Skip to content

Tales of Herding Gods 173

ตอนที่ 173 ข้ากลับตัวแล้ว

ทุกคนบนเรือหนีกันอลหม่าน แม้ว่าผู้คุมเรือจะเป็นผู้ฝึกวิชาเทวะอันมีกําลังฝีมือเหนือธรรมดา แต่เขาก็ต้องวุ่นอยู่กับการบังคับทิศทางเรือ ไม่มีเวลาดูแลคนอื่นๆ

ปราสาท 3 มหัศจรรย์มีสิ่งมหัศจรรย์ 3 ประการ

ประการแรกคือแมลง ประการที่ 2 คือยาสมุนไพร และประการที่ 3 คือหญิงงาม

สนมเฉอในวังหลวงก็เป็นยอดโฉมสะคราญจากปราสาท 3 มหัศจรรย์

ปราสาท 3 มหัศจรรย์เชี่ยวชาญในวิชาการปรุงยา ผลิตหมอยาเลื่องชื่อมากมายที่เชี่ยวชาญในการใช้แมลงพิษรักษาโรค และอย่าลืมว่า สิ่งมหัศจรรย์อันดับแรกในบรรดา 3 มหัศจรรย์ คือแมลง

กองทัพแมลงแห่งปราสาท 3 มหัศจรรย์นั้นน่าพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง ผู้ที่เก่งกาจด้านการเยียวยา ก็ย่อมเก่งกาจในด้านการใช้พิษด้วย แมลงพิษแห่งปราสาท 3 มหัศจรรย์ก็เป็นวิชาพิเศษเฉพาะวิชาหนึ่ง หลังจากที่พวกเขาถูกราชสํานักสยบให้สวามิภักดิ์ จักรพรรดิก็มีโองการให้ปราสาท 3 มหัศจรรย์ก่อตั้งกองทัพแมลงขึ้นมา อันรวบรวมยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญด้านการควบคุมแมลง

และบัดนี้เมื่อปราสาท 3 มหัศจรรย์กลายเป็นกบฏ ก็แน่ชัดว่ากองทัพแมลงก็เป็นกบฏตามไปด้วย และการต่อสู้นี้คือการรบพุ่งระหว่างกองทัพของจักรวรรดิสันตินิรันดร์และกองทัพแมลงของปราสาท 3 มหัศจรรย์

พวกเขาเผลอล่วงลํ้าเข้าไปในสมรภูมิรบและตกอยู่ใต้การโจมตีของกองทัพแมลงแห่งปราสาท 3 มหัศจรรย์ เรื่องนี้คงจบไม่สวยแน่

“เป็นไปไม่ได้ที่จะระวังป้องกันแมลงพวกนี้! กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์จัดการแมลงมากมายเพียงนี้ไม่ได้หรอก!”

ฉินมู่ขนหัวลุกเมื่อเห็นแมลงสีทองจํานวนมากกรูเข้าหา เขารีบแบ่งสมาธิเป็น 2 ด้านหนึ่งใช้บังคับกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ของตนฟาดฟันใส่ทหารนายหนึ่ง ส่วนอีกด้านแผ่พุ่งปราณชีวิตในร่าง เส้นด้ายปราณชีวิตจํานวนนับไม่ถ้วนออกมาจากมือของเขาและก่อรูปเป็นสิ่งที่คล้ายดวงตะวันลุกไหม้สีแดงฉาน

เส้นด้ายปราณชีวิตของฉินมู่อันก่อขึ้นมากระบี่ปราณชีวิตละเอียดยิบก็แปรเปลี่ยนเป็นดวงอาทิตย์อัสดงในพริบตานั้นลอยขึ้นไปในอากาศส่งเสียงหึ่ง

ยอดวิชาจักรวรรดิอวี้เหยียน เพลงกระบี่อัสดง!

ลูกไฟนั้นหมุนหวืออย่างรวดเร็ว และรังสีกระบี่จํานวนนับไม่ถ้วนก็ยิงออกมาจากอาทิตย์อัสดง แสงกระบี่ทุกๆ เล่มทิ่มแทงเข้าไปในแมลงแต่ละตัวในชั่วพริบตา ศพแมลงร่วงเกลื่อนกลาดเต็มพื้นรอบๆ ฉินมู่

ในเวลาเดียวกัน กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ของเขาก็แทงทะลุอกของทหารนายนั้นในชั่วแวบเดียวกัน ก่อนที่จะวกกลับมาใช้ท่วงท่ากระบี่แทงอีกครั้งเพื่อหยุดลมหายใจของศัตรู

“เพลงกระบี่ร้ายกาจ!” คนคุมเรือร้องชมด้วยเสียงอันดังและให้ผู้ช่วยของเขาคุมหางเสือเรือแทน เขารีบลงมือโดยการนําขวดนํ้าเต้าไฟออกมา

หลังจากที่เขาเปิดขวดนํ้าเต้า เมฆไฟก็พวยพุ่งออกมาจากขวดนํ้าเต้าแล้วเปลี่ยนแปลงเป็นหงส์เพลิง 9 เศียรอันอ้าปาก 9 ปาก พ่นเพลิงนรกแผดเผาแมลงจํานวนนับไม่ถ้วนให้กลายเป็นจุณ

นกเพลิง 9 เศียรสยายปีกของมันออกโอบล้อมเรือเหาะนี้ไว้ ขณะที่พ่นริ้วเพลิงออกไปทั่วทิศทาง ทําให้เหล่าทหารจากปราสาท 3 มหัศจรรย์ยังไม่ทันเข้าใกล้เรือก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน

“คนคุมเรือผู้นี้มีวรยุทธ์ลึกลํ้าเป็นอย่างยิ่ง อันไม่ด้อยไปกว่าแม่ทัพน้อยฉินเลย!”

ฉินมู่สะท้านใจเล็กน้อย คนคุมเรือผู้นี้เป็นชายกลางคน ร่างกายลํ่าสันแต่ว่าทักษะเทวะเพลิงที่เขาช่วงใช้นั้นวิเศษไม่ธรรมดา เขาน่าจะเป็นผู้ฝึกวิชาเทวะขั้นเจ็ดดาว

และในตอนนั้นเอง แมลงทองอันน่าสะพรึงก็ถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นยักษ์หลายระลอก สตรีในชุดทหารผู้หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางพวกมันและเมื่อนางชี้นิ้วออกไป ฝูงแมลงนี้ก็พวยพุ่งไปใส่เรือเหาะ

“สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 3 แห่งปราสาท 3 มหัศจรรย์ สาวๆ นี่สวยสมคํารํ่าลือจริงๆ”

คนคุมเรือหัวเราะในคอ แล้วเรียกหงส์เพลิง 9 เศียรกลับเข้าไปในขวดนํ้าเต้าไฟด้วยเสียงพลุบ ขวดนํ้าเต้านั้นพลันขยายใหญ่ขึ้น…ใหญ่ขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นวัตถุมหึมาอันสูงใหญ่สี่ถึงห้าตัวคน ปากของนํ้าเต้าชี้ไปข้างล่าง สร้างแรงดูดอันมหาศาลน่าตระหนกออกมา ดูดฝูงแมลงที่กําลังถาโถมเหล่านั้นทันที

คนคุมเรือผนึกมุทราด้วยมือทั้ง 2 และตบมุทรากว่า 10 แบบลงไปบนขวดนํ้าเต้าไฟ อักษรรูนอันสูงส่งหลากชนิดพลันปรากฏในอากาศรอบๆ นํ้าเต้าไฟยักษ์ ก่อนที่จะค่อยๆ หายวับไปทีละตัว

ฝูงแมลงมันถูกแผดเผาเป็นเถ้าธุลีในขวดนํ้าเต้า

ฉินมู่ตาลุกวาว คนคุมเรือผู้นี้ไม่เพียงแต่มีวรยุทธ์สูง เขายังมีความรู้ลึกลํ้าเกี่ยวกับอักษรรูนและมุทราอีกด้วย

แม่ทัพหญิงแห่งปราสาท 3 มหัศจรรย์ตกตะลึง และฝูงแมลงที่แบกนางมาบนอากาศใต้เท้าก็พลันหยุดเคลื่อนไหว นางยืนอยู่บนอากาศ กะพริบดวงตาอันงดงามสองสามทีแล้วเอ่ยถาม “เจ้าคือ…โจรไฟฝานอวิ๋นเสี้ยวงั้นรึ เจ้ากลับตัวเลิกเป็นโจรหันมาเป็นคนคุมเรือตั้งแต่เมื่อไหร่”

ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของพ่อค้าทั้งหลายบนเรือก็บิดเบี้ยวแปรเปลี่ยน นายทหารและข้าราชการบนดาดฟ้าเรือก็แปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง พวกเขาใช้ปราณคุมกระบี่บินไปชี้จ่อทางคนคุมเรือ

คนคุมเรือนั้นถ่มนํ้าลาย 2 ครั้ง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ที่ว่าข้า ‘กลับตัว’ ห้ะ?”

แม่ทัพหญิงแห่งปราสาท 3 มหัศจรรย์ยิ้มหยัน “ข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นศิษย์ที่ถูกขับออกจากสํานักเต๋า สํานักเต๋าไม่ชอบที่เจ้ามีจิตเจตนาไม่ดีเลยขับเจ้าออกจากสํานัก ดังนั้นเจ้าก็เลยกลายเป็นโจรที่คอยปล้นชิงพวกพ่อค้าไปทั่วทุกหนแห่ง สภาราชสํานักถึงกับตั้งค่าหัวเจ้ามานานทีเดียว และตอนนี้เจ้าก็โผล่หัวมาเป็นคนคุมเรือ นี่ไม่เรียกว่ากลับตัวกลับใจจะให้เรียกว่าอะไร”

คนคุมเรือฝานอวิ๋นเสี้ยวหัวเราะ “ข้าเป็นโจรก็เฉพาะช่วงที่โลกหล้าสุขสงบเพื่อปล้นชิงทรัพย์สินมีค่าของผู้คน แต่ข้าจะเป็นโจรในช่วงอันวุ่นวายยุ่งเหยิงนี่ได้อย่างไรกัน ในช่วงเวลาอันปั่นป่วนวุ่นวาย ข้าหาเงินจากการเป็นคนคุมเรือได้มากกว่าปล้นชิงผู้คน ท่านแม่ทัพช่วยละเว้นไม่ตอแยชีวิตข้าได้ไหม”

แม่ทัพหญิงแค่นเสียงเย็นชาและมองไปรอบๆ กองทัพแมลงแห่งปราสาท 3 มหัศจรรย์ยังคงรบพุ่งกับศัตรูอย่างดุเดือด และนางจะมัวติดพันกับโจรร้ายผู้นี้คงไม่ดีแน่

แม้ว่าฝานอวิ๋นเสี้ยวจะเป็นศิษย์ที่ถูกขับออกจากสํานักเต๋า แต่เขาก็มีกําลังฝีมือสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง ขนาดราชสํานักก็ยังจับเขาไม่ได้ไล่ไม่ทันมาตั้งหลายปี ดังนั้นนางเองก็อาจจะไม่ใช่คู่มือของเขา เมฆฝูงแมลงใต้เท้านางจึงบินย้อนหลังและถอยห่างออกจากเรือไปในทันที

ฝานอวิ๋นเสี้ยวปล่อยลมหายใจโล่งอก จากนั้นสั่งให้ผู้ช่วยของเขาแล่นเรือออกห่างจากสมรภูมิ

พ่อค้าทั้งหลายมองไปที่ชายลํ่าสันผู้นี้ด้วยสายตาสะพรึงกลัว ฝานอวิ๋นเสี้ยวรีบกล่าว “ใจเย็นทุกคน ไม่ต้องกลัว ข้าน่ะกลับตัวกลับใจแล้วและไม่ปล้นชิงในช่วงศึกสงคราม นายทหารและขุนนางทั้งหลายก็โปรดวางใจได้ ข้ากลับตัวเป็นคนดีแล้ว เรือนี้ก็ขึ้นทะเบียนไว้ที่เมืองหลวงนะ ไม่ใช่เรือเถื่อน!”

ขุนนางคนหนึ่งยิ้มหยัน “หรือว่าเรือนี้ของคนคุมเรือฝานจะเป็นเรือโจรสลัดกวดเมฆอันโด่งดังในหมู่โจรผู้ร้าย?”

“โปรดละเว้นเรืออันตํ่าต้อยของข้าเถอะ เรือโจรสลัดกวดเมฆอะไรกัน ข้าเปลี่ยนชื่อเป็นเรือโดยสารกวดเมฆแล้ว เมื่อโลกนี้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ข้าถึงจะกลับไปทํางานเก่า”

ฝานอวิ๋นเสี้ยวเดินตรงไปยังพ่อค้าที่ถูกแมลงกัดกินจนเหลือแต่ผิวหนังแล้วนิ่วหน้า “เจ้าขึ้นเรือของข้า และข้าควรจะปกป้องเจ้าด้วยกําลังทั้งหมดที่มี แต่เจ้าก็ยังเจอเรื่องร้าย ข้ารับค่าโดยสารเจ้าไว้ไม่ได้หรอก”

เขากล่าวเสร็จก็ล้วงถุงเหรียญออกมาหนึ่งถุง แล้วยื่นส่งให้กับผู้ที่มาด้วยกับพ่อค้าที่เสียชีวิตนั้น

ทุกคนบนเรือต่างตัวสั่นเทาด้วยความกลัว และรู้สึกราวกับว่าหนีเสือปะจระเข้ ฝานอวิ๋นเสี้ยวผู้นี้ก่อกวนเรือพ่อค้ามานานนับปี ปล้นชิงผู้คนไปทั่วทุกที่ ในตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในเรือของเขา ทุกๆ อนาคตทุกอย่างดูจะมืดมัว

“ข้ากลับตัวแล้ว!” ฝานอวิ๋นเสี้ยวโค้งประสานมือคารวะไปข้างหน้า “ข้ากลับตัวแล้วจริงๆ! ไม่ต้องกังวล ข้าจะส่งพวกเจ้าไปถึงเมืองหลวงแน่นอน”

ทุกๆ คนยังคงมีสีหน้าหวาดผวา

ฝานอวิ๋นเสี้ยวจนปัญญาและมองไปยังฉินมู่พลางแย้มยิ้ม “น้องชายผู้นี้เพลงกระบี่ไม่เลวเลย เจ้ามาจากตระกูลอวี้เหยียนรึ”

ฉินมู่ส่ายหน้าแล้วกล่าว “ข้าชื่อฉินมู่มาจากมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ ศิษย์พี่ฝานมีความรู้อันลึกลํ้า ข้านับถือท่านเป็นอย่างยิ่ง”

ฝานอวิ๋นเสี้ยวตาเป็นประกายและแย้มยิ้ม “นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้คนเอ่ยชมความรู้ของข้า สายตาของเจ้าก็ไม่เลวเลย พวกผู้คนที่เอาแต่ฝึกวรยุทธ์แต่ไม่แสวงหาความรู้นั้นน่าขําจริงๆ สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ การฝึกปรือวรยุทธ์ก็คือการแสวงหาความรู้ สุดยอดวิชาของสํานักเต๋า ล้วนกลั่นออกมาจากการเรียนรู้ โดยปราศจากความรู้แล้ว เจ้าเรียนวิชาขี้ก็ยังไม่ได้เลย”

ฉินมู่เองก็มีแนวคิดแบบเดียวกัน หากว่าใครหมายจะเรียนทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกล เขาก็ต้องมีรากฐานความรู้ขั้นสูงมารองรับ กระบี่เต๋าแห่งสํานักเต๋าก็ต้องการความรู้วิชาการขั้นสูง และมุทราที่ฝานอวิ๋นเสี้ยวช่วงใช้เมื่อครู่ก็อัดแน่นไปด้วยการแปรเปลี่ยนของอักษรรูน ซึ่งมิอาจขับเคลื่อนออกมาได้หาก ปราศจากความรู้วิชาการอันลึกซึ้ง

“หากว่าเจ้าไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ และไปเข้าสํานักเต๋าแทน ตาแก่เจ้าสํานักเต๋านั่นจะต้องชอบเจ้ามากแน่ๆ”

ฝานอวิ๋นเสี้ยวหวนระลึกอดีตด้วยจิตใจมัวซัว “ข้าไม่รู้ด้วยซํ้าว่าตาแก่นั่นใช้ตาข้างไหนดูถึงหาว่าข้ามีจิตเจตนาไม่ดี ข้าออกจะเรียบร้อยตอนที่อยู่สํานักเต๋า”

ฉินมู่กระแอมไอแล้วถาม “ศิษย์พี่ฝานมาเป็นโจรหลังจากที่ถูกขับออกจากสํานักอย่างนั้นหรือ”

ฝานอวิ๋นเสี้ยวปรบมืออย่างชอบใจแล้วอุทาน “ที่แท้ตาแก่ก็ทรงปัญญา! เขาคงเล็งเห็นว่าข้าจะกลายเป็นโจรในอนาคต ดังนั้นจึงขับไล่ข้าออกจากสํานักเพื่อให้ข้ามาเป็นโจร! แต่ว่าตอนที่อยู่ในสํานักเต๋า ข้าไม่เคยทําอะไรนอกรีตนอกรอยเลย แล้วเขาเห็นได้อย่างไร…”

ฉินมู่อึ้งกิมกี่ และทันใดเขาก็นึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ฝาน ท่านเก่งพีชคณิตไหม”

ฝานอวิ๋นเสี้ยวคอตกแล้วกล่าว “แต่เดิมนั้นข้าก็เก่งอยู่หรอก แต่หลังจากเป็นโจรมาหลายปี ความรู้ทั้งหมดข้าก็คือให้เจ้าสํานักเต๋าหมดแล้ว ตําราคํานวณสตรีปริศนา และตําราคํานวณบรมปริศนาในสํานักเต๋าล้วนแต่ลึกซึ้งยากรํ่าเรียน หากว่าใครสามารถเรียนรู้มันทั้งหมดได้ เขาผู้นั้นก็จะเรียน 14 นิพนธ์สํานักเต๋าได้

เช่นกันแต่เดิมนั้นข้าเคยฝึกปรือ…”

ทันใดนั้นก็มีหัวโผล่ขึ้นมาจากใต้ท้องเรือแล้วตะโกน “หัวหน้าโจร หม้อหลอมของเราเหมือนจะมีปัญหา หญิงนั่นจากปราสาท 3 มหัศจรรย์ยัดแมลงสี่ห้าตัวเข้าไปในหม้อหลอมยาของพวกเราทีเผลอ และพวกมันก็เคี้ยวกัดหม้อหลอมยา!”

“ข้าบอกเจ้ากี่หนแล้วว่าอย่าเรียกข้าว่าหัวหน้าโจร ตอนนี้ข้ากลับตัวเป็นคนดีแล้วเฟ้ย!”

ฝานอวิ๋นเสี้ยวเกาหัวแกรกๆ แล้วมองไปรอบๆ “ทุกๆ คนในที่นี้ มีใครรู้วิธีการหลอมสร้างเครื่องมือและซ่อมแซมหม้อหลอมยาบ้าง”

ในตอนนั้นเองก็มีเสียงตูมดังทึบๆ ออกมาจากใต้ท้องเรือ นักปรุงยาหลายคนปีนออกมาจากใต้ท้องเรือแล้วกล่าวด้วยสีหน้ามืดคลํ้า “หม้อหลอมยาระเบิดแล้ว!”

สีหน้าของฝานอวิ๋นเสี้ยวแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง และก่นด่า “นังหญิงบัดซบ ลอบกัดข้าขนาดนี้เชียว รีบสละเรือกัน ทุกคนกระโดดลงไปพร้อมกัน!”

ฉินมู่ก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าว “ข้ารู้วิธีหลอมสร้างเครื่องมือ ทั้งยังรู้เต๋าแห่งการปรุงยา ให้ข้าลองดูก่อนละกัน”

ฝานอวิ๋นเสี้ยวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และรีบตามเขาไปในใต้ท้องเรือ ที่ใต้ท้องเรือนั้นมีไฟลุกไปทั่ว และโจรร้ายหน้าตาเหี้ยมเกรียมจํานวนมากก็กําลังเร่งดับไฟกันอยู่ บรรเทาความเสียหายจากเพลิงไหม้ แต่ทว่าโดยปราศจากหม้อหลอมยาที่แจกจ่ายพลังยาให้แก่ระบบขับเคลื่อนเรือ เรือก็แล่นช้าลงไปและอาจจะตกลงจากท้องฟ้าได้ทุกเมื่อ

ฉินมู่ก้าวไปข้างหน้าและมองดูหม้อยาที่แตกทําลาย หม้อยาหม้อนี้เป็นหม้อมาตรฐานพิเศษอันแตกต่างจากหม้อหลอมยาที่นักปรุงยาใช้กัน อู่เรือในจักรวรรดิสันตินิรันดร์ใช้แรงงานจํานวนมาก ทํางานทั้งวันทั้งคืนเพื่อเร่งหลอมสร้างหม้อหลอมยาชนิดนี้อันสามารถใช้บนเรือเหาะให้พลังขับเคลื่อนระบบได้

หม้อหลอมยานี้ใช้เชื้อเพลิงเป็นหินวิญญาณและสมุนไพร 10 กว่าชนิด เปลี่ยนฤทธิ์พลังยาในหินวิญญาณและสมุนไพรเหล่านั้นไปเป็นพลังอันพวยพุ่งไปสู่รูปปั้นสัตว์ทองแดงที่ท้ายเรือ พลังงานเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนเป็นเพลิงไฟพวยพุ่งออกจากปากของสัตว์ทองแดงและยกเรือนี้ให้ลอยขึ้นไป

โครงสร้างของหม้อหลอมยานั้นซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นสมบัติพิเศษเฉพาะที่ช่างตีเหล็กผู้ชํานาญแห่งมหาวิทยาลัยจักรวรรดิออกแบบขึ้นมา นอกจากมันจะหลอมยาได้แล้ว มันยังมีระบบย่อยพลังงานในหม้ออันคล้ายคลึงกับระบบย่อยพลังงานในร่างกายของมนุษย์ที่เปลี่ยนฤทธิ์พลังยาให้เป็นพลังงานอื่น

เมื่อหม้อหลอมยาชนิดนี้ชํารุดเสียหาย ตามปกติแล้วพวกเขาก็ต้องไปหาช่างตีเหล็กที่อู่เรือแห่งจักรวรรดิสันตินิรันดร์เพื่อให้เขาซ่อมให้ หรือมิเช่นนั้นก็ต้องเปลี่ยนหม้อใหม่

“ยังซ่อมได้ไหม” ฝานอวิ๋นเสี้ยวถามอย่างกระวนกระวาย ฉินมู่ตรวจตราดูโครงสร้างของหม้อหลอมยาและพอจะเข้าใจมันอย่างคร่าวๆ “ข้าเคยเรียนวิชาตีเหล็กมาก่อนและสามารถหลอมสร้างหม้อใบใหม่ขึ้นมาในชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป แต่เรือนี่จะลอยอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”

“หากว่าพวกเราใช้พลังวัตรโอบอุ้มมันไว้ เราก็จะสามารถอุ้มอันไว้บนอากาศได้เป็นเวลาหนึ่งก้านธูปเหมือนกัน”

ฉินมู่เริ่มลงมือหลอมสร้างหม้อยาใบใหม่ ด้วยปราณชีวิตหงส์แดงในมือข้างหนึ่ง และปราณชีวิตเต๋าดําในมืออีกข้างหนึ่ง เขากวาดรวมเอาเศษซากของหม้อหลอมยาทั้งหมดมาหลอมละลายให้เป็นโลหะเหลว ด้วยปราณชีวิตเต่าดําในอีกมือ เขาทําให้เหล็กเย็นตัวอย่างรวดเร็วและขึ้นรูปส่วนประกอบต่างๆ ของหม้อหลอมยาอย่างเร่งด่วน

ทุกๆ คนชมดูจนละลานตา และทันใดนั้นเรือก็เอียงวูบและเริ่มร่วงตกลงไป ฝานอวิ๋นเสี้ยวไม่อาจมัวแต่ยืนชมดูฝีมือหลอมสร้างอันเพริศแพร้วพิสดารของฉินมู่ได้ ต้องรีบออกจากใต้ท้องเรือและกระตุ้นขวดนํ้าเต้าไฟของเขา เปลี่ยนมันให้กลายเป็นหงส์เพลิง 9 เศียรที่บินเข้าไปช้อนแบกเรือเหาะนี้ไว้

แม้ว่าเขาจะเป็นยอดฝีมือขั้นเจ็ดดาว และมีพลังวัตรอันเข้มข้นแต่ก็ยากขึ้นทุกทีที่เขาจะแบกเรือให้บินต่อไปข้างหน้า

เมื่อเวลาผ่านไป สีหน้าของฝานอวิ๋นเสี้ยวก็แดงกํ่าจากแรงกดดันที่เขาแบกรับเอาไว้ เขาดูเหมือนว่าจะหมดแรงไปได้ทุกขณะ และทําให้ทุกคนบนเรือลุ้นด้วยความหวาดผวา หากว่าฝานอวิ๋นเสี้ยวทนไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง เรือนี้ก็คงร่วงจากฟ้าอันสูงกว่าพื้นหลายพันวา ทําให้พวกเขาแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ฝานอวิ๋นเสี้ยวมาถึงขีดจํากัด และไม่อาจทนทานได้อีกต่อไป แต่ทันใดนั้นสัตว์ทองแดงที่ท้ายเรือก็พลันพ่นไฟออกมาจากปากของมันและเพลิงไฟพวยพุ่งรุนแรงอย่างทวีคูณ เรือพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และความเร็วของมันที่เหาะเหินไปข้างหน้าก็ทวีสูงขึ้น

ฝานอวิ๋นเสี้ยวระบายลมหายใจโล่งอกและเรียกหงส์เพลิง 9 เศียรของเขากลับมา แต่ทว่าเขาพบว่าความเร็วของเรือยิ่งเร็วขึ้นและเร็วขึ้น จนทิวทัศน์รอบข้างเบลอจนมองไม่ทัน ความเร็วของเรือนี้เร็วขึ้นอย่างน้อยก็สามสี่เท่าจากของเดิม!

ขณะที่เขากําลังฉงนใจอยู่นั่นเอง ก็เห็นฉินมู่เดินขึ้นมาจากใต้ท้องเรือ เขาจึงถามทันที “พี่ฉิน เจ้าหลอมหม้อแบบไหนขึ้นมากันเนี่ย”

ฉินมู่กล่าว “ข้าไม่เคยเห็นแบบแปลนของหม้อหลอมยาชนิดนี้ ข้าจึงได้แต่หลอมสร้างมันขึ้นมาตามความเข้าใจ มันอาจจะมีความแตกต่างอยู่บ้างจากโครงสร้างหม้อหลอมยาใบเดิม ข้าเรียนวิชาตีเหล็กมาแค่ไม่กี่ปี…”

ไม่ทันที่ฝานอวิ๋นเสี้ยวจะได้พูดอะไรต่อ เสียงตูมดังสนั่นก็ดังมาอีกรอบ และเรือก็พลันทะลวงอากาศไปด้วยความเร็วเหนือเสียง!

“พี่ฉินมู่ เจ้าเรียนวิชาตีเหล็กมาจากใคร” ฝานอวิ๋นเสี้ยวทั้งประหลาดใจและดีใจ “นับแต่วันนี้ไป ใครมัน

จะไล่จับข้าทันถ้าข้าไปออกปล้นชิง”

ฉินมู่พลันตระหนักขึ้นมาว่าทําไมเจ้าสํานักเต๋าจึงกล่าวว่าเขามีจิตเจตนาไม่ดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version