Skip to content

Swallowed Star 4

ตอนที่ 4

ทักษะของหลัวเฟิง

หล้งจากมื้อค่ำ แม่กับพ่อของหลัวเฟิงก็พาหลัวฮว๋าไปเดินเล่น ข้างนอก ขณะที่หลัวเฟิงเองก็ออกไปสอนพิเศษ

เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ท้องฟ้าบัดนี้ก็ใกล้มืดหมดแล้ว

“อีกไม่นานงานรับสอนพิเศษนี้ก็คงต้องพักไว้ก่อน” หลัวเฟิง ราวกับเป็นเสือดาว การเคลื่อนที่ผ่านตรอกซอกซอยของเขา คล่องแคล่วเป็นอย่างมาก ตอนนี้ข้างหน้าของเขาเป็นทางตัน แต่ร่างของหลัวเฟิงก็ลอยสูงขึ้นไปในอากาศ เขากระโดดสูงขึ้นไปกว่า 2 เมตร ใช้มือซ้ายแตะสันกำแพงเล็กน้อย และโดดลงไปในช่องทางเดินของซอยถัดไป

การวิ่งเร็วๆ ช่วยให้เขาได้อบอุ่นร่างกายก่อนที่จะไปสอนพิเศษ

ความเร็วของหลัวเฟิงในตอนนี้อยู่ที่ 15 เมตรต่อวินาที หรือ 54 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั่นเอง นี่ยังไม่ใช่ความเร็วสูงสุดของเขา แต่ อย่างไรก็ตาม ก็พอช่วยให้เขาได้อบอุ่นร่างกายตามที่ต้องการ

แฮ่ก…แฮ่ก

“เหลืออีกหนึ่งเดือนก็จะสอบแล้ว ต้องพักการรับสอนพิเศษชั่วคราว สอนพิเศษในช่วงครึ่งปีนี้เราก็หาเงินมาได้สองหมื่นหยวนแล้ว” การได้รับฉายา ‘หัวกะทิ’ ทำให้ง่ายต่อการหางานสอนพิเศษ สอนพื้นฐานให้กับใครสักคน

รายได้คือ 100 หยวนต่อชั่วโมง

ห้าชั่วโมงต่อสัปดาห์ เขารับสอน 1 ชั่วโมงต่อวัน หรือพูดง่ายๆ รายได้เขาประมาณเดือนละ 2000 กว่าหยวนนั่นเอง

“พ่อทำงานหนักทั้งวันแต่ก็ได้เงินราวๆ สองถึงสามพันหยวน ต่อเดือนเท่านั่น เราสอนพิเศษแค่หนึ่งชั่วโมงยังได้มากกว่าพ่อเสียอีก…นี่คือความแตกต่างกันระหว่างคนธรรมดากับคนที่ได้รับฉายา! และถ้าเรากลายเป็น ‘นักสู้” ได้ล่ะก็ มันยิ่งจะแตกต่างกว่านี้มาก!” หลัวเฟิงมองไปข้างหน้าแล้วก็เห็นรถบรรทุกสินค้าจอดขวางถนนอยู่

แต่กระนั่น หลัวเฟิงก็ไม่ไค้ลดความเร็วลงแต่อย่างใด เขา กระโดดลอยตัวสูงขึ้นไป 2-3 เมตรอย่างกะทันหัน และวิ่งไต่กำแพง อีกสองก้าว จากนั้นเขาก็กระโดดลงและวิ่งต่อไปข้างหน้าอีก

หลังจากนั้น…

หลัวเฟิงก็วิ่งเข้าสู่ส่วนรอบนอกของย่านชุมชนอันเงียบสงบ

“ที่นี่ถึงจะเหมาะให้แม่กับพ่อมาอยู่” หลัวเฟิงหยุดวิ่งและทอด สายมองดูพื้นที่ตรงหน้าเขา บ้านเรือนตรงนี้ไม่ค่อยแออัดยัดเยียด นักและมีสระน้ำที่ถูกสร้างขึ้นอยู่หลายสระ มีเศษใบไม้หล่นเกลื่อน กลาดเต็มไปหมดเพราะทุกๆ ชั้นของตึกมีสวนเป็นของตัวเอง กระทั่งชั้นสูงๆ ก็ยังมี

นอกจากตึกอยู่อาศัยแบบสูงๆแล้ว ยังมีบ้านแบบหรูๆ สร้างอยู่ อีกต่างหาก

ต้องรู้ไว้ว่า…

ในตอนนี้ ประเทศจีนมีการแบ่งพื้นที่ทั้งหมดเป็น 6 เขตใหญ่ๆ ซึ่งนั่นก็คือหกนครใหญ่ แต่ละนครก็มีจำนวนประชากรมากมายจนน่าทึ่ง อย่างเช่นนครเจียงหนานก็มีประชากรเกือบจะ 200 ล้านคน ด้วยเหตุนี้ พื้นที่จึงมีจำกัดมาก บ้านแบบหรูๆ จะมีค่อนข้างน้อยและราคาแพงมาก ส่วนตึกอยู่อาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยมากๆ ก็จะมีราคาไม่ได้ถูกเลย

“ผมจะขึ้นไปห้องที่ 1801 บนชั้นที่ 18 ครับ” หลัวเฟิงพูด กับรปภ.ของตึกพักที่ยืนอยู่หน้าทางเข้า

“รอซักครู่ครับ” รปภ.กดโทรวีดีโอคอลแล้วหันกล้องไปทางหลัวเฟิง มีเสียงจากวีดีโอพูดมา “เสี่ยวหลัวนี้เอง ให้เขาเข้ามา”

“รับทราบครับ เชิญครับ” รปภ.ปล่อยให้เขาเข้าไปข้างใน

…………

หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลัวเฟิงก็เดินออกมาจากตึกนั้น

“โอเค สอนพิเศษเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราต้องไปที่สำนักฝึก และดูว่าช่วงนี้เรามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นบ้างหรือเปล่า”

‘สำนักขีดสุด’ เป็นสำนักฝึกที่ใหญ่ที่สุดถูกก่อตั้งขึ้นโดยนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดโนโลกนามว่า ‘หง’

ตอนนี้ทั่วโลกต่างก็มีสำนักฝึกเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด

“ตี๊ด”

หลัวเฟิงเข้าไปข้างในสำนักฝึกหลังจากสแกนบัตรประจำตัว นักเรียนที่หน้าประตู

สำนักฝึกแห่งนี้เป็นเหมือนโรงเพาะสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ พื้นที่ทั้งหมดกว้างใหญ่กว่าโรงเรียนมัธยมเสียอีก ประตูทางเข้า ของสำนักฝึกก็ใหญ่พอที่จะให้รถยนต์วิ่งเข้าได้ครั้งละสิบคันเลยทีเดียว ด้านในมีอาคารสีขาวเงินรูปทรงเรือเหาะขนาดใหญ่ถึงสามหลังตั้งตระหง่านอยู่

“ศิษย์พี่”

“สวัสดีครับศิษย์พี่”

บนสนามหญ้าภายในสำนักฝึกกำลังมีกลุ่มคนชุมนุมกันอยู่ จำนวนมาก พอคนเหล่านั้นเห็นบัตรประจำตัวที่ระบุฉายา ‘หัวกะทิ’ ของหลัวเฟิง คนเหล่านั้นต่างก็เกิดความเลื่อมใสขึ้นทันที

ภายในสำนักฝึก อาคารสามหลังนั้นจะแยกออกเป็นระดับชั้น อาคารหนึ่งสำหรับพวกเริ่มต้น อีกอาคารสำหรับพวกระดับกลาง และอีกอาคารก็สำหรับพวกระดับหัวกะทิ

อาคารชั้นแรกและชั้นที่สองของพวกระดับหัวกะทิจะเป็นโรงฝึก ขนาดใหญ่ และทุกโรงฝึกขนาดใหญ่ก็ใหญ่พอที่จะจุคนได้ถึง 2-3 พันคนเลยทีเดียว บรรดาครูฝึกของที่นี่ก็จะสอนกันในนี้ และที่นี่ก็มี ลูกศิษย์อยู่ราวๆ 3-4 หมื่นคนโดยประมาณ

คนจะสามารถเข้ามาเป็นลูกศิษย์ที่สำนักแห่งนี้ได้เมื่อมีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป หลังจากที่อายุ 30 ปีแล้วคนที่อายุเกินก็จะถูกห้ามไม่ให้ มาที่สำนักฝึกอีก เพราะตอนนั้นจะถือว่าแก่เกินที่จะเรียนได้แล้ว

มีนักเรียนระดับ ‘หัวกะทิ’ อยู่สองสามร้อยคน ส่วนใหญ่จะมีอายุราวๆ 20 ปี

ส่วนหลัวเฟิงมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น

“สวัสดีครับศิษย์พี่”

หลัวเฟิงได้ยินเสียงคนทักทายไปตลอดทาง เขาขึ้นไปบนชั้นที่ สามของอาคารระดับหัวกะทิ ซึ่งระดับหัวกะทิเท่านั้นที่จะเข้าไปได้

ชั้นที่สามนี้เป็นโรงฝึกขนาดใหญ่กว้างและยาว 200 เมตร และ ตอนนี้ก็มีคนอยู่สิบกว่าคน

“เจ้าบ้า”[1]

“เจ้าบ้า มาแล้วเหรอ”

ขณะที่เขาเข้าไปในศูนย์ฝึกขนาดใหญ่ เพื่อนสมาชิกระดับหัว กะทิก็กล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง

“หวัดดีพี่หวัง พี่หยาง พี่หลี่” หลัวเฟิงตะโกนตอบอย่างอารมณ์ดี ขณะที่เขามองไปยังบุคคลเหล่านั้น หัวใจของเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา คนจำนวนสิบกว่าคนนี้ล้วนมีอายุเกิน 20 ปีทั้งนั้น แน่นอน สมาชิกระดับหัวกะทิของสำนักสุดขีดแห่งเขตอี๋อันไม่ได้มีแค่นี้ หาก นับรวมๆ แล้วจะมีจำนวนกว่าร้อยคนขึ้นไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะ ขี้เกียจมามากกว่าเพราะรู้ว่าไม่มีอาจารย์สอน

จะมีก็แต่พวกที่เป็นคนจน และไม่มีที่ไหนที่ให้ใช้เป็นที่ฝึกได้ถึง จะมาฝึกที่สำนักแห่งนี้

ส่วนพวกที่มีเงินปกติจะมีศูนย์ฝึกเพื่อเอาไว้ฝึกซ้อมเป็นของตัวเอง

ดังนั้น….

คนส่วนใหญ่ที่เห็นล้วนเป็นพวกที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่าราคาถูก กันทั้งนั้น เพราะพวกเขาถูกจัดว่าเป็นคนจน พวกเขาจึงรวมตัวกัน เป็นกลุ่มอย่างอัตโนมัติ ชื่อเล่น ‘เจ้าบ้าบิ่น’ ของหลัวเฟิงก็มาจาก ตอนแข่งขันคราวที่เขาเอาชนะพวกระดับหัวกะทิคนรวยได้ถึงสาม คนได้ด้วยความโกรธ

“สงสัยจริงๆ ว่าความแข่งแกร่งของเราจะเพิ่มขึ้นจากครึ่งเดือน ก่อนบ้างมั้ย”

หลัวเฟิงเดินตรงไปที่ ‘เครื่องทดสอบพลังหมัด’ ที่ตรงมุมของโรงฝึก ซึ่งมีอยู่สองเครื่องตั้งเรียงกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นระดับเริ่มต้น ระดับปานกลาง ระดับหัวกะทิ ก็ต้องเคยผ่านการทดสอบนี้มาแล้วทั้งนั้น แม้กระทั่งเป็นระดับ ‘นักสู้’ ก็จำเป็นต้องทดสอบพลังกันทั้งนั้น

หลัวเฟิงสูดหายใจเข้าลึกและผ่อนคลายร่างกาย ทันใดนั้น สมาธิของเขาก็จดจ่อ ร่างกายก็เกร็ง เหมือนสิงโตที่กำลังพร้อม ตะครุบเหยื่อ กระดูกสันหลังก็ติงแน่นเหมือนคันธนู เท้าทั้งสอง สมดุลกับสะโพก ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังให้กับหมัดของหลัวเฟิงยิ่งขึ้น และแล้ว พลังหมัดที่เหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ ก็ถูกปล่อยออกไป

“ตูม”

หมัดของหลัวเฟิงพุ่งเข้าปะทะกับเครื่องวัดนั้น

เครื่องวัดนั้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

อึดใจต่อมา ตัวเลขก็ปรากฎขึ้นบนหน้าจอของเครื่องวัดนั้น… ‘809 กิโลกรัม’

“ไม่เลว.. เจ้าบ้า ..เลยขีด 800 กิโลกรัมไปแล้ว” ชายตัวสูงกว่า 190 เซ็นติเมตร ร่างแกร่งหัวเราะและปรบมือให้ ชายผู้นี้ยังมีรอย แผลเป็นฉกรรจ์ที่ใบหน้าด้วย

“พี่หยาง” หลัวเฟิงหัวเราะทันที “เทียบกับพี่หยางแล้ว นี่ไม่ เท่าไหร่เลย พี่หยางครับ รบกวนช่วยเปิดเครื่องทดสอบความเร็วให้ ผมหน่อยได้มั้ยครับ?”

พี่หยาง หรือ หยางอู่ ปัจจุบันอยู่ระดับท็อปสามของสมาชิก ระดับหัวกะทิในสำนักฝึกขีดสุดแห่งนี้ เพียงแต่ความเร็วของเขา อ่อนไปเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นเขาก็คงผ่าน ‘การทดสอบเตรียมนักสู้’ ไปนานแล้ว

สำหรับสมาชิกระดับหัวกะทิที่อยากจะเป็นนักสู้

จำเป็นต้องผ่านบททดสอบสองอย่าง….

บททดสอบแรกคือการทดสอบ ‘สมรรถนะของนักสู้’ ก็คือการทดสอบเตรียมนักสู้นั่นเอง หากผ่านการทดสอบนั่นแล้ว ก็จะได้ การยอมรับว่ามีสมรรถภาพร่างกายอยู่ในเกณฑ์ของ ‘นักสู้’ และตอนนี้เอง ผู้ที่ผ่านเกณฑ์ก็จะถูกจัดเป็น ‘เตรียมนักสู้” แล้ว

บททดสอบที่สองก็คือ ‘การทดสอบต่อสู้จริงของนักสู้’

การมีสมรรถภาพทางร่างกายที่ดีอย่างเดียวไม่อาจถูกยอมรับ ให้กลายเป็นนักสู้ได้ หากเอาชนะสัตว์ประหลาดในการต่อสู้จริงได้ ถึงจะถือว่าบรรลุระดับ ‘นักสู้’ ได้แล้ว

“ทดสอบความเร็วเหรอ? ได้สิ” หยางอู่ยิ้มพลางเดินตรงไปยัง เครื่องทดสอบและเปิดเครื่องขึ้น

“แกร่ก..”

เครื่องวัดความเร็วติดขึ้นและกล้องก็สว่างวาบขึ้น

หลัวเฟิงผ่อนลมหายใจแล้วยืนบนลู่วิ่ง ซึ่งมีความยาวถึง 60 เมตร ด้านข้างเครื่องทดสอบก็มีแถบวัดความเร็วติดอยู่

หลัวเฟิงพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว!

วูบ

ในชั่วพริบตาเดียว หลัวเฟิงก็ทะยานแตะความเร็วสูงสุดของเขา เท้าทั้งสองข้างเหยียบย่างอย่างมั่นคง ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของเขาพุ่งไปราวกับลูกศรพุ่งออกจากคันธนู เกิด ลมกรรโชกขึ้นตามหลังเขา หลัวเฟิงก้าวข้ามขีดความเร็วเดิมของ เขาไปแล้ว หลังจากนั้น เขาจึงค่อยๆ ลดความเร็วลง และหยุดลงในที่สุด

“เร็วแค่ไหนพี่?” หลัวเฟิงยิ้มขณะที่เดินตรงไปยังเครื่องวัด

“จิ๊ๆ เจ้าบ้า ดูเหมือนว่านายจะพัฒนากว่าคราวก่อนนิดหน่อยนะ ไม่เลว ไม่เลว” พี่หยางมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อมองตัวเลขที่ ปรากฏบนเครื่องวัดความเร็ว “มา มาดูเอาเอง”

หลัวเฟิงมองดูเครื่องวัด และตัวเลขก็แสดงผลที่ …23.8 เมตร ต่อวินาที

“พอได้อยู่”

หลัวเฟิงไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่การทดสอบสมรรถภาพของ นักสู้หรือการทดสอบเตรียมนักสู้มีทั้งหมดสามการทดสอบ ก็คือ พละกำลัง(พลังหมัด) ความเร็ว และปฏิกิริยาโต้ตอบ สำหรับด้าน ปฏิกิริยาโต้ตอบ หลัวเฟิงมีพรสวรรค์มากอยู่แล้ว และตอนนี้ก็พอจะ ฝืนแตะถึงระดับนักสู้แล้วด้วย

แต่ทว่า….

ในการทดสอบเตรียมนักสู้ สำหรับพละกำลัง คะแนนที่จะผ่าน การทดสอบคือ…900 กิโลกรัม!

สำหรับความเร็ว คะแนนที่จะผ่านการทดสอบคือ…25 เมตรต่อวินาที หริอ 100 เมตรต่อ 4 วินาทีนั่นเอง

……………….

[1] เล่นคำจากชื่อหลัวเฟิง (罗峰) กับ เฟิงจื่อ (疯子) ที่แปลว่าคนบ้า

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version