองบริวารคือการใช้รถไฟ เมื่อบุคคลทั่วไปต้องการนั่งรถไฟ พวกเขาจะต้องซื้อตั๋ว 3 วันล่วงหน้า ตั๋วมีราคาแพงมาก และการเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีก เมืองหนึ่ง…เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยคิดจะทำกันเนื่องด้วยราคาตั๋ว คนส่วนใหญ่จากสองร้อยล้านคนแทบไม่เคยออกจากนครเจียงหนานเลย

……….

เขตนครหลัก นครเจียงหนาน

เจียงเหนียนและหลัวเฟิงกำลังเดินตามทางเดินเท้า

“หลัวเฟิง สังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างเขตนครหลักกับ เมืองหยางโจวของเราไหม?” เจียงเหนียนยิ้มขณะที่ชี้มือไปรอบๆ หลัวเฟิงมองไปรอบๆ แล้วส่ายหัว “ไม่เห็นจริงๆ ครับ ก็แค่มีคนมากกว่า มีรถมากกว่า และมีทางเดินที่ใหญ่กว่า อย่างอื่นๆ ก็ดูจะธรรมดาครับ” อันที่จริง ไม่มีสิ่งไหนที่พิเศษเลยในจุดที่พวกเขาอยู่ขณะนี้

เจียงเหนียนยิ้ม “ตอนนี้ยังไม่มีอะไรแตกต่างกัน แต่เดี๋ยวคอยดู ละกันนะ”

“ฮัลโหล?” เจียงเหนียนรับโทรศัพท์

“เจียงเหนียน อีกนานไหมกว่าจะถึง?” ชายชราคนเดิมปรากฎ ขึ้นที่หน้าจอมือถือ

“เราจะไปถึงในอีก 10 นาที” เจียงเหนียนยิ้ม

“โอเค ฉันเชิญท่านผู้รับผิดชอบเอาไว้แล้ว อย่าเลินเล่อซะล่ะ” ชายชราเตือนมา

“ท่านผู้รับผิดชอบ?” เจียงเหนียนประหลาดใจ

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน หลัวเฟิงก็สังเกตเห็นพื้นที่ กว้างขวางด้านหน้าของเขา มีกำแพงสีขาว-เงินทอดยาวและตึกระ ตึกฟ้าสีนํ้าเงินครามสูงตระหง่าน ที่ตึกระฟ้านั้นมีตัวหนังสือขนาดใหญ่ 4 ตัวซึ่งสามารถมองเห็นได้เป็นไมล์

สำนักขีดสุด

“นี่คือสำนักงานใหญ่แห่งสำนักขีดสุด! สำนักงานใหญ่ของเรา ในนครเจียงหนาน” อาจารย์เจียงหนานกล่าว

“ทหารเยอะแยะเลยนะครับ” หลัวเฟิงสูดหายใจเข้าลึก

อีกฝั่งหนึ่งของกำแพงแห่งสำนักขีดสุด มีทหารจำนวนมาก พร้อมอาวุธครบมือ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสัตว์ร้ายติดอาวุธ และ ที่ประตูใหญ่ ก็มีแถวทหารทอดยาวอีกเป็นร้อยเมตร

“นี่คือกองทัพแห่งสำนักขีดสุดของเรา” เจียงเหนียนยิ้มให้ “มี การรักษาความปลอดภัยขั้นสูงในตึกนี้ด้วย

เข้าไปเถอะ” เจียงเหนียนพาหลัวเฟิงมุ่งหน้าไปที่ประตูใหญ่

“ให้พวกเขาเข้าไป!” ทหารหน้าบากติดอาวุธคนหนึ่งโบกมือ และทหารที่เหลือก็ก้าวถอยหลังทันที…ขั้นตอนนี้ทำเอาหลัวเฟิง กลั้นหายใจที่ได้เห็น

ทหารคนหนึ่งยิ้มให้ขณะที่มองมายังเจียงเหนียน “สหายเจียง กว่าจะเจอกันทั้งที เราน่าจะหาอะไรดื่มกันหน่อยนะ”

“ได้สิ” เจียงเหนียนยิ้มและพยักหน้า แล้วเจียงเหนียนก็หันมา จ้องหลัวเฟิง “หลัวเฟิง นี่คือรุ่นพี่ของเธอ หวัดดีอาหลู่สิ”

“สวัสดีครับอาหลู่” หลัวเฟิงกล่าวทักทายเสียงดัง เขารู้สึกว่า ทหารท่านนี้เป็นนักสู้ที่ทรงพลังทีเดียว

“ไม่เลว เจ้าหนู” ทหารนายนั้นพยักหน้าและยิ้มให้

“เรากำลังรีบ เดี๋ยวค่อยว่ากันนะ ลุงไป๋กำลังรอเราอยู่ในนั้น” เจียงเหนียนรีบพาหลัวเฟิงเข้าไปในลานของสำนักงานใหญ่ซึ่งดู เหมือนกับสวนขนาดใหญ่ มีแม่น้ำไหลผ่าน มีภูเขาจำลอง และ ดอกไม้นานาขนิดทั่วทุกที่ แล้วหลัวเฟิงก็สามารถสัมผัสได้ว่า บุคคลทุกคนที่เขาเดินผ่านล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดาซักคน

เจียงเหนียนถอนหายใจขณะที่กำลังเดินอยู่กับหลัวเฟิง “อาหลู่ คนเมื่อกี้เป็นเพื่อนสนิทของอาจารย์ที่เคยต่อสู้ร่วมเป็นร่วมตายกัน มาก่อนหน้านี้ เขาคือเพื่อนตายเลยล่ะ แขนของเขาเคยหักมาแล้ว ด้วยการตบทีเดียวของเจ้ากอริล่าเหล็กดำ”

หลัวเฟิงฟังอย่างสงบ

“นักสู้ในสำนักขีดสุดของเราล้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” เจียงเหนียนชี้ไปที่ตึกระฟ้า “ดูนั่น นั่นคือตึกที่เป็นสำนักงานใหญ่ สำหรับนักสู้ของสำนักขีดสุดแห่งนครเจียงหนาน! คนที่เดินเข้าออกตึกนั่นแทบจะเป็นนักสู้กันทั้งนั้น”

“แทบจะทุกคน?” หลัวเฟิงอ้าปากค้าง

มองผ่านกระจกของตึกเข้าไป จะเห็นคนเกือบร้อยคนอยู่ข้างใน

“มีพลเมืองชั้นดีตั้ง 200 ล้านคนในนครเจียงหนาน แล้วจะให้เรามีนักสู้นิดเดียวได้ยังไง?” เจียงเหนียนหัวเราะ “ในตึกนี้ ชั้นแรก จะเป็นที่ไว้ทานอาหารและพูดคุยสนทนา ส่วนชั้นที่ 2 ถึง 9 เป็นที่ ไว้ฝึกฝนแต่ละระดับ ชั้นที่ 10 ถึง 19 เอาไว้สำหรับขุนศึก และชั้นที่ 20 ขึ้นไป…เป็นที่เอาไว้จัดประชุม”

หลัวเฟิงสับสนเล็กน้อยเลยถามขึ้น “อาจารย์ครับ นักสู้ยังมี แยกเป็นระดับนักรบ ระดับแม่ทัพอีกหรือครับ?”

“นักสู้ถูกแยกเป็นระดับใหญ่คือ ระดับนักรบ ระดับแม่ทัพ และ ระดับเทพสงครามที่มีน้อยนิด!” เจียงเหนียนอธิบายเสียงเบา “ส่วน ใหญ่แล้วจะเป็นระดับนักรบ! นักสู้หลายคนจะอยู่ในระดับนักรบตลอดไป และระดับนักรบยังมีแยกย่อยออกไปอีกเป็น นักรบขั้นต้น นักรบขั้นกลาง และนักรบขั้นสูง นักสู้ส่วนใหญ่ที่เพิ่งผ่านการทดสอบก็มักจะสังกัดอยู่ในระดับนักสู้ขั้นต้น!

“หลัวเฟิง ด้วยความแข็งแกร่งของเธอตอนนี้ เธออาจจะเข้าถึง ขั้นนักรบขั้นกลาง” เจียงเหนียนกล่าว

หลัวเฟิงพยักหน้า

ดูเหมือนด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ เขาจะยังอยู่ใน ระดับพื้นฐานอยู่

“เธออาจจะฆ่านักสู้ระดับนักรบได้ด้วยอาวุธร้อน

แต่เธอจะฆ่านักสู้ระดับแม่ทัพด้วยอาวุธร้อนไม่ได้” เจียงเหนียน กล่าว “ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเธอยิงปืนกลหนักใส่นักสู้ระดับแม่ทัพ เขาก็จะหลบหลีกได้อย่างง่ายดายโดยการใช้ความเร็วและปฏิกิริยาโต้ตอบ! นักสู้ระดับแม่ทัพถูกยกให้เป็นระดับหัวกะทิ แม้เธอจะคิดว่าเธอมีพรสวรรค์แต่เธอก็ยังเด็ก และก็ยังอ่อนหัดอยู่” เจียงเหนียนหัวเราะ

หลัวเฟิงได้แต่เอามือลูบหน้าผากแก้เก้อ

หลัวเฟิงรู้ดีเกี่ยวกับนักสู้ผู้ทรงพลัง ยกตัวอย่างเช่น นักสู้ผู้ที่สามารถตัดอินทรีมงกุฎดำขาดเป็นสองท่อนในทีวี…แม้แต่ใช้พลัง จิตของเขาก็คงไม่อาจแตะต้องเขาผู้นั้นได้แม้แต่ปลายผม

“ที่เหนือกว่าระดับแม่ทัพก็คือระดับเทพสงคราม!” เจียงเหนียน กล่าวด้วยความยกย่อง “ท่านเหล่านั้นเป็นนักรบผู้ทรงพลังตัวจริง! แต่ละคนสามารถเดินฝ่าพายุกระสุนได้อย่างง่ายดาย ความเร็วของพวกเขาเร็วปานสายฟ้าและปฏิกิริยาโต้ตอบก็ยิ่งน่าทึ่งเข้าไปอีก ไม่ ว่าจะเป็นการต่อยหรือเตะของพวกเขาสามารถทำลายตึกทั้งตึกได้ เลยทีเดียว เทพสงคราม! นี่คือเทพสงคราม”

หลัวเฟิงนิ่งฟังแทบลืมหายใจ

เทพสงคราม…เทพสงคราม…เทพสงคราม!

ด้วยระดับปัจจุบันของเขา เขาเพิ่งจะอยู่ในระดับนักรบขั้นกลาง! ไม่แน่หลังจากที่ใช้พลังจิต ความแข็งแกร่งของเขาอาจจะ เพิ่มขึ้นและอาจจะมีโอกาสเข้าถึงระดับแม่ทัพก็เป็นได้

“อาจารย์ครับ มีระดับไหนอีกไหมครับที่เหนือกว่าเทพสงคราม?” หลัวเฟิงถามขึ้น

“มีสิ”

เจียงเหนียนยิ้มและพยักหน้า “ยังมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือเทพ สงครามอีก แต่ละคนมีพลังพอที่จะถล่มฟ้าสะเทือนแผ่นดินได้! เมื่อเผชิญหน้ากับนักสู้เหล่านี้ แม้แต่ประเทศทั้งประเทศก็ต้องเคารพพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม คนแบบนี้หาได้ยากมาก ทั่วทั้งประเทศ จีนของเราอาจจะมีคนแบบนี้เพียงสองสามคนเท่านั้น”

หลัวเฟิงตะลึงไป

แม้แต่ประเทศจีน หนึ่งในห้าประเทศยักษใหญ่ ยังมีแค่สองสามคน เห่านั้นที่อยู่ในระดับเหนือกว่าเทพสงคราม?

“ดังนั้น โดยปกติแล้วนักสู้ก็จะถูกแบ่งเป็นแค่ประเภทนักรบ แม่ทัพ และเทพสงครามเท่านั้น!” เจียงเหนียนอธิบาย “แน่นอน โลกจะ ใช้พลังหมัด ความเร็วและปฏิกิริยาโต้ตอบวัดความแข็งแกร่งของเธอ พวกเขายังจะใช้บันทึกการต่อสู้ของเธออีกด้วย!”

“บันทึกการต่อสู้?” หลัวเฟิงสงสัย

“ใช่..หลัวเฟิง ด้วยระดับสมรรถภาพร่างกายของเธอ เธอน่าจะ อยู่ระดับนักรบขั้นกลางแล้ว! แต่ทว่า หลังจากที่เธอกลายเป็นนักสู้ โดยเทคนิคก็คือนักรบขั้นต้น! เมื่อเธอฆ่าสัตว์ประหลาดได้มากพอ สัตว์ประหลาดตัวที่ทรงพลังพวกนั้นก็จะทำให้เธอผ่านเข้าสู่ระดับ นักรบขั้นกลาง” เจียงเหนียนถอนหายใจ “เพราะว่าบางคนมีเทคนิคดีกว่า บางคนก็อาจจะมีสมรรถภาพร่างกายดีกว่า แต่บางคนก็อาจจะมีกลเม็ดอื่นๆ ประจำตัว ดังนั้นการวัดความแข็งแกร่งของพวกเขา มีเพียงมาตรฐานเดียวก็คือบันทึกการต่อสู้!”

หลัวเฟิงพยักหน้า

ใช่…แม้ว่าระดับสมรรถภาพร่างกายของพวกเขาจะแยกจากกันก็ตาม แต่บุคคลที่มีระดับสมรรถภาพร่างกายต่ำกว่าก็อาจจะฆ่าบุคคลที่มีระดับสมรรถภาพร่างกายสูงกว่าได้!

“ฝึกฝนต่อไปและเข้าถึงระดับเทพสงครามให้ได้! แล้วเธอจะได้ เป็นความภาคภูมิใจของเมืองหยางโจวของพวกเรา” เจียงเหนียนหัวเราะ “ศิษย์เหยียนหลัวที่มาหาอาจารย์ครั้งที่แล้วก็เป็นนักสู้ระดับ เทพสงครามนะ”

“โอ้” หลัวเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย

ถ้าเขาใช้พลังจิตของเขา เขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน? เขาจะสามารถเปรียบเทียบกับระดับเทพสงครามได้หรือเปล่า? มีแต่เวลา เท่านั้นที่พิสูจน์ได้….

…………….

ขณะที่หลัวเฟิงและเจียงเหนียนพูดคุยกัน พวกเขาก็มาถึง คฤหาสน์เดี่ยวขนาด 3 ชั้นอย่างรวดเร็ว คฤหาสน์หลังนี้มีพื้นที่ กว้างขวางมาก ชายชราผมขาวตะโกนมาจากระเบียงชั้นที่ 2 “เจียงเหนียน เร็วเข้า ขึ้นมาบนนี้”

“มา..ขึ้นไปด้วยกัน”

เจียงเหนียนพาหลัวเฟิงเข้าไปข้างในคฤหาสน์หลังนั้นอย่างรวดเร็ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version