Skip to content

Tales of Herding Gods 142

ตอนที่ 142 สลบทั้งมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ

“ผู้คนที่โถงบรมเยียวยาต้องพิษ!”

บัณฑิตจํานวนหนึ่งที่เดินผ่านมาข้างนอกโถงสังเกตเห็นสถานการณ์ในโถงบรมเยียวยา หนึ่งในนั้นรีบวิ่งออกไปและตะโกนด้วยเสียงอันดัง “ข้าจะไปตามครูผู้สอน พวกเจ้าที่เหลือรีบเข้าไปช่วยพวกเขา!”

บัณฑิตที่เหลืออีกสองคนรีบเข้าไปในโถง และเมื่อพวกเขาได้กลิ่นหอมนั้น ก็ร่วงลงไปกับพื้น

ไม่นานนัก หลวงจีนฝ่าชิงจากโถงหยางเขียวครามก็นําหลวงจีนจํานวนมากบุกเข้าไปในโถงตะโกน “รีบช่วย…”

หลวงจีนเหล่านั้นร่วงกราวกันทั้งหมด หลวงจีนฝ่าชิงมีวรยุทธ์ค่อนข้างสูง เขาจึงสามารถหันกายและเตรียมตัวหนีได้ ทว่าเมื่อเขาไปถึงปากทางเข้าโถง เขาก็ไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป และร่วงคอพับลงกับหน้าโถง

“หลวงจีนฝ่าชิงต้องยาพิษ!” บัณฑิตสองสามคนรีบรุดเข้ามาหมายจะช่วยหลวงจีนฝ่าชิง

แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้กลิ่นหอมประหลาด แล้วก็สลบเหมือดไปตามๆ กัน เมื่อบัณฑิตรอบๆ เห็นเช่นนั้น พวกเขาก็รีบร้องเรียกให้คนช่วยและวิ่งเข้าไปหมายจะช่วยคนเหล่านั้นออกมา แต่ไม่ทันที่จะวิ่งไปถึงตัว พวกเขาก็ล้มตึงลงไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

ในเวลาเดียวกัน บัณฑิตนิเวศน์ ทักษะเทวะนิเวศน์ และอุทยานราชวงศ์ต่างก็ทราบข่าวและรีดรุดมา ครูผู้สอนจากโถงอื่นๆ ก็ออกไปช่วยชีวิตคนด้วย ที่หน้าประตูภูเขา บัณฑิตจํานวนหนึ่งที่รู้เรื่องอันไม่คาดฝันนี้ก็วางมือจากการต่อสู้กับโฝจื่อแล้วรีบวิ่งขึ้นเขาไปหมายช่วยเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย

คณบดีป้าซานและครูผู้สอนคนอื่นๆ ยืนอยู่ไม่ไกลนัก สีหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ทันใดนั้น นักพรตเช่าเฝิงจากโถงเรียงธาตุก็ก้าวออกมาแล้วม้วนจับลมเบื้องหน้าด้วยสองชายแขนเสื้อ “พิษนี้ร้ายแรงนัก จะให้ดีต้องปัดเป่าควันพิษให้กระจายไป เพื่อช่วยผู้คน!”

วิ้ว

กระแสลมแรงสองลูกพลันพัดพุ่งจากแขนเสื้อของเขากวาดซัดไปทางโถงบรมเยียวยา คณบดีป้าซานสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างแรง และรีบตะโกนบอก “อย่าเป่า!”

แต่ไม่ทันที่นักพรตเช่าเฝิงจะตอบสนอง กลิ่นหอมเข้มข้นก็ถูกเป่าออกมาจากโถงนี้และกระจายออกไป คณบดีป้าซานรีบตะโกนอีกครา “กลั้นหายใจเอาไว้!”

แต่ทว่ามันสายเกินไป กลิ่นรําเพยของหอมสาบสูญได้กระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง และบัณฑิตทั่วทุกที่ก็ร่วงกราวกันลงกับพื้นด้วยร่างกายอันแข็งทื่อ แต่ในขณะที่วรยุทธ์ของครูผู้สอนค่อนข้างแข็งแกร่ง พวกเขาจึงรู้สึกแค่ว่าแขนชาทื่อลงไป ขาก็อ่อนยวบ ปราณชีวิตขัดข้องล่าช้า และพวกเขาไม่อาจขยับตัวได้

คณบดีป้าซานมีลางสังหรณ์ดีและวรยุทธ์ของเขาก็สูงลิ่ว เมื่อเขาได้กลิ่นหอมนั้น เขาก็รีบใช้ปราณชีวิตอันเข้มข้นของตนขับไล่กลิ่นหอมออกไปจากร่างกาย เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็เห็นแต่บัณฑิตทั่วทั้งมหาวิทยาลัยล้มลงเป็นใบไม้ร่วง

“ให้ตายเถอะ นี่จะเป็นจุดจบของมหาวิทยาลัยจักรวรรดิอย่างนั้นรึ”

ความเศร้าโศกอันเยียบเย็นแพร่กระจายไปทั่วหัวใจของเขา และกลิ่นหอมนี้คงจะแพร่กระจายไปทั่วมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ พวกที่ไม่ล้มร่วงลงไปก็มีแค่สิบยี่สิบคนเท่านั้น คนเหล่านั้นมีวรยุทธ์ระดับชาวสวรรค์ขึ้นไป ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถขับกลิ่นหอมประหลาดนี้ออกจากร่างกายได้ทัน

มหาวิทยาลัยจักรวรรดิเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งในโลกหล้า และบัดนี้ผู้คนที่นี่ก็ตกเป็นเหยื่อของกลิ่นหอมประหลาด หากว่านี่ยังไม่ใช่จุดจบ ก็คงใกล้เต็มทีแล้ว

“พวกตาเฒ่าที่น่าตายในโถงบรมเยียวยา มันปรุงยาพิษอะไรออกมาวะนั่น”

เขาไม่รู้ว่า ‘หอมสาบสูญ’ นั้นมิใช่ยาพิษ แต่เป็นยาสลบชนิดหนึ่ง หลังจากสามสี่ชั่วโมง ฤทธิ์ยาของยาสลบนี้ก็จะบรรเทาเบาบางและไม่ทําอันตรายต่อใคร

ในตอนนั้นเอง ก็มีขวดนํ้าเต้าลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ปากขวดควํ่าลงสู่พื้นและมีแรงดูดรุนแรงออกมาจากปากรูนั้น ดูดเอามวลอากาศตั้งแต่ตีนเขาจรดยอดเขาเข้าไปในขวดนํ้าเต้า กลิ่นหอมที่แพร่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ทั้งหมดถูกดูดเข้าไปพร้อมกับมวลอากาศ

ลมแรงพลันพัดกระชากผ่านทั้งภูเขา และไม่นานกลิ่นหอมประหลาดนั้นก็จางหาย คณบดีป้าซานถอนใจด้วยความโล่งอก “โชคยังดีที่มีอธิการบดีอยู่ และกลิ่นนี้ยังไม่ทันคลี่คลุมไปทั่วทั้งภูเขา แต่ทว่าผู้คนเหล่านี้ดูท่า…”

นํ้าตาคลอสองเบ้าตาพยัคฆ์ของเขา เมื่อเขามองไปยัง ‘ซากศพ’ อันก่ายกองดาษดาหน้าโถงบรมเยียวยา ทันใดนั้นเสียงหัวเราะในคอก็ดังในหูของเขา “ป้าซาน เจ้าจะร้องไห้ทําไม ในเมื่อคนพวกนี้ยังไม่ตาย”

คณบดีป้าซานตกตะลึงและรีบรี่เข้าไปตรวจสอบลมหายใจของ ‘ศพ’ เหล่านั้นและพบว่าพวกเขายังหายใจแข็งแรงดี

ปรามาจารย์เยาว์เดินมาข้างๆ เขาและมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้านิ่วคิ้วขมวด “นี่ดูเหมือนผลงานของราชาพิษ ใช่แล้ว ข้ารู้ล่ะว่าเป็นฝีมือใคร ไอ้เด็กดื้อที่น่าตายคนนี้ ยิ่งมายิ่งสร้างความปั่นป่วนใหญ่แล้ว!”

คณบดีป้าซานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “อธิการบดี ข้าได้ยินว่าเรื่องนี้เกิดจากอุบัติเหตุระหว่างการปรุงยาของหมอหลวงจํานวนหนึ่ง…”

ปรมาจารย์เยาว์ยิ้มหยัน “หมอหลวงพวกนี้ในโถงบรมเยียวยา ไม่มีความสามารถที่จะหลอมปรุงยาสลบฤทธิ์ร้ายขนาดนี้ได้หรอกมันต้องเป็นเจ้าเด็กดื้อนั่นที่หลอมยาในโถงและสร้างอุบัติเหตุนี้ขึ้นมา ทําให้ตัวเองสลบไม่พอ ยังลากบัณฑิตทั้งมหาวิทยาลัยไปนอนฝันหวานด้วย…”

ขณะที่เขากําลังกล่าวอยู่นั่นเอง ก็ต้องเบิกตากว้างจ้องมองไปยังที่หนึ่งอย่างไม่เชื่อสายตา

คณบดีป้าซานฉงนกับท่าทีของปรมาจารย์เยาว์ จึงมองตาไปทางนั้นด้วย และเขาก็เบิกตามองจนแทบถลนจากเบ้าเช่นกัน

ที่พวกเขาเห็นก็คือ บัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่งเดินอ้อมโถงบรมเยียวยามาเนื่องจากเพิ่งมาจากข้างหลังภูเขา มือทั้งสองของเขาลากวัวเขียวตัวใหญ่บึกบึนตัวหนึ่ง วัวตัวนั้นก็สลบเหมือดและเท้ากีบทั้งสี่ข้างของมันถูกมัดรวบไว้ด้วยกันขาของมันชี้ขึ้นสู่ฟ้า และร่างของมันก็ถูกหนุ่มน้อยคนนั้นลากมาครืดๆ

ในเวลาเดียวกัน ก็มีจิ้งจอกขนขาวสะอาดราวหิมะนั่งแป้นแล้นอยู่บนกีบเท้าวัว

บัณฑิตหนุ่มน้อยผู้นั้นเห็นพื้นเกลื่อนไปด้วย ‘ซากศพ’ เขาก็ตะลึงไปนิดหนึ่ง และเมื่อเขาเงยขึ้นมาเห็นคณบดีป้าซานและปรมาจารย์เยาว์ สีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง และรีบโยนวัวเขียวทิ้ง คว้าจิ้งจอกขาวใส่เกียรห์มาวิ่งหนีทันที

“มูมู่น้อยของข้า!” คณบดีป้าซานรีบวิ่งเข้าไปรับวัวเขียวไว้ด้วยสีหน้ารวดร้าวใจ

จากนั้นเขาก็ตะโกนด้วยความเดือดดาล “เจ้าเด็กร้ายกาจ กล้าวางยาสลบสัตว์ขี่ของข้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่!”

ไม่ทันที่ฉินมู่จะวิ่งไปถึงไหน เขาก็รู้สึกคอเสื้อแน่นตึงเพราะถูกปรมาจารย์เยาว์ดึงเอาไว้ ทิวทัศน์รอบข้างเขาพลันหมุนหวืออย่างรวดเร็ว และในพริบตาเดียวเขาก็กลับมาอยู่ที่หน้าโถงบรมเยียวยาอีกครั้ง ท่ามกลางลานหน้าโถงและกอง ‘ศพ’ ทั้งหลาย

ฉินมู่พลันกลายเป็นเด็กเรียบร้อยทันที และยืนคอตกก้มหน้า มองจิ้งจอกขาวที่อยู่ข้างๆ จิ้งจอกขาวเองก็สงบเสงี่ยมยืนคอตกก้มหน้ามองอุ้งเท้าตัวเอง

ปรมาจารย์เยาว์ฉีกยิ้มกว้างด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาชี้นิ้วไปยัง ‘ศพ’ กองเกลื่อนพื้น โมโหจนพูดไม่ออกไปพักใหญ่

“ไปยืนที่มุมกําแพง!” ปรมาจารย์เยาว์ตะโกน หลังจากที่ข่มใจอยู่สักพัก

ฉินมู่และฮู่หลิงเอ๋อเดินตรงไปยังมุมห้องโถงบรมเยียวยา และก้มหน้ายืนอยู่ตรงนั้น

ปรมาจารย์เยาว์มีสีหน้ามืดครึ้มขณะที่เดินเอามือไพล่หลังไปมาๆ ตรงหน้าหนึ่งคนและหนึ่งจิ้งจอก ทันใดนั้นเขาก็ตวาดถาม “ใครเป็นคนวางยา”

ฉินมู่รีบตอบทันที “ข้าเป็นคนวางยาวัวตัวนี้ แต่พวกบัณฑิตกะครูผู้สอน ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ”

ปรมาจารย์เยาว์ถามด้วยสีหน้าเคร่ง “แล้วจะรักษาอย่างไร”

ฉินมู่ตอบไปตามสัตย์ “ไม่จําเป็นต้องรักษาพวกเขา แค่รอสักพักเดี๋ยวก็ฟื้นมาเอง”

ปรมาจารย์เยาว์แค่นเสียงเย็นชาแล้วยกนิ้วชี้ดุด่า “สักกี่วันเชียวที่เจ้าเข้ามาในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ? และเจ้าก็เขย่าทั้งมหาวิทยาลัยจนแทบจะควํ่ารากชี้ฟ้ากันหมด! บัณฑิตแทบทุกคนในบัณฑิตนิเวศน์โดนเจ้าต่อยตีจนน่วม เรือนแทบทุกหลังในนิเวศน์ก็พังไปหมดเพราะฝีมือเจ้า! ปักหัวใส่กําแพง ปลูกมนุษย์ไว้ในดินต่างต้นไม้ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรืออย่างไร เจ้าซัดครูผู้สอนหลิงอวิ๋นกลิ้งคลุกฝุ่นต่อหน้าจักรพรรดิ แล้วทีนี้ยังมาวางยาสัตว์ขี่ของคณบดีป้าซานอีก! ไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้าวางยาคนทั้งโถงบรมเยียวยาอย่างไร แต่นี่เจ้าแทบจะทําให้ทั้งมหาวิทยาลัยจักรวรรดิสลบเหมือดกันหมด! ขั้นต่อไปเจ้าคิดจะทําอะไร วางยาสลบให้ถ้วนทั่วครอบคลุมทั้งเมืองหลวง?”

ฉินมู่ครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นเกาหัวแกรก “หม้อยามันต้องใหญ่แค่ไหนนะ ถึงสามารถหลอมปรุงหอมสาบสูญได้เยอะขนาดนี้…เอ๊ย ข้าหมายถึง หอมสาบสูญที่ทําให้บัณฑิตและครูผู้สอนทั้งหลายหมดสติไปนั่นไม่ใช่ฝีมือข้าปรุงแน่ๆ!”

ปรมาจารย์เยาว์พูดไม่ออกด้วยความโกรธ “งั้นอธิบายมา ทําไมเจ้าถึงวางยาสลบสัตว์ขี่ของคณบดีป้าซาน”

คณบดีป้าซานเดินเข้ามาแล้วถามอย่างสงสัย “ใช่แล้ว ทําไมเจ้าวางยามูมู่ของข้า”

ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อแล้วกล่าว “ข้าแค่แหย่มันเล่นเฉยๆ ข้ากะว่า…จะขโมยผักจากสวนของท่าน ช่วงนี้ข้ากินแต่อาหารเลี่ยนๆ มันๆ ดังนั้นเลยอยากกินของอย่างอื่นบ้าง”

คณบดีป้าซานมองอย่างจับพิรุธและถาม “หลังจากที่เจ้าวางยาสลบวัวข้าแล้ว ทําไมเจ้าไม่เห็นขโมยผักมา แต่กลับหอบวัวข้าวิ่งหนีมา สรุปเจ้าอยากกินผักในสวนข้าหรือวัวของข้ากันแน่?”

“นี่…”

ฉินมู่ก้มหน้าลงมองจิ้งจอกน้อยที่ยืนข้างๆ เขาตรงมุมห้อง จิ้งจอกน้อยเองก็นึกหาข้อแก้ตัวไม่ออก

ป้าซานเดือดดาลขึ้นมาทันที “ไม่มีข้ออ้างแล้วเรอะ ข้าจะลงโทษเจ้ายังไงดีห้ะ อธิการบดี เขาเพิ่งขึ้นภูเขาได้ไม่นานก็ใจกล้ามาจับวัวข้ากินแล้ว ทั้งยังวางยาพิษ แทบจะทําร้ายบัณฑิตทุกคนในมหาวิทยาลัยจักวรรดิ เจ้าเด็กนี่ให้อยู่ต่อไม่ได้แล้ว…”

ปรมาจารย์เยาว์กระแอมไอและกล่าวด้วยเสียงเบา “ป้าซาน เขาเป็นศิษย์ของราชาพิษ…”

คณบดีป้าซานกระโดดโหยงด้วยความตกใจ “ราชาพิษ? ราชาพิษคนไหน”

ปรมาจารย์เยาว์กล่าวด้วยเสียงนุ่ม “จะเป็นราชาพิษคนไหนได้ล่ะ แน่นอนว่าต้องเป็นราชาพิษหน้าหยก และเขายังเป็นหมอเทวดามือศักดิ์สิทธิ์แห่งตรอกดอกไม้ที่เป็นคนรักษาอาการประชวรของพระพันปีหลวง เขานั้นเชี่ยวชาญในด้านการรักษาเยียวยาช่วยชีวิตคนแต่ในขณะเดียวกันวิชาพิษเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร เก่งกาจพอๆ กับฝูหยวนชิงจากจวนราชครู”

คณบดีป้าซานพลันรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง และรีบกระเถิบออกห่างจากฉินมู่ทันทีพลางพูดกลั้วหัวเราะ “ในเมื่อมูมู่ของข้าไม่เป็นอะไร ข้าก็ไม่ถือสาหาความล่ะกัน อธิการบดี ท่านจัดการต่อเลย”

ปรมาจารย์เยาว์ปวดหัวตึ้บ ฉินมู่นี่เก่งไปซะทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องทรมานกบาลคนก็เก่งอีก มาสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าที่มหาวิทยาจักรวรรดินั้นก็ยังพอว่า แต่หากวันไหนในอนาคตเขาเกิดไปสร้างความปั่นป่วนที่ลัทธิมารฟ้าเมื่อเขาไปยังลัทธิแล้วล่ะก็ คงน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงสุดๆ

ทันใดนั้นปรมาจารย์เยาว์ก็เผยยิ้มอิ่มใจและมองไปที่เขาด้วยสายตาเอ็นดู “อีกเพียงสองเดือนข้าก็จะลาออกแล้ว ช่วยอย่าสร้างความวุ่นวายมากไปกว่านี้เลย เจ้าสามารถพึงพอใจในชีวิตที่มีในช่วงสองเดือนนี้ก่อนได้ไหม”

ฉินมู่ผงกหัวแต่ยังไม่วายเถียง “แต่ข้าไม่ได้เป็นคนปรุงหอมสาบสูญที่ทําทั้งมหาวิทยาลัยจักรวรรดิสลบเหมือดจริงๆ นะ!”

ปรมาจารย์เยาว์ยิ้มแฉ่ง “แล้วใครเป็นคนเผยแพร่สูตรยาออกไป”

ฉินมู่คอตก

ปรมาจารย์เยาว์กวักมือเรียกคณบดีป้าซานมา “ป้าซาน มาทางนี้”

คณบดีป้าซานก้าวเข้ามา และปรมาจารย์เยาว์ก็ยิ้มกล่าว “ช่วงสองเดือนนี้จับตาดูเขาอย่าให้คลาดสายตา เมื่อข้าเกษียณอายุจากตําแหน่งอธิการบดีแล้ว เจ้าค่อยปล่อย”

“อธิการบดีหมายถึงว่า…” คณบดีป้าซานก้าวไปข้างหน้าและทําท่าปาดคอพลางมองถามด้วยความสงสัย

ปรมาจารย์เยาว์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไม่เชิงยิ้ม “เจ้าคิดมากไป เขาเป็นหมอเทวดาที่รักษาอาการประชวรของพระพันปีหลวง ยิ่งไปกว่านั้นเพียงแค่ยาสลบของเขาก็สามารถทําให้ทั้งภูเขาเป็นง่อยได้ หากว่าเจ้าฆ่าเขา ข้าจะส่งเจ้าตามเขาไป”

“ที่แท้ก็เป็นหมอนี่!”

คณบดีป้าซานเบิกตาจ้องแล้วกล่าว “ข้าได้ยินคํารํ่าลือว่ามีหมอเทวดามาที่เมืองหลวง แต่ไม่นึกว่าจะเป็นเจ้าเด็กนี่ จะให้ข้าคอยดูเขาตลอดก็ได้อยู่ ถึงแม้ว่าข้าจะมีอารมณ์เถื่อนๆ และไม่ค่อยชอบปักหลักอยู่กับภูเขา…”

ปรมาจารย์เยาว์ยิ้ม “แค่เจ้าไปไหนก็หิ้วเขาไปด้วย”

คณบดีป้าซานรับทราบ

ปรมาจารย์ปล่อยลมหายใจขุ่นมัวที่อั้นเอาไว้ จากนั้นกล่าว “อย่ามัวแต่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ เจ้าช่วยคณบดีแบกบัณฑิตที่สลบพวกนี้ออกไปรับอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกก่อน”

ฉินมู่และคณบดีป้าซานรีบเข้าไปในโถงบรมเยียวยาและแบกทุกๆ คนออกมา

บัณฑิตมากกว่าครึ่งมหาวิทยาลัยและคณาจารย์จํานวนหนึ่งหมดสติไป เมื่อฤทธิ์ยาในหอมสาบสูญบรรเทาลง ทุกคนก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา หากแต่ว่ายังคงรู้สึกหนักๆ ในหัวและไม่อาจฟื้นฟูกลับมาอย่างเต็มที่ได้ในระยะเวลาอันสั้น

หมอหลวงสามสี่คนแห่งโถงบรมเยียวยากล่าวขอโทษทุกๆ คนและรู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามความเคารพนับถือในตัวฉินมู่ก็ก้าวขึ้นไปอีกระดับ

ถึงตอนนี้พวกเขาจึงรู้ว่าทําไมฉินมู่ถึงให้พวกเขาถอยออกไปห่างๆ ตอนที่เขากําลังจะเก็บยาขึ้นมาจากหม้อ ฤทธิ์ยาของหอมสาบสูญนั้นร้ายแรงเกินไป และฉินมู่กังวลว่ามันจะเล็ดรอดออกมา ดังนั้นเขาจึงให้ทุกคนออกไปห่างๆ

นี่จึงทําให้พวกเขาไม่ทันเห็นว่าฉินมู่ใช้วิธีไหนในการเก็บตัวยาขึ้นมาจากหม้อ นําไปสู่ความวุ่นวายครั้งนี้ในที่สุด

เคราะห์ยังดีที่มันเป็นแค่ยาสลบหากว่ามันเป็นยาพิษอันสังหารผู้คนได้แม้เพียงสูดดม ยอดฝีมือในอนาคตของจักรวรรดิสันตินิรันดร์มากกว่าครึ่งคงจบชีวิตในวันนี้

ขณะนั้นเอง ก็มีคนกู่ตะโกนด้วยความตระหนกใจ “โฝจื่อโฝซิ่นและหลวงจีนจิ่งหมิงหายไปแล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version