Skip to content

Sword of Coming 83

บทที่ 83 ความฝัน

เมื่อเฉินผิงอันแบกตะกร้าปีนออกมาจากปากบ่อ เขาก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย

นอกปากบ่อมีบัณฑิตสวมกวานสูงรัดเข็มขัดเส้นหนาใหญ่กลุ่มหนึ่งยืนอยู่ ผู้นำคือผู้อาวุโสกรมพิธีการที่ตอนนั้นยืนอยู่บนบันไดใต้กรอบป้ายแล้วตวาดใส่ใต้เท้าผู้ตรวจการเสียงดัง ข้างกายเขาคือใต้เท้าซ่งอดีตผู้ตรวจการที่เคยสร้างสะพานแบบคาน เล่าลือกันว่าเป็นบิดาแท้ๆ ของซ่งจี๋ซิน ผิวพรรณของเขาขาวกว่าตอนที่อยู่ในเมืองเล็กเล็กน้อย คนอื่นๆ อีกห้าหกคน ส่วนใหญ่แล้วล้วนมีอายุประมาณสามสิบสี่สิบปี แต่ละคนมีบุคลิกไม่ธรรมดา มองดูแล้วเหมือนว่าจะตำแหน่งใหญ่กว่าใต้เท้าซ่งเสียอีก

อันที่จริงไม่เพียงแค่เฉินผิงอันเท่านั้นที่มีสีหน้าตะลึงงัน ตอนที่ขุนนางกรมพิธีการที่มีฐานะสูงส่งที่สุดท่ามกลางคนของที่ว่าการหกกรมแห่งต้าลีมองเห็นเศรษฐีใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของเมืองเล็กที่ได้ครอบครองเหรียญทองแดงแก่นทองถึงสามถึงก็ตื่นตะลึงเช่นกัน เด็กหนุ่มยากจนที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่นดินคนนี้น่ะหรือที่ในมือครอบครองสมบัติครึ่งหนึ่งของท้องพระคลังฮ่องเต้ต้าหลี? แถมยังใช้เงินมือเติบซื้อภูเขาห้าลูกซึ่งรวมถึงภูเขาลั่วพั่วไว้ด้วยรวดเดียว?

หร่วนฉงไม่ได้ออกหน้า แต่เด็กสาวชุดเขียวกลับยืนเคียงไหล่อยู่ข้างอู๋ยวนนายอำเภอหลงเฉวียน ฝ่ายหลังก้มหน้าก้มตา สีหน้าเฉยชา สายตาหลุบต่ำเล็กน้อย ใต้เท้าเสี่ยวอู๋ที่ทุกคนรู้สึกว่ามีภูมิหลังยิ่งใหญ่จนน่าตะลึงกำลังแค้นเคืองพวกผู้เฒ่ากรมพิธีการกลุ่มนี้ จะอย่างไรซะการปล่อยให้คนนอกมาขูดเนื้ออวบอ้วนในถิ่นของตนไปชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นใคร ในใจย่อมไม่สบอารมณ์

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใต้ซุ้มประตูหิน สุดท้ายเป็นอู๋ยวนที่สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คนโดยการยอมถอยให้อย่างถึงที่สุด ปล่อยให้ต่งหู ซื่อหลางฝ่ายขวา[1]ของกรมพิธีการคัดลอกตัวอักษรสิบหกตัวของป้ายหินไปทั้งหมด ต่อให้ผู้ฝึกลมปราณชั้นเจ็ดคนหนึ่งที่เป็นองค์รักษ์ผู้ติดตามอย่างลับๆ จะยืนยันว่าอักษรบนกรอบป้ายเหล่านั้นไร้ซึ่งชีวิตชีวา ไม่จำเป็นต้องใช้กระดาษเฟิงเหลยที่ล้ำค่าอีกแล้ว แต่ต่งซื่อหลางก็ยังวางท่าป่าเถื่อนเหมือนอยากจะรื้อเอากรอบป้ายทั้งหมดไปด้วย เขายืนกรานในความคิดของตัวเอง ให้นำกระดาษเฟิงเหลยทั้งหมดที่นำมาคัดลอกลายจนเสร็จสิ้น แล้วจึงนำผู้ใต้บังคับบัญชากรมพิธีการจากมาด้วยความพึงพอใจ จากนั้นจึงไปพักที่บ้านของครอบครัวใหญ่หลังหนึ่งในตรอกเถาเย่

กว่าที่อู๋ยวนจะใช้เรื่องการก่อสร้างครั้งใหญ่มาเอาชนะใจชาวบ้านในเมืองเล็ก สร้างชื่อเสียงที่ดีงามให้แก่ตนเองได้ไม่ใช่เรื่องง่าย จู่ๆ กลับต้องคืนสู่สภาพเดิม คนบนถนนฝูลวี่และตรอกเถาเย่ต่างก็ยินดีที่จะได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ เรื่องนี้จึงกลายมาเป็นหัวข้อที่คนยกมาพูดคุยกันยามดื่มชาหลังมื้ออาหาร คนส่วนใหญ่ล้วนสมน้ำหน้า รู้สึกว่าอู๋ยวนเป็นแค่หมอนที่ปักลายดอกไม้ (เปรียบเปรยถึงคนที่ดีแต่เปลือกนอก) ไร้ความสามารถ บางคนยังพูดด้วยว่าหากเขาอู๋ยวนกล้าแข็งข้อใส่คนของกรมพิธีการให้ถึงที่สุด ยังจะพอนับถือในความกล้าของเจ้าเด็กนี่อยู่บ้าง แต่ตอนนี้ล่ะ เกรงว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนของกรมพิธีการคงเป็นเหมือนเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง วันหน้าได้สวมชุดนายอำเภออย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ คงเก่งอยู่แค่ในมุ้งเท่านั้น

เฉินผิงอันแบกตะกร้าไม้ไผ่กระโดดลงจากปากบ่อเบาๆ มายืนอยู่ด้านหน้าขุนนางต้าหลีกลุ่มนี้ ต่งหูซื่อหลางลูบคลำเอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “เจ้าชื่อเฉินผิงอันใช่ไหม ข้าผู้อาวุโสแซ่ต่ง รับหน้าที่อยู่ในกรมพิธีการของต้าหลีเรา มาหาเจ้าในครั้งนี้ ไม่ได้มีธุระสำคัญอะไร เพียงแต่อาวุโสเกิดความสนใจอยากจะเห็นสักหน่อยว่าเจ้าของภูเขาห้าลูกหน้าตาเป็นอย่างไร ตอนนี้สมปรารถนาแล้ว ไม่เสียเที่ยวที่มาจริงๆ”

กล่าวมาถึงตอนท้าย ซื่อหลางอาวุโสมองซ้ายมองขวา ขณะเดียวกันก็หัวเราะเสียงกังวาน

นอกจากใต้เท้าซ่งอดีตผู้ตรวจการงานเตาเผาที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แล้ว ขุนนางกรมพิธีการคนอื่นล้วนหัวเราะเสียงดังตามไปด้วย ราวกับว่าต่งซื่อหลางเล่าเรื่องตลกชวนหัวมากอย่างไรอย่างนั้น

เฉินผิงอันกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ท่านผู้อาวุโส ท่านพูดภาษาทางการต้าหลี ข้าฟังไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว

มุมปากของอู๋ยวนกระตุกเป็นมุมโค้งนิดๆ

ใต้เท้าซ่งที่เชี่ยวชาญภาษาถิ่นของเมืองเล็กก็ไม่มีทางที่ว่าจะช่วยขุนนางระดับสูงท่านนี้คลี่คลายสถานการณ์

เพราะเห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองไม่ได้มาจากฝ่ายเดียวกัน อีกทั้งก่อนหน้านี้ไม่นานสองฝ่ายเพิ่งจะฉีกหน้าแตกหักกันอย่างสิ้นเชิงด้วย หากไม่เป็นเพราะฮ่องเต้ออกพระราชโองการให้เขาซ่งอวี้จางต้องเดินทางลงใต้มาด้วย เขาย่อมไม่มีส่วนในงานที่ยอดเยี่ยมครั้งนี้แน่ กรมพิธีการนี่นะ ล้วนมีแต่พวกบัณฑิต ทั้งยังเป็นเมล็ดพันธ์ปัญญาชนที่ผ่านการแก่งแย่งชิงดีกันมาอย่างดุเดือด ดังนั้นสงครามแห่งปากและลิ้นในกรมแห่งนี้จึงสง่างามสูงชั้น หลากสีสันตระการตาอย่างแท้จริง ยังดีทีเดิมทีซ่งอวี้จางก็เป็นคนประหลาดที่อยู่ในเมืองเล็กมาจนคุ้นชิ้นแล้ว พอกลับไปถึงเมืองหลวงก็แค่เก็บปากเก็บคำทำงานของตนไป แล้วก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าอึดอัดคับแค้นใจ

ต่งซื่อหลางขัดเกลาฝีมืออยู่ในวงการขุนนางมาเกินครึ่งชีวิต แทบจะใช้เวลาทั้งหมดปีนป่ายอยู่ในกรมพิธีการ และในฐานะที่กรมพิธีการคือหน่วยงานเดียวที่สามารถคัดคานกับกรมกลาโหมของราชสำนักต้าหลีได้ ต่งลี่ที่เป็นขุนนางมาถึงสามสมัยจึงเห็นได้ชัดว่าคือจิ้งจอกเฒ่าที่เต็มไปด้วยกลอุบายและเฉียบคม ครู่เดียวก็ตระหนักได้ถึงกลยุทธ์ที่ผิดพลาดของตัวเอง คิดจะหาบันไดลงให้กับตน จึงหันหน้าไปยิ้มให้บุตรสาวโทนของอาจารย์หร่วน หวังว่านางจะช่วยถ่ายทอดคำพูดของตน

เพียงแต่ว่าแค่ชั่วพริบตา ต่งหูก็ล้มเลิกความคิดนี้ทันที อริยะสำนักการทหารแห่งศาลลมหิมะคนหนึ่งที่แม้แต่องค์ฮ่องเต้ก็ยังมองเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ ตนเป็นแค่ซื่อหลางกรมพิธีการยังกล้ารบกวนให้บุตรสาวของอาจารย์หร่วนทำโน่นทำนี่ หากเด็กสาวคนนั้นเป็นพวกยากตอแยที่ไม่เข้าใจมารยาท รู้สึกว่าตนเพิกเฉยใส่นาง แล้วเอาไปฟ้องบิดาของนาง จากนั้นอาจารย์อร่วนอริยะบุคคลแค่ส่งคำพูดสักคำครึ่งคำให้ล่องลอยไปถึงเมืองหลวงเบาๆ คาดว่าตนคงจะยังเป็นขุนนางขั้นสามอยู่ได้ แต่คงเป็นได้ไม่สบายอีกแน่นอน ความคิดของผู้เฒ่าแล่นเร็วไม่หยุดนิ่ง แต่แท้จริงแล้วกลับเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ใต้เท้าซื่อหลางตัดสินใจเปลี่ยนจุดประสงค์เดิมของตน จึงยิ้มบางๆ ให้สาวน้อย กำลังจะถามว่าคุณหนูหร่วนปรับตัวกับเมืองเล็กแห่งนี้ได้หรือยัง ต้องการให้กรมพิธีการช่วยบอกให้คนบนถนนฝูลวี่หรือไม่ก็ในตรอกเถาเย่สร้างบ้านที่งดงามสะอาดสะอ้านให้สักหลังหรือไม่

ว่านาทีถัดมา เหตุการณ์ที่ทำให้คนปากอ้าตาค้างกลับเกิดขึ้น ท่ามกลางสายตาจับจ้องของขุนนางกรมพิธีการทั้งหมด บุตรสาวอาจารย์หร่วนที่สูงส่งเกินปีนป่ายรีบเดินไปหยุดอยู่ข้างกายเด็กหนุ่มบ้านนอกคนนั้น คาดว่าคงพูดประโยคที่ต่งซื่อหลางเอ่ยไปเมื่อครู่นี้รอบหนึ่ง ส่วนเด็กหนุ่มก็ฟังคำพูดของเด็กสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ช่างเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ขุนนางกรมพิธีการทั้งหลายตื่นตะลึงจนพูดไม่ออกจริงๆ

เฉินผิงอันมีหรือจะรู้ว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็สามารถทำให้บุคคลยิ่งใหญ่แห่งเมืองหลวงที่มีฐานะสูงส่งเหล่านี้คิดไปไกลเป็นพันเป็นหมื่นลี้ได้แล้ว หลังจากรับฟังคำพูดที่หร่วนซิ่วถ่ายทอดให้จนตบ เฉินผิงอันก็คลี่ยิ้มพูดกับนางว่า “ซิ่วซิ่ว รบกวนเจ้าบอกับผู้อาวุโสท่านนี้ทีว่า ข้าเป็นแค่ช่างปั้นในเตาเผามังกรคนหนึ่ง ตอนนี้มาทำงานจิปาถะอยู่ในร้านตีเหล็ก การที่ข้าสามารถซื้อภูเขาเหล่านั้นไว้ได้ ต้องขอบพระคุณช่างหร่วนต่างหาก”

หลังจากเด็กสาวชุดเขียวได้ยินคำเรียกขานว่า “ซิ่วซิ่ว” นางก็ยิ้มจนดวงตาเรียวยาวทั้งคู่หยีลงเหมือนพระจันทร์เสี้ยว สุดท้ายนางจึงหันไปพูดกับซื่อหลางอาวุโสแห่งต้าหลีท่านนั้นด้วยคำพูดทางการที่สง่างามของแจกันสมบัติทวีปบูรพาน้ำเสียงร่าเริงหนึ่งรอบ ขุนนางกรมพิธีการทุกคนที่รวมถึงต่งหูย่อมเชี่ยวชาญ “ภาษาที่สง่างาม” ของทวีปเป็นอย่างดี หาไม่แล้วคงไม่เท่ากับยอมรับข้อวิจารณ์เหลวไหลที่บอว่าราชวงศ์ต้าหลีคือพวกป่าเถื่อนทิศเหนือหรอกหรือ? ซ้ำยังถึงขั้นที่ว่าในเมืองหลวงของต้าหลี การพูดภาษาที่สง่างามได้อย่างคล่องแคล่วและคุ้นเคยหรือไม่นั้น ได้กลายมาเป็นมาตรฐานสำคัญอย่างหนึ่งในการแบ่งระดับชนชั้นสูงต่ำอีกด้วย

สีหน้าของต่งหูยิ่งเป็นมิตรน่าสนิทสนม พยักหน้ารับพร้อมยิ้มตาหยี หลังจากฟังคำอธิบายของคุณหนูหร่วนจบ ก็พูดว่าจะไม่รบกวนเฉินผิงอันแล้ว รบกวนคุณหนูหร่วนช่วยบอกลาอาจารย์หร่วนแทนพวกเขาสักคำ ในเมื่ออาจารย์หร่วนยุ่งอยู่กับการหลอมกระบี่ก็ยิ่งไม่ควรรบกวนเข้าไปใหญ่ หาไม่แล้วฝ่าบาทที่ชื่นชอบอาจารย์หร่วนมาเนิ่นนานจะตำหนิพวกเขาเอาได้

หร่วนซิ่วไม่สนใจคำพูดตามมารยาทพวกนี้แม้แต่น้อย เพียงอ้อรับหนึ่งคำแล้วก็ไม่เอ่ยอะไรอีก ซื่อหลางเฒ่าที่ฉลาดเป็นกรดมานานแล้วไม่กล้าแสดงความไม่พอใจใดๆ หลังจากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสองสามแห่งของเมืองหลวงต้าหลีแก่คุณหนูหร่วนแล้วก็พากลุ่มคนจากไปอย่างเป็นธรรมชาติ

ซ่งอวี้จางเดินอยู่หลังสุดของกลุ่มคน อู๋ยวนเดินตามหลังซ่งอวี้จางอีกที

หร่วนซิ่วเดินไปเทดินในตะกร้าเป็นเพื่อนเฉินผิงอัน นางเดินพลางพูดไปด้วย “ท่านพ่อข้าบอกว่าเรื่องซื้อภูเขา อีกไม่นานก็จะได้ข้อสรุปแล้ว นอกจากขุนนางกรมพิธีการต้าหลีกลุ่มนี้แล้ว ยังจำเป็นต้องให้โหรของสำนักโหราศาสตร์ออกหน้า บวกกับเจ้า สามฝ่ายรวมกันลงนามในสัญญา ถึงจะถือว่าเสร็จสิ้น เพียงแต่ว่าโหรสองท่านที่มีท่านชิงอูเป็นผู้นำ ตอนนี้ยังคงตรวจสอบสภาพภูมิศาสตร์และฮวงจุ้ยของภูเขาทั้งหมดอย่างละเอียด คาดว่าคงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะออกมาจากภูเขา”

เฉินผิงอันครุ่นคิด วางตะกร้าลง มองเงาร่างของคนรอบกายที่กำลังง่วนอยู่กับงานในมือแล้วถามว่า “พวกเราไปที่ลำธารเล็ก เดินไปคุยไปได้ไหม?”

หร่วนซิ่วยิ้มตอบ “ได้สิ”

หร่วนซิ่วจงใจลดระดับน้ำเสียงลง พูดเบาๆ ว่า “ครั้งนี้นอกจากสำนักโหราศาสตร์จะให้ท่านชิงอูและโหรทั่วไปคนหนึ่งออกหน้าแล้ว ยังมีผู้ฝึกลมปราณของร้อยสำนักและสำนักอื่นๆ อีกมากมายมาร่วมด้วย หนึ่งในนั้นพาวานรย้ายภูเขาเยาว์วัยมาด้วยสองตัว ตัวหนึ่งคือวานรหลังเงิน อีกตัวหนึ่งคือวานรแขนทอง เวลาปกติจะเลี้ยงไว้ในป่าลึก มีเพียงเวลาที่ต้องการเท่านั้นถึงจะสั่งให้ออกแรง ทุบให้ภูเขาแตกหรือไม่ก็ย้ายขุนเขา”

“ยังมีนักรบเสื้อเกราะเซี่ยหลิ่งที่พรรคมหายันต์ลัทธิเต๋าสร้างขึ้น เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก ยันต์บางๆ แผ่นดินพอถูกผู้ฝึกลมปราณกรอกปราณเข้าไปก็สามารถกลายมาเป็นนักรบเสื้อเกราะใหญ่ยักษ์สูงเจ็ดแปดจั้ง พละกำลังมหาศาล แม้จะเทียบกับวานรย้ายภูเขาไม่ได้ แต่ดีที่เชื่อฟังคำสั่ง จะไม่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นเด็ดขาด วานรย้ายภูเขานิสัยฉุนเฉียวดุร้าย โดยเฉพาะวานรย้ายภูเขาอายุน้อยที่ปราบพยศยากมาก หากหลุดออกจากควบคุมย่อมมีคนบาดเจ็บล้มตาย ต่อให้กำราบหรือสังหารได้ก็ยังเป็นความเสียหายที่ใหญ่หลวง ได้ยินมาว่ายังมีหุ่นเชิดบุกเบิกภูเขาที่บุคคลยิ่งใหญ่สำนักโม่เป็นคนสร้างเองกับมือด้วย แม้แต่ข้าก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน หากมีโอกาส วันหน้าข้าต้องไปดูให้เห็นกับตาตัวเองให้ได้”

“ท่านพ่อข้าช่วยเลือกร้านให้เจ้าสองร้าน หนึ่งคือร้านยาสุ่ย อีกหนึ่งคือร้านฉ่าวโถว อยู่ติดกันพอดี เจ้าเองก็คุ้นเคยด้วย หากไม่มีความเห็นต่าง ท่านพ่อข้าสามารถช่วยเจ้าซื้อได้เลยทันที เพราะการซื้อขายเล็กๆ ประเภทนี้ไม่เกี่ยวพันกับโชคชะตาของบ้านเมืองและความอุดมสมบูรณ์หรือความเสื่อมถอยของฮวงจุ้ยราชสำนัก ไม่ต้องยุ่งยากเหมือนซื้อภูเขา”

เฉินผิงอันคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

หร่วนซิ่วพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงพูดท่าทางลับๆ ล่อๆ “ท่านพ่อข้าได้ยินข่าวหนึ่งมาลับๆ ว่า ฮ่องเต้ต้าหลีตรัสด้วยพระองค์เองว่า ในเมื่อตอนนี้เมืองเล็กอยู่บนดินแดนของต้าหลี ถ้าอย่างนั้นพวกสมบัติอาวุธอาคมที่ตกหล่นอยู่กับพวกชาวบ้านล้วนจะรับซื้อเก็บเข้าท้องพระคลังด้วยราคาสูง สุดท้ายในเมืองเล็กรวบรวมวัตถุเก่าแก่ลักษณะไม่เลวได้ประมาณยี่สิบกว่าชิ้น คนของตรอกเถาเย่กับถนนฝูลวี่และชาวบ้านธรรมดาต่างก็ส่งมอบของมาคนละครึ่ง เพียงแต่ว่าราคาที่ขายไปกลับไม่สูงแม้แต่น้อย สุดท้ายฮ่องเต้ต้าหลียังควักของส่วนพระองค์อีกเจ็ดแปดชิ้น เอามารวมกันจนครบสามสิบชิ้น เพื่อให้เป็นของรางวัลสร้างนิมิตหมายอันดีแก่ภูเขาสามสิบลูก เท่ากับมอบให้แก่คนซื้อไปเปล่าๆ คนทั่วไปย่อมไม่รู้ว่าภูเขาลูกไหนมีโชค ลูกไหนไม่มี แต่ท่านพ่อข้ารู้มาว่าภูเขาเสินซิ่วกับภูเขาลั่วพั่วต้องมีแน่นอน อีกทั้งยังเป็นของที่ดีเยี่ยมและโดดเด่นมากด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีความเป็นไปได้ว่าราชสำนักต้าหลีจะแต่งตั้งเทพภูเขามาเฝ้าพิทักษ์ภูเขาเตี่ยนเติงของพวกข้ากับภูเขาลั่วพั่วของเจ้าด้วย”

เฉินผิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง นั่งยองอยู่ริมธารน้ำ หัวคิ้วขมวดแน่น

ราวกับว่าทุกอย่างนี้ไม่เหมือนจริงสักเท่าไหร่

แม้แต่ฝันเด็กหนุ่มตรอกหนีผิงก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีวันนี้ได้

ความฝันของเด็กหนุ่มรองเท้าแตะ อย่างมากสุดก็แค่เกี่ยวข้องกับกลอนคู่มงคล เทพทวารบาลเปี่ยมบารมี ซาลาเปาเนื้อหอมกรุ่นและเงินเหรียญทองแดงเต็มถุงที่ส่งเสียงกระทบกันกรุ๊งกริ๊งเท่านั้น

หร่วนซิ่วนั่งยองเหมือนกับเขา ถามอย่างแปลกใจว่า “ทำไมหรือ?”

เฉินผิงอันทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดไป เพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงได้แต่ส่ายหน้า ดึงชะเอมขึ้นมาหนึ่งต้น แล้วยัดใส่ปากเคี้ยวด้วยความเคยชิน

ครู่หนึ่งต่อมา เฉินผิงอันก็ส่ายหน้ายิ้มๆ “แม่นางหร่วน เมื่อครู่นี้ตอนอยู่ต่อหน้าคนนอกเรียกเจ้าว่าซิ่วซิ่ว เจ้าอย่าโกรธเลยนะ ข้าเห็นขุนนางใหญ่มากมายขนาดนั้นก็ตื่นเต้นมาก เลยอยากจะแกล้งทำเป็นสนิทสนมกับเจ้า”

หร่วนซิ่วกะพริบตาปริบๆ ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังคุยกัน “อืม ช่วงนี้ได้ข่าวเพื่อนของเจ้าคนนั้นบ้างไหม คนที่พกทั้งดาบและกระบี่น่ะ”

เฉินผิงอันสับสนไม่เข้าใจ “เจ้าหมายถึงแม่นางหนิงหรือ พอนางจากไป ข้าก็ไม่รู้ข่าวนางอีกเลย”

หร่วนซิ่วคลี่ยิ้มทันที

เฉินผิงอันเงยหน้าหันหลับไปมองทางสะพานหินโค้ง เงาร่างสีแดงสดที่คุ้นเคยวิ่งตะบึงเข้ามา ขาทั้งสองข้างประหนึ่งล้อที่บดหลุนๆ อยู่บนถนน

เฉินผิงอันเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีจึงรีบลุกขึ้นยืน พอเด็กหญิงสวมชุดผ้าฝ้ายสีแดงสดทั้งสกปรกทั้งยับย่นมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา นางก็เงยศีรษะเล็กๆ ขึ้นมองเขา กลับเห็นว่าใบหน้าเล็กๆ ที่ดำขึ้นเล็กน้อยเพราะตากแดดของนางบิดเบ้ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ทั้งยังนองไปด้วยน้ำตา นางกล่าวสะอึกสะอื้น “อาจารย์หม่าของโรงเรียนตายแล้ว ก่อนหน้าที่เขาจะตาย เขาบอกให้ข้ามาหาเจ้า”

—-

[1] ซื่อหลางฝ่ายขวา ซื่อหลางคือชื่อตำแหน่งขุนนาง ในยุคฮั่นตะวันตกมีตำแหน่งเป็นข้ารับใช้ใกล้ชิดในราชสำนัก ยุคฮั่นตะวันออก เมื่อดำรงตำแหน่งซ่างซูครบสามปีจะเรียกว่าซื่อหลาง ส่วนหลังจากยุคราชวงศ์ถังเป็นต้นมาตำแหน่งจะค่อยๆ สูงขึ้น ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองแค่ซ่างซูของแต่ละฝ่ายเท่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version