Skip to content

Swallowed Star 55

ตอนที่ 55 แบ่งสันปันส่วน

เสียงตะโกนและเสียงนกหวีดดึงดูดความสนใจบรรดานักสู้ในบริเวณนั้นไม่น้อย

“นั่นทีมค้อนอัคคีกำลังมีเรื่องกับทีมเขี้ยวพยัคฆ์นี่นา”

“พวกเขาทะเลาะกันได้ยังไง?”

บรรดานักสู้ต่างก็ฮือฮากันไปทั่ว ทีมค้อนอัคคีและทีมเขี้ยวพยัคฆ์ค่อนข้างเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองเจียงหนาน

ภายใต้คำสั่งของหน่วยรักษาความปลอดภัยของฐานเติมเสบียง ทีมค้อนอัคคีก็สงบลงได้ เพราะว่าไม่มีใครท้าทายอำนาจของกองทัพได้

“หยุดนะ!” เสียงตะโกนอย่างเฉียบขาด หลัวเฟิงหันไปก็เห็นชายร่างแข็งแกร่งกับสมาชิกอีก 2 คนของทีมเขี้ยวพยัคฆ์

เฉินกู่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ หลัวเฟิง “หลัวเฟิง นั่นคือหัวหน้าของทีมเขี้ยวพยัคฆ์ ‘พานย่า’ ฉายา ‘เขี้ยวพยัคฆ์’ มันใช้ดาบโค้งเป็นอาวุธ ไม่ใช่คนที่นายควรเข้าไปยุ่งด้วย”

หลัวเฟิงถึงกับช็อค ชายร่างเล็ก ผอมซูบและไม่สะดุดตาคนนี้ เป็นหัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์!

“เขี้ยวพยัคฆ์?” หลัวเฟิงเพ่งพินิจ ‘เขี้ยวพยัคฆ์’ สายตาเขาเปลี่ยนไปจับจ้องที่จางเจ๋อหู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังหัวหน้า พอหลัวเฟิงจ้องไป จางเจ๋อหู่ก็ยิ้มกริ่ม จากนั้นก็หัวเราะเยาะออกมา

“โอหังไปเถอะจางเจ๋อหู่! ฉันจะไม่อัดแกคนเดียวแน่ แต่ฉันจะยำพวกแกทั้งทีม! จะทำให้พวกแกเสียใจแน่นอน จำเอาไว้!”

ก่อนที่หลัวเฟิงจะเข้าไปลุยแดนเถื่อน เขาคิดว่าความพยายามของจางฮ่าวไป๋ที่จะหักแขนหักขาเขานั้นเลวร้ายแล้ว

แต่ตอนนี้ดูแล้ว…

ทีมเขี้ยวพยัคฆ์นี้ เกลียดชังเขาคนเดียว แต่กลับพยายามจะกำจัดพวกเขาทั้งทีมและยังแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งที่จางฮ่าวไป๋ทำไม่อาจเทียบได้เลยกับสิ่งที่ทีมเขี้ยวพยัคฆ์ทำอยู่ในขณะนี้

“หัวหน้า”

“หัวหน้า”

จางเจ๋อหู่และอีก 2 คนยืนข้างหลังหัวหน้า ฝูงชนกำลังมุงดูการเผชิญหน้าระหว่างทีมเขี้ยวพยัคฆ์กับทีมค้อนอัคคี ในตอนนั้นเองหัวหน้าทีมลาดตระเวนก็เอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “เกาเฟิง พานย่า ฉันไม่สนเรื่องที่พวกนายทะเลาะกันหรอกนะ แต่ถ้าใครลงมือ ก็อย่าโทษฉันนะ พวกเรา ไป”

หัวหน้าทีมโบกมือเป็นสัญญาณ เพราะเขาเองก็ขี้เกียจจะวุ่นวาย ด้วยคำเตือนของเขา คงไม่มีใครกล้าทำเรื่องวุ่นวายขึ้นในบริเวณนี้แน่

“เขี้ยวพยัคฆ์!”

เกาเฟิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น “แกมันสามานย์จริงๆ ฉันประเมินแกต่ำไปจริงๆ ฉันไม่คิดว่าแกจะกล้าทำเรื่องชั่วช้าสามานย์แบบนี้! อย่างแรก แกแอบซุ่มโจมตีพวกเราด้วยสไนเปอร์จากที่ไกล จากนั้นก็ยิงรบกวนสัตว์ประหลาดรอบๆ ไม่ให้พวกเรามีโอกาสรอดมาได้ ถ้าไม่มียอดฝีมือมาช่วยเราเอาไว้ ทีมเราคงพินาศย่อยยับไปแล้ว!”

บรรดานักสู้ที่กำลังมุงดูต่างก็พากันฮือฮาขึ้นทันที

ทีมเขี้ยวพยัคฆ์โหดร้ายเกินไปแล้วมั้ง

“เกาเฟิง อย่าพูดไร้สาระน่า” หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ทีมฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นซะหน่อย นายอย่ามากล่าวหากันเลยดีกว่า!”

ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็ไม่มีทางยอมรับอยู่แล้ว ถ้าพวกเขายอมรับ ทีมเขี้ยวพยัคฆ์เจอปัญหาใหญ่แน่

“ลูกทีมของฉันแขนขาดด้วยกระสุนเจาะเกราะจากสไนเปอร์” เกาเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าหดหู่

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ ก็คือไม่” หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์กล่าวเยือกเย็น “ถ้านายมีหลักฐาน ก็เอาไปให้หน่วยงานรักษาความปลอดภัย แล้วให้พวกเขาตัดสินสิ! อย่ามาพล่ามไร้สาระแบบนี้ ไป…พวกเรา”

หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์เดินหนีไปไม่ต้องการโต้คำใดกับทีนค้อนอัคคีอีก

เกาเฟิง เฉินกู่ และคนอื่นๆ ในทีมต่างก็มีสีหน้าโกรธแค้นและขบกรามแน่นด้วยความแค้นเคือง

แต่หลัวเฟิงรู้ดีว่า ทีมตัวเองไม่มีหลักฐานอะไรเลย ถึงแม้ว่าจะมีเหตุการณ์นักสู้ฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งเพราะแย่งชิงวัตถุดิบมีค่าภายในแดนเถื่อนบ่อยครั้ง แต่ส่วนมากแล้วจะไม่มีใครสามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ ในเมื่อนำหลักฐานออกมาไม่ได้ ทางสำนักขีดสุดก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้

“ฮึ่ม…พวกเราไป!” เกาเฟิงสั่งการขณะที่จ้องทีมเขี้ยวพยัคฆ์ที่กำลังเดินห่างออกไปด้วยสายตาเยียบเย็น

ทีมค้อนอัคคีทำได้แค่เก็บความแค้นไว้ในใจพลางเดินออกมาจากตรงนั้น

บ้านพัก A9 ในฐานเติมเสบียง เป็นจุดพักผ่อนชั่วคราวของนักสู้ทีมค้อนอัคคี

“หัวหน้า ตอนนี้ก็อย่าโกรธเลยครับ” หลัวเฟิงกล่าว “ตอนนี้ปล่อยให้ทีมเขี้ยวพยัคฆ์ได้ใจไปก่อน รอตอนพวกมันออกไปลุยแดนเถื่อน…ค่อยจัดการก็ยังไม่สาย”

คำพูดของหลัวเฟิงทำให้สมาชิกทีมที่แต่เดิมโกรธแค้นเผยรอยยิ้มออกมาได้

เฉินกู่ตบไหล่หลัวเฟิง “ใช่ ทีมเรายังมีนาย หลัวเฟิง การถล่มพวกมันคงไม่ยากเย็นอยู่แล้ว”

“แก้แค้น 10 ปียังไม่สาย” เกาเฟิงหัวเราะพลางยิ้มกริ่ม “แล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องรอขนาดนั้น ด้วยมือของหลัวเฟิง ทีมเขี้ยวพยัคฆ์ต้องย่อยยับแน่”

ในตอนนี้ สมาชิกทีมค้อนอัคคีต่างก็ยิ้มออกมาได้ แม้แต่จางเคอผู้ยากจะเยียวยาแล้วก็ยังอดยิ้มด้วยไม่ได้ นักอ่านจิตทุกคนมีช่วงพัฒนาพลังและความเร็ว

ความสามารถของหลัวเฟิงตอนนี้น่ากลัวมาก และยังคงพุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ!

สามารถพูดได้เลยว่า…ทีมเขี้ยวพยัคฆ์ ไม่เหลือโอกาสสักนิด!

“ช่างหัวพวกมันไปก่อน ตอนนี้เรามาดูของที่หามาได้กันเถอะ” เกาเฟิงกล่าว “แม้ว่าครั้งนี้เราจะออกไปไม่นาน แต่เราก็ล่าสัตว์ประหลาดได้ถึง 4 ตัว รถถังกระหายเลือด โอซีล็อตสองหาง หมาสิงโต แล้วก็นักล่า!”

ในระหว่างทางกลับฐาน หลัวเฟิงกับทีมก็เจอกับหมาสิงโตระดับบัญชาการขั้นต่ำตัวหนึ่ง เพราะมีหลัวเฟิงและเกาเฟิงอยู่ด้วยกัน พวกเขาจึงล้มมันลงได้โดยง่าย

“แต่ฐานเติมเสบียงใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเราจะขายวัตถุดิบจากนักล่า ต้องถูกสังเกตง่ายมากแน่ๆ และตอนนั้น เราอาจจะดึงดูดความสนใจของทีมที่สร้างรอยแผลใหญ่ให้หมาป่าพระจันทร์เงินตัวนี้ได้” เกาเฟิงกล่าวจริงจัง

“ใช่”

เฉินกู่พยักหน้าเห็นด้วย “รอพวกเรากลับเข้าเมืองแล้วค่อยไปขายมันดีกว่า เราจะขายชิ้นส่วนจากตัวอื่นๆ กันก่อนที่นี่”

สำหรับนักสู้แล้ว ชิ้นส่วนของสัตว์ประหลาดระดับไพร่พลนั้นแทบไม่มีค่าอะไร แต่สำหรับระดับบัญชาการแล้วล่ะก็…ไม่ต้องพูดถึง แน่นอนว่าสัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูงที่แสนน่ากลัวแต่ละตัวล้วนมีค่ามหาศาล

สำหรับหมาป่าพระจันทร์เงินตัวระดับบัญชาการขั้นสูง มันไม่ใช่แค่หายาก แต่ยังเป็นถึงราชาหมาป่า มันมีราคาพอๆ กับสัตว์ประหลาดชนิดอื่นๆ ในระดับจ่าฝูงขั้นต่ำ ดังนั้น มันจึงมีค่ามหาศาลเลยทีเดียว!

“ทุกคนกินข้าวพักผ่อนสักหน่อย แล้วค่อยออกไปขายกัน” เกาเฟิงกล่าวยิ้มๆ

หลังจากทานอาหารเสร็จ สมาชิกทั้ง 5 ของทีมค้อนอัคคี ก็ไปพบกับตัวแทนของพันธมิตรใต้ดิน และขายวัตถุดิบทุกอย่างจากสัตว์ประหลาดที่ได้มา ยกเว้นชิ้นส่วนที่ได้มาจากหมาป่าพระจันทร์เงินตัวนั้น

ในบ้านพัก A9 ทีมค้อนอัคคีเข้ามานั่งล้อมคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเพื่อทำการแบ่งเงินกัน

“หลัวเฟิงหาได้หลายชิ้น ไม่ว่าจากสัตว์ประหลาดทั้ง G หรือ F เฉลี่ยแล้ว ชิ้นส่วนจากพวกระดับไพร่พลราคาราวๆ 6 พัน หรือว่าง่ายๆ หลัวเฟิงได้ไปราวๆ 120,000 จากพวกระดับไพร่พล” หัวหน้าแบ่งสันปันส่วนเงิน

“เว่ยเถี่ยหาได้จากพวกไพร่พล 12 ตัว และเป็นระดับ F ทั้งหมด เฉลี่ยแล้ว แต่ละตัวราวๆ 8,000 รวมแล้วก็ได้ 100,000”

“จำนวนที่เว่ยชิงหาได้จากสัตว์ประหลาด…”

จางเคอ หาได้จากสัตว์ประหลาดระดับไพร่พลต่างๆ กัน 11 ชนิด…”

“เอาล่ะ ต่อไปก็จะเป็นการแบ่งเงินระดับบัญชาการบ้าง ชิ้นส่วนจากโอซีล็อตสองหางทำเงินได้ราวๆ 12 ล้าน” เกาเฟิงกล่าว

“ฉันทำงานมากที่สุดในส่วนนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ฉันจะได้ 60% แต่ว่า…หลังจากฆ่ามัน พวกเราถูกโจมตีจากฝูงสัตว์ประหลาด และหลัวเฟิงก็ช่วยพวกเราทั้งหมดเอาไว้ได้! หลัวเฟิงช่วยในส่วนนี้เยอะ ส่วนจางเคอก็ได้รับบาดเจ็บหนัก เพราะเขาต้องพิการ เขาจึงจะได้รับเงิน 60% จากระดับบัญชาการตัวนี้ไป ฉันจะได้รับ 10% หลัวเฟิง 15% เว่ยเถี่ย เว่ยชิง และเฉินกู่คนละ 5%”

“ไม่มีใครคัดค้านใช่ไหม?” เกาเฟิงถาม

“ไม่มีครับ” หลัวเฟิงพยักหน้า

กฎในทีมของนักสู้ ถ้ามีคนต้องพิการจากการต่อสู้ เขาจะได้รับผลประโยชน์ที่ 60% ซึ่งถือว่าเป็น ‘เงินสงเคราะห์’ นั่นเอง

“ดังนั้น เงิน 12 ล้านนี้ มอบให้จางเคอ 7.2 ล้าน ให้หลัวเฟิง 1.8 ล้าน ให้ฉัน 1.2 ล้าน และที่เหลือคนละ 6 แสน” เกาเฟิงป้อนตัวเลขเข้าไป “หมาสิงโตที่เราฆ่าได้ตอนขากลับมีราคา 10 ล้าน ทุกคนมีส่วนค่อนข้างน้อย เพราะงั้น ฉันและหลัวเฟิง 30% ส่วนคนอื่นๆ คนละ 10% ไม่มีใครคัดค้านนะ?”

ทุกคนพยักหน้า

อันที่จริง จางเคอไม่ได้ช่วยอะไรในการต่อสู้นี้ แต่ทุกคนก็อยากแบ่งเงินให้เขาด้วย จางเคอเองก็ไม่ได้เอ่ยคำใด…นักสู้ในทีมต่างมีน้ำใจให้แก่กันอยู่แล้ว

“หลัวเฟิงกับฉัน 3 ล้าน และที่เหลือคนละ 1 ล้าน”

เกาเฟิงยิ้มบางๆ “สุดท้าย รถถังกระหายเลือดได้เงินมากที่สุดถึง 16 ล้าน เฉินกู่ทำงานมากที่สุด เขาฆ่ามันด้วยกระสุนนัดเดียวเพราะงั้นเขาจึงได้ 60% ทุกคนก็มีส่วนร่วมด้วย ฉะนั้น หลัวเฟิง เว่ยเถี่ย เว่ยชิงและจางเคอได้คนละ 10% ไม่รวมฉัน”

อันที่จริง เกาเฟิงมีเงินมากกว่าทุกคนในทีมอยู่แล้ว

โดยปกติเกาเฟิงทำงานมากกว่าเพื่อนอยู่แล้วในการฆ่าสัตว์ประหลาด ดังนั้น ตลอดหลายปี เกาเฟิงสามารถทำเงินได้มากกว่าเพื่อนๆ ในทีมเป็นสิบเท่าอยู่แล้ว

เป็นเหตุให้เขาเจียมตัวหากไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้มากนัก

“ว่าง่ายๆ ก็คือ เฉินกู่ 9.6 ล้าน จางเคอ หลัวเฟิง เว่ยเถี่ยและเว่ยชิงคนละ 1.6 ล้าน”

รวมแล้วก็คือ

“เฉินกู่ได้ 11.26 ล้าน หลัวเฟิงได้ 6.52 ล้าน ฉันได้ 4.2 ล้าน จางเคอได้ 9.91 ล้าน เว่ยเถี่ยได้ 3.3 ล้าน และเว่ยชิงได้ 3.32 ล้าน” เกาเฟิงรายงานผลรวมแล้วก็หัวเราะออกมา “แน่นอน เรายังเหลือขุมทรัพย์ชิ้นใหญ่อยู่ วัตถุดิบจากหมาป่าพระจันทร์เงิน มันทำเงินได้มหาศาลแน่!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version