ตอนที่ 713 การพบเจอของหง

หลัวเฟิงรู้สึกว่าการพบเจอสิ่งต่างๆ ของเขานั้นไม่เลว เช่นได้รับคำแนะนำจากผู้นำวังสวรรค์ทลายได้พูดคุยกับอัศวินอมตะ

แต่เขาก็ไม่คิดว่าพี่ใหญ่ของเขาจะมีความสัมพันธ์กับปรมาจารย์ทอง

ศูนย์ ที่เป็นผู้สร้างจารึกแห่งความสับสน

ในจิตนาการของหลัวเฟิง ผู้สร้างจารึกคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์มนุษย์ ถึงที่เขาคิดมันจะผิดแต่ก็คงไม่ไกลกันมากนัก

“แค่โชค?” หลัวเฟิงถาม

“พี่ใหญ่” เทพสายฟ้าจ้อง

“ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับ 52 จารึกมาก่อน ผู้ที่สร้างจารึกทั้งหมดนี้เป็น

ตัวตนที่แท้จริงในทุกยุคสมัย และมันเป็นแบบนั้นจริงหรือ”

หลัวเฟิง หง เทพสายฟ้าเป็นเพียงแค่มดในจักรวาล แล้วมันยากจะเชื่อที่ตัวตนอย่างมดจะไปรู้จักกับตัวตนสุดยอดแบบนั้น

“ให้ผมอธิบายโชคนั้นกับคุณ” หงยิ้ม

“ตอนที่ผมได้เข้าค่ายฝึกพิเศษของหัวกะทิ ในที่สุดผมก็ถูกรับเข้าไปยังแกนหลังสำนักขวานยักษ์ ยังได้ไปฝึกที่เมืองแห่งความโกลาหล”

“หลังจากที่ออกจากเมือง ผมได้ไปยังสถานที่เลี้ยงดูของสำนักขวานยักษ์” หงถอยหายใจ

“เมื่อวานผมได้ยังเกาะแห่งจินตนาการ ทุกอย่างก็เกิดขึ้น”

หลัวเฟิงและ เทพสายฟ้ากลั้นหายใจ

พี่ใหญ่ของเขามีสภาพจิตที่แข็งแกร่ง แล้วมันจะไกลขนาดไหน แรง

กดดันจิตสำนึกจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเป็นพี่ใหญ่ของเขาก็คงไปได้ไม่ไกลมาก

“ผมได้ผ่านไปแต่ละเกาะ มันทั้งยากและทรงพลัง น่ากลัวแม้แต่กับผม ด้วยขีดจำกัดของผม ทำให้ล้มเหลวที่เกาะ 21”

หลัวเฟิงตะลึง

“พี่ใหญ่คุณล้มเหลวจริงเหรอ” เทพสายฟ้าอยากรู้

“น้องสอง คุณยังไม่เข้าใจ คุณสำเร็จระดับที่ 21 อีกก้าวเดียวคุณก็จะ

สำเร็จ”

“มันเป็นไปไม่ได้” หลัวเฟิงตกใจและส่ายหัว

“แรงกดดันจิตสำนึกนั้นน่ากลัวมาก ในระดับ 10 ก็เท่ากับแรงกดดันของอมตะ ระดับ 21 ก็คืออัศวิน พี่ใหญ่เพียงระดับจักรวาล แต่ผ่านเกาะที่ 20 ได้อย่างไร”

หงหัวเราะ

“น้องสาม ผมอยากถาม…เมื่อตอนคุณอยู่ระดับจักรวาลคุณทำได้แค่

ไหน”

“ผมทำได้ที่ 10 และล้มเหลว” หลัวเฟิงกล่าว

“ระดับห้วงมิติชั้นยอดยังไม่ผ่านระดับ 9 ของเกาะ และคุณระดับ

จักรวาลผ่านมัน”

“ถ้าเรามองข้ามภาพลวงตาที่อยู่เบื้องหลังมัน จะทำให้คุณต้านทานแรงกดดันสติได้อย่างไร”

“อำนาจจิตเป็นนายพล จิตสำนึกเป็นทหาร ด้วยการนำของอำนาจจิต

หัวใจเป็นดังใบมีด จิตสำนึกและอำนาจจิตควบแน่นลงในหิน และ

ต่อต้านแรงกดดัน” หลัวเฟิงตอบ

“ฮ่า ฮ่า…” หงหัวเราะ

“แรงกดดันจิตสำนึกเทียบกับสึนามิ คุณรู้วิธีควบแน่นอำนาจจิตและ

จิตสำนึกลงในหิน นั่นถือว่าเป็นระดับ 1 ใน 3 ระดับจากสภาพทางจิต

เหตุผลที่ล้มเหลวมันเป็นเพราะขีดจำกัดของคุณ”

“ถ้าคุณฝึกฝนสภาพจิตในระดับเดียวกับน้องสอง มันจะแตกต่าง

ออกไป”

“ระดับสภาพจิตที่ต่อต้านคลื่นแรงกดดัน คุณจะต้องอ่อนนุ่มและ

นุ่มนวล เมื่ออ่อนนุ่มตามต้องการ จะปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ คุณสามารถที่จะผ่านแรงกดดันได้”

“ระดับที่ 2 เป็นหนึ่งกับธรรมชาติ กลมกลืนถึงจุดสมบูรณ์ มันอาจทำให้คุณไปยังเกาะที่ 14 15”

“ระดับที่ 3 หัวใจไร้ขีดจำกัด ทำให้แรงกดดันที่ห้อมล้อมอยู่ภายใน

ขีดจำกัดตัวเอง ก็จะไม่พังทลายจากแรงกดดัน” หงส่ายหัวและยิ้ม

“มันน่าเสียดายที่ผมเพิ่งผ่านระดับที่ 3 ยังคงไม่สมบูรณ์ ทำให้ผม

ล้มเหลวในระดับที่ 21”

หลัวเฟิงกะพริบตาอย่างแรง

“เมื่อผมล้มเหลวที่เกาะ 21 ระดับสูงของสำนักขวานยักษ์ก็รับรู้ทันที

รวมถึงปรมาจารย์ทองศูนย์ และผู้ก่อนตั้งสำนักขวานยักษ์”

“ผู้ก่อตั้งได้ให้ปิดข่าวนี้ ทำให้แม้แต่อัศวินก็ไม่มีทางรู้เกี่ยวกับมัน”

ผ่านเกาะที่ 20 ในระดับจักรวาล ย่อมเป็นสิ่งที่น่ากลัว มันทำให้ดึงดูด

ความสนใจของสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่

“ผู้ก่อตั้งได้ยอมรับผมเป็นศิษย์ทันที” หงยิ้ม

“แต่ผู้ก่อตั้งเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันมนุษย์ ทำให้เขาไม่มีเวลา

ว่างจึงแนะนำ ให้ปรมาจารย์ทองศูนย์ เป็นผู้สอนผมก่อน เมื่อผม

กลายเป็นอมตะระดับจักรพรรดิเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ฟังการสอนของเขา

นั่นจะถือว่าเป็นศิษย์ที่แท้จริงของเขา ตอนนี้ยังไม่ถือเป็นศิษย์ของเขาเลย”

หลัวเฟิงได้ตะลึงงงอย่างสมบูรณ์ นี่มันเป็นการพบกับปาฏิหาริย์

เขาไม่คิดว่าพี่ใหญ่ของเขาจะเกินกว่าทุกคนที่เขาได้พบมา เขาได้เป็น

ศิษย์ของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักขวานยักษ์

ถึงตอนนี้เขายังได้รับคำแนะนำ จากปรมาจารย์ทองศูนย์ แต่หลังจาก

กลายเป็นอมตะระดับจักรพรรดิ เขาก็สามารถที่จะเป็นศิษย์ของผู้ก่อตั้ง

“พี่ใหญ่ ผู้ก่อตั้งสำนักขวานยักษ์เป็นอันดับหนึ่งของ 52 จารึก” หลัวเฟิงมองที่หง

“มันเพียงแค่ผมต้องการผ่านเกาะแห่งจินตนาการ” หงส่ายหัว

“การฝึกฝนสภาพจิต มันว่างเปล่า ในการต่อสู้ที่แท้จริง ยังต้องใช้

พลังงานจิตวิญญาณ พลังงานพันธุกรรม ฯลฯ นั้นเป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงที่จับต้องได้”

“แม้ว่าสภาพจิตของผมจะมีประสิทธิภาพ ระดับห้วงมิติก็ฆ่าผมได้ด้วยการเคลื่อนไหวเดียว”

“ความจริงก็ยังคงเป็นความจริง”

หลัวเฟิงยิ้ม เทพสายฟ้าหัวเราะ

หงในตอนนี้มีทุกสิ่งทุกอย่างสนับสนุนเขา

“ปรมาจารย์ทองศูนย์ ได้บอกผมมาก่อนหน้านี้แล้ว” หงส่ายหัว

“ความเข้าใจกฎมีความเข้าใจที่ใหญ่ที่จะผสมพวกมัน บางคนมีความ

เข้าใจนับพันเท่าของคนอื่น ความเข้าใจของผมก็ไม่ได้แย่ แต่มันไม่

เหมือนอัจฉริยะที่แท้จริงอย่างน้องสาม”

“ด้วยการสนับสนุนของสภาพจิต ผมสามารถเพิ่มได้มากสุด 2-3 เท่า แต่มันเทียบไม่ได้กับเหล่าอัจฉริยะ” หงหัวเราะ

“ปรมาจารย์ทองศูนย์ บอกว่า เวลาฝึกของผมจะต้องยาวนานมาก”

หลัวเฟิง และเทพสายฟ้าฟังอย่างตั้งใจ

“การฝึกฝนสภาพจิตสูง ทำให้ภาพลวงตาทั้งหมดเกือบไม่มีต่อผม

ดังนั้นเขาได้ออกแบบเส้นทางของผมไปสู่นักสู้ภาพลวงตา” หงหัวเราะ

“การโจมตีกายภาพพร้อมกับภาพลวงตาจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับผม”

“นักสู้ภาพลวงตา?” หลัวเฟิง และเทพสายฟ้า กำลังงง

“พี่ใหญ่ ด้วยระดับสภาพจิตใจของคุณ ถ้าคุณใช้ภาพลวงตา ใครจะทนต่อมันได้” เทพสายฟ้ากล่าว

“แม้ตำแหน่งของผมจะสูงตอนนี้ เพื่อปกป้องผม ทุกอย่างจึงเป็น

ความลับ ผมยังคงเป็นสมาชิกชั้นนอก แม้แต่อัศวินก็ไม่รู้เรื่องนี้”

หลัวเฟิงพยักหน้า และรู้สึกมีความสุขกับพี่ใหญ่ของเขา

พี่ใหญ่ของเขาใช้สภาพจิตใจเพื่อก้าวไปยังข้างหน้า แต่ศิษย์ที่แข็งแกร่งก็ต้องก้าวไปทีละก้าว

“น้องสอง” หงมองไปยัง เทพสายฟ้า

“ผมจะแนะนำคุณกับปรมาจารย์ทองศูนย์ ผมได้บอกว่าคุณเข้าถึงการฝึกสภาพจิตใจระดับสูงแล้ว” หงหัวเราะ

“เขาน่าจะจัดหนึ่งในลูกศิษย์มารับคุณ แล้วน่าจะติดต่อมาในเร็วๆ นี้”

เทพสายฟ้าเปิดตากว้าง

หลัวเฟิงมีความสุขเมื่อมองไปยังพี่น้องของเขา

ตอนอยู่บนโลกทั้ง 3 มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกัน หลังจากระดับ

จักรวาลเขาก็เพิ่มมันขึ้นมากมาย แต่พี่ชายทั้งสองของเขาไม่ได้ถูกทิ้งไว้ด้านหลังมากนัก พวกเขาทั้งหมดมีการเผชิญหน้าของพวกเขาเองตอนนี้

“พี่ทั้งสอง ไม่ใช่เพียงแค่คุณเท่านั้น มีอัจฉริยะอื่นๆ ของมนุษย์ และ

แม้แต่อัจฉริยะของเผ่าพันธุ์อื่น บางคนมีอาจารย์ที่แข็งแกร่ง บางคนพบเจอกับสิ่งอัศจรรย์ หรือมีพรสวรรค์ราวกับสวรรค์”

“ผมหลัวเฟิงจะไกลเกินกว่ามนุษย์มากมายเหล่านั้น และยืนอยู่บนจุดสูงสุด”

“อย่างแน่นอน”

หลัวเฟิงกำลังเผาไหม้ด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้

ไม่ใช่หมายถึงการแข่งขันเท่านั้น หลังจากที่ถูกโจมตีจากเผ่าแมลงแล้วความทะเยอทะยานก็เพิ่มสูงขึ้น

“ผมจะต้องแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทั้งหมด” หลัวเฟิงบ่นพึมพำ

“พี่ใหญ่ ทำไมอัศวินจากสำนักขวานยักษ์ได้ส่งอมตะมาซื้อโลก โลกมี

ความลับอะไร อะไรที่ทำให้อัศวินแสดงความบ้าคลั่งนี้ คุณรู้เกี่ยวกับมันหรือไม่” หลัวเฟิงถาม

หงพยักหน้า “ผมรู้แน่นอน”