Skip to content

Swallowed Star 93

ตอนที่ 93 อิทธิพลของ 1 แสนล้านหยวน

มนุษย์สามารถถูกควบคุมได้โดยเงินตรา และเงินจำนวนมหาศาลก็สามารถทำให้คนเป็นบ้าได้

1 แสนล้าน!

“บ้าระห่ำ” หลี่ค่านสูดหายใจเข้าลึก

“แม้แต่ฉันก็ยังอดใจสั่นไม่ได้” หวังหงส่ายหน้าไปมา “จะไปแปลกใจอะไรกับผอ.แห่งเขตจีน น้องสาวแท้ๆ ของผอ.ตระกูลพอลลินัส 1 ใน 9 ตระกูลใหญ่ คนรวยก็คือคนรวยวันยังค่ำ”

แม่แต่ทั่วทั้งโลก ยังหาได้ยากที่จะมีเทพสงครามขั้นสูงที่มั่งคั่งในระดับนี้

ใช่ การล่าสัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูงเพื่อขายได้เงินดีมาก แต่พวกจ่าฝูงมันโง่งั้นเหรอ?

พวกมันฉลาดพอๆ กับมนุษย์ เมื่อพวกมันรู้สึกถึงอันตรายและรู้ตัวว่าไม่มีโอกาสชนะ พวกมันจะเลือกวิ่งหนี! เมื่อพวกระดับจ่าฝูงคิดจะวิ่งหนี มันจะสั่งให้สมุนของมันนับพันๆ ตัวเข้าขวางทางเทพสงครามที่ตามล่ามันเอาไว้…แม้ว่าสมุนของมันจะขัดขวางเทพสงครามเอาไว้ไม่ได้ แต่พวกมันจะทำให้การไล่ตามช้าลงแน่นอน

ดังนั้น การฆ่าสัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูงนั้นยากมากๆ! ยิ่งพวกมันแข็งแกร่งก็ยิ่งล่ายาก ดังนั้น ในสถานการณ์ปกติ เทพสงครามขั้นสูงมักจะล่าพวกจ่าฝูงขั้นกลาง เทพสงครามขั้นกลางจะล่าพวกจ่าฝูงขั้นต่ำ และเทพสงครามขั้นต่ำก็จะล่าพวกบัญชาการขั้นสูง การใช้วิธีนี้โอกาสสำเร็จก็จะมีเพิ่มขึ้นมาก

ยกตัวอย่างเช่น หวังหงกับหลี่ค่านที่พยายามล่ามังกรเกราะเหล็กแต่ก็ลงท้ายด้วยการล้มเหลว

และพวกสัตว์ประหลาดใช่ว่าจะไม่มีจำนวนจำกัด ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไรยิ่งหายากมากขึ้น! ตัวอย่างเช่นตอนหลัวเฟิงกับทีมค้อนอัคคีเข้าไปล่าสัตว์ประหลาดระดับบัญชาการเป็นจำนวนมากในเมืองเล็กๆ ต่อมาการจะตามหาพวกมันในเมืองนั้นก็จะทำได้ยากมากขึ้น…ทั้งนี้ เนื่องจากจำนวนของพวกระดับบัญชาการในเมืองนั้นจะลดลงอย่างมากนั่นเอง แต่นี่ไม่ใช่ส่วนที่แย่ที่สุด ส่วนที่แย่ที่สุดก็คือ…จะดึงดูดความสนใจของผู้นำของพวกระดับบัญชาการนั่นเอง ‘ระดับจ่าฝูง’ บรรดานักสู้มักจะค้นพบว่ามีอันตรายเกิดขึ้นหลังจากที่ฆ่าไปแล้วจำนวนมาก ดังนั้น พวกเขาจะวิ่งหนี แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าการฆ่าสัตว์ประหลาดเพื่อรับเงินนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำกันง่ายๆ สิ่งที่สำคัญที่สุด…เทพสงครามยังมีรายจ่ายค่อนข้างมากอีกด้วย อุปกรณ์อย่างอาวุธและชุดต่อสู้ แต่ละอย่างนั้นแพงไม่ใช่เล่น ทั้งตำราวิชาในระดับสูงยังแพงหูฉี่อีกด้วย! เทพสงครามที่ต้องกูเงินธนาคารมาเพื่อซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ก็มีไม่น้อยทีเดียว

จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เทพสงครามจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการใช้ชีวิต

ตัวอย่างเช่น ถ้าเทพสงครามขั้นสูงต่อสู้กับสัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูงขั้นสูง พวกเขาก็จะต้องซื้อชุดต่อสู้เกรด SS เพื่อความปลอดภัยสูงสุด เพราะชุดต่อสู้ชุด Q (เกรด S) สามารถต้านทานการโจมตีได้สูงสุดเพียงระดับจ่าฝูงทั่วๆ ไป ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด

ชุดต่อสู้เกรด SS อาวุธเกรด SS นั้นแพงไม่ใช่เล่นเลย

คู่มือเคล็ดวิชาเกรด SS รวมถึงสุดยอดเคล็ดวิชา อย่าง ‘วิชาดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ เป็นอะไรที่แพงมากๆ! เพื่อจะซื้อสิ่งเหล่านี้แบบครบถ้วน จะต้องฆ่าสัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูงขั้นกลางจำนวนเท่าไหร่ล่ะ? นี่คือสิ่งที่เทพสงครามส่วนใหญ่ไม่สามารถทำสำเร็จได้

และไม่ต้องพูดถึงชุดขุมทรัพย์พิเศษที่มีขายอยู่ในปราสาทเทพสงครามโดยเฉพาะนั่น อุปกรณ์พวกนั้นแพงหูฉี่ยิ่งกว่านี้อีก

ไม่ใช่เรื่องโกหกเลยที่เทพสงครามจำนวนมากจะต้องกู้เงินธนาคารมาเพื่อซื้อสิ่งเหล่านี้! แน่นอน…มีเทพสงครามจำนวนน้อยนิดเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้นในที่นี้ อย่างเช่น พวกเทพสงครามที่มีความสามารถพิเศษอย่างเป็น ‘นักอ่านจิต’ หรือพวกที่มีทักษะเหนือมนุษย์ หรือพวกที่มีภูมิหลังใหญ่ยักษ์! เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับลูกชายและลูกสาวของ ‘อาจารย์หง’ ที่จะมีเงินแบบนั้น ง่ายเพราะอิทธิพลของ ‘อาจารย์หง’ นั่นเอง

พันธมิตรใต้ดินเป็นกลุ่มการเงินระดับท็อปของโลก พวกเขาควบคุมเศรษฐกิจครึ่งหนึ่งของโลกและครอบคลุมแทบทุกสาขาอาชีพ

พวกเขามั่งคั่งอย่างน่าอัศจรรย์

เวนีน่า พอลลินัส เป็นผอ.ของพันธมิตรใต้ดินในประเทศจีนและเป็นน้องสาวแท้ๆ ของชายผู้เป็นทั้งผอ.ของตระกูลพอลลินัสและผู้บริหารระดับสูงของพันธมิตรใต้ดิน คงไม่ต้องสงสัยเรื่องความร่ำรวยของเธอหรอก เธอร่ำรวยก็เพราะตระกูลของเธอและพันธมิตรใต้ดิน ไม่ใช่มาจากการล่าสัตว์ประหลาด แม้แต่สามีของเธอ หลี่เย่า ก็ไม่อาจเปรียบเทียบกับเธอได้

…………..

นครเจียงหนาน ที่ทำการสมาคมขีดสุด

จูเก่อเทาในชุดสำนักสีดำกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในโรงฝึก ขณะที่เวลาผ่านไป แสงอาทิตย์ยามเช้าเริ่มสาดส่องเข้าไปในโรงฝึก

“ฟู่…” จูเก่อเทาค่อยๆ เปิดเปลือกตา

“เปิด” พอจูเก่อเทาพูด โปรเจ็คเตอร์ก็ฉายแสงขึ้นใส่ผนังห้องเกิดเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ จูเก่อเทามีพฤติกรรมอย่างหนึ่ง เขามักจะเช็คดูข่าวเหตุการณ์ทั่วโลกผ่านทางทีวีอยู่เสมอๆ

เสียงโปรเจ็คเตอร์ดังก้องไปทั่วทั้งโรงฝึก

“อะไรนะ?” จูเก่อเทาอึ้งไปขณะที่จ้องไปยังหน้าจอที่กำลังบรรยายข่าวเช้าอยู่

“1 แสนล้าน?” จูเก่อเทากะพริบตาปริบๆ

1 แสนล้าน!!!

จูเก่อเทาลุกขึ้นพรวดพราดพร้อมหัวใจแต้นแรง เงินมหาศาลขนาดนี้มันบ้ามากๆ เขา…หนึ่งในบิ๊กโฟร์ของสำนักขีดสุดแห่งเจียงหนานยังอดจะตะลึงพรึงเพริดไม่ได้

“อีแร้งกับแมงป่องพิษ คู่สามีภรรยานั่น! บ้าไปแล้ว เทพสงครามธรรมดาๆ คงไม่สามารถมีเงินขนาดนั้นแน่!” จูเก่อเทาทึ่ง “และข่าวนี้ก็ถ่ายทอดไปทั่วประเทศ เพราะงั้น…ไม่ใช่แค่นักสู้เท่านั้นที่รู้ข่าว ประชาชนทั่วไปก็รู้ข่าวนี้ด้วย อิทธพลของพันธมิตรใต้ดินยิ่งใหญ่จริงๆ สามารถแจ้งข่าวเรื่องนี้ออกทางทีวีของจีนได้ทั่วประเทศเลย”

1 แสนล้าน แม้แต่จูเก่อเทายังรู้สึกสะเทือน! ดูเหมือนจูเก่อเทา มักจะนำเสนอสิทธิประโยชน์ให้นักสู้ที่เป็นอัจฉริยะและทรงพลังอยู่บ่อยๆ แต่อย่างไรก็ตาม โดยส่วนใหญ่เขาก็จะใช้สิทธิพิเศษของทางสำนัก ดังนั้น เขาจึงแทบไม่ได้ใช้เงินของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

“เข้าไปที่บ้านแห่งขีดสุด ตรวจดูคอมเมนต์ของพวกเทพสงครามซิ” จูเก่อเทาสั่ง

หน้าจอเปลี่ยนเข้าหน้าต่างคอมเมนต์ของเทพสงคราม

ในฐานะเทพสงครามขั้นสูง เขาไม่ได้มีสิทธิ์เข้าไปหน้าต่างนี้ แต่ในฐานะอาจารย์ใหญ่เขาจึงเข้าถึงส่วนตรงนี้ได้

“ฮึ่มมม…คอมเมนต์พวกนี้ยังสดๆ ร้อนๆ อยู่เลย ดูเหมือนจะมาจากทางอเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ ยุโรป แอฟริกา และหลากหลายที่ แถมดูๆ แล้วจะคึกคักกันมากทีเดียว” จูเก่อเทาหัวเราะ “แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในจีน ดังนั้น เงินมหาศาลจำนวนนี้จะต้องตกอยู่ในมือคนจีนเท่านั้น 1 แสนล้าน…อย่างกับโยนแกะอ้วนลงในฝูงหมาป่า”

เงินมหาศาลก้อนนี้ทำให้ผู้คนทั่วทั้งโลกแตกตื่นได้อย่างแท้จริง แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือเทพสงครามยังตื่นตัวในเรื่องนี้ ขนาดเหล่าเทพสงครามยังเคลื่อนไหวเรื่องนี้…ไม่ต้องพูดถึงประชาชนทั่วๆ ไปเลย! คนทั่วไปที่ยังคงดิ้นรนเรื่องหาค่าเช่าบ้าน เงินเพียง 100 ล้านก็เกินจินตนาการของพวกเขาแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึง 1 แสนล้านเลยด้วยซ้ำ

ผู้คนทั่วทั้งโลกแตกตื่นกันหมดแล้ว! ทุกๆ เครือข่ายของข้อมูลบนโลกนี้ต่างก็พุ่งเป้าไปที่กรณีนี้ ค้นหาคนๆ นี้ เมืองหมายเลข 003 เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้นับร้อยล้านคน เมืองหมายเลข 003 นี้มีทั้งความเสี่ยงสูงและรางวัลตอบแทนที่สูง ดังนั้นนักสู้จำนวนมากจึงนิยมพุ่งเป้ามาที่นี่

…………….

บนชั้นที่ 8 ของตึกขนาด 12 ชั้นทางด้านตะวันตกของเมืองเดิม

วิ้ว…วิ้ว…

เสียงลมหนาวหวีดหวิวและเกล็ดหิมะโปรยปราย อากาศหนาวเย็นพัดโบกเข้าปะทะภายในตัวบ้านอย่างไม่ขาดสาย และพื้นห้องก็เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง หลัวเฟิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะเก่าๆ อันหนึ่งพลางเช็ดทำความสะอาดดาบของเขาอยู่ สิ่งที่อยู่ภายในใจเพียงสิ่งเดียวของเขาตอนนี้คือข่าวอันน่าหวั่นใจที่เขาเพิ่งได้รับจากทางนาฬิกาสื่อสาร ข่าวของค่าหัวจำนวนมหาศาล

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาจะบ้าตั้งเงินมากขนาดนั้นเป็นค่าหัว ขนาดเราเองยังรู้สึกอยากได้เลย”

หลัวเฟิงวางมีดปาของเขาลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา หยิบมีดอีกอันขึ้นมา และเริ่มเช็ดดูมัน

“1 แสนล้าน แต่พ่อกับแม่ของหลี่เวยไม่ได้โง่ พวกเขาจะจ่ายเงินให้กับคนที่สามารถบอกเบาะแสและหาหลักฐานได้อย่างชัดเจนเท่านั้น”

หลักฐาน?

หลัวเฟิงไม่คิดเลยว่าจะมีใครในโลกนี้สามารถหาหลักฐานได้ว่าเขาเป็นคนฆ่าหลี่เวยได้! ในตอนนั้น เพื่อป้องกันการจับได้จากดาวเทียม เขาวิ่งตรงเข้าสู่ทุ่งหญ้าหลังจากที่ฆ่าพวกหลี่เวยไป

“หากจะโชคร้ายจริงๆ ก็คงต้องมีคนซุ่มอยู่แถวนั้น แล้วบันทึกหน้าตากับการกระทำของเราไว้เท่านั้น”

แต่หลัวเฟิงคิดว่าโอกาสที่จะเกิดเรื่องแบบนั้นคงยากยิ่งกว่างมเข็มในทะเลเสียอีก อันที่จริง มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่หลัวเฟิงกลัว…

เพื่อนๆ ในทีมค้อนอัคคีของเขาเอง!

“เงินค่าหัวนั่นบ่งบอกถึงระดับทักษะของ 3 คนนั้นที่ตายพร้อมกับหลี่เวย และก็ได้บ่งบอกด้วยว่าฆาตกรจะต้องเป็นพวกเทพสงครามหรือไม่ก็นักอ่านจิต”

สีหน้าของหลัวเฟิงอึมครึม “ถ้าหัวหน้า เว่ยเถี่ย เว่ยชิง และพี่เฉินเห็นสิ่งนั้น พวกเขาอาจเดาได้ว่าเป็นเรา!”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สมาชิกทีมค้อนอัคคีที่เหลือทั้ง 4 คนนั้นจะคว้าเงินค่าหัวนั่นมาง่ายดายแค่ไหน! ประการแรก หลัวเฟิงพักอยู่ในเมืองหมายเลข 003 เพื่อฆ่าทีมเขี้ยวพยัคฆ์ และหนึ่งใน 4 คนที่ตายนั้นก็คือหัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์ ‘พานย่า’

และอย่างหลังที่ว่า เงินค่าหัวนั่นบ่งบอกว่าฆาตกรจะต้องเป็นเทพสงครามไม่ก็นักอ่านจิต! ทุกคนในทีมค้อนอัคคีก็รู้แล้วว่าเขาเป็นนักอ่านจิต ข้อมูลทั้ง 2 อย่างนี้ทำให้คาดเดาถึงเขาได้ง่ายมาก

ปัญหาที่แท้จริงก็คือสิ่งนี้ เมื่อเงินค่าหัวจำนวนมหาศาลถูกเผยแพร่ออกไป สมาชิกอีก 4 คนของทีมค้อนอัคคีอาจจะฉุกคิดและคาดเดาว่าเป็นหลัวเฟิงได้

“ต่อให้พวกเขาเดาได้ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขานะมีหลักฐานนี่! หลัวเฟิงส่ายหัว

ทีมค้อนอัคคีอาจคาดเดาว่าเป็นหลัวเฟิง

และพวกเทพสงครามก็คาดเดาว่าฆาตกรเป็นเทพสงครามที่มีความแค้นต่ออีแร้งและแมงป่องพิษ! แต่ทว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ก็ไม่ได้สมเหตุผลแต่อย่างใด เพราะไม่มีใครหาหลักฐานได้เพียงพอนั่นเอง

“ตอนหลี่เวยเผชิญหน้ากับอันตรายก่อนหน้านี้ พ่อกับแม่ของเขาติดต่อเทพสงคราม 2 คนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงให้มาช่วยเหลือได้ในแทบจะทันที” หลัวเฟิงขมวดคิ้ว “จะว่าไป พ่อกับแม่ของหลี่เวยมีอำนาจมากพอจะสั่งค้นหานักสู้ในบริเวณใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว ถ้าพวกเขาสามารถหาเทพสงครามได้ แม่ทัพกับนักรบก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขาเลย”

จากจุดที่หลัวเฟิงมองอยู่นี้…

ตำแหน่งของเทพสงครามหาได้ยากมากกว่าพวกแม่ทัพและนักรบเยอะ!

“ตอนนี้พวกเขาอาจจะกำลังค้นหาว่าใครอยู่แถวที่เกิดเหตุบ้าง” หลัวเฟิงขมวดคิ้ว

จุดนี้เป็นจุดที่เสียเปรียบสุดๆ! ความจริงคือหลัวเฟิงไม่รู้ว่าเทพสงครามสามารถรู้ตำแหน่งของเทพสงครามคนอื่นๆ ได้ผ่านระบบปราสาทเทพสงคราม เทพสงครามส่วนใหญ่จะไม่สามารถรู้ตำแหน่งของแม่ทัพและนักรบได้ แต่อย่างไรก็ตามหลัวเฟิงน่าจะยังไม่ได้โดดเด่นนัก เพราะพ่อแม่ของหลี่เวยได้พิกัดตำแหน่งของนักสู้ได้หลายร้อยจุดบริเวณรอบๆ นี้ และหลัวเฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้น

“เราน่าจะเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย แต่เพราะสถานะของเราอ่อนแอ โอกาสถูกจับได้ก็ค่อนข้างต่ำ” หลัวเฟิงขมวดคิ้ว “แต่หัวหน้า พี่เถี่ย พี่ชิง และพี่เฉิน…ถ้ามีใครเปิดเผยความจริงที่ว่าเรายังอยู่ในเมืองหมายเลข 003 เพื่อฆ่าทีมเขี้ยวพยัคฆ์และความจริงที่ว่าเราเป็นนักอ่านจิต…ถ้าแม้ว่านั่นจะยังไม่ใช่หลักฐานที่ชัดเจน แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งของพ่อแม่หลี่เวยในทันที”

ทันใดนั้น หลัวเฟิงก็รู้สึกว่านาฬิกาข้อมือของเขาสั่น

เขาก้มลงมองดูที่หน้าจอของนาฬิกานั้น

“สายจากหัวเหน้าเกาเฟิง?” หลัวเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version