Skip to content

Tales of Herding Gods 236

ตอนที่ 236 หมู่บ้านไร้กังวล

นักพรตหลิงจิ่งสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง และเขาถอยกรูดๆ ออกไป

ราชามารตู้เถียนและกิเลนมังกรก็ถูกผลักให้ถอยไปจากรัศมีของฉินมู่ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างจากฉินมู่ถึง 1,500 วา ก็ยังไม่อาจยืนได้มั่น

ในขณะเดียวกัน ใต้เท้าทั้ง 3 ของฉินมู่ ใบหน้าของผู้พิทักษ์จันทราก็จมลงไปในเรือจันทราจากแรงกดดันจากเท้าเหล่านั้น เดิมทีนั้นเขาเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายอยู่แล้ว และเมื่อเขาถูกเหยียบ เขาก็ผสานร่างกับเรือจันทราอย่างสมบูรณ์แบบกลายเป็นส่วนหนึ่งของมันและสูญสิ้นชีวิตไป

ผู้พิทักษ์จันทราเก่าได้ตายไป

นักพรตหลิงจิ่งสั่นสะท้าน ความตายของผู้พิทักษ์จันทราคนเก่ามิได้เป็นสิ่งที่เขาพะวง ในเมื่ออีกฝ่ายเสียสติไปแล้ว แต่การเติบโตของร่างกายฉินมู่ดึงดูดความสนใจของเขาไปทั้งหมด เด็กหนุ่มผู้ถึงกับทําลายโซ่ตรวนของแดนยม

เมื่อเข้ามาในแดนยม แม้แต่ตัวตนระดับนักพรตหลิงจิ่งก็ยังถูกปอกลอกเลือดเนื้อออกไปเหลือแต่โครงกระดูกเดินได้

ตอนแรกที่ฉินมู่เข้ามาด้วยกับเขา ฉินมู่ก็เหลือแต่โครงกระดูกเหมือนกัน เช่นเดียวกับกิเลนมังกร ส่วนราชามารตู้เถียนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในเมื่อเขาไม่มีทั้งเลือดเนื้อและกระดูก

จากนั้น ไม่เพียงแต่เลือดเนื้อของฉินมู่จะคืนกลับมา ร่างกายของเขายังขยายใหญ่โตขึ้นและใหญ่โตขึ้นราวกับว่าเขาเป็นเทพสวรรค์ที่เปล่งแสงเทพเจิดจ้า เขาได้เข้าแทนที่ผู้พิทักษ์จันทราคนสุดท้ายแห่งเผ่าต้อนจันทรา และกลายเป็นผู้พิทักษ์จันทราคนใหม่

พลังอันอยู่ในมือเขาตอนนี้แข็งแกร่งจนเหลือล้น ดังนั้นมันจึงทลายข้อจํากัดของแดนยม ทําให้พวกมันไม่อาจทําอะไรเขาได้สักนิด!

นี่คือสิ่งที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้ นักพรตหลิงจิ่งได้มาเยือนเรือจันทรานี้หลายต่อหลายครั้ง และศึกษาทุกอย่างที่นี่อย่างถ้วนถี่นับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาไม่เคยผ่านการเปลี่ยนแปลงจําแลงร่างอันน่าตระหนกตกใจเช่นฉินมู่

เขาเคยคิดว่ามีแต่นักต้อนจันทราเท่านั้นที่มีความสามารถนี้ และไม่ใช่ว่าทุกคนในเผ่าพันธุ์จะทําได้ด้วยซํ้า มีเพียงแต่ผู้มีกายาอันพิเศษจําเพาะเท่านั้นที่ทําได้

ร่างมนุษย์เหมือนเตาหลอมใหญ่ นักต้อนจันทราธรรมดาย่อมไม่สามารถทานทนพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวจากเรือจันทราได้ ดังนั้นมีแต่ผู้ที่ครอบครองกายาพิเศษจําเพาะเท่านั้นที่จะรองรับพลังงาน อันไพศาลนี้ได้

นักต้อนจันทราน่าจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปแล้ว ด้วยผู้เฒ่านี้บนเรือน่าจะเป็นคนสุดท้ายของเผ่าพันธุ์ แต่กระนั้นเขาก็ได้จมหายเข้าไปในเรือจันทราและสูญสิ้นลมหายใจ

เมื่อฉินมู่สามารถควบคุมเรือจันทราและพลังงานของมัน หรือว่าเขาจะเป็นนักต้อนจันทรา และเป็นผู้ที่มีกายาอันพิเศษจําเพาะอีกด้วย?

แต่ทว่า ฉินมู่มิใช่นักต้อนจันทรา คว้าจับเสามหึมานับว่าเป็นการกระทําอันตรายสําหรับคนอื่นๆ

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักต้อนจันทรา แต่ทว่าสําหรับฉินมู่นั้นไร้อันตรายใดๆ ดูราวกับว่าร่างกายของเขาสามารถทานทนพลังงานนี้ได้โดยธรรมชาติ และรื้อสร้างร่างกายและดวงวิญญาณขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับมันโดยเฉพาะ

“พลังงานอันแข็งแกร่งอะไรปานนี้!” ฉินมู่ทั้งประหลาดใจและยินดี พลังงานในร่างเขาได้เพิ่มพูนทะลุถึงขีดขั้นอันไม่อาจคิดจินตนาการ อันให้ความรู้สึกว่าพลังของเขาก่อนหน้านี้เหมือนกับนํ้าเพียงหยดเดียวเบื้องหน้ามหาสมุทร อันไร้ความความสลักสําคัญโดยสิ้นเชิง!

ตอนนี้เขารู้สึกว่าสามารถพลิกฟ้าควํ่าดินได้ด้วยการยกมือขึ้นทีเดียว และอาจควบคุมกฎทั้งหลายในโลกหล้าได้!

วงแหวนรัศมีจันทร์ห้อมล้อมบริเวณรอบๆ ฉินมู่ วงแหวนนี้ดูราวกับไหลลงมาจากยอดกระหม่อมของเขาราวกับนํ้าไหลริน อาบไปถึงฝ่าเท้าของเขาก่อนจะหายเข้าไปในเรือจันทรา

เท้าของเขาก็เริ่มจมลงไป ผสานเข้ากับเรือ นี่คือการโต้กลับของเรือจันทรา

ฉินมู่เคยเห็นการโต้กลับเช่นนี้บนร่างกายของผู้พิทักษ์ตะวัน บนเรือตะวัน

ผู้พิทักษ์ตะวันคือนักต้อนตะวันเอี้ยนจิ่งจิ่ง ในเมื่อดวงตะวันบนเรือตะวันดับแสงไปแล้ว นางจึงต้องแบกรับการโต้กลับของเรือตะวัน ด้วยการเผาผลาญพลังชีวิตของนางเพื่อรองรับพลังงานอันเข้มข้นสุดขีดของมัน ยิ่งนางควบคุมเรือตะวันนานเท่าใด ชีวิตของนางก็จะถูกสูบออกไปเร็วขึ้นเท่านั้น

ดวงจันทร์แตกหักเหนือเรือจันทราเองก็ดับแสงไปแล้วเช่นกัน ไม่มีแสงใดส่งออกมาจากมัน การที่ฉินมู่ควบคุมเรือและหยิบยืมพลังของมัน สิ่งที่เขาต้องจ่ายก็คือพลังชีวิตของตน!

เขาจําเป็นต้องรีบไปอย่างรวดเร็ว และหยิบยืมพลังอํานาจและความเร็วของเรือจันทราเพื่อบุกเข้าไปในส่วนลึกของความมืด ค้นหาหมู่บ้านไร้กังวล ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านคนอื่นๆ มิเช่นนั้น ราคาที่เขาต้องจ่ายก็จะใหญ่เกินกว่าที่เขาจะแบกรับไหวหากว่าเขาต้องการแยกตัวออกมาจากเรือจันทรา!

“ศิษย์พี่หลิงจิ่ง ขอบคุณสําหรับความช่วยเหลือของท่าน” ฉินมู่ก้มลงมองเขาจากข้างบนและกล่าวด้วยเสียงดังกัมปนาท “แต่บัดนี้ ข้าจะต้องไปตามหาผู้ใหญ่บ้านและผู้เฒ่าคนอื่นๆ ระหว่างที่ยังมีความมืดอยู่ที่นี่ ลาก่อน!”

นักพรตหลิงจิ่งระงับความตระหนกใจและบินออกมาจากเรือจันทรา ยืนลอยอยู่กลางอากาศ

นักพรตผู้นี้เหลือเพียงโครงกระดูกและชุดนักพรตขาดวิ่น เขาเงยหน้าขึ้นและกล่าว “จ้าวลัทธิ เชิญ!”

ตู้ม!

เรือจันทราใหญ่ยักษ์ก้าวออกไป ข้างใต้เรือเป็นคางคก 3 ขา ที่ก่อรูปขึ้นมาจากภูเขา ด้วยการย่างก้าวหนึ่งทีก็สามารถไปไกลได้ถึง 10 ลี้

ด้วยก้าวไม่กี่ก้าว เรือจันทราก็เดินออกไปจากประตูเฝิงตู่ ด้วยโซ่อันลากดวงจันทร์แตกหักที่ลอยนิ่งอยู่ในอากาศออกไปจากแดนยม

ในเวลาเดียวกัน ยอดฝีมือทั้งหลายในเฝิงตู่ต่างก็เหาะออกมาดูร่องรอยที่เรือจันทราทิ้งไว้ไกลลิบ

ยอดยุทธ์เหล่านั้นมิได้ไล่ตามไป เมื่อเรือจันทราเข้ามาในเฝิงตู่ในกาลครั้งนั้น ท้าวยมราชแห่งเฝิงตู่ก็ไม่ต้อนรับผู้พิทักษ์จันทรา เขาเพียงแต่อนุญาตให้เรือจันทราจอดอยู่บนที่รกร้างนอกเมืองเท่านั้น

บัดนี้เมื่อเรือจันทราจากไป ท้าวยมราชก็ไม่ใส่ใจแม้แต่นิด สิ่งกลายพันธุ์หัวนกร่างมนุษย์มาบินกระพือปีกใกล้ๆ และเรียกนักพรตหลิงจิ่ง

“นักพรตหลิงจิ่ง ท้าวยมราชเรียกเจ้าไปพบ”

นักพรตหลิงจิ่งรีบตามเขาเข้าไปในเฝิงตู่และเข้าไปในท้องพระโรงของท้าวยมราช

ในตอนนั้น รัศมีแสงอันยาวกว่าหมื่นลี้ฉายส่องออกมาจากร่างกายฉินมู่ อันทําให้เขาดูเหมือนเทพสวรรค์อันถูกสลักเสลาขึ้นมาจากดวงจันทร์อันเรืองรอง เขาควบคุมเรือมหึมานี้เดินออกจากแดนยม ข้ามทะเลหมอกและเข้าไปในแดนโบราณวินาศอันถูกคลี่คลุมไปด้วยมวลมืด เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอํานาจอันไร้ขอบเขตในร่างกายของเขา และสมบัติเทวะทุกชิ้นในร่างของเขาก็ถูกเปิดออก ไม่ว่าจะเป็นทารกวิญญาณ ห้าธาตุ หกทิศ เจ็ดดาว ชาวสวรรค์ เป็นตาย และสะพานเทวะ พวกมันล้วนแต่เปี่ยมปริ่มไปด้วยพลังงานอันน่าตระหนก และยังคงมีพลังงานไหลเทเข้ามาอีก

ข้างในเนื้อเรือจันทรานั้นคือพยุหะอันสลับซับซ้อนมิอาจหาใดเปรียบ และเมื่อฝ่ามือเขาสัมผัสเข้ากับเสามหึมาแท่งหนึ่ง พยุหะก็ถูกกระตุ้นให้ทํางาน พลังงานอันไร้ประมาณถ่ายเทเข้าไปในตัวเขา เพื่อรื้อสร้างร่างกาย ดวงวิญญาณ ทารกวิญญาณ และทําให้ขั้นวรยุทธ์ของเขาเหนือลํ้าไปกว่าขั้นสะพานเทวะ ไปถึงเขตแดนอันมิอาจจินตนาการได้

ขีดขั้นแห่งเทพสวรรค์ ยากที่จะจินตนาการได้ว่าขั้นวรยุทธ์ใดที่พลังงานนี้จะพาเขาไปถึงหากว่านี่เป็นเรือที่ยังดีๆ ไม่หักพัง!

“หมู่บ้านไร้กังวล ผู้ใหญ่บ้าน ข้ามาแล้ว!”

เมื่อเรือจันทราใหญ่มหึมาเคลื่อนที่ตรงไปทะลุความมืด ทิวทัศน์รอบข้างเขาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับสะเก็ดแสงและเปลวเงาอันพริบพราย จี้หยกที่คอฉินมู่เองก็กลายเป็นใหญ่มหึมา และลอยขึ้นมาท่ามกลางฟ้าราตรี เพื่อชี้ทางไปยังสถานที่อันไกลลิบในความมืด

ทันใดนั้น จี้หยกก็หลุดจากคอของเขา และบินฉิวไปยังที่ไกลๆ

ฉินมู่ควบคุมเรือจันทราให้เร่งความเร็วขึ้นและไม่คลาดไปจากจี้หยกที่บินกรีดฟ้าฝ่าความมืด เมื่อเรือเคลื่อนที่เร็วขึ้น มันก็กดทับห้วงมิติและอวกาศสร้างฟ้าแลบฟ้าผ่ากระจัดกระจายในเวลาเดียวกัน ฉีกมวลมืดให้ขาดวิ่งอย่างต่อเนื่อง

เหนือเรือจันทรา มีหินก้อนใหญ่ๆ ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่องจากดวงจันทร์หักพัง เมื่อพวกมันร่วงผ่านท้องฟ้า มันก็เสียดสีอากาศ สร้างหางไฟเมื่อร่วงลงไปในความมืดของแดนโบราณวินาศ

ไม่ว่าเรือจันทราจะเดินไปที่ใด อุกกาบาตก็จะร่วงตามเป็นทิวแถว ทําให้รอบข้างเรือจันทราเต็มไปด้วยไฟและควัน บาดตาผู้คนอย่างยิ่ง

บนดาดฟ้าเรือนี้ มีตําหนักราชวังจํานวนมากมายเกินกว่าจะนับไหว มันคือสถานที่อยู่อาศัยของเหล่านักต้อนจันทรา แต่หลังจากมหาสงคราม พวกเขาก็ถูกกวาดล้างไปจนหมด ผู้พิทักษ์จันทราคนเก่านั้นก็เป็นผู้พิทักษ์จันทราของเหล่านักต้อนจันทรา แต่กระทั่งเขาก็ถูกเรือจันทรากลืนกินเข้าไปหลังจากที่ฉินมู่ได้ กลายเป็นผู้พิทักษ์จันทราคนใหม่

ราชามารตู้เถียนและกิเลนมังกรซ่อนอยู่ในวังแห่งหนึ่งที่ยังไม่พังทลาย เพื่อหลบซ่อนจากรัศมีอันสะท้านสวรรค์ของฉินมู่ กิเลนมังกรหลับตาจากการเขย่าสะเทือนทั้งหลายและผล็อยหลับไป ราชามารตู้เถียนไม่ง่วง เขาจึงมองออกไปจากหน้าต่างของราชวัง

เขาสามารถมองเห็นฉินมู่อันยิ่งใหญ่น่าเกรงขามยืนอยู่ที่ใจกลางเสาทั้งหลายราวกับขุนเขาสูงลํ้า พลังอํานาจของเขาได้ก่อรูปสสารขึ้นมาเป็นวงแหวนรัศมีจันทร์ที่ทาบทอลงบนร่างของเขา อันเปี่ยมไปด้วยฤทธานุภาพอันน่าสะพรึงกลัว

“โลกนี้ไม่ใช่โลกชั้นตํ่าอย่างที่ข้าคิด วัตถุเทวารังสรรค์เหล่านี้ ต้องใช้เต๋า วิชา และทักษะเทวะอันลึกลํ้าขั้นสุดยอดสรรค์สร้างมันขึ้นมา มันไม่ใช่สิ่งที่อารยธรรมทั่วๆ ไปจะสามารถประดิษฐ์ขึ้นมาได้”

สายตาของราชามารตู้เถียนวูบไหว และเขาพบว่าตนเองอับจนปัญญา “นี่ข้าจะรุกรานโลกเช่นนี้จริงๆ น่ะหรือ สิ่งที่กังวลใจข้ามิใช่ว่าอารยธรรมของโลกนี้จะสูงลํ้าปานใดหรอก แต่คือสิ่งที่ทําลายอารยธรรมนี้ให้วินาศต่างหากล่ะ…”

สัตว์ประหลาดในความมืดของแดนโบราณวินาศตื่นตกใจและกรูกันเข้ามา แม้ว่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้จะมีเรือนกายอันใหญ่โต แต่ก็ไม่ได้นับว่าเป็นอันใดเมื่อเทียบกับเรือจันทรา พวกมันเหมือนกับมด ทั้งยังอืดอาดอีกต่างหาก

เรือจันทราบดขยี้พวกมันทั้งหมด และท่ามกลางเสียงตูมๆ อย่างต่อเนื่อง เสียงกร๊อบของการบดขยี้ก็ได้ยินปะปนมาเบาๆ ยากที่จะกล่าวว่ามีสิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายแค่ไหนที่ถูกบดจนเละแบน กลายเป็นเศษเนื้อแหลกเหลวในมวลมืด

และมีมารอสูรจํานวนนับไม่ถ้วนที่ขยํ้าใส่เรือจันทราเช่นกันและเสียงมารก็ดังมา มารเหล่านี้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะขึ้นมาบนเรือ แต่พวกมันถูกสายฟ้าอันเกิดจากการเคลื่อนไหวของเรือจันทราสังหารตายคาที่ไปทั้งหมด ซากศพของพวกมันร่วงกราวราวห่าฝน

“จันทรา นาวา!”

ในความมืด รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวแผ่พุ่งมา พร้อมกับเงาดําที่ขยายใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นด้วยขนแต่ละเส้นอันเหมือนมวลเมฆ มันโบยบินออกมาจากความมืด และพุ่งเข้าไปในชั้นสายฟ้าอันเกิดขึ้นมาจากเรือจันทรา นําเมฆปีศาจรุกรานเข้ามาในเรือ

จากเมฆปีศาจ มารอสูรตัวใหญ่มหึมาโผล่ศีรษะและทั้งเก้าหัวของมันพ่นเพลิงอสูรไปยังฉินมู่ที่อยู่ใจกลางเสา

เพลิงกาฬผลาญฟ้าราตรีจนสว่างไปหมด และร่างกายของมารตนนั้นที่กลิ้งเกลือกอยู่ในเมฆก็เผยโฉมให้เห็น มันดูเหมือนปักษา และก็เหมือนมังกรไร้เขาเช่นกัน ราวกับว่าเป็นทั้งมารและสัตว์ประหลาด เป็นการผสมผสานของเผ่าพันธุ์อันแตกต่างกัน

“ครุฑ!” ราชามารตู้เถียนร้องออกมาด้วยความตระหนก แสงจันทร์อันห้อมล้อมร่างฉินมู่ ป้องกันเพลิงอสูรนั้น ทันใดนั้นก็มีพระจันทร์เสี้ยวเปิดขึ้นมาที่หว่างคิ้วของเขา และค่อยๆ กลายเป็นพระจันทร์เต็มดวงเหมือนประตูที่เปิดออกอย่างเต็มที่

ไม่นานนัก ดวงจันทร์เพ็ญก็ปรากฏที่ใจกลางว่างคิ้วของเขา มันมิใช่จันทร์เพ็ญจริงๆ แต่คือดวงตาที่เปล่งแสงอันเสมือนหนึ่งรัศมีจันทร์

ฟิ้ว!

รังสีสีขาวดุจหิมะพุ่งกรีดฟ้า เฉือนผ่ามวลมืด มันตัดผ่านเพลิงอสูรอันโหมไหม้ทั่วนภากาศ และศีรษะของมารตนนั้นก็เริ่มร่วงลงมาจากกลางอากาศ ร่วงลงมาทั้งหมดเก้าหัว ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น ขณะที่ข้างหลังหัวอันร่วงหล่นคือคออันบิดกระตุกไปมาราวกับมังกรดิ้นและมีโลหิตพุ่งกระฉูดอย่างรุนแรง

จันทร์เพ็ญบนหน้าผากของฉินมู่ค่อยๆ ปิดลงและเปลี่ยนเป็นจันทร์เสี้ยวอันค่อยๆ หายวับไป

ราชามารตู้เถียนหุบปากลงเงียบกริบ “หลังจากไอ้เด็กผีนี่ปล่อยข้าไป ข้าจะไม่บุกโลกนี้แน่ๆ!”

เรือจันทรายังแล่นต่อไประหว่างที่มารทั้งหลายก็ยังไหล่บ่ามา ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากความมืด และมารร้ายจํานวนนับไม่ถ้วนก็ถอยทัพ หายลับเข้าไปในความมืด

จี้หยกของฉินมู่ซึ่งลอยอยู่หน้าเรือดูเล็กจิ๋วอย่างยิ่งราวกับละอองฝุ่น ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงเคร้ง ราวกับว่าปะทะเข้ากับม่านคุ้มกันล่องหน และราวกับว่ามันคือผืนนํ้าทะเลสาบอันตั้งฉากจากสวรรค์มายังโลกมนุษย์ คลื่นกระเพื่อมพลันปรากฏขึ้นบนม่านคุ้มกันอันนิ่งสนิทอยู่เมื่อครู่ พวกมันแผ่กระจายออกไปโดยมีจี้หยกเป็นศูนย์กลาง ขยายใหญ่ขึ้นๆ ขณะเดียวกันนั้น ที่ใจกลางคลื่นกระเพื่อม โลกมิติอีกโลกหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏเสี้ยวหนึ่งของความอลังการของมันให้เห็น

นั่นคือหมู่บ้านไร้กังวล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version