ตอนที่ 179 วิชาฟื้นฟูยาเซียนคืนวิญญาณ
กิเลนมังกรมุดเข้าไปในทะเลสาบจนคลื่นกระเพื่อมเป็นระลอก ที่ฝั่งทะเลสาบนักพรตเต๋าผู้นั้นรีบรุดเข้ามาพร้อมกับเงื้อแส้หางม้าในมือ เขย่ามันไปทางทะเลสาบ เส้นแส้จํานวนมากพลันแผ่สยายออกไปเหมือนกับแหยักษ์ หมายจะหว่านแหจับกิเลนมังกรในทะเลสาบ
ครืน ครืน
ผิวทะเลสาบพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและนักพรตผู้นั้นก็ครางหนักๆ เส้นแส้ทั้งหมดขาดกระจุยเหลือแต่ด้ามแส้ในมือของเขา ทําให้เขารู้ทันทีว่าตนมิใช่คู่มือของกิเลนมังกรตัวนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบหันหลังวิ่งหน้าตั้งพลางร้องตะโกนไปด้วย “เจ้าพวกปีศาจ พวกเจ้าบังอาจลงไปอาบนํ้าในทะเลสาบมังกรหยกของราชวงศ์จักรพรรดิ ทั้งยังกล้าต่อยตีข้า คอยดูเถอะหัวพวกเจ้าหลุดจากบ่าแน่!”
ไม่นานนัก บรรดาบัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยจักรวรรดิก็เดินออกมาจากโถงหยางพิสุทธิ์มุ่งตรงไปยังบัณฑิตนิเวศน์ วันนี้เป็นการสอนบรรยายของนักพรตหลิงอวิ๋นและวิชาที่โถงหยางพิสุทธิ์สอนสั่งคือเต๋าแห่งการฝึกปรือปราณ นักพรตหลิงอวิ๋นนั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีพลังวัตรอันลึกลํ้า สามารถฝึกปรือบ่มเพาะปราณของตนจนเป็นธาตุหยางพิสุทธิ์
ไม่ทันที่บรรดาบัณฑิตเหล่านั้นจะกลับไปถึงบัณฑิตนิเวศน์ พวกเขาก็ยืนทื่อและเหลียวหลังไปมองด้วยความตื่นตระหนก นิ่งอ้าปากค้างอยู่อย่างงั้น
พวกเขาเห็นก็แต่ปลาสีแดงตัวมโหฬารลอยมาในอากาศ ทั่วตัวของมันเต็มไปด้วยเกล็ดสีแดงและบนหัวมันก็มีเขามังกร นี่เพราะว่าเมื่อมันซึมซับปราณเก้ามังกรมาหลายต่อหลายปี ปลาก็เปลี่ยนเป็นมังกร มันดูเหมือนครึ่งปลาครึ่งมังกรอันมีฟันคมกริบราวมีดโกนอยู่เต็มปาก ดูดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง
แต่ว่าในขณะนี้ปลายักษ์เหล่านั้นถูกตรึงมัดไว้ด้วยปราณชีวิตไม่กี่เส้นและไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย มีลมปีศาจพยุงปลาตัวนี้เหินหาวไปทางบัณฑิตนิเวศน์ ทําให้บัณฑิตทุกคนอึ้งจนพูดไม่ออก
ข้างหลังปลายักษ์นี้ยังมีกิเลนมังกรที่ตัวมหึมากว่าวิ่งโลดตามมา พลางบิดตัวสลัดนํ้าที่บนร่างของมันออกเป็นครั้งคราว และยังมีจิ้งจอกขนขาวยืนอยู่บนศีรษะของกิเลนมังกร ซึ่งกําลังบังคับยกลมปีศาจพยุงปลานั้นไป
กิเลนมังกรตัวนั้นวิ่งรี่เข้าไปในบัณฑิตนิเวศน์และโยนปลายักษ์ลงกลางลานบ้านของดุษฎีบัณฑิตฉินเสียงดังตึ้ม จากนั้นจิ้งจอกน้อยก็วิ่งตะกายเข้าไปในลานบ้านแล้วปิดประตูตามหลัง
บัณฑิตผู้หนึ่งพึมพํา “ปลาตัวนั้น ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในราชาปลาในทะเลสาบมังกรหยก มันเรียกว่าปลาคาร์ปมังกรแดง และเป็นอาหารทรงเลี้ยงที่จักรพรรดิใช้กํานัลแก่ขุนนางบุ๋นและบู๊ในงานฉลองปีใหม่…”
บัณฑิตอีกคนข้างๆ เองก็มองตามด้วยสายตาลอยเลื่อนพลางพึมพํา “เมื่อปีที่แล้ว บิดาเฒ่าของข้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณขององค์จักรพรรดิและมีโอกาสลิ้มชิมซุปปลาในงานเลี้ยงมังกรจักรวรรดิ พอเขากลับมาเขาก็เอ่ยชมด้วยความทึ่งอย่างไม่หยุดปาก แต่ถึงตอนนี้เขาก็ยังหวนระลึกและบอกข้าอยู่เรื่อยๆ ว่านี่คือยอดอาหารโอชารสของโลกหล้า…แต่ว่าปลาคาร์ปมังกรแดงปกติแล้วตัวยาวแค่คืบหนึ่ง แต่ปลาตัวนี้…”
ไม่ทันที่บัณฑิตทั้งหลายจะหายตะลึงงัน พวกเขาก็เห็นประตูเรือนของฉินมู่เปิดออกมาอีกที และจิ้งจอกน้อยก็กระโดดโหยงเหยงออกมา เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบๆ มองหาอะไรสักอย่าง และในที่สุดก็วิ่งจู๊ดๆ ไปที่ต้นหม่อนต้นหนึ่ง จากนั้นนางก็ควบคุมลมปีศาจให้แปรเปลี่ยนเป็นมีดโค้งตัดฟันต้นหม่อนนั้นให้กลายเป็นท่อนฟืน ก่อนที่จะนําฟืนเหล่านั้นกลับเข้าไปในลานบ้านชานเรือน
จิ้งจอกน้อยวิ่งเข้าๆ ออกๆ สามสี่รอบและลากแม้กระทั่งลําต้นไม้หายเข้าไปในลานบ้าน ควันขโมงพลันลอยพุ่งออกมาจากลานบ้านของฉินมู่ เห็นได้ชัดว่าจิ้งจอกน้อยและกิเลนมังกรกําลังจุดไฟเพื่อตระเตรียมย่างปลา
บัณฑิตทั้งหลายหันไปมองหน้ากันและฉูถิงก็พึมพํา “นั่นคือต้นปณิธานทะยานที่ปลูกโดยหลวงจีนชิงซาน ครูผู้สอนแห่งโถงหยางเขียวคราม นี่เป็นต้นไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อกระตุ้นให้บัณฑิตมีปณิธานมุ่งมั่นในการแสวงหาความรู้…”
ไม่นานนัก กลิ่นหอมยั่วนํ้าลายก็แพร่กระจายออกมาทั่วบัณฑิตนิเวศน์
บัณฑิตทั้งหลายพลันนํ้าลายหยดติ๋งๆ จิ้งจอกและกิเลนมังกรที่ผู้คนที่ถูกละทิ้งผู้นั้นพามาด้วยฆ่าราชาปลาในทะเลสาบนํ้าดื่มของราชวงศ์จักรวรรดิ ทั้งยังตัดฟันต้นปณิธานทะยานที่หลวงจีนชิงซานปลูกไว้เพียงเพื่อเอาไปจุดไฟย่างปลาเนี่ยนะ
พฤติการณ์บ้าบิ่นเหิมเกริมขนาดนี้ หรือพวกเขาคิดจะก่อกบฏ?
“คุณชาย รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง” บทสนทนาของเด็กหนุ่มและจิ้งจอกลอยมาจากในลานบ้านฉินมู่ และพวกเขาได้ยินฉินมู่กล่าว “ก็พอใช้ได้ เพียงแต่มันยังไม่ได้เคล้าเกลือ ดังนั้นรสชาติจึงยังไม่ซึมซาบดีนัก ทางที่ดีนั้นต้องเอาปลาเคล้าเกลือทิ้งไว้หนึ่งวัน เนื้อมันก็จะเด้งฉํ่าหอมหวาน ละลายในปากเมื่อเจ้ากินมันเข้าไป ปลาตัวนี้ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว เจ้าได้มันมาจากที่ไหนล่ะเนี่ย”
“จากทะเลสาบ”
“ที่แท้ก็มาจากที่นั่น ครั้งหนึ่งข้าเคยตกปลากับอธิการบดีริมทะเลสาบและเห็นปลายักษ์สีแดง แต่สุดท้ายพวกเราก็จับได้แต่เพียงปลาคาร์ปมังกรธรรมดาเก้าตัวซึ่งตัวไม่ใหญ่เท่าไร แต่ทว่ารสชาติของมันนั้นเลิศลํ้าเอร็ดอร่อย ส่วนที่เจ้าใช้ฟืนไม้หม่อนมาย่างปลานั้นทําได้ดีมากเพราะมันจะเสริมกลิ่นหวานอมเปรี้ยวของไม้หม่อนเข้าไปในเนื้อปลา”
บัณฑิตทุกคนในบัณฑิตนิเวศน์มีสีหน้าลิงโลดดีใจ ฉูถิงหัวเราะคิกคัก “ดุษฎีบัณฑิตฉิน ซี้แหงแก๋!”
ในลานบ้าน ฉินมู่หมุนไม้ย่างอันหนาใหญ่เพื่อพลิกปลาคาร์ปมังกรแดงให้โดนไฟอย่างทั่วถึง และข้างล่างปลาคือเปลวไฟโหมกระพืออันเป็นเพลิงไม้หม่อนที่กิเลนมังกรคอยควบคุมไฟไว้อยู่ เพื่อให้กําลังไฟพอที่จะทําให้ปลานี้กรอบนอกนุ่มใน
กิเลนมังกรควบคุมเพลิงส่งความร้อนแทรกซึ่งเข้าไปในเนื้อและกระดูกของปลายักษ์ ไม้หม่อนแตกเปรี๊ยะปร๊ะมีไอนํ้าระเหยสร้างกลิ่นควันไม้มารมปลา ฮู่หลิงเอ๋อจึงควบคุมลมเพื่อให้กลิ่นควันไม้หม่อนนี้ซึมเข้าไปในเนื้อปลา
จากนั้นพวกเขาก็ยัดใบหม่อน หอมใหญ่ และขิงเข้าไปในท้องปลา และในท้องปลานี้ก็เยิ้มฉํ่าด้วยไขมันปลาอันส่งเสียงฉี่ๆ เมื่อมันหยดเข้าไปในกองไฟ ไขมันปลาก็ให้กลิ่นควันหอมหวนเมื่อถูกเผา
ไหม้ ยิ่งเพิ่มความหิวอยากของพวกเขาไปอีกหลายระดับ
เมื่อปลาทั้งตัวสุกถ้วนทั่ว ฮู่หลิงเอ๋อเร่งรีบควบคุมมีดลมของนางเฉือนตัดเนื้อออกจากพุงปลา เนื้อตรงนั้นนุ่มลิ้นชุ่มฉํ่าที่สุด
งานมีดของนางยอดเยี่ยมยิ่ง และแต่ละริ้วเนื้อปลาที่หั่นออกมาก็แม่นยําสุดๆ ในเวลาเดียวกันนางควบคุมจานมารองรับริ้วปลาที่แล่ฝานเหล่านั้นลงมาจัดเรียงในจานแต่ละริ้วเนื้อที่เฉือนออกมา บางใสราวกับแก้วผลึก และก็คล้ายกับหยกขาวมันแพะ
ฉินมู่กลบกองไฟให้มันบรรเทาความร้อนลง หนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอกและหนึ่งกิเลนมังกร ก็นั่งลงข้างๆ กองไฟและเริ่มเปิบปลาย่างนั้น
ฉินมู่พลันฉุกใจขึ้นมาและนึกขึ้นได้ว่าในคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตมีวิชาที่เรียกว่าวิชาฟื้นฟูยาเซียนคืนวิญญาณ เขารีบโคจรปราณชีวิตของตนตามวิชานี้เพื่อเร่งการย่อยอาหารในท้อง ไม่นานนักท้องเขาก็โล่งว่าง และปากของเขาก็เคี้ยวกินปลาย่างต่ออย่างไม่หยุดยั้ง
ชื่อของวิชานี้แปลกพิลึก และตัววิชาเองก็ยิ่งพิลึกพิลั่น วิธีการฝึกปรือหลักของวิชาฟื้นฟูยาเซียนคืนวิญญาณนั่นก็คือการกิน
วิชาฝึกปรือนี้สามารถแปลงรูปอาหารใดๆ ก็ตามที่ร่วงไปถึงท้องให้กลายเป็นพลังงานหรือแม้กระทั่งปราณชีวิตป้อนเข้าไปในร่าง นี่ช่วยเสริมสร้างพลังกายและเพิ่มพูนพลังวัตร ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าวิชาฟื้นฟูยาเซียนคืนวิญญาณ
บัดนี้ร่างของฉินมู่ผอมหนังหุ้มกระดูกเขาต้องฟื้นฟูพลังงานที่เขารีดเร้นจากร่างกายเสียจนเหือดแห้งขึ้นมาใหม่ และในเมื่อมีปลาย่างตัวใหญ่มหึมาอย่างไม่น่าเชื่ออยู่ตรงหน้าเขา เขาก็สามารถใช้วิชาฝึกปรือนี้เพื่อฟื้นฟูเสริมสร้างร่างกายของตน
ถึงอย่างไรปลานี้ก็เป็นพันธุ์พิสดารเอกเทศ มันอยู่ในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิมาตั้งหลายปี จึงได้ซึมซับปราณเก้ามังกร ดังนั้นประการแรกจึงทําให้มันรสชาติโอชา และประการที่ 2 เนื้อของมันก็อุดมไปด้วยพลังงานสารอาหาร ร่างกายของฉินมู่ที่ระโหยโรยแรงเมื่อช่วงใช้วิชานี้ อาหารในท้องเขาก็ถูกย่อยเป็นสารอาหารโดยพลันและถูกดูดซึมเข้าไปทั่วสรรพางค์กายของเขา
กล้ามเนื้ออันลีบแฟบของเขาก็ค่อยๆ พองฟูกลับขึ้นมาและแม้ว่ามันจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่จากการคะเนคํานวณของฉินมู่ กล้ามเนื้อเขาจะกลับมาเป็นปกติหลังจากกินปลาที่ยาว 5 วานี้จนหมด
ฮู่หลิงเอ๋อไม่อาจยัดอาหารลงท้องได้อีกต่อไป ส่วนกิเลนมังกรนั้นก็คุ้นเคยแต่กับการกินยาวิญญาณเพลิงฉาน ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยชอบเนื้อปลาเท่าไร และหยุดกินเมื่อขมํ้าไปได้ไม่กี่คํา เหลือแต่ฉินมู่ที่ยังคงนั่งสวาปามปลาตัวนี้อย่างไม่พะวงใดๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก ฮู่หลิงเอ๋อจึงลากพุงกลมๆ ของนางวิ่งไปเปิดประตู เว่ยหยงเดินเข้ามา จมูกของเขาขยับฟุดฟิดแล้วแย้มยิ้ม “ตอนนี้เวลาอาหารเที่ยงพอดี และข้าก็ได้กลิ่นหอมน่ากินมาจากเรือนของพี่ฉิน ดังนั้นข้าจึงบากหน้ามาขอแบ่งอาหาร..เอ๊ะ นี่มันสิงโตมังกรหินที่อยู่หน้าประตูภูเขา มันกลับมามีชีวิตได้หรือ จิ้งจอกน้อย เจ้ากินแค่นี้ทําไมอ้วนกลมกว่าข้าแล้วล่ะ”
ฮู๋หลิงเอ๋อแค่นเสียง เว่ยหยงพลันมองไปที่ฉินมู่ซึ่งนั่งอยู่ข้างกองไฟแล้วร้องออกมาด้วยนํ้าเสียงตื่นตระหนก “จิ้งจอกน้อย นี่เจ้าสูบพลังบุรุษจากฉินมู่ด้วยการหลับนอนกับเขาเรอะ พี่ฉิน? ทําไมพี่ผอมขนาดนี้”
ฮู่หลิงเอ๋อทั้งโกรธเคืองทั้งกระวนกระวาย “ข้ายังไม่มีโอกาสทําอย่างงั้นเลย เจ้าอย่าพูดเหลวไหลสิ!”
“ถ้าเจ้าไม่ได้ทํา แล้วใครทํา”
เว่ยหยงฉงน “ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าพี่จะต้องเจอปัญหานี้ตั้งแต่เมื่อพี่ฉินถามทางไปหอโคมเขียวครั้นย่างเท้าแรกเข้าเมืองหลวง ร่างกายของท่านไม่อาจทานทนศึกหนักได้อย่างที่ข้าคิดไว้ ข้าพูดถูกไหม”
ฉินมู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือรํ่าไห้และเชื้อเชิญเขาให้นั่งลง เว่ยหยงไม่เหนียมอายและฉีกเนื้อปลาก้อนใหญ่ เขาชิมมันดูและพบว่าเนื้อปลานั้นนุ่มลื่นอย่างยิ่งจนไหลปรื๊ดลงคอเขาในรวดเดียว แทบจะทําให้เขาเผลอกลืนลิ้นเข้าไปในท้องด้วย เขารู้สึกประหลาดใจแกมยินดีอย่างช่วยไม่ได้ พลางอุทานด้วยความชื่นชม
จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยเสียงตํ่า “ครูผู้สอนทั้งหลายไม่ค่อยพอใจในตัวพี่นัก ที่พี่ไม่เข้าฟังการสอนบรรยายของพวกเขาเลยสักครั้งในตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ พวกเขาพูดกันว่าดุษฎีบัณฑิตนั้นไร้ความคิดไร้ความสามารถ และว่าจักรพรรดิไม่น่าเลื่อนตําแหน่งให้พี่เลย จริงสิ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทําไมพี่ถึงผอมขนาดนี้”
“ข้าฝึกวิชาผิดพลาด จนแทบจะสูญเสียชีวิตน่ะ”
ฉินมู่กล่าว “โชคดีที่ข้าพบข้อผิดพลาดทันเวลา และตอนนี้ข้าก็กําลังฟื้นฟูพลังงานกลับเข้าไปใหม่”
เว่ยหยงแย้มยิ้ม “พี่เนี่ยก็ใจกล้าไม่เบา ถึงกับฝึกปรืออย่างบ้าบิ่นไม่ระวัง ตอนนี้ข้าก็เป็นบัณฑิตจักรวรรดิเช่นกันและพอมีอิทธิพลเส้นสายในจวนเจ้านครอยู่บ้าง พี่ต้องใช้ยาวิญญาณอะไรหรือเปล่า ข้าสามารถไปนํามาจากจวนเจ้านครเพื่อให้พี่ใช้ฟื้นฟูร่างกายได้นะ”
ฉินมู่ส่ายหน้าแล้วกล่าว “เมื่อข้ากินปลาตัวนี้จนหมด ร่างกายข้าก็จะฟื้นฟูมาเป็นปกติ ไม่จําเป็นต้องกินยาวิญญาณอะไรเพิ่ม”
“พี่รู้ไหม คณบดีป้าซานกับอธิการบดีกู่ต่อสู้สัประยุทธ์กันจนเลือดเข้าตาอยู่นอกเมืองหลวงนั่นขนาดจักรพรรดิก็ยังแตกตื่น”
เว่ยหยงเรอหนึ่งทีแล้วกล่าวต่อ “พ่อของข้ากับขุนนางชั้นหนึ่งคนอื่นๆ เข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง พวกเขาถึงค่อยหยุดมือ ข้าออกไปสืบข่าวและได้ยินมาว่าองค์จักรพรรดิเรียกพวกเขาทั้งคู่เข้าไปและติเตียนอย่างรุนแรง ข้าเพิ่งกลับมาจากการถามข่าว ก็เลยแวะมากินฟรีที่นี่ ก่อนที่พี่จะกลับมา คณบดีป้าซานได้มาหาข้าและบอกว่าเขาจะพาข้าออกไปแสวงประสบการณ์ ข้าคะเนว่า…”
“พี่เว่ย อย่ากินไปพูดไปสิ”
ไม่นานนักเว่ยหยงหนุ่มน้อยตัวอ้วนท้วนผู้นี้ก็ดูกลมกลิ้งยิ่งกว่าเดิม และไม่อาจยัดอาหารเข้าปากไปได้อีก แต่ทว่าเขากลับเห็นฉินมู่ยังคงกินปลาอย่างไม่หยุดปาก กินอย่างเอร็ดอร่อยและเมื่อชิ้นปลาจํานวนมากหลุดเข้าท้องเขาไป พุงเขากลับไม่พองขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว
เว่ยหยงรู้สึกทึ่ง เมื่อเขาเห็นร่างผอมซูบของฉินมู่ขยายออกมา ราวกับถูกสูบลมเข้าไป เขาลองหยิกดูเบาๆ และพบว่าที่พองขึ้นมาล้วนแต่เป็นกล้ามเนื้อในร่าง ทําให้เว่ยหยงยิ่งแตกตื่นใจ
เมื่อปลายักษ์นี้ถูกกินจนเกลี้ยง เหลือแต่ก้างปลาขนาดยักษ์ที่ยาวกว่า 5 วา ร่างกายของฉินมู่ก็ฟื้นฟูกลับเป็นปกติ แม้กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยซํ้า ทําให้เว่ยหยงรู้สึกอิจฉาสุดๆ
“แล้วพี่ซื้อปลาแสนอร่อยนี่มาจากไหน”
ปากของเว่ยหยงยังอยากลิ้มรสอีก แต่พุงเขาไม่อนุญาต ดังนั้นเขาจึงถาม “ข้าไม่เคยเห็นปลาตัวมหึมาขนาดนี้ในตลาดเมืองหลวงมาก่อน ทั้งยังไม่เคยกินปลาที่อร่อยขนาดนี้ ข้าจะต้องไปหาซื้อมาเพิ่มอีกให้ได้ และจะไม่ปล่อยให้หลุดรอดขายหมดไปก่อน!”
ฉินมู่กล่าวอย่างไม่ยี่หระ “จับมาได้จากทะเลสาบมังกรหยก”
เว่ยหยงจ้องมองเขาด้วยตาแทบถลนแล้วถามทันที “ทะเลสาบมังกรหยกไหน”
“ก็ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิเราไง”
เว่ยหยงกลืนนํ้าลายเอื๊อกแล้วถามด้วยเสียงสั่นสะท้าน “ทะเลสาบมังกรหยกที่อยู่ในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิเรา? หรือปลานี่ เป็นหนึ่งในราชาปลาในทะเลสาบมังกรหยก?”
ฉินมู่มองไปที่ฮู่หลิงเอ๋อ และฮู่หลิงเอ๋อพยักหน้า “ข้าบอกมังกรใหญ่ให้จับตัวใหญ่ๆ และตัวที่เขาจับใหญ่ที่สุดแล้ว”
สีหน้าของเว่ยหยงซีดเผือดไร้เลือด และเมื่อเขาเหลือบไปเห็นใบหม่อนที่กระจัดกระจายเต็มลานบ้าน เขาก็ถามด้วยเสียงสั่นอีกครั้ง “เมื่อข้าเข้ามาเมื่อกี้ ข้าเห็นต้นปณิธานทะยานในบัณฑิตนิเวศน์เหลือแต่ตอ หรือว่านี่จะ…”
“ต้นหม่อนนั่นเรียกว่าต้นปณิธานทะยาน?” ฮู่หลิงเอ๋อร้องด้วยความประหลาดใจ “ต้นไม้นั่นมีชื่อกับเขา
ด้วยหรือ”
เว่ยหยงซีดสนิทกว่าเดิม และเดินด้วยขาสั่นพั่บๆ พลางพึมพําอย่างเหม่อลอย “ตัดฟันต้นปณิธานทะยานใช้ฟืนของมันมาย่างราชาปลาแห่งทะเลสาบมังกรหยก ต่อให้ข้ามีหัวเพิ่มขึ้นมาอีกหลายหัว ก็คงไม่พอให้องค์จักรพรรดิตัดทิ้ง ข้าไม่เคยมาที่นี่ ข้าไม่เคยมาที่นี่…”