ตอนที่ 95 ดาบสายฟ้าขั้นที่ 3
หลังจากที่ผ่านการปรับเปลี่ยนอารมณ์ครั้งใหญ่ สถานะจิตใจของเขาตอนนี้สดใสราวกับแก้วคริสตัล
ปราศจากความคิดฟุ้งซ่าน ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาจดจ่ออยู่ที่ดาบในมือ
“หือ?”
หลังจากฝึกมาซักครู่ หลัวเฟิงก็ขมวดคิ้วและครุ่นคิดขณะทดสอบการตวัดดาบ หลังจากนั้น เขาก็กลับไปฝึกอีก หยุดและคิดอีก และก็กลับไปฝึกอีกอยู่อย่างนั้น…
ความรู้สึกทั้งหมดเหมือนกับประสบการณ์ตอนที่เขาเคยแก้โจทย์คณิตศาสตร์ในสมัยที่ยังเป็นนักเรียนอยู่
การแก้โจทย์ที่ยากมากๆ จะต้องลองดูหลายๆ วิธีด้วยข้อมูลที่รู้ จะต้องค่อยๆ มองหาวิธี…จนกระทั่งแก้ปัญหาได้ โจทย์หลักๆ ของคณิตศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมเป็นสิ่งที่ยากมากๆ บางครั้งก็ไม่สามารถแก้ได้ในเวลาแค่ 1 หรือ 2 ชั่วโมง
และตอนนี้ หลัวเฟิงกำลังเรียนรู้เทคนิคดาบเหมือนกับการแก้โจทย์คณิตศาสตร์!
แต่ที่ไม่เหมือนกับช่วงแรกคือ สถานะจิตใจของหลัวเฟิงตอนนี้ทำให้สมองของเขาทำงานเร็วกว่าเมื่อก่อนและทำให้เขาควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม
หนึ่งคืนแห่งการทำงานหนัก เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็ยังคงฝึกฝนอย่างหนัก
ในเที่ยงของวันนั้น หลัวเฟิงตกอยู่ในห้วงความคิดขณะที่กำลังถือดาบอยู่ในมือและนั่งอยู่ที่ระเบียง เขานั่งอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง
หลัวเฟิงยังคงเรียนรู้เทคนิคดาบและผลของมันก็คือ เขาลืมกินข้าว ลืมเรื่องถูกตั้งค่าหัว และลืมเรื่องความสงสัย
……….
ค่ำคืนในวันนั้น หลัวเฟิงยังคงกวัดแกว่งดาบของเขาท่ามกลางห้องอันมืดมิดบนชั้นที่ 8 ของตึกหลังนี้! แสงวูบวาบจากดาบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับจิตใจของเขาแล้ว
ฟุบ!
ใครจะรู้ได้ว่าเขากวัดแกว่งดาบไปกี่ร้อยกี่พันรอบแล้ว แต่เวลานี้ เพียงแค่การขยับดาบเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ห้องเล็กๆ นี้สว่างวาบขึ้นด้วยแสงสะท้อนจากคมดาบแล้ว มีแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยแฝงอยู่ในแสงวูบวาบจากดาบนั้น ราวกับแสงแฟลช อากาศรอบๆ เกิดเป็นคลื่นกระแทกที่ดูคล้ายกับเสียงโซนิคบูม
“หือ?” หลัวเฟิงตาเป็นประกายด้วยความอัศจรรย์ใจ
“มันได้ผล?”
“สำเร็จแล้ว! ในที่สุดก็สำเร็จขึ้นที่ 3 ของวิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ !” หลัวเฟิงตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นและยินดี
ขั้นที่ 3 ของดาบสายฟ้า กลับบรรลุหลังจากถูกประกาศค่าหัวไปได้ไม่นาน…
“แต่ขั้นต่อไปของวิชาดาบสายฟ้า 9 ขั้นจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ และเราก็เพิ่งจะบรรลุขั้นที่ 2 ไปเมื่อไม่นานมานี้ คิดไม่ถึงว่าเราจะสำเร็จขั้นที่ 3 ได้เร็วขนาดนี้!”
หลัวเฟิงยิ้มร่า
“ต้องขอบคุณพ่อแม่ของหลี่เวยสักหน่อยแล้ว”
ถ้าแม่ของหลี่เวย เวนีนา พอลลินัส รู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้น เกรงว่าคงจะโกรธจนกระอักเลือดทีเดียว
วิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ เป็นวิชาที่ยากมากๆ! คนที่สามารถบรรลุทั้ง 9 ขั้นได้ก็มีแต่ ‘เทพสายฟ้า’ คนเดียวเท่านั้น
วิชานี้มันยุ่งยากซับซ้อนสุดๆ
ขั้นที่ 3 คือการคูณพลังขึ้นไปอีกเป็น 2.8 เท่า!
สรรถภาพร่างกายของหลัวเฟิงตอนนี้อยู่ในระดับนักรบขั้นสูง เมื่อคูณ 2.8 เท่า พลังโจมตีของเขาจะเทียบเท่ากับแม่ทัพขั้นกลาง
2.8 เท่าเลยนะ!
ต้องรู้ไว้ว่าแต่ละขั้นจะมีความแตกต่างกันประมาณ 2 เท่า
“หนึ่งดาบของเรา เท่ากับการออกแรง 4 ครั้ง ซึ่งเทียบเท่ากับแม่ทัพขั้นกลาง ถ้าพลังจิตของเราเข้าเสริมแรงด้วยก็คงเพิ่มพลังขึ้นอีกเหมือนเป็น 5-6 ครั้ง…ดาบของเราก็จะเทียบเท่ากับแม่ทัพขั้นสูง!”
หลัวเฟิงเข้าใจพลังจิตของเขาได้อย่างถ่องแท้ ถ้านำพลังจิตกับสมรรถภาพร่างกายรวมกันเป็นพลังโจมตี พลังที่ออกมานั้นจะเพิ่มทวีความรุนแรงอย่างมาก
น่าประหลาดใจ!
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะแรงกดดันของค่าหัว!
เงินค่าหัวนั่นกดดันหลัวเฟิงอย่างถึงที่สุด บางคนอาจแตกสลายได้จากแรงกดดัน แต่กับบางคนการต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลอาจทำให้พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ส่วนหลัวเฟิงก็ได้รับการพัฒนา!
“เราคงจะต้องขอบคุณพ่อแม่ของหลี่เวย”
สีหน้าของหลัวเฟิงเต็มไปด้วยความสุข
“ค่าหัวอันมหาศาลนั้นสร้างความกลัวในก้นบึ้งของจิตใจของเราและทำให้เรารู้สึกว่าใครก็อาจหักหลังเราได้ โชคดีที่เรากลับมีความสุขหลังจากได้คุยกับสวีซิน…การเปลี่ยนแปลงครั้งน้ำทำให้เราสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”
หัวใจของเขานิ่งราวกับผืนน้ำ หรือกล่าวง่ายๆ เขาแทบจะไม่มีความหวั่นไหวใดๆ เหลืออยู่แล้ว! ความสงบระดับนี้เป็นสิ่งที่จะรักษาไว้ในช่วงเวลาอันยาวนานได้ยากมาก
โดยปกติ คนทั่วๆ ไปสามารถเข้าถึงสถานะนี้ได้เมื่อชีวิตของพวกเขาอยู่ในอันตรายหรือเหตุฉุกเฉินในช่วงเวลานั้น ทักษะของพวกเขาจะระเบิดออกมาเกินขีดจำกัด! ยกตัวอย่างเช่น หลัวเฟิง ซึ่งสงบนิ่งและไร้ความลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ทะยานหนีจากการล้อมรอบของสัตว์ประหลาดนับร้อยๆ ตัวที่คาร์ฟูร์ได้ในเวลาเพียง 1.2 วินาทีเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม สถานะนั้นสามารถคงที่อยู่ได้เพียงแค่ 1-2 วินาทีเท่านั้น
แต่ทว่า ด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาวะครั้งใหญ่เช่นนี้ เขารักษาสถานะสงบนิ่งแบบนี้ได้ถึง 20 ชั่วโมงเลยทีเดียว! ใน 20 ชั่วโมงของการฝึกเทคนิคดาบ ในที่สุดเขาก็ได้บรรลุขั้นที่ 3 ของวิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ ! สุดท้ายเป็นเพราะความสุขอันล้มหลามจากการฝึกสำเร็จจึงทำให้เขาหนีจากสภาวะความทุกข์ได้นั่นเอง
“เงินค่าหัวมหาศาลนั่น…ส่งผลกระทบต่อเรื่องนี้อย่างแน่นอนที่สุด ตามที่เขียนในหนังสือประวัติศาสตร์ อาณาจักรที่ล่มสลายส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความระแวงในตัวเสนาอำมาตย์ ความระแวงนั่นจะทำให้พวกเขาอ่อนแดและนำไปสู่ความตาย”
สถานะจิตใจของหลัวเฟิงก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
เงินค่าหัวมหาศาลส่งผลกระทบกับจิตใจของเขาน้อยมากในตอนนี้
“พวกหัวหน้าไม่มีหลักฐานอะไรเลย เมื่อปราศจากหลักฐาน พวกเขาก็ย่อมรับเงินค่าหัวก้อนนั้นไม่ได้ ถ้าพวกเขารับเงินไม่ได้ ใครจะไปรายงานโง่ะ ล่ะ?”
ใบหูของหลัวเฟิงขยับเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พุ่งพรวดไปที่ระเบียงแล้วก้มมองดูด้านล่าง ที่ด้านล่างของตึกนั้นมีสัตว์ประหลาดหลายสิบตัวกำลังจับกลุ่มกันตรงเข้ามา
หลัวเฟิงนิ่งไปทันที แล้วก็หัวเราะออกมา “ดูเหมือนเสียงที่เราตะโกนดีใจที่สำเร็จขั้นที่ 3 เมื่อกี้จะดึงดูดพวกนี้มาสินะ เอาล่ะ ได้เวลากลับเข้าเมืองแล้ว!”
หลังจากหลัวเฟิงหยิบกระเป๋า ดาบและโล่แล้ว เขาก็กระโดดลงมาจากระเบียงชั้นที่ 8 นั่นราวกับแสง แล้วกระโดดต่อไปยังหลังคาของตึกขนาด 3 ชั้นที่อยู่ไม่ห่างออกไป จากนั้นหายลับไปอย่างรวดเร็ว
………….
ณ สถานีรถไฟ
สถานีรถฟ้าเป็นสถานที่ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนอยู่ตลอดเวลา ฝูงชนสับสนวุ่นวายไปหมด เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจดังไปทั่วทั้งบริเวณสถานี รถไฟขบวนยาวเหยียดค่อยๆ ไหลเข้าสู่สถานี และขณะเดียวกันเสียงแสบแก้วหูก็ดังเอี๊ยดจากการเสียดสีของล้อเหล็กกับราง ประตูเปิดออก ผู้โดยสารจำนวนมากมายราวกับปลาซาดีนที่อัดแน่นอยู่ในกระป๋องก็หลั่งไหลเบียดเสียดกันออกมา
“หัวเมืองใหญ่ ถึงจะเป็นบ้าน” หลัวเฟิงก้าวออกมาจากประตูรถไฟแล้วยิ้มร่าขณะมองไปรอบๆ
“กลับบ้าน!”
หลังจากนั่งรถส่วนตัวของทางสำนักขีดสุด หลัวเฟิงก็กลับมาถึงเขตหมิงเยว่หลังจากตะวันตกดินพอดี
“เขตนี้ยังคงเหมือนเดิมตลอดเวลา เงียบเป็นปกติ”
ผ่านทางหน้าต่างรถ หลัวเฟิงเห็นฝูงชนมากมายที่กำลังคุยกัน พักผ่อนกันภายในเขต
ปี๊บ!
รถยนต์จอดตรงหน้าที่ทำการสมาคมขีดสุด
หลัวเฟิงเปิดประตูรถแล้วเดินออกมา มีผู้คนกลุ่มใหญ่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้าที่ทำการสมาคมขีดสุด มีนักสู้จำนวนหนึ่งที่เข้าคุ้นหน้าคุ้นตา และมีสมาชิกทีมค้อนอัคคี แน่นอน…น้องชายและพ่อแม่ของเขาก็อยู่ในนั้นด้วย
“เสี่ยวเฟิง” หลัวหงกั๋วและกงซินหลานตะโกนเรียก
“พี่ครับ” หลัวฮว๋าสีหน้าดีใจสุดๆ
“หลัวเฟิง”
“เจ้าบ้า”
นักสู้จำนวนไม่น้อนก็ตะโกนขึ้นมาด้วย
“หัวหน้า มาด้วยเหรอครับ?” หลัวเฟิงหัวเราะและกล่าวอย่างเซอร์ไพรส์
หัวหน้าเกาเฟิง เว่ยเถี่ยและเว่ยชิงก็หัวเราะออกมาด้วย “ก็นายบอกไม่ใช่หรือไงว่าจะกลับในอีก 2 วัน พวกเราจำเป็นต้องมาแบ่งสันปันส่วนของให้นาย อีกอย่าง พวกเราไม่ได้พบสหายจางมาซักพักแล้ว เลยถือโอกาสมาเยี่ยมเยือนเขาด้วย”
หลัวเฟิงยิ้มและพยักหน้า “หัวหน้า เดี๋ยวดึกๆ ผมจะมาคุยด้วย ตอนนี้ขอกลับเข้าบ้านก่อนนะครับ”
“ได้สิ” เกาเฟิงยิ้มให้พลางพยักหน้าและมองดูหลัวเฟิงเดินออกไป เขาคิดกับตัวเองว่า หือ? ดูสีหน้าท่าทางของหลัวเฟิง เหมือนเขาจะสงบและผ่อนคลายและไม่กดดันอะไรเลย หรือว่าผู้ร้ายจะไม่ใช่เขาจริงๆ
เขาเองก็ยังนึกไม่ถึงว่าเขาจะคิดแบบนี้ได้ เขาอดอยากสืบสาวเรื่องนี้แทบไม่ได้ ไม่ว่าหลัวเฟิงจะเป็นผู้ร้ายหรือไม่ เพราะเงิน 1 แสนล้านนั่นมันดึงดูดเหลือเกิน เขาไม่อยากให้หลัวเฟิงเป็นผู้ร้ายเพราะเขาจะทำใจได้ง่ายขึ้นเยอะทีเดียว ไม่รู้จะมีซักกี่คนบนโลกที่ทำท่าทีไร้กังวลได้แบบนี้ แต่การมีความสุขภายใต้แรงกดดันของค่าหัวมหาศาลมันจะยากขนาดไหน? อย่างน้อย ก็น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กหนุ่มที่อายุยังไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำที่จะทำเช่นนี้ได้
เกาเฟิงส่ายหัว “ไม่ว่ายังไง ฉันจะไม่คิดเรื่องนี้อีก”
เกาเฟิงยอมรับเรื่องนี้ ถึงแม้จะหมายความว่าเขาจะต้องโยนเงินจำนวนมหาศาลทิ้งไป
“ไปกันเถอะ หาอะไรดื่มกันดีกว่า” เกาเฟิงกล่าวชวนเสียงดัง
“ไป”
“ฮ่าๆๆๆ ไปเรา”
สมาชิกทีมค้อนอัคคีรวมถึงจางเคอผู้ไร้แขนข้างหนึ่ง พากันเดินเข้าไปในที่ทำการสมาคมขีดสุด มีแต่หลัวเฟิงเท่านั้นที่กลับเข้าบ้าน
………….
บนชั้นที่ 2 ของบ้านหลัวเฟิง
หลังจากกลับถึงบ้าน หลัวเฟิงก็จัดการเก็บสิ่งของมีค่าที่เขาได้มา ทั้งดาบเก่า ชุดต่อสู้ และไข่มังกรไว้ในห้องเก็บของส่วนตัวของเขา แน่นอน ต่อให้เขาวางพวกมันไว้บนพื้น แต่ก็ไม่มีใครมาขโมยพวกมันไปได้อยู่แล้ว นี่เป็นเขตของนักสู้ของสำนักขีดสุด ไม่มีใครกล้าเข้ามาขโมยของที่นี่หรอก
“ไม่ต้องสงสัยเลย พ่อแม่ของหลี่เวยมีสิทธิ์ที่จะค้นหานักสู้ในบริเวณที่ต้องการ ด้วยจำนวนของนักสู้ที่ไปรวมตัวกันที่แถวๆ ชายขอบของเมืองหมายเลข 003 พวกเขาอาจจะค้นหานักสู้จำนวนนับพันๆ คน เพราะเราเป็นแค่หนึ่งในนั้น โอกาสที่เขาจะสงสัยเราจึงต่ำมาก พ่อแม่ของหลี่เวยกำลังสงสัยนักอ่านจิต ดังนั้นพวกเขาอาจจะกำลังมองหาโปรไฟล์และบัญชีธนาคารของนักสู้ที่พวกเขากำลังสังสัยอยู่ก็ได้ เพราะงั้น จากนี้ไป! เราจะฝากเงินจำนวนมากๆ ภายใต้ชื่อของเราไม่ได้อีกแล้ว เราจะต้องฝากเงินในบัญชีที่ไม่ต้องใช้ชื่อ”
ในสมัยนี้ มีธนาคารจำนวนมากบนโลกที่รองรับการฝากเงินโดยไม่ต้องใช้ชื่อบัญชี บัญชีเหล่านี้จะไม่สนสถานะของบุคคล แค่สร้างรหัสขึ้นมาก็ใช้ได้เลย!
“อย่างแรก เงินจำนวนมหาศาลจะฝากเข้าบัญชีในชื่อจริงเราไม่ได้ อย่างที่ 2 ถ้าไม่ถึงเวลาเหมาะสม สถานะนักอ่านจิตของเราจะถูกเปิดเผยไม่ได้ อย่างที่ 3 เราจะบอกความจริงเรื่องที่เราฆ่าหลี่เวยกับใครไม่ได้เลย อย่างที่ 4 เราจะบอกเรื่องไข่มังกรกับอุปกรณ์ล้ำค่าเหล่านี้กับใครไม่ได้อีกเหมือนกัน รวมถึงครอบครัวของเราด้วย”
หลัวเฟิงตัดสินใจอย่างชัดเจนว่าจะไม่ทำอะไรกระโตกกระตากให้ทุกอย่างพังลง ดังนั้นก่อนที่เขาจะแกร่งพอต่อกรกับอีแร้งและแมงป่องพิษได้ในที่แจ้ง เขาจะต้องไม่เปิดเผยเรื่องใดทั้งนั้น! สำหรับนักสู้ระดับแม่ทัพแล้ว การมีเงินหลายร้อยล้านหรือแม้แต่พันล้านนั้นยังถือว่าไม่ใช่เรื่องที่โดดเด่นอะไรนัก แต่ถ้าบัญชีของเขามีเกินแสนล้าน อีแร้ง หลี่เย่า กับแมงป่องพิษ เวนีน่า พอลลินัส จะต้องสงสัยเอาแน่ๆ เรื่องของเรื่องคือพันธมิตรใต้ดินนั้นควบคุมเศรษฐกิจเกินครึ่งหนึ่งของโลก ธนาคารจำนวนมากต่างก็ถือธงของพันธมิตรใต้ดิน ด้วยพลังอำนาจของพวกเขา พวกเขาสามารถตรวจสอบทรัพย์สินของหลัวเฟิงผ่านทางธนาคารของพวกเขาได้อย่างง่ายดายแน่นอน
มีแต่บัญชีที่ไร้ชื่อเท่านั้นที่จะปลอดภัยที่สุด
แม้แต่ธนาคารเองยังไม่รู้ชื่อของบัญชี ไม่ต้องพูดถึงคนที่จะเข้ามาสืบค้นดูเลย
“สำหรับเราตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่ง! เพราะงั้น เราจะต้องซื้อคู่มือวิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ เพิ่มขึ้นไปอีก”
หลัวเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“ไง หลัวเฟิง เสร็จรึยังเนี่ย?”
“ครับๆ กำลังไปครับ” หลัวเฟิงหัวเราะ
“พวกเราอยู่ที่บาร์ในที่ทำการสมาคมขีดสุด มาเร็ว”
หลังจากวางสายหลัวเฟิงก็มุ่งหน้าไปที่ที่ทำการสมาคมขีดสุดในเขตนั้น