Skip to content

Tales of Herding Gods 101

101. ลัทธิผีดิบเซียน

ในที่ว่าการ มีเสียงกระหึ่มก้องดังเย้ยหยันออกมา “ราชครูสันตินิรันดร์บีบบังคับจักรพรรดิเพื่อจะได้ควบคุมสำนักต่างๆ พวกเจ้าทนถูกกดขี่กันมานานแล้ว! ผู้ว่าการชนบทเขื่อนแม่น้ำ เกาจี้เต๋อสมรู้ร่วมคิดเป็นสุนัขรับใช้ของราชครูสันตินิรันดร์ ดังนั้นแม้แต่โทษตายก็ยังไม่สาสมกับความผิด!”

ในโรงเตี๊ยม ฉินมู่ขมวดคิ้ว ผู้ว่าการชนบทเขื่อนแม่น้ำตายเร็วขนาดนี้เลยหรือ ข้านี่โชคร้ายเสียจริงที่ต้องมาเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ย่างเท้าออกจากแดนโบราณวินาศ! ท่านยายกล่าวถูกต้องจริงๆ ผู้คนข้างนอกล้วนแต่ดุร้ายกว่าในแดนโบราณวินาศ ผู้คนในแดนโบราณวินาศเรามีแต่เรียบง่ายสมถะ จะว่าไปแล้วผู้ว่าการชนบทเขื่อนแม่น้ำนี่เป็นขุนนางระดับไหนกันนะ พลังฝีมือของเขาเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับขุนนางชั้นสองขั้นต่ำของผู้ปกครองมณฑล

ตำแหน่งขุนนางในจักรวรรดิสันตินิรันดร์มีเก้าชั้นและสิบแปดระดับ ตำแหน่งเหล่านั้นแต่งตั้งจากสถานะและพลังฝีมือ ผู้นำลัทธิและเจ้าสำนักบางคนมีกำลังฝีมือสูงส่งจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางชั้นสูง ขณะที่ผู้ที่มีกำลังฝีมือด้อยลงไปก็จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นขุนนางตามท้องที่ และยังมีบางคนที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองของหลายพื้นที่และเมืองชนบท

ยกตัวอย่างเช่น มู่เป่ยเฝิงแห่งสำนักกระบี่แม่น้ำหลี่นั้นเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในแดนใต้ เขาจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นขุนนางชั้นสองระดับต่ำทำหน้าที่ปกครองห้ามณฑลซึ่งนับว่าทรงอิทธิพลอำนาจเป็นอย่างยิ่ง

ฮู่หลิงเอ๋อตื่นเต็มตา และรีบร่ายเวทมนตร์ของนาง ลมปีศาจพัดพาออกจากหน้าต่าง ฉินมู่โยนผ้านวมปูนอนขึ้นไปบนอากาศ เมื่อลมปีศาจพัดพยุงบนผ้านวมปูนอนนั้น ฮู่หลิงเอ๋อก็กระโดดขึ้นไปบนผ้านวมปูนอนจากนั้นถามด้วยความฉงน “คุณชาย แม้ว่าพวกเขาจะก่อการกบฏ แต่ก็คงไม่ถึงกับฆ่าล้างประชาชนทั่วไปทั้งเมืองหรอกมั้ง พวกเขาไม่น่าจะเป็นอันตรายกับเรา”

ฉินมู่กระโดดออกไปจากหน้าต่าง และก่อนที่เขาจะร่วงลงสู่พื้น ก็มียอดลมปีศาจพัดเข้ามา เด็กหนุ่มรีบเหยียบบนยอดลมปีศาจเพื่อวิ่งตะบึงออกไปนอกเมือง “กระบี่ของข้าเป็นกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ ซึ่งเป็นกระบี่ประจำตำแหน่งของขุนนางชั้นหนึ่งระดับต่ำแห่งราชสำนัก หากว่าพวกนี้ค้นพบ พวกเราจะต้องตายอย่างแน่นอน! ยิ่งไปกว่านั้นวิญญูชนย่อมไม่ยืนใต้กำแพงเก่าใกล้พัง กบฏพวกนี้ย่อมไม่ยอมปล่อยให้สามัญชนในเมืองออกจากเมืองได้ ดังนั้นเราจะติดแหง็กอยู่ที่นี่ถ้าไม่รีบออกไปเสีย และเมื่อกองทัพใหญ่สันตินิรันดร์มาถึง จะเหลือคนเป็นๆ ในเมืองสักกี่คนเชียว เพราะลัทธิผีดิบเซียนดูเหมือนว่าจะใช้ซากศพในการฝึกวิชา”

ฮู่หลิงเอ๋อตัวสั่นงันงกขึ้นมาทันที

ประโยคสุดท้ายของฉินมู่นั่นน่าสยองเกินไปแล้ว

ลัทธิผีดิบเซียนใช้ซากศพในการฝึกวิชา ซึ่งหมายความว่าเมื่อกองทัพสันตินิรันดร์ยกทัพมาสยบกองกำลังกบฏ คนธรรมดาในเมืองก็คงถูกเปลี่ยนให้เป็นผีดิบบินโดยลัทธิผีดิบเซียนไปหมดแล้ว ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นใครมาจากที่ไหน!

ในตอนนี้ ทั้งชนบทเขื่อนแม่น้ำตกในความวุ่นวายสับสน เสียงต่อสู้ฆ่าฟันดังมาจากทุกหัวมุมถนน ลัทธิผีดิบเซียนดูจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี ขั้นแรกพวกเขาโยนผีดิบบินที่พวกเขาปลุกเสกลงไปในน้ำเพื่อให้ไปติดค้างขวางเขื่อนของชนบทเขื่อนแม่น้ำ จากนั้นแบ่งกองกำลังแทรกซึมเข้ามาในเมือง

เมื่อถึงกลางดึก ผู้นำลัทธิของลัทธิผีดิบเซียนก็นำกำลังเข้าโจมตีจวนว่าการและสังหารผู้ว่าเมืองชนบทเป็นอันดับแรก

แม้ว่าผู้ว่าการชนบทเขื่อนแม่น้ำจะเป็นยอดฝีมือเช่นกันและมีทักษะเทวะอันเหนือธรรมดา แต่ก็ได้แต่ปล่อยให้ศีรษะตนหลุดลอยเมื่อถูกบุกจู่โจม

ในขณะเดียวกัน ยอดฝีมือคนอื่นของลัทธิผีดิบเซียนก็มุ่งหน้าไปยังประตูเมือง เพื่อขัดขวางและสังหารทหารในเมืองชนบทนี้ ระหว่างที่ผู้นำลัทธินำกองกำลังไล่เข่นฆ่าขุนนางเจ้าหน้าที่เช่นรองผู้ว่า ผู้บัญชาการกำลังทหาร ปลัดเมืองชนบท เพื่อให้ทหารในเมืองกลายเป็นงูไร้ศีรษะ ไม่มีผู้นำพาต่อสู้

แม้ว่าจะยังมียอดฝีมืออีกหลายคนในชนบทเขื่อนแม่น้ำ แต่ก็ไม่มีผู้ใดถ่ายทอดคำสั่งบัญชาการรบ พวกเขาจึงได้แต่ต่อสู้ตามลำพัง แต่ทางด้านลัทธิผีดิบเซียน พวกเขาจัดวางยันต์กระดาษเหลืองสร้างเป็นพยุหะค่ายกล และสร้างเส้นทางเคลื่อนย้ายกำลังพลที่สามารถไปได้ทุกมุมเมืองพาดผ่านท้องฟ้า คนของพวกเขากระจายไปทุกที่และสามารถเสริมกำลังสนับสนุนได้ตลอดเวลา ดังนั้นในการเข่นฆ่านี้ลัทธิผีดิบต้องเอาชัยชนะได้อย่างไม่ต้องสงสัย!

“จ้าวลัทธิมีคำสั่ง ปิดกั้นเมืองไว้อย่าให้ใครออกไป!” เสียงตะโกนดังมาจากใจกลางเมือง

ฉินมู่คะเนไว้ล่วงหน้าและออกมาแต่เนิ่นๆ ฮู่หลิงเอ๋อควบคุมลมปีศาจ และฉินมู่เหยียบย่างไปบนยอดลม และขณะที่หนึ่งคนกับหนึ่งจิ้งจอกกำลังจะบินออกจากเมืองชนบทนั่นเอง ก็มีเสียงหวีดหวือของกระบี่ดังขึ้นมาข้างหลัง ฉินมู่ไม่เหลียวหลังกลับไปด้วยซ้ำเมื่อปลามังกรกระโดดขึ้นมาพ่นกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ออก ซึ่งมันพุ่งปราดแทงไปเบื้องหลังพวกเขา

ติง! เสียงสดใสดังขึ้นเมื่อกระบี่บินที่พุ่งแทงใส่ฉินมู่ถูกปัดป้องกระดอนกลับไป แต่ความเร็วและความแรงของกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ไม่ตกเลยแม้แต่น้อย มันยังคงพุ่งไปด้วยพลังขับเคลื่อนของเส้นด้ายปราณวิญญาณและแทงเข้าไปที่หน้าอกของคนผู้นั้น ปักชายชุดดำผู้ซึ่งเหยียบยืนอยู่บนยันต์กระดาษเหลืองให้คาอยู่กับเสาธง

ศิษย์ลัทธิผีดิบเซียนซุ่มโจมตีเขาจากข้างหลัง แต่ในเมื่อฉินมู่เรียนรู้วิธีใช้เสียงหยั่งทิศทางมาตั้งแต่เด็กจากเฒ่าบอด ทิศทางของกระบี่ที่แทงมาและตำแหน่งยืนของผู้คุมกระบี่จึงไม่อาจเล็ดรอดหูของเขาได้

และสำหรับที่คนผู้นั้นถูกโจมตีพิฆาตอย่างไร้ปรานี นั่นก็เพราะปฏิกิริยาตอบสนองของฉินมู่ ที่เขาจะแทงกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ใส่ศัตรูโดยอัตโนมัติ เป็นปฏิกิริยาที่เขาสั่งสมมาแต่เด็ก

ลมปีศาจพาหนึ่งคนและหนึ่งจิ้งจอกโบยบินออกจากเมือง มีเสียงร้องขึ้นมาทันที “ศิษย์พี่เหออิ๋น มีคนหลบหนีออกจากเมือง แถมยังสังหารศิษย์น้องเล็กของพวกเรา?”

“ศิษย์น้องเล็ก?”

เสียงอันแตกตื่นและเกรี้ยวกราดพลันดังมาจากใจกลางเมือง “แล้วพวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ เจ้าปล่อยให้ศิษย์น้องเล็กเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร ข้าจะอธิบายกับจ้าวลัทธิอย่างไร ป้องกันเมืองเอาไว้ ข้าจะตามไปสังหารมัน!”

ฉินมู่ยั้งฝีเท้าและลมปีศาจก็กระจัดกระจาย ฮู่หลิงเอ๋อละทิ้งผ้านวมปูนอนบนท้องฟ้า แล้วกระโดดขึ้นไปบนกระเป๋าสัมภาระของฉินมู่ก่อนที่จะมุดเข้าไป

ศิษย์น้องเล็ก? หรือว่าเขาจะเป็นบุตรชายของจ้าวลัทธิผีดิบเซียน

ฉินมู่เหยียบลงสู่พื้น และรีบวิ่งตะบึงหนีไปพลางขบคิดกับตนเอง แต่เขาก็อาจจะเป็นแค่ศิษย์ธรรมดาก็ได้…

ลมปีศาจของฮู่หลิงเอ๋ออาจจะสะดวกสบาย แต่ความเร็วนั้นไม่อาจเทียบกับความเร็วการวิ่งของฉินมู่ ยิ่งไปกว่านั้นการหนีไปบนท้องฟ้ายากจะกลบเกลื่อนร่องรอย แต่ถ้าวิ่งไปบนพื้นสามารถซุ่มซ่อนลัดเลาะไปตามภูเขาและดงป่า ทำให้ศัตรูยากจะตามทัน

ทันใดนั้นเอง ก็มีเปลวเพลิงพุ่งวาบขึ้นสู่ท้องฟ้าและแปรเปลี่ยนเป็นนกไฟโบยบินอยู่เบื้องบน ส่องแสงสาดส่องทั่วฟ้าจนทุกสิ่งขาวโพลนราวหิมะ นี่คือทักษะเทวะที่ถูกช่วงใช้โดยผู้ฝึกวิชาเทวะ

ฉินมู่เงยหน้ามองนกไฟที่โบยบินข้ามหัวพวกเขาไป ข้างหลังนกไฟนั้นคือยันต์กระดาษเหลืองที่พรั่งพรูปูเป็นเส้นทางบนท้องฟ้า

ยันต์กระดาษเหลืองเหล่านั้นเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวที่ใหญ่เท่ากับฝ่าเท้า ทำให้ผู้คนสามารถเดินเหยียบบนนั้นได้

“เนตรสวรรค์ ปลุกพลัง!”

พยุหะปราณชีวิตพลันปรากฏเวียนวนรอบแก้วตาฉินมู่เมื่อเนตรสวรรค์ของเขาถูกปลุกขึ้นมา เมื่อมองกลับไป เขาเห็นผีดิบบินเหยียบขึ้นไปบนยันต์เหลืองและกระโดดโหยงเหยงข้ามฟ้า

สะพานยันต์เหลืองแบ่งออกเป็นสองทาง และผีดิบบินก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ไม่นานก็มีกลุ่มยันต์กระดาษปรากฏขึ้นมาอีกบนท้องฟ้า แบ่งออกเป็นสี่เส้นทาง และผีดิบบินก็แบ่งออกเป็นสี่กลุ่มเพื่อค้นหาทุกสารทิศ ข้างหลังฝูงผีดิบบิน มีนักพรตเต๋าหนุ่มแบกกล่องกระบี่ยาวมาด้วย เมื่อกล่องกระบี่ของเขาเปิดออก ยันต์กระดาษเหลืองก็พรั่งพรูออกมาจากในนั้นและวางเรียงรายเป็นเส้นทางต่อเนื่องบนท้องฟ้า นี่น่าจะเป็นศิษย์พี่เหออิ๋นที่พวกศิษย์ลัทธิผีดิบเซียนเรียกหาอยู่เมื่อครู่

เขาเหยียบย่างไปบนยันต์กระดาษ รีบรุดไปบนท้องฟ้า เมื่อเขาย่างเท้าไปข้างหน้า ยันต์กระดาษเก่าก็จะลอยกลับเข้ากล่องกระบี่ และก็จะมียันต์กระดาษเหลืองแผ่นใหม่ที่โบยบินออกมารองรับย่างก้าวต่อไปของเขาข้างหน้าอย่างพอดิบพอดี

สาเหตุที่ยันต์กระดาษบินกลับเข้าไปในกล่องกระบี่นั้นก็เพราะว่าทุกครั้งที่ยันต์กระดาษถูกใช้เป็นที่รองรับเท้า ปราณชีวิตในนั้นก็จะหมดไปและจำเป็นต้องกลับเข้าไปเติมปราณชีวิตเข้าไปใหม่ในกล่องกระบี่

เขาเดินไปข้างหน้า แต่ความเร็วการเดินของเขาไม่ช้าเลยสักนิด

ฉินมู่ใจตกวูบ นี่เป็นผู้ฝึกวิชาเทวะที่เปิดสมบัติเทวะหกทิศเรียบร้อยแล้ว คงยากน่าดูหากว่าฉินมู่จะหลบหนีให้พ้นการไล่ล่าของผู้ฝึกวิชาเทวะระดับนี้!

ระหว่างขั้นหกทิศกับขั้นทารกวิญญาณมีระดับขั้นห้าธาตุ และสมบัติเทวะห้าธาตุคั่นอยู่

ฉินมู่พากเพียรฝึกฝนตลอดสามปีที่ผ่านมา และทารกวิญญาณของเขาก็เพิ่งถูกปลุกพลังครั้งที่สี่ เขาบรรลุถึงระดับไร้ที่ติของขั้นทารกวิญญาณ แต่ก็ยังมิอาจแตะต้องสมบัติเทวะห้าธาตุ

เขากับเหออิ๋นที่อยู่บนท้องฟ้าพลังวัตรแตกต่างกันถึงสองขั้น ซึ่งหมายถึงช่องว่างสองช่องมหึมาที่เขาไม่สามารถก้าวข้ามไปได้

จากวิธีต่างๆ ที่เหออิ๋นสำแดงออกมา เขาน่าจะเป็นกายาวิญญาณหงส์แดงและได้ฝึกปรือทักษะเทวะเกี่ยวกับเพลิงไฟ กล่องกระบี่ที่หลังเขาก็แสดงว่าเขาฝึกปรือกระบี่ด้วย จากที่เห็นยันต์กระดาษเหลืองปลิวเข้าออกกล่องกระบี่ น่าจะเป็นเพราะเขาใช้ปราณชีวิตบังคับยันต์กระดาษด้วยวิชาคุมกระบี่บิน

ยันต์กระดาษเหลืองบินออกมาและบินกลับเข้าไปใหม่อย่างเป็นระบบเพื่อรองรับย่างกระโดดของผีดิบบินทั้งหลายพร้อมกับรองรับฝีเท้าของนักพรตเต๋าหนุ่มที่เหินอยู่บนฟ้าด้วย นั่นแสดงว่าเพลงกระบี่ของเขานั้นก็โดดเด่นไม่น้อย

นอกจากนั้น ยันต์กระดาษเหลืองเหล่านี้ยังไม่ใช่แค่วัตถุที่ทำให้พวกเขาลอยอยู่บนอากาศได้อย่างเดียวบนกระดาษยันต์มีอักขระคาถาเต๋าซึ่งขีดเขียนด้วยผงชาดและโลหิต ดังนั้นพลังอำนาจของแต่ละแผ่นยันต์นั้นคงไม่อ่อนแอเลยทีเดียว!

หากว่าข้ายังมีรูปรอยพระยูไลจากท่านปู่หม่าหรือเนตรสวรรค์เก้าจากท่านปู่บอด ข้าคงมีความมั่นใจที่จะสู้กับเขา แต่ว่า…

ทันใดนั้นผีดิบบินก็โน้มตัวลง แล้วกระโดดลงมาจากสะพานยันต์เพื่อไล่ตามเขา ฉินมู่วิ่งหนีอย่างเร็วรี่ แต่ฝูงผีดิบก็ยิ่งกรูตามเขามามากขึ้นเรื่อยๆ ผีดิบบินเหล่านั้นจริงๆ แล้วบินไม่ได้ มันอาศัยยันต์กระดาษเหลืองจากเหออิ๋นอันบินมาไม่หยุดยั้งเป็นที่รองรับเท้า นี่ทำให้ผีดิบเหล่านั้นทั้งเดินทั้งวิ่งและต่อสู้บนท้องฟ้าได้

เมื่อผีดิบบินเหล่านี้กระโดดลงสู่พื้น มันก็วิ่งตะบึงด้วยความเร็วและมีความเร็วอันน่าขนลุก เร็วยิ่งกว่าผู้ฝึกวิชายุทธ!

ฮู่หลิงเอ๋อโผล่ศีรษะนางออกมาจากกระเป๋าและเป่าลมออกไป ซึ่งเรียกลมปีศาจให้ลุกฮือ ในลมปีศาจนั้น มีมีดลมไร้รูปลักษณ์ที่พ่นพุ่งเข้าใส่ฝูงผีดิบบิน!

เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงปะทะดังรัวเป็นชุด ฮู่หลิงเอ๋อกระโดดโหยงอย่างตระหนกใจ ผีดิบมีร่างกายแข็งแกร่งและสะท้อนเวทมนตร์ของนางออกไปทั้งหมด

ฉินมู่ขมวดคิ้ว ร่างของผีดิบพวกนี้แข็งทนทานเกินไป ทั้งยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา พวกมันไม่ต่างอะไรกับอาวุธวิญญาณรูปทรงมนุษย์!

เขารีบตัดสินใจใช้เคล็ดลับย้ายฝน ทำให้เมฆควบแน่นรวมตัวกันบนท้องฟ้า ก่อนจะตามมาด้วยฝนซูซ่า

“หลิงเอ๋อ ใช้ลมของเจ้าช่วยเสริมด้วย”

ฮู่หลิงเอ๋อเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร นางรีบร่ายเวทมนตร์ หมุนตัวไปรอบๆ และโบกสะบัดมือของตน หยดฝนก็พุ่งย้อนกลับแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่น้ำ ในเวลาเดียวกัน ลมพายุรุนแรงก็โหมกระพือเข้ามา เสริมส่งพลานุภาพของหยาดฝน ทำให้เวทมนตร์ของฉินมู่ทวีพลังอำนาจไปหลายเท่า เมื่อกระบี่น้ำเหล่านั้นทิ่มแทงใส่ฝูงผีดิบที่วิ่งกรูเข้ามา

เสียงเคร้งๆ ดังมาอีกครั้ง ทั้งสองคนร่วมมือกันพลังเวทมนตร์ก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ กระบี่น้ำทะลวงแทงผ่านร่างอันหนาเหนียวทนทานของผีดิบบินเหล่านั้น ทำให้ผีดิบบินห้าตัวที่ไล่ล่ามาข้างหลังพรุนเป็นรังผึ้ง!

อย่างไรก็ตาม ผีดิบบินเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สากับความเจ็บปวด มันยังคงวิ่งไล่พวกเขาอย่างบ้าคลั่ง มันไล่หลบหลีกสิ่งใดที่อยู่บนเส้นทางของมัน ปะทะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่หรือก้อนหิน

“ในเมื่อแทงพวกเจ้าเป็นรังผึ้งแล้วก็ยังฆ่าไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะบดพวกเจ้าให้แหลกเป็นชิ้น!”

ฉินมู่ร่ายเคล็ดลับย้ายฝนต่อเนื่อง ขณะที่ฮู่หลิงเอ๋อก็ร่ายเวทลมปีศาจเสริมเข้าไป ขัดขวางทำลายฝูงผีดิบที่วิ่งไล่ล่าตามมา และถึงกับสามารถทำลายแขนขาของพวกมันได้ และในตอนนั้นเอง นกไฟอันลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงก็พุ่งวาบมาจากเบื้องหลังฝูงผีดิบ เพลิงแผดพุ่งมา เผลาผลาญทุกอย่างในรัศมีห้าหกวา ด้วยอุณหภูมิสูงลิ่ว เวทมนตร์ของทั้งคู่ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง!

ฉินมู่และฮู่หลิงเอ๋อครางเสียงหนักพร้อมกัน เมื่อเวทมนตร์ของพวกเขาถูกทำลาย เลือดลมของพวกเขาก็สะท้านสะเทือนจากแรงกระแทกของปราณชีวิตที่ถูกตีกลับ

“เจ้าถึงกับกล้าสังหารบุตรชายของจ้าวลัทธิผีดิบเซียน รำคาญชีวิตนักหรืออย่างไร”

เหออิ๋น พุ่งปราดลงมาจากท้องฟ้า และฝูงผีดิบที่อยู่บนฟ้าก็พุ่งตามลงมาโจมตีใส่ฉินมู่ ในขณะเดียวกัน ผีดิบบินห้าตนที่อยู่บนพื้นดินก็กระโจนขย้ำใส่เขาพร้อมๆ กัน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version