Skip to content

Swallowed Star 54

ตอนที่ 54 ฐานเติมเสบียง

คืนที่ดามเต็มฟ้า…

ภายใต้แสงดาว เงาราวกับแสงสีดำพุ่งผ่านซากปรักหักพังของเมืองอย่างเร็ว บางครั้งก็พุ่งไปตามถนน บางครั้งก็กระโดดผ่านตึกรามบ้านช่อง แค่ชั่วครู่ เงามืดนั้นก็มาถึงอพาร์ทเมนต์สูง 6 ชั้นที่เป็นที่พักของทีมค้อนอัคคี

“หลัวเฟิงมาแล้ว”

“ใช่ ดูจะยังดีอยู่”

สมาชิกทีมค้อนอัคคีมองดูหลัวเฟิงกำลังเดินเข้ามาทางบันไดของอพาร์ทเมนต์ผ่านกล้องส่องทางไกล หลัวเฟิงมาถึงดาดฟ้าในอีกสักครู่ต่อมา

“หัวหน้า พี่เฉิน” หลัวเฟิงหัวเราะพลางตะโกนทักทาย

“ไม่บาดเจ็บ อืม…ไม่เลว เป็นไงบ้าง? นายฆ่าหมาป่านั่นได้รึเปล่า?” ถึงหัวหน้าเกาเฟิงจะสุขุมแค่ไหนก็อดถามรัวๆ ไม่ได้ เฉินกู่ พี่น้องเว่ย รวมถึงจางเคอที่ยังนอนอยู่ก็มองมายังหลัวเฟิงอย่างลุ้นๆ เฉินกู่กล่าวเสริมขึ้นอย่างอารมณ์ดี “กระเป๋าหลัวเฟิงดูจะตุงๆ นะ”

หลัวเฟิงหัวเราะ “พี่เฉิน ตาแหลมจริงๆ ใช่ครับ ผมจัดการหมาป่าตัวนั้นได้! ผมชำแหละมันแล้วก็เอาของดีมาเพียบเลย”

“นายทำได้จริงเหรอ?” ทุกคนตาเป็นประกาย

หมาป่าพระจันทร์เงิน!

ราชาแห่งหมาป่า! เดิมทีสัตว์ประหลาดจำพวกหมาป่าทั่วไปเจอได้น้อยมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ‘หมาป่าพระจันทร์เงิน’ ที่เป็นราชาเลย

“ครั้งนี้ผมโชคดีด้วยน่ะครับ” หลัวเฟิงกล่าวอย่างตื่นเต้น “ความเร็วการเคลื่อนไหวของมันเกรงว่าจะเท่าความเร็วเสียง! พลังโจมตีก็มหาศาลทีเดียว ผิวหนังและขนของมันก็แข็งแกร่งจนน่ากลัว ถ้ามันไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อนหน้านี้และมีแผลขนาดใหญ่ที่หน้าท้องผมน่าจะฆ่ามันได้ยากกว่านี้มาก!”

“ความเร็วเท่าเสียงเลยเหรอ?” เฉินกู่จ้องเขม็ง

“วิปริตไปแล้ว สมกับที่เป็นราชาหมาป่า มันระดับพอๆ กับหมูป่าระดับจ่าฝูงขั้นต่ำเลยนะ” เว่ยเถี่ยกล่าวด้วยความประหลาดใจ

“แย่แล้ว” สีหน้าเกาเฟิงเปลี่ยนอย่างหนัก

หลัวเฟิงตกใจในอาการนั้น

“หัวหน้า มีอะไรครับ? เกิดอะไรขึ้น?” หลัวเฟิงถามรัวๆ

“หมาป่าตัวนั้นมันบาดเจ็บหนัก มันจะต้องต่อสู้กับทีมนักสู้มาก่อนหน้านี้แน่” เกาเฟิงลิ้นพันกัน “ทีมนักสู้นั่นอาจจะทิ้งสัญญาณติดตามไว้ที่ขนของมัน ถ้าทีมนักสู้นั่นตามหาและพบเราเข้า เราต้องมีปัญหาแน่!”

เฉินกู่ได้ยินก็ตกใจไปด้วย “ใช่ เราคงไม่อาจรับมือกับทีมนักสู้ที่ทำให้มันได้รับบาดเจ็บได้ขนาดนี้แน่ นั่นอาจจะเป็นทีมระดับเทพสงครามก็เป็นได้!”

พอหลัวเฟิงได้ยิน เขาก็กล่าวปลอบใจ

“หัวหน้าครับ เบาใจเถอะครับ ผมอาจจะมีประสบการณ์ไม่มากนัก แต่ผมศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องหลายอย่างก่อนจะมาลุยแดนเถื่อนนี้แล้ว จำเป็นต้องรู้เรื่องพื้นฐานบางอย่างอยู่บ้าง หลังจากที่ฆ่าหมาป่าพระจันทร์เงินแล้ว ผมก็ค้นหาและพบเครื่องติดตามบนตัวมัน และผมก็ตัดออกจากขนของมันไปแล้ว” หลัวเฟิงกล่าว

พอได้ยินอย่างนั้นทุกคนก็พลอยเบาใจลงไปได้

พวกเขากังวลเรื่องการขาดประสบการณ์ของหลัวเฟิงในฐานะน้องใหม่ อย่างไรพวกเขาก็ฉกฉวยเอาสัตว์ประหลาดบาดเจ็บของใครซักคนมา ถ้าพวกนั้นรู้เข้า มันจะเกิดปัญหาได้

“ตอนนี้จางเคอบาดเจ็บสาหัส ทีมเราคงไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นานนัก ทุกคนพักกันก่อนพอตะวันรุ่งพรุ่งนี้ เราจะรีบเดินทางกลับฐานกัน” เกาเฟิงกล่าว

“ครับ หัวหน้า” ทุกคนรับคำ

รุ่งขึ้นในวันถัดมา ทีมค้อนอัคคีก็ออกจากเมืองชนบทหมายเลข 0201 ด้วยความรวดเร็ว มุ่งหน้ากลับไปยังฐานเติมเสบียงด้วยถนนหลวงเส้นเดิม

ณ ส่วนหนึ่งในฐานเติมเสบียง

“พี่เฮย”

จางเจ๋อหู่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงมุมหนึ่งของฐานและกำลังสนทนาอยู่กับชายฉกรรจ์หนวดครึ้ม “พี่เห็นพวกทีมค้อนอัคคีกลับกันมาหรือยัง? เวร…ไอ้หลัวเฟิงมันทำให้ผมต้องเสียถึงร้อยล้าน ถ้าไม่ได้อัดมันผมนอนไม่หลับแน่”

“ยังเลย ตามการลงทะเบียนกลับ ยังไม่มีข้อมูลว่าทีมค้อนอัคคีกลับมากันเลย” ชายหนวดครึ้มหัวเราะ “พยัคฆ์ ถ้าหลัวเฟิงกล้าหือกับนาน นายต้องสั่งสอนมันในแดนเถื่อนโน่น ถ้านายทำอะไรที่ฐานเติมเสบียงนายจะถูกสั่งแบนได้นะ”

“แน่นอนผมรู้ ผมยังไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวนะ”จางเจ๋อหู่หัวเราะ

กองทัพของรัฐบาลบริหารสำนักงานใหญ่และส่วนของกองทัพก็อยู่เบื้องหลังที่นี่ ไม่ว่านักสู้จะเกลียดขี้หน้ากันขนาดไหน พวกเขาก็จะไม่กล้าต่อสู้กันในเขตทหาร ถ้าพวกเขากล้าทำ ก็จะเกิดผลร้ายตามมา อันที่จริง ฐานเติมเสบียงเป็นเขตที่ทหารครอบครองอยู่ ดังนั้น พวกเขาจึงควบคุมความปลอดภัยและทุกๆ อย่างของที่นี่

“พี่เฮย บอกผมด้วยละกันถ้าพวกมันกลับมา” จางเจ๋อหู่หัวเราะ

“ได้ ไม่มีปัญหา” ชายหนวดครึ้มพยักหน้า

จางเจ๋อหู่ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้น ขยี้ทิ้งแล้วก็หัวเราะ “งั้นขอตัวก่อนนะพี่เฮย แล้วค่อยเจอกัน”

จางเจ๋อหู่เดินเข้าไปในฐานเติมเสบียง มันถูกเรียกว่าฐาน แต่ที่จริงมันมีบรรยากาศเหมือนเขตอยู่อาศัยเสียมากกว่า จางเจ๋อหู่มาพบกับสมาชิกอีก 2 คนของทีมใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ กับประตูทางเข้าฐาน

“ว่าไง พยัคฆ์?” ชายวัยกลางคนตาเดียวเอ่ยถาม

“ยังไม่กลับมา ไม่มีข่าวอะไรเลย” จางเจ๋อหู่ยิ้มบางๆ

ชายหัวล้านร่างกำยำด้านข้างหัวเราะ “ตอนนี้พวกมันไม่กลับมาเลยซักคน ฉันว่าพวกมันคงจะม่องเท่งในฝูงสัตว์ประหลาดไปแล้วล่ะ ถ้าพวกมันตายหมดก็ดี จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง”

ทีมเขี้ยวพยัคฆ์ไม่ได้กลัวทีมค้อนอัคคีแต่อย่างใด แต่ถ้ามีคนรอดมาได้ ก็อาจจะมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นได้

“ทีมค้อนอัคคี ฮึ่ม ถ้าพวกแกจะโทษใคร ก็โทษหลัวเฟิงนั่นแล้วกัน” จางเจ๋อหู่หัวเราะเยือกเย็น “กล้าทำให้ฉันเสียเงิน…จริงสิ พวกจายเจอหรือยังว่าใครฉกนักล่าตัวนั้นของเราะไป?”

“ยังเลย” ชายวันกลางคนตาเดียวกล่าวพลางส่ายหัว “ไม่มีข่าวคราวเลย หัวหน้าก็กำลังดวลเหล้าด้วยความแค้นอยู่ในห้องตอนนี้”

“ฉันว่านะ เราไม่เห็นพวกมันตอนทางกลับฐาน เราอาจไม่มีโอกาสเจอพวกมันอีกแล้วล่ะ” ชายหัวล้านส่ายหัว ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อหันไปเห็นสิ่งที่อยู่ด้านนอกประตูทางเข้า อีก 2 คนเห็นอย่างนั้นก็หันตามไปด้วย และสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป!

เกาเฟิง เฉินกู่ เว่ยชิง เว่ยเถี่ย หลัวเฟิงและจางเคอ ทุกคนกำลังกลับมาที่ฐานเติมเสบียง

“A9 สหายเกา ดูเหมือนครั้งนี้นายจะเจอปัญหานะ” ทหารยามสังเกตเห็นจางคอแขนหายไปข้างหนึ่งพร้อมกับผ้าที่พันอยู่

“เวรเอ๊ย อย่าพูดเลย ไม่ใช่ฝีมือสัตว์ประหลาดหรอก แต่เป็นพวกเวรทีมเขี้ยวพยัคฆ์ต่างหาก!” เกาเฟิงสบถด่า

“หัวหน้า ทีมเขี้ยวพยัคฆ์อยู่นั่น!” เฉินกู่คำรามลั่น

ในตอนนี้ สมาชิกทีมค้อนอัคคีต่างก็หันไปมอง 3 คนที่ใต้ร่มไม้ไม่ไกล หลังจากที่เห็น ทุกคนในทีมค้อนอัคคีก็เดือดดาลขึ้นมาทันที จางเคอที่สะพายกระเป๋าด้วยสีหน้าซีดเซียวก็ตะโกนขึ้น “ห้ามขยับ”

จางเจ๋อหู่กับอีก 2 คนเห็นสมาชิกทั้ง 6 คนของทีมค้อนอัคคีก็ถึงกับช็อค ดังนั้น พวกเขาจึงรีบหันหัวเดินหลบไป

เรื่องนี้ พวกเขาเป็นฝ่ายผิด

แต่พวกเขาไม่คิดว่าเฉินกู่จะเห็นพวกเขา

“ยังจะวิ่งหนีอีกงั้นเหรอ?” เกาเฟิงตะโกน

สมาชิกทั้ง 6 ของทีมค้อนอัคคีวิ่งกรูกันเข้าไป แล้วก็ตะโกนลั่น เป็นเหตุให้นักสู้คนอื่นๆ ในฐานต้องหันมามอง ในตอนนี้จางเจ๋อหู่และอีก 2 คนหยุดวิ่งแล้ว ถ้าพวกเขาวิ่งหนีไป ไม่ใช่ว่าเป็นการยอมรับความผิดงั้นเหรอ? ถึงแม้พวกเขาจะทำผิด พวกเขาก็คงไม่สามารถยอมรับได้!

“เกาเฟิง นายตะโกนอะไร?” ชายวัยกลางคนตาเดียวแสร้งตะโกนกลับขณะหันรีหันขวาง “นายคิดว่าที่นี่ที่ไหน? นี่เขตทหารฐานเติมเสบียงสำหรับนักสู้นะ ไม่ใช่ที่ที่นายจะมาทำโอหังแบบนี้”

“อยากทำโอหังก็ไม่ดูที่ให้ดีก่อน” ชายหัวล้านร่างกำยำกล่าวพลางหัวเราะเยาะ

ไม่ว่าอย่างไร จะยอมอ่อนแอไม่ได้

“ยังจะปากดีอีกเหรอ?” เกาเฟิงกำค้อนคู่อยู่ในมือ เขาควงมันอย่างรุนแรงแล้วพุ่งเข้าไปเต็มกำลังด้วยความแค้น “หาเรื่อง!”

ใบหน้าของทั้ง 3 คนเปลี่ยนสีทันที

พวกเขาไม่เอ่ยคำใดออกมา อย่างไรพวกเขาก็ทำผิด

“ปรี๊ด!”

“ปรี๊ด!”

“ปรี๊ด!”

เสียงนกหวีดแสบแก้วหูดังลั่นขึ้น เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ 12 คนกระจายกันออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่จากระยะไกล

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ตะโกนลั่น “วางอาวุธลง ห้ามต่อสู้ในฐานเติมเสบียง ไม่งั้น พวกเรามีสิทธิ์ฆ่าพวกคุณทันที!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version