ตอนที่ 222 ล้อมปราบจ้าวลัทธิมารฟ้า
“หลวงจีนนี่เป็นยอดฝีมือ!”
ฉินมู่ครางหนัก และร่างของเขาสั่นสะเทือนแล้วกลายเป็นร่างเทวาจําแลงของเทพครองดาวอังคาร ผู้ซึ่งมีศีรษะวัวและยืนอยู่บนมังกร 2 ตัว วิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะโคจรตามวิชาแท้จ้าวครองแดนอังคาร ปราณชีวิตของเขาเพิ่มขึ้นทวีคูณเข้าไปต่อต้านปะทะกับแรงกดดันจากเบื้องบน
ดวงตาวัวที่ 3 บนหน้าผากของฉินมู่เปิดออกและยิงลําแสงเพลิงออกไปเบื้องบน เสียงครางหนักดังมาเมื่อดวงอาทิตย์ดวงใหญ่หลังศีรษะของพุทธรูปยักษ์ถูกลําแสงนั้นเสียดแทงและแตกสลาย พุทธรูปใหญ่นั้นหายวับกลับกลายเป็นหลวงจีนหนุ่ม
แรงกดดันบนฉินมู่คลี่คลายไปอย่างมาก และเพลิงไฟจากร่างเขาก็แผ่พุ่งไปทั่วเรือเพื่อละลายนํ้าแข็งงอกบนนั้น
ความเร็วของเรือสมบัติพลันทบทวี มันทะลวงชั้นเมฆพุ่งไปต่อข้างหน้า กลางอากาศนั้นมีหลวงจีนร่างใหญ่กํายําถือไม้เท้าพระ 9 ห่วงยืนอยู่ด้วยขาเดียว โลหิตไหลออกมาจากขาอีกข้างเมื่อเขา เหลียวมองไปรอบๆ
เมื่อครู่เขาได้ใช้วิชาร่างวชิราไร้พ่ายเพื่อต้านรับท่วงท่ากระบี่เจาะของฉินมู่ซึ่งๆ หน้า และขาที่เขาใช้ต้านท่วงท่ากระบี่เจาะนั้นก็ถูกเจาะเป็นแผล วิชาร่างวชิราไร้พ่ายไม่อาจต้านทานท่วงท่ากระบี่เจาะได้โดยสมบูรณ์
จากนั้นฉินมู่ก็ได้ใช้เทวาจําแลงเทพครองดาวอังคาร และทําลายพุทธรูปที่เขาจําแลงอยู่ด้วยวิชาวชิราไร้พ่าย บีบให้เขาต้องถอยร่น
“ทางโน้น!”
ดวงตาของหลวงจีนสูงใหญ่กํายํานี้ลุกวาบ เมื่อเขาขับเคลื่อนกําลังเพื่อวิ่งไปบนก้อนเมฆ ทุกครั้งที่เขาก้าวไปข้างหน้า ก็จะมีดอกบัวสีขาวผุดขึ้นมารองรับใต้เท้า เกิดเป็นที่หยั่งเหยียบช่วยให้เขาวิ่งไปข้างหน้าได้ด้วยกําลังแรงขึ้น
ท่ามกลางทะเลเมฆ เรือสมบัตินั้นขมุกขมัวอยู่ลิบๆ ฉินมู่มองกลับไปและเห็นหลวงจีนนั้นไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว ด้วยฝีเท้าอันไม่ชักช้าเลยแม้แต่น้อย
ผู้คนที่ซุ่มโจมตีเขาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ ไม่ต้องพูดถึงหลงเจี่ยวหนันและหญิงแซ่ชุ่ย ในเมื่อพวกเขาเป็นถึงผู้ฝึกวิชาเทวะขั้นเจ็ดดาว บัณฑิตและหลวงจีนเมื่อครู่ก็มิใช่ชนชั้นธรรมดาเช่นกัน
บัณฑิตนั้นถูกฉินมู่ทําลายไจกระบี่ของเขา ทว่าถึงแม้ไม่มีอาวุธวิญญาณติดกาย เขาก็ยังสามารถรับมือกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ได้ด้วยมือเปล่า และแม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะฉีกขาดจนหมด แต่ร่างกายเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์เป็นกระบี่ประจําตําแหน่งขุนนางชั้นหนึ่งแห่งสภาราชสํานัก แม้ว่าฉินมู่จะไม่สามารถใช้ศักยภาพของมันอย่างเต็มพิกัดได้ แต่กระบี่ก็ยังคมกล้ายากหาใดเปรียบ เมื่อบัณฑิตผู้นั้นสามารถป้องกันตนเองจากความคมระดับระดับนี้ เขาก็ต้องแข็งแกร่งมากอย่างแน่แท้
หลวงจีนสูงใหญ่กํายําเองก็แข็งแกร่งเกินจินตนาการ เห็นได้ว่าเขาฝึกฝนร่างกายของเขามาอย่างเหนียวแน่นเพียงใด ก็เมื่อเขาสามารถต้านทานท่วงท่ากระบี่เจาะของฉินมู่ได้โดยตรง และรับบาดเจ็บเพียงแค่มีบาดแผลที่เท้า
หากฉินมู่ไม่จับสังเกตได้ว่าดวงตะวันดวงใหญ่เบื้องหลังศีรษะเขาคือจุดสําคัญของวิชาร่างวชิราไร้พ่าย เรือสมบัติก็คงจะถูกแรงกดดันนั้นโถมทับจนร่วงลงสู่พื้นดิน!
แม้ว่าคนทั้งสองนี้จะมิใช่ยอดฝีมือขั้นเจ็ดดาว แต่พวกเขาก็อยู่ที่วรยุทธ์ระดับสุดยอดของขั้นหกดาวแล้ว
ขาของหลวงจีนอาจจะบาดเจ็บ แต่ความเร็วของเขาก็ยังคงว่องไว เขาดูเหมือนจะไล่ตามใกล้เรือเข้ามาเรื่อยๆ
“หลิงเอ๋อ เร่งความเร็ว!”
ฮู่หลิงเอ๋อได้ยินคําสั่งฉินมู่ และความเร็วของเรือสมบัติก็ค่อยๆ เร่งขึ้น ทิ้งระยะห่างออกไปจากหลวงจีน เมื่อหลวงจีนนั้นเห็นเรือสมบัติลอยลิ่วไปไกลขึ้นไกลขึ้นทุกที เขาก็หยุดไล่กวด และอุทานด้วยความทึ่ง “เรือนี่เร็วอะไรอย่างนี้!”
ฉินมู่เห็นสถานการณ์และใจตกวูบหลวงจีนและบัณฑิตทั้งคู่หยุดไล่เขานั้นหมายความว่าพวกเขาแน่ใจว่า ฉินมู่จะต้องไม่มีทางหลุดรอดออกไปจากวงล้อมสังหารนี้ได้
นี่บอกเขาอย่างหนึ่ง นั่นคือข้างหน้ายังมียอดฝีมือ!
เรือสมบัติแล่นไปข้างหน้าสักพักหนึ่ง ก่อนจะชะลอความเร็วลง
มีหินยาเหลือไม่มาก ดังนั้นหากว่าเร่งไฟเตาหลอมให้เต็มพิกัดต่อไป หินยาก็จะหมดเปลืองและเรือก็จะแล่นไปไม่ถึงแดนโบราณวินาศ
“ตราบเท่าที่เราบินออกไปจากพื้นที่ที่มีเมฆคลี่คลุม เราก็จะเข้าเขตแดนโบราณวินาศ เมื่อนั้น ก็จะเหลือพันกว่าลี้เท่านั้นจะถึงหมู่บ้าน”
ฉินมู่สลายเทวาจําแลงเทพครองดาวอังคาร และเดินมายังกราบเรือเพื่อมองดู เขายังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของทะเลเมฆ
ความเร็วของเรือนั้นรวดเร็วยิ่ง แต่ลมหนาวที่ซัดใส่หน้าเขาก็ยังพอทนได้ ในจังหวะนั้นเอง เขาเห็นภาพอันแปลกพิสดารเหนือทะเลเมฆขาวสะท้อนแสงจ้า ห่างจากเขาไปราว 10 ลี้ มีแสงหลากสี หมุนวนไปมาอย่างไม่สิ้นสุด ฉายรัศมีเหล่านั้นทาบทอไปทั่วทิศ
เมื่อเรือสมบัติแล่นเข้าไปใกล้ ฉินมู่จึงเห็นแหล่งที่มาของแสงนี้ ว่าเป็นเสานํ้าแข็งหลายเสา พวกมันเป็นกระบี่นํ้าแข็งขนาดมหึมา และเมื่อดวงอาทิตย์ฉายส่องลงไป แสงรุ้งพร่าพรายก็จะหักเหเป็นประกายออกมาจากในนั้น ทําให้พวกมันดูตระการตาอย่างวิเศษที่ใจกลางทะเลเมฆนั้น
กระบี่นํ้าแข็งแต่ละเล่มนั้นหนาเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาด 12 คนโอบ
หากว่าพวกมันถูกใช้ต่างกระบี่จริง ผู้ที่ใช้สอยมันได้ คงจะต้อง
เป็นยักษ์ตัวมหึมาอัศจรรย์
กระบี่นํ้าแข็งเหล่านี้ดูราวจะงอกเงยขึ้นมาจากทะเลเมฆ แต่สิ่งที่ประหลาดก็คือ มันหมุนลอยขึ้นมา หักเหแสงทุกสรรพสีจากแสงตะวัน นี่จึงเป็นสิ่งที่ชี้ชัดว่ามันมิใช่วัตถุที่ก่อขึ้นมาตามธรรมชาติ
ฉินมู่สีหน้าเปลี่ยน เขาหักพวงมาลัยเรือไปทางขวาอย่างรุนแรง เรือเหล็กลํานี้เอียงกะเท่เร่เสียจนดาดฟ้าแทบจะตั้งฉากกับพื้นเมฆ เรือนี้เลี้ยวไปด้วยโค้งสุดกู่อย่างน่าเหลือเชื่อ และแล่นวืดผ่านเหล่าเสานํ้าแข็งนั้น
“หลิงเอ๋อ เร่งไฟเตาหลอมแรงสุด!” ฉินมู่ตะโกนออกไป และเสียงฮึ่มฮั่มของฮู่หลิงเอ๋อก็ดังมาจากในท้องเรือ “คุณชาย ท่านก็จะเอาแต่ให้ข้าเร่งความแรงสูงสุด แต่ถ้าพวกเราทําแบบนี้ต่อไป เราคงกลับไปไม่ถึงแดนโบราณวินาศเป็นแน่ นี่แทบจะไม่เหลือหินยาแล้วจริงๆ นะ…”
ฉินมู่ไม่สนใจที่นางบ่นและหันไปบังคับพวงมาลัยเรือกลับมา เมื่อให้เรือกลับมาตั้งสมดุล ที่ฝั่งซ้ายของเขา กระบี่นํ้าแข็งยักษ์พลันขยับ ดูราวกับว่ามียักษ์สิบแขนดึงพวกมันขึ้นมาพร้อมๆ กันในทันที กระบี่นํ้าแข็งใหญ่ทะลวงผ่าอากาศสร้างเสียงหวีดหวือบาดหูและฟันเข้าใส่เรือนี้!
ความเร็วเรือสมบัติพลันทะยานพุ่ง และฉินมู่บังคับเรือให้หลบหลีกกระบี่นํ้าแข็งที่ฟันลงมา เขาเหลียวกลับไปมองแบบรีบๆ และ เห็นสตรีในชุดสีฟ้ายืนอยู่ท่ามกลางกระบี่นํ้าแข็งมหึมาเหล่านั้น รูปโฉมนางงามเลิศลํ้า แต่มีสีหน้าเย็นชาดุจนํ้าแข็ง นางย่างกรายมาท่ามกลางดงกระบี่
ปราณชีวิตของนางเป็นสีฟ้าดุจผืนนํ้า นางใช้ปราณชีวิตแปรเปลี่ยนเป็นแขนยักษ์สิบกว่าแขนที่กําลังใช้ท่วงท่ากระบี่แทง กระบี่นํ้าแข็งมหึมาเหล่านั้นก็จะเคลื่อนไหวตามไปด้วยท่วงท่าที่สอดคล้องกัน!
“โชคยังดีที่นางไล่ตามข้าไม่ทัน…”
ขณะที่ฉินมู่คิดเช่นนี้อยู่ ความเร็วของหญิงในชุดสีหน้าก็พลันเพิ่มทวี เมื่อนางวิ่งตะบึงมาบนผืนเมฆ
แม้เมื่อวิ่งตะบึงมาอย่างดุเดือด แขนของนางก็ขยับเขยื้อนไม่หยุดนิ่ง ฉินมู่ตกตะลึงไปชั่วอึดใจ และเสียงตูมดังสนั่นก็ดังมาจากใต้ท้องเรือ เรือสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในนภากาศขย่มเขย่าจนแทบจะทําเขาร่วงลงจากเรือ!
ฉินมู่จับหัวเรือไว้อย่างสุดชีวิต และเมื่อเรือสมบัติหยุดสั่นสะท้าน เขาก็เห็นกระบี่นํ้าแข็งก่อตัวขึ้นมารอบๆ โดยผุดโผล่ออกมาจากพื้นเมฆ เรือสมบัติเพิ่งปะทะกับหนึ่งในนั้นไปเมื่อครู่ แม้ว่ากระบี่นํ้าแข็งจะแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่เรือสมบัติเองก็ร่อแร่ไม่ต่างกัน
กําลังฝีมือของหญิงผู้นี้สูงลิบลิ่ว เหนือลํ้ายิ่งกว่าหลวงจีนเมื่อครู่ ความเร็วของนางก็ไวอย่างยิ่งยวด!
ฉินมู่ควบคุมเรือสมบัติให้คอยหลบหลีกกระบี่นํ้าแข็งที่โผล่ขึ้นมาจากทะเลเมฆ แต่มันก็ปรากฏขึ้นมาเยอะขึ้นทุกที ทําให้การพยายามหลบหลีกพวกมันทั้งหมดเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง
ฉินมู่ตะโกนด้วยความโกรธ “ราชามารตู้เถียนหายหัวไปไหน”
“เจ้าจะเรียกข้าไปทําไมล่ะ” จากในท้องเรือ ราชามารตู้เถียนเดินออกมาอย่างเกียจคร้านด้วยสีหน้า ‘แม้เจ้าจะฆ่าจะแกง ข้าก็ไม่ช่วยเจ้า’
ฉินมู่เห็นท่าทีของเขาแบบนี้ ก็ระบายโทสะใส่ “เจ้าอยากจะคุกเข่าแล้วเลียหัวแม่ตีนข้าอีกครั้งรึ หากไม่อยาก ก็รีบมาช่วยเร็วๆ!”
“เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้า?” ราชามารตู้เถียนยิ้มหยันแต่ก็ยังคงเดินเข้ามา “ถึงจะอย่างไร ข้าก็เป็นจ้าวผู้ครองโลกตู้เถียน หากว่าเจ้าอยากให้ข้าช่วย เจ้าพูดคําว่าได้โปรดจะดีกว่า”
เส้นเลือดผุดปุดๆ ขึ้นมาบนหน้าผากฉินมู่ “ได้โปรด!”
ราชามารตู้เถียนพึงพอใจและแย้มยิ้ม “ในที่สุดก็มีวันที่เจ้าก้มหัวให้ข้า…”
เขาเห็นฉินมู่ทําท่าจะอาละวาดและรีบซ่อนยิ้มทันที ภาษามารก้องสะท้อนออกมาจากปากของเขา มีจังหวะอันเร่งเร้ามากขึ้นทุกที
ราชามาร 4 เศียร 8 กรผู้นี้ยกแขนทั้งหลายของเขาชูสูงขึ้นในอากาศ และกระจกดําพลันปรากฏในท้องฟ้าเหนือเรือเหาะ
เสาแสงสีดําหนาใหญ่พลันฉายส่องออกมาจากกระจกดํา พุ่งไปทาบทอบนทะเลเมฆ มันดูเหมือนอ่างนํ้าที่มีหมึกดําสนิทเทใส่ไว้เต็มปรี่ หมอกดํากวาดกระจายไปทั่วทิศ และในชั่วพริบตา หมอกดําก็คลี่คลุมรัศมีกว่า 10 ลี้ มันครอบงําไปถึงสตรีในชุดสีฟ้าด้วย
ในหมอกควันดํานั้น หญิงสาวผู้นั้นครางหนักๆ และรู้สึกหัวใจของนางสับสน ทุกความคิดชั่วร้ายไม่บริสุทธิ์ต่างหลั่งไหลออกจากหัวใจของนาง แม้กระทั่งจิตเต๋าอันใสกระจ่างดุจแก้วผลึกก็ไม่อาจต้านทานไหวและกลายเป็นแปดเปื้อนไปด้วย
เคล็ดลับกระบี่สวรรค์พรากชิงชังของนางนั้นจะต้องแยกจากกิเลสและความเกลียดชังออกจากอารมณ์ พร้อมๆ กับที่สะกดข่มความคิดไม่บริสุทธิ์ทั้งหลายในจิตใจ เมื่อนั้นจิตเต๋าของนางจึงจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับจิตกระบี่ โปร่งใสและบริสุทธิ์ บัดนี้จิตกระบี่ของนางถูกย้อมให้เปื้อนไปด้วยหมึก และมารร้ายในจิตของนางก็กระโดดโลดเต้น เติมเต็มทั้งจิตใจนางให้เต็มไปด้วยความใคร่ความปรารถนา
“น่าเสียดาย ถ้าข้ามีเวลาพอ ข้าก็จะฝึกให้แม่ภูเขานํ้าแข็งนางนี้มาเลียหัวแม่ตีนข้าได้ภายในครึ่งวัน” ราชามารตู้เถียนทอดถอนใจ
เสียงพุทธพลันดังมาจากหมอกมารเมื่อหลวงจีนกํายําสูงใหญ่มาถึง เขาใช้ไม้เท้าพระเก้าห่วงโดยไม่พูดพรํ่าทําเพลง แสงรัศมีแผ่ออกจากไม้เท้าและสาดส่องไปทั่วทุกทิศทาง แหวกหมอกมารให้แยกออกและขับไล่พวกมันไป
เมื่อหลวงจีนขับไล่หมอกมารไปแล้ว เขาพลันพบว่ามีเรือนร่างอันร้อนฉ่าร่วงลงใส่อ้อมแขนของเขา และจิตพุทธของเขาก็แทบหวั่นไหวไร้ระเบียบ ผู้ที่ร่วงลงใส่อ้อมแขนเขามิใช่ใครอื่นนอกจากสาวงามเย็นชาดุจนํ้าแข็งแห่งวังพรากกิเลส ในเวลานี้เสื้อผ้าของนางหลุดรุ่ยออกไปครึ่งหนึ่ง และเกือบปลดเสื้อผ้าของตนออกจนเปลือยเปล่า
หลวงจีนรีบผลักนางออกไปและตะโกน “ศิษย์พี่หญิงอวี้ เจ้าตกเป็นเหยื่อเวทมนตร์ของฝ่ายมาร เจ้ายังไม่ตื่นอีกรึ”
หญิงในชุดสีฟ้า อวี้อี่ ถูกตะโกนใส่หน้าด้วยเสียงพุทธอันกัมปนาท และมารในจิตใจของนางก็ถูกเป่าจนกระจายหายไป นางพลันกลับมาได้สติ และใบหน้าของนางแดงฉานดุจลูกตําลึงสุก นางรีบสวมใส่เสื้อผ้าแล้วกล่าว “ข้าละอายยิ่งนัก ข้าตกลงไปในมนตร์สะกดแห่งฝ่ายมาร และปล่อยให้พวกมันหลบหนีไปได้”
“จ้าวลัทธิฉินมู่แห่งลัทธิมารฟ้าย่อมต้องเชี่ยวชาญในเวทมนตร์ฝ่ายมาร อันหลอกล่อหัวใจผู้คนและทําลายตบะของผู้อื่น!” หลวงจีนหนุ่มเขย่าไม้เท้าพระของเขา ห่วงทองคําแกว่งไปมา ช่วยนางข่มระงับมารจิต “แต่ด้วยหลวงจีนน้อยผู้นี้อยู่ที่นี่ ข้าไม่ปล่อยให้เขาทําอะไรเกินเลยแน่ๆ!”
อวี้อี่ส่ายหน้า “เรือของเขาเร็วเกินไป ไม่ง่ายนักที่จะไล่ตามทัน เมื่อปล่อยให้เขาหลบหนีไปแล้ว”
“ศิษย์พี่หญิงอวี้ไม่จําเป็นต้องกังวล เขาหนีไปไม่ได้หรอก” ข้างหลังพวกเขา บัณฑิตหนุ่มตามมาถึงและกล่าว “ศิษย์ของอาจารย์ยากจน สํานักเหตุผลยากจน บัณฑิตหลานอวี่ คารวะศิษย์พี่ป้านฉือ และศิษย์พี่หญิงอวี้อี่ นี่ไม่ได้มีแต่เพียงพวกเราเท่านั้นที่ไล่ล่าจ้าวลัทธิมารฟ้า แทบทุกคนที่มีจุดยืนเหมือนกับพวกเราล้วนแต่ลงมือ พวกเขาได้วางกําลังดุจตาข่ายฟ้าไร้รูลอด ดังนั้นเขาต้องไม่มีทางหนีพวกเราไปได้แน่”
หลวงจีนป้านฉือกําลังจะอ้าปากกล่าว แต่พลันเห็นฝูงแมลงที่บินกรูมาเป็นกลุ่ม ท่ามกลางแมลงเหล่านั้นคืองูมหึมาสีแดงอันควบคุมลมปีศาจและเลื้อยมา ความเร็วของมันไวอย่างยิ่ง และคงมาถึงพวกเขาในไม่กี่อึดใจ
“นั่นคือศิษย์พี่หญิงชุ่ยเยว่จากปราสาท 3 มหัศจรรย์ และ คุณชายแห่งสํานักขี่มังกรหลงเจี่ยวหนัน” บัณฑิตหลานอวี่มองดูแล้วกล่าว “หลงเจี่ยวหนันมีนิสัยใจคอประหลาดและเผ็ดร้อน เขาชอบผู้ชายและเคยไล่ตามข้าเป็นครึ่งค่อนวันเพียงเพราะเห็นว่าข้าหน้าตาดี พวกเราอย่าคอยเจอเขาดีกว่า”
ในตอนนั้นเอง แสงกระบี่นับไม่ถ้วนก็พลุ่งพล่านอยู่ในเมฆไกลๆ ดูตระการตาเป็นอย่างยิ่ง หลวงจีนป้านฉือตาลุกวาวและกล่าว “อยากรู้จริงว่ายอดฝีมือจากสํานักกระบี่คนไหนนะที่กําลังขัดขวางจ้าวลัทธิมารฟ้าอยู่ พวกเรารีบไปดู!”
ทุกคนพยักหน้ารับและมุ่งตรงไป เมื่อพวกเขาเห็นบุคคลผู้หนึ่งกระโดดไปมาระหว่างก้อนเมฆราวลิงยักษ์ที่กําลังไล่กวดเรือสมบัติ
“ยอดฝีมือจากสํานักกระบี่เจ้านครลิงยักษ์ มือกระบี่เยาว์หยวนซาน!” หลานอวี่จดจําได้ในปราดเดียวและร้องเรียกทันที “ศิษย์พี่หยวนซาน อย่างไรจ้าวลัทธิมารฟ้าก็หนีไปไม่รอดหรอก ไฉนเราไม่ล้อมปราบเขาด้วยกันล่ะ!”
หยวนซานยั้งเท้าและรอให้พวกเขาตามมาถึง “ในมือจ้าวลัทธิมารฟ้ามีกระบี่วิเศษอยู่ ไจกระบี่ของข้าจึงถูกเขาทําลายไปหมดสิ้น เรือของเขาก็แปลกพิกล มันมิได้สร้างจากไม้ แต่ต่อขึ้นมาจากเหล็ก ข้าแทงมันด้วยกระบี่นับพันแต่ก็มิอาจทําลายมันไปได้”
“มันทํามาจากเหล็กดํา” อวี้อี้กล่าว “เมื่อมันปะทะเข้ากับกระบี่นํ้าแข็งพรากชิงชัง มันไม่แตกหัก แต่เป็นกระบี่นํ้าแข็งพรากชิงชังที่แตกทําลายแทน”
“เรือหุ้มเหล็กที่ลอยบนท้องฟ้าได้?” ทุกคนหันไปมองกันและกันอย่างงงงัน เรือหนักเยี่ยงนั้นจะบิน
ขึ้นมาได้อย่างไร
หลานอวี่มองข้ามไหล่ตนและสีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยน “หลงเจี่ยวหนันมาแล้ว พวกเรารีบไปก่อนเถอะ!”