ตอนที่ 156 ความคิดอันตราย
เวทจํากัดเขตพิลึกจริง
‘ตันปาโร่’ มองไปที่สิ่งดุร้ายน่าสยองตัวเล็กๆ พวกนี้และใจก็เต้นตุ๊มต่อม แต่ละร่างเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิญญาณของยอดฝีมือ ดังนั้นพวกมันจึงเป็นเครื่องจักรสังหารที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกัน ลูกบาศก์ประหลาดเหล่านี้ก็จัดเรียงกันเป็นดาลกุญแจประหลาด เมื่อมีแสงอักษรรูนฉายใส่มัน หากฉายเป็นลําดับที่ถูกต้อง ดาลกุญแจนี้ก็จะเปิดออก แต่หากไม่ถูกต้องมันก็จะปลดปล่อยสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าผีร้ายพวกนี้ออกมา!
มีลูกบาศก์ใสแบบนี้อยู่เป็นจํานวนมาก และทุกครั้งที่แสงอักษร รูนฉายลงไปบนลูกบาศก์ ลูกบาศก์นั้นก็จะเลื่อนถอยกลับและหายวับ
ขั้นตอนปลดล็อกเวทจำกัดเขตนี้ซับซ้อนเหลือเกิน คงปลดได้ไม่ง่ายหากไม่มียันต์สมบัติ!
ยันต์สมบัตินี้หมุนไปอย่างต่อเนื่องและอักษรรูนที่ฉายออกมาจากทั้ง 14 ด้านก็แปรเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา ทําให้ลูกบาศก์ตรงหน้าถอยกลับไปทีละอัน…ทีละอัน
ยันต์สมบัติลอยไปข้างหน้า ผู้พิทักษ์คลังหลังเต่าก็เดินไปข้างหน้าด้วย ‘ตันปาโร่’ ก็รีบตามไปอย่างรวดเร็วและเดินผ่านทางเดินยาวเหยียด ทันใดนั้นเขาก็เห็นที่โล่งกว้างข้างหน้า
มันเป็นโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากโถงวังทองเมื่อครู่ มองจากข้างนอกโถงวังแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่เมื่อเข้ามาเห็นข้างในก็พบว่าพื้นที่ภายในใหญ่กว่าข้างนอกอย่างน้อยก็ 10 เท่า ข้างในนั้นมีเสามากมายเรียงรายเป็นทิวแถว และหลังจากเสานั้นก็มีแท่นบูชาทองคําจํานวนมากทุกชนิดทุกขนาด บนแท่นบูชาทองคําเหล่านั้นมีสมบัติรูปร่างประหลาดวางอยู่บนนั้น
ผู้พิทักษ์หลังเต่านํากระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ไปข้างหน้าพลางยิ้มแย้ม “สมบัติวิเศษลํ้าค่าขนาดนี้จะต้องเก็บไว้ลึกที่สุดและโดดเด่นสมเกียรติที่สุด พลังของข้าไม่เพียงพอที่จะปิดผนึกมันดังนั้นพวกเราจึงได้แต่ต้องรอหมอผีอาวุโสมาที่นี่และปิดผนึกมันด้วยตนเอง ตันปาโร่ เจ้าสร้างความดีความชอบยิ่งใหญ่ แม้แต่ข้าก็ยังอิจฉาเจ้า!”
‘ตันปาโร่’ ยิ้มรับ “ข้าไม่เพียงแต่ได้สมบัติชิ้นนี้จากชาวสันตินิรันดร์ผู้นั้นแต่ยังได้ขวดหยกเล็กๆ มาขวดหนึ่งอันดูเหมือนว่าจะบรรจุยาศักดิ์สิทธิ์ไว้ข้างใน ข้าเพียงแค่ดมดูนิดหน่อย แต่ก็ซึ้งจนถึงสวรรค์ราวกับข้าจะเหยียบเมฆสําเร็จเป็นเซียนเสียเดี๋ยวนั้น…”
เขาล้วงขวดหยกออกมาจากแขนเสื้อ และสายตาของผู้พิทักษ์หลังเต่าก็ลุกวาวเมื่อเห็น เขาฉวยมันมาแล้วยิ้มกล่าว “ตันปาโร่ ในเมื่อตอนนี้เจ้ามีความดีความชอบหนัก หมอผีอาวุโสก็จะต้องให้รางวัลเจ้าอย่างแน่นอนและในเมื่อข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อเลือกดูสมบัติที่จะเป็นรางวัลของเจ้าล่วงหน้า เจ้าจะไม่ให้ของเล็กๆ น้อยๆ กับข้าบ้างได้อย่างไร ข้าจะเอายาศักดิ์สิทธิ์ในขวดหยกนี่ล่ะนะ!”
‘ตันปาโร่’ เผยสีหน้าเสียดายสุดๆ ผู้พิทักษ์หลังเต๋าเห็นสีหน้าเขาก็หัวเราะเบาๆ “ขี้เหนียวจริงๆ”
หลังจากที่เขากล่าว เขาก็เปิดฝาขวดหยกแล้วสูดจมูกดมดู
“หอ…หอม…อะไร…” รอยยิ้มยังแข็งค้างบนใบหน้าของเขาเมื่อผู้พิทักษ์คลังหลังเต่าล้มตึงไปกับพื้น
‘ตันปาโร่’ กลั้นลมหายใจไว้ แล้วรีบฉวยขวดหยกกลับมาปิดฝาไว้ตามเดิม มิกล้าหายใจเข้าไปแม้แต่อึกเดียว เขาคิดอยู่นิดนึง แล้วนําขวดหยกเปล่าอีกใบมาดูดอากาศรอบตัวผู้พิทักษ์หลังเต่านั้น จากนั้นยัดขวดดังกล่าวที่ไม่ปิดฝาเข้าไปในปากของเขา
“วิ้ว ทีนี้เขาคงไม่ฟื้นขึ้นมาอีกนานเลยล่ะ”
‘ตันปาโร่’ ระบายลมหายใจที่อั้นไว้ จากนั้นเริ่มลอกผิวหนังออก มนุษย์อีกคนหนึ่งมุดออกจากผืนหนังของตันปาโร่ ซึ่งก็คือฉินมู่
“คราวนี้นับว่าข้าได้ใช้วิธีการของเต๋ามาร” ฉินมู่มองไปยังผืนหนังที่กองอยู่บนพื้นจากนั้นส่ายศีรษะ ท่าน
ยายซีสามารถสวมใส่ผืนหนังของผู้อื่นและแปรเปลี่ยนไปในพริบตา แต่ว่าเขานั้นยังแสยงกับเรื่องนี้อยู่มาก
ฉินมู่หยิบกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ของเขากลับมา เขาพลิกตัวของผู้พิทักษ์คลังหลังเต่าเพื่อค้นหายันต์สมบัติ จากนั้นเอามันยัดเข้าไปในอกเสื้อ เขายังพบกับข้าวของจิปาถะด้วย
หลังจากตบทรัพย์ดูทั่วตัวแต่ไม่พบอะไรที่มีประโยชน์ เขาก็ได้แต่ช่างมัน
“เนตรสวรรค์ ปลุกพลัง! เนตรสวรรค์เขียวปลุกพลัง!” เนตรสวรรค์และเนตรสวรรค์เขียวเปิดขึ้นในม่านตาของฉินมู่ และปรากฏอักษรรูนถี่ยิบเรียงตัวกันซ้อนเป็น 2 วงสวรรค์ในม่านตาของเขา เขามองไปรอบๆ และพบว่าทุกอย่างกระจ่างชัดในสายตาของตน
ทุกๆ แท่นบูชาทองคําถูกครอบคลุมไว้ด้วยผนึกอันคล้ายคลึงกับลูกบาศก์ที่เขาเห็นตรงทางเข้า ในแต่ละลูกบาศก์จะมีผีร้ายเล็กๆ อันใบหน้าบิดเบี้ยวลบเลือน พวกมันมีผมเผ้ากระเซอะกระเซิง มีเขี้ยวและเล็บอันคมกริบประดุจมีดโกนและหากฉินมู่มิได้ปลุกพลังเนตรสวรรค์เขาก็คงมองไม่เห็นพวกมัน
ฉินมู่ยกยันต์สมบัติขึ้นมาดู และพิจารณาอักษรรูนบน 14 ด้านของลูกบาศก์ยันต์ในมือ จากนั้นคิดเปรียบเทียบกันก่อนจะส่ายหัว ยันต์สมบัตินี้มิใช่กุญแจที่ใช้คลายผนึกแท่นบูชาทองคําเหล่านั้นและอย่างมากก็คงเป็นเพียงกุญแจที่ให้เปิดโถงคลังสมบัติ
เขาก้าวไปข้างหน้าและมองไปที่แท่นบูชาทองคําทีละแท่น เขาจําเป็นต้องลงมืออย่างรวดเร็วเพราะว่าหลิงอวี้จิวยังคงรับช่วงขวางประตูอยู่ข้างนอกต่อ กําลังฝีมือของหลิงอวี้จิวนั้นตํ่ากว่าเขาขั้นหนึ่งต่อให้นางเรียนแนวทางการผสมผสานเวทมนตร์และวิชาบู๊จากคณบดีป้าซานแล้วก็ตาม แต่ก็คงยืนหยัดขวางประตูได้ไม่นาน
บนแท่นบูชาทองคำเหล่านี้มีสมบัติลํ้าค่าทุกชนิด ทุกรูปแบบ หลายชิ้นนั้นเป็นสมบัติเฉพาะของวังทองโหรวหลันซึ่งถูกหลอมสร้างขึ้นมาอย่างพิลึกพิกล บางชิ้นก็เป็นผืนหนังมนุษย์ที่ถูกใช้เป็นผืนผ้าใบสําหรับวาดรูปและจารึกอักษรรูน ยังมีสมบัติบางชิ้นที่หัวกะโหลกสร้างขึ้นเป็นบาตรพระ กลองหนังมนุษย์ เช่นเดียวกับธง กระดูกขาว ธงร้อยพิษกลืนวิญญาณ วิหารกระดูกขาว พวกมันล้วนแต่เป็นอาวุธเวทมนตร์ที่ถูกช่วงใช้โดยลัทธินอกรีต
นอกจากของเหล่านั้น ยังมีของดีๆ หลายอย่างที่ฉายโชนแสงทองออกมา วัตถุเหล่านี้ถูกหลอมสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของหมอผี ระดับราชาหมอผี
ฉินมู่ยังคงเห็นสมบัติอีกหลายชิ้นที่มิได้มาจากลัทธิหมอผีแต่ถูกเก็บรวบรวมไว้ที่นี่ มันมีเจดีย์พันริ้วธง สารีริกธาตุ ซึ่งล้วนแต่เป็นสมบัติลํ้าค่าของลัทธิพุทธ และยังมีไจกระบี่ขนาดเท่าลูกองุ่น กู่ ขิมที่ถูกเผาตรงปลาย และกระบี่หัก
ทันใดนั้นฉินมู่ก็ชะงักงันและไม่อาจละสายตาไปจากสิ่งที่เห็น มันคือแผ่นศิลาจารึกหินที่ตั้งตรงไว้บนแท่นบูชา และบนแผ่นศิลานี้จารึกไว้ด้วยแผนภาพโคจรปราณของวิชาฝึกปรืออันไม่สมบูรณ์ เขามองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่านี่คือแผนภาพการโคจรปราณวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ แต่ทว่ามันมิใช่แผนภาพโคจรปราณขั้นหกทิศ ด้วยความรีบร้อน เขาไม่เพ่งดูจนแน่ใจว่ามันเป็นของขั้นไหน
“รีบไป รีบไป ข้าต้องรีบไปหาขาของท่านปู่!”
ฉินมู่เร่งฝีเท้าและเร่งตะบึงไปยังส่วนลึกที่สุดของคลังสมบัติ และแผล็บเดียวเขาก็ผ่านสมบัติทุกชิ้นในคลังหนึ่งรอบ และมาหยุดยั้งอยู่ที่หน้าแท่นบูชาทองคําหนึ่งๆ เขาเห็นแท่นบูชาทองคํานี้แล้วรอบนึง แต่ถึงยังไง เขาก็เลือกที่จะย้อนกลับมาอีกครั้ง
นั่นเป็นร่างครึ่งท่อนล่างของบุคคลผู้หนึ่งที่วางอยู่บนแท่นบูชาทองคํา มันเป็นส่วนของร่างกายที่ถูกตัดตํ่าจากเอวลงมา แต่ทว่ายังคงยืนนิ่งอยู่ได้อย่างมั่นคง
แต่ฉินมู่แน่ใจว่านั่นไม่ใช่ร่างครึ่งท่อนล่างของคนแล่เนื้อ ครึ่งร่างนี้ฉายแสงทองสุกใสแจ่มจ้า และแม้แต่เลือดของมันก็ดูเหมือนจะเป็นหยาดทองหลอมเหลว กระดูกก็เป็นทองคํา
ร่างครึ่งท่อนนี้แผ่รังสีน่าเกรงขามอัศจรรย์อันแข็งแกร่งยิ่งกว่า ที่แผ่ออกมาจากร่างของราชาหมอผี
“ร่างของหมอผีอาวุโส?”
ฉินมู่กะพริบตาปริบๆ แล้วใช้มือวาดวัดที่เอวของตนเองกะประมาณเทียบกับร่างของคนแล่เนื้อ ดูเหมือนว่าร่างของคนแล่เนื้อจะเอามาต่อบนร่างทองครึ่งท่อนที่อยู่ตรงหน้าเขาได้อย่างพอดิบพอดี
“หมอผีอาวุโสทําลายล้างสํานักนั้นเพื่อแย่งชิงร่างครึ่งท่อนของท่านปู่คนแล่เนื้อ จากนั้นหมอผีอาวุโสก็ตัดร่างของตนเองออกครึ่งท่อนแล้วเก็บรักษาไว้ที่นี่ ส่วนร่างครึ่งท่อนล่างของท่านปู่คนแล่เนื้อที่ควรจจะอยู่ที่นี่กลับหายไป…”
หางตาของฉินมู่กระตุกรัวๆ เมื่อเขานึกถึงความเป็นไปได้อันพิสดารสุดกู่
หมอผีอาวุโสตัดครึ่งท่อนล่างของตนเองออกเพื่อต่อตัวกับครึ่งท่อนล่างของคนแล่เนื้อ!
“ด้วยทักษะวิชาแพทย์ของข้า ข้าสามารถทําเช่นนั้นได้ หมอผีอาวุโสก็ย่อมทําได้เช่นกัน!”
ขนหัวเขาช่วยไม่ได้ที่จะลุกซู่ซ่าไปหมด ตัดร่างครึ่งท่อนของตนออกเพื่อไปต่อกับร่างของคนอื่น หมอผีอาวุโสเพี้ยนไปแล้วหรือ
“หรือว่าเขาอาจจะคิดว่าร่างของท่านปู่คนแล่เนื้อแข็งแกร่งกว่าร่างทองของเขามาก ซึ่งเป็นขีดขั้นที่เขาไม่อาจบรรลุได้ในชั่วชีวิตนี้ ดังนั้นเขาจึงสลับร่างครึ่งท่อนล่างของตนเอง แต่ว่านะมันก็มีความเป็นไปได้อย่างอื่น ก็คือหมอผีอาวุโสใช้ร่างครึ่งท่อนของท่านปู่คนแล่เนื้อไปหลอมสร้างเป็นอาวุธวิญญาณที่มี 2 ขา…”
ฉินมู่มีสีหน้าแปลกประหลาด ความเป็นไปได้อย่างที่ 2 นั้นแม้จะน้อยนิดแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย เขาจึงมีสีหน้าว้าวุ่นใจอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างครึ่งท่อนบนแท่นบูชาทองคํานั้นก็มีผนึกปิดคลุมเอาไว้ และหากว่าเขายื่นมือเข้าไป มือเขาคงถูกกัดกินจนเหี้ยนด้วยผีร้ายเล็กๆ ในลูกบาศก์เหล่านั้น
หากว่าคณบดีป้าซานมาที่นี่ เขาคงทําลายผนึกได้ด้วยกําลังเถื่อนแต่ฉินมู่ไม่มีความสามารถนี้
“ท่านปู่เป๋เคยสอนวิชามือสลับตะวันกับข้ามาก่อนแต่ข้าไม่เคยมีโอกาสใช้ ข้าจะสามารถทะลุผนึกเข้าไปคว้าเอาร่างครึ่งท่อนนี้ออกมาได้ไหมนะ”
จิตใจของเป็นกังวลขึ้นมา และทันใดนั้นเขาก็เริ่มวิ่งตะบึงไปในคลังสมบัติ โคจรวิชาขาขโมยสวรรค์ซึ่งเฒ่าเป๋ถ่ายทอดให้เขา ความเร็วของเขาเหมือนกับเงาวูบวาบ เร็วเสียจนไม่อาจมองตามทันได้ด้วยตาเปล่า
ฉินมู่วิ่งไปและโคจรวิชามือสลับตะวันในมือของเขา ทําให้มือของเขาเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเร็วขึ้นดุจสายฟ้า ความเพียรพยายามทั้งชีวิตของเฒ่าเป๋ทุ่มเทอยู่กับวิชามือและขา ขาของเขาวิ่งเร็วสุดๆ เพื่อหนีเอาชีวิตรอดหลังจากที่ถูกจับได้ว่าขโมยของ ส่วนมือของเขาก็ต้องว่องไวสุดขั้วเพื่อใช้ในการโจรกรรม
ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉินมู่ฝึกปรือวิชาขาขโมยสวรรค์อย่างมุ่งมั่นอุตสาหะ แต่ไม่ค่อยได้ฝึกวิชามือขโมยสวรรค์สลับตะวันและตอนนี้เขามาเร่งโหมซ้อมเอาวินาทีสุดท้าย เพื่อหวังว่าจะเข้าใจแง่มุมมหัศจรรย์ของมันมากยิ่งขึ้น
เมื่อเขาโคจรวิชาขาขโมยสวรรค์และวิชามือสลับตะวันพร้อมๆ กัน ฉินมู่ก็พลันพบความวิเศษพิสดาร จึงร้องออกมาด้วยความประหลาดใจอย่างมิอาจกลั้นและหยุดยั้งการโคจรวิชาทันที
โดยการใช้ 2 วิชาที่แตกต่างกันนี้พร้อมๆ กัน เขาพบว่า 2 วิชาจริงๆ แล้วเป็นหนึ่งเดียวกัน เพียงแต่ว่าเฒ่าเป๋สอนเขาโดยแบ่งวิชานี้ออกเป็น 2 ส่วน
แต่เดิมนั้นเขาก็รู้สึกถึงการโคจรปราณชีวิตที่ไหลลื่นไม่ติดขัด เมื่อช่วงใช้วิชาขาขโมยสวรรค์ แต่บัดนี้เมื่อเขาใช้ 2 วิชาพร้อมๆ กัน เขาพบว่าความเร็วการโคจรปราณของเขากลับลื่นไหลว่องไวขึ้นอีกหลายเท่าตัว!
ฉินมู่ระงับความตื่นเต้นประหลาดใจของตนแล้วมองไป ข้างหน้า พื้นที่ภายในของคลังสมบัติโถงทองคํานี้กว้างขวางโอ่โถงอย่างมาก ทําให้มีพื้นที่มากพอที่เขาจะวิ่งตะบึงไป เขาพลันขับเคลื่อนกําลังลงไปยังขาแล้ววิ่งตะบึงไปข้างหน้าราวกับติดปีก!
อากาศในโถงวังสร้างเสียงหวีดหวือ และพลันมีเสียงปังดังสนั่น ฉินมู่เข้าไปชนกําแพงอันห่างจากจุดที่เขายืนอยู่ตอนแรกไกลถึง 150 วาอย่างไม่ปรานีหน้าของตนเอง จากนั้นก็ล้มตึงไปข้างหลัง
รอบๆ ร่างของเขา วงแหวนอากาศควบแน่นเป็นควันขาวแผ่พุ่งไปรอบทิศทาง
ครู่หนึ่ง ฉินมู่ก็ลุกขึ้นมาแล้วสลัดหัวรัวๆ เขารีดเร้นพลังอีกครั้ง และก็มีเสียงปังดังสนั่นอีกหนเมื่อวงแหวนอากาศควบแน่นเป็นสีขาวกระจัดกระจายออกจากร่างเขาเนื่องจากความเร็วทําลายกําแพงเสียง ทว่าคราวนี้เขาไม่ชนเข้ากับผนัง แต่กลับวิ่งขึ้นไปบนผนังและไต่วิ่งไปบนเพดานในวูบเดียว
เสียงฉีกกําแพงเสียงดังมาอย่างถี่ยิบไม่สิ้นสุด เมื่อฉินมู่วิ่งเหยียบอากาศไปมาในคลังสมบัตินั้นวูบไปวาบมาในชั่วพริบตาเดียว
ทันใดนั้นในระหว่างการตะบึงอย่างบ้าคลั่งของเขา ฉินมู่ก็ยื่นมือออกมาแล้วออกแรงดึงแท่นบูชาทองคําหนึ่งกลายเป็นว่างเปล่า ขณะที่ในมือของฉินมู่มีบาตรพระอันสร้างขึ้นมาจากกะโหลกศีรษะ
เคร้ง
บาตรพระนั้นร่วงลงบนพื้นและฉินมู่หัวเราะดังลั่น จากนั้นฉินมู่จึงวิ่งไปตามใจคิดและยื่นมือคว้าออกไปราวกับประกายแสงที่พุ่งไปสู่แท่นบูชาทองคําข้างๆ ตัวเขา แท่นบูชาเหล่านั้นกลายเป็นโล่งว่างไปทีละแท่นทีละแท่นพร้อมกับสมบัติลํ้าค่าที่ถูกฉกฉวยออกมานอกแท่นบูชาร่วงเกลื่อนอยู่เต็มพื้น
สักพักหนึ่ง แท่นบูชาทั้งหมดก็ถูกฉินมู่ยกเค้าจนเรียบวุธ และฉินมู่เองก็กําลังอุ้มร่างครึ่งท่อนล่างเดินผ่านแท่นบูชาทองคํา
เขาพลันชะงักกึกและวางร่างทองครึ่งท่อนนั้นลง
“มิน่าล่ะ ท่านปู่เป๋ถึงชอบขโมยของ ที่แท้ได้ขโมยได้หมดก็สดชื่นอย่างนี้นี่เอง!”
หนุ่มน้อยแห่งหมู่บ้านพิการชราระบายลมหายใจขุ่นมัว และกวาดตามองทรัพย์สมบัติที่วางเกลื่อนพื้น จากนั้นอุทานด้วยนํ้าเสียงสดใส “ต่อให้ถูกตัดขาข้างหนึ่ง ก็ยังคุ้มค่า!”