Skip to content

Tales of Herding Gods 239

ตอนที่ 239 ยิ่งแก่เฒ่าก็ยิ่งไว้ใจไม่ได้

ที่สุดเขตป่า สีหน้าของเฒ่าบอดกลายเป็นเคร่งขรึม เขายันกายด้วยไม้เท้าเพื่อพักผ่อนขณะที่คนแล่เนื้อกวัดแกว่งมีดของเขาไปมา รอบๆ พวกเขาคือห้วงมิติเป็นชั้นๆที่แปรเปลี่ยนไปมาอย่างประหลาดพิลึก ห้วงมิตินี้ซ้อนทับกันหลายชั้น และทุกครั้งที่มันเปลี่ยนแปลง ทิวทัศน์รอบๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน บางครั้งมันก็เป็นป่ากว้างใหญ่ และบางครั้งมันก็เป็นทะเลทรายร้อนระอุ บางครั้งมันก็เป็นผืนฟ้ากว้าง และบางครั้งมันก็เป็นดวงดาวจากอวกาศที่บินพุ่งมายังหน้าพวกเขา

ทุกครั้งที่มันเปลี่ยนแปลง กฎของเวทจํากัดเขตที่แตกต่างกันก็จะแผ่พุ่งออกมา เมื่อพลังของเวทเทวะจํากัดเขตอันซ่อนอยู่ในห้วงมิติระเบิดปะทุ คนแล่เนื้อก็จะต้องเข้าไปปะทะกับพวกมัน

คนแล่เนื้อตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “เฒ่าบอด ยายเฒ่า เอวข้าจะหักอยู่แล้ว พวกเจ้าพักพอหรือยัง”

เฒ่าบอดถอนหายใจ “ข้าแก่แล้วและกระดูกกระเดี้ยวก็ไม่เหมือนแต่ก่อน ให้ข้าพักต่ออีกหน่อยเถอะ”

“ข้าก็ไม่ได้หนุ่มกว่าเจ้าสักเท่าไรหรอกโว้ย!” คนแล่เนื้อกล่าวอย่างเดือดดาล “ยิ่งไปกว่านั้นร่างครึ่งท่อนล่างของข้าก็เพิ่งกลับมาเชื่อมต่อใหม่และไม่ได้แข็งแกร่งอะไร! หากข้ายังต้องต่อสู้ต่อไปร่างข้าจะหักเป็น 2 เสี่ยงให้เจ้าเห็นคาตานี่แหละวะ!”

เฒ่าบอดกล่าวอย่างเชื่องช้า “ยายเฒ่ายังสาวสะพรั่ง ให้นางรับช่วงต่อสิ”

เสียงชายชราดังมาจากปากของยายเฒ่าซีและยิ้มหยัน “แม้ว่าข้าจะแข็งแกร่ง แต่ร่างกายของฮูหยินข้าไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป ฮูหยิน ให้ข้าครอบครองร่างเจ้าสิ…”

“ไสหัวไป!” ยายเฒ่าซีกล่าวอย่างโมโหเดือด สีหน้าของคนแล่เนื้อและเฒ่าบอดแปรเปลี่ยนเป็นประหลาด ‘อาการป่วย’ ของยายเฒ่าซีนับวันยิ่งทวีความรุนแรง หลังจากที่นางหาตัวพวกเขาพบและพวกเขาก็ได้เผชิญกับอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า หลี่เทียนซิ่งก็กระโดดออกมาบ่อยๆ เพื่อควบคุมร่างของนาง

เมล็ดพันธุ์มารยิ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน หญิงแก่ซีจะถูกหลี่เทียนซิ่งเข้ามาแทนที่ในไม่ช้าก็เร็ว

การเปลี่ยนของห้วงมิติรอบๆ พวกเขาราวกับว่ามีเทพเจ้าที่กําลังทอยลูกเต๋า แต่ละหน้าของลูกเต๋าแทนเวทเทวะจํากัดเขตแต่ละรูปแบบ เมื่อลูกเต๋าเผยหน้าใดเวทเทวะจํากัดเขตนั้นก็จะทํางาน แต่ทว่านี่ไม่ใช่ลูกเต๋า 6 หน้า แต่เป็นลูกเต๋า 108 หน้า

บัดนี้พวกเขาถูกส่งไปที่ข้างดวงดาวแห่งหนึ่ง และพื้นดินใต้เท้าพวกเขาก็หายวับ และสภาพแวดล้อมกลายเป็นทะเลดาวอันไร้ขอบเขต ไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือหัวพวกเขาและไม่มีพื้นอันรองรับพวกเขาด้วย ดวงดาวอันพุ่งวูบวาบมิใช่ดาวจริงแต่เป็นกระจก ทันใดนั้นแสงจากพวกมันรวมเข้าด้วยกันและฉายส่องใส่ 3 เฒ่านี้ด้วยเสียงหึ่ง

คนแล่เนื้อกู่ร้องออกมาและฟันมีดออกไปใส่แสงเทวะอันร้ายฤทธิ์ด้วยกระบวนท่าทุกเมฆเคลื่อนมีริ้วแสงประกายเงินแสงเทวะนั้นฉีกแยกเป็น 2 เสี่ยงและเฉียดผ่านร่างกายของพวกเขา ทําลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่มิได้อยู่ประชิดติดหลังของคนแล่เนื้อ

ยายเฒ่าซีตะโกนทันที “เฒ่าหนวก เฒ่าหนวก มานี่เร็วเข้า!”

ที่อีกฟากของนภาเกลื่อนดาว เฒ่าหนวกวาดด้วยพู่กันปะทะกับดวงดาวเหล่านั้น

เฒ่าบอดกล่าว “เฒ่าหนวกไม่ได้ยินเสียงหรอก…”

ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เฒ่าหนวกก็พยายามจะบินเข้ามาหาพวกเขา แสงดาวหนึ่งพลันยิงใส่เขาโดยไม่ทันตั้งตัว และเขาก็กระเด็นหายลับไปไม่รู้ทิศทาง

“คนแล่เนื้อ พักก่อน ตาข้าล่ะ!” เสียงของหลี่เทียนซิ่งดังมาจากยายเฒ่าซี

คนแล่เนื้อรีบถอยออกไปทันที และยายเฒ่าซีก็ก้าวออกไปรับหน้า ร่างของนางโคจรคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตและเพ่งพิศความเปลี่ยนแปลงของห้วงมิติรอบๆ ตัวอย่างระมัดระวัง

ไม่ใช่แค่พวกเขา 3 คนที่ถูกกักเอาไว้ในห้วงมิติซ้อนหลายชั้นนี้ ยังมีเฒ่าหนวกเฒ่าหม่า และเฒ่าเป๋ด้วยเช่นกัน แต่พวกเขาคนอื่นๆ อยู่บนหน้าลูกเต๋าที่แตกต่างทําให้ยากที่พวกเขาจะมารวมกลุ่มกันได้

เมื่อยายเฒ่าซีมาและเห็นเฒ่าบอดกับคนอื่นๆ ปรากฏอยู่ข้างใน นางพยายามคลายเวทจํากัดเขตนี้ แต่ไม่นึกเลยว่าจะตกลงไปในนั้นด้วย หลังจากนั้นเฒ่าหนวกก็ตามมาเจอและพยายามไขเวทจํากัดเขตนี้เช่นกันแต่กลับถูกเวทจํากัดเขตกวาดกลืนเข้าไปด้วย

“ห้วงมิติจํากัดเขตนี้มีเวทเทวะจํากัดเขต 108 ชนิด แต่จุดควบคุมใจกลางที่ขับเคลื่อนเวทจํากัดเขตเหล่านี้มิได้อยู่ที่หนึ่งใน 108 หน้าเต๋า”

เฒ่าบอดยืนขึ้น ในเนตรจิตเทวะของเขามองทะลุทะลวงราวกระจกไปยังทุกทิศทาง “ร่างกายของพวกเราอยู่ในลูกเต๋าเทวะ เฒ่าหม่าและเฒ่าเป๋อยู่กันคนละหน้าเต๋า แต่พวกเขาบางทีก็ตกในหน้าเดียวกัน เฒ่าหนวกก็จะเข้ามาในห้วงมิติเดียวกับพวกเราเป็นครั้งครา นี่แสดงว่าห้วงมิติจํากัดเขตนี้ได้ขับเคลื่อนมาเนิ่นนานอย่างเหลือล้นและมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยเกิดขึ้นในการคํานวณของมัน”

เขาคิดคํานวณในจิตและเลิกคิ้วขึ้นมา “เทพเจ้าที่จัดวางห้วงมิติจํากัดเขตนี้เพียงแต่คํานวณไปถึงหลักทศนิยมชุนฮี่ เขามิได้คํานวณไปถึงทศนิยมที่เล็กที่สุด! หลังจากเวทเทวะจํากัดเขตนี้ดําเนินไปอีกสักพัก มันก็จะพังทลายลงไปเอง!”

ในตอนนั้น ห้วงมิติจํากัดเขตได้แปรเปลี่ยนเป็นภูเขาไฟอันยิงเพลิงเทวะออกมาราวมังกร ด้วยฟ้าผ่าและฟ้าแลบที่โหมถล่มออกมา ยายเฒ่าซีพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะต้านทานเอาไว้ขณะที่เสียงของหลี่เทียนซิ่งดังออกมาจากปากของนาง “อีกนานแค่ไหนเวทจํากัดเขตนี้ถึงจะพังทลายลงไปเอง”

เฒ่าบอดคิดคํานวณอีกครู่และกล่าว “อีก 24,000 ปี”

“หุบปากไปเลย ไอ้บอด!” คนแล่เนื้อตะโกนออกมา มือสั่นระริกอยากจะเงื้อมีดสับไอ้หมอนี่เต็มแก่

ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังออกมาจากข้างนอก “เด็กผี ผู้เฒ่าของเจ้าถูกกักขังไว้ข้างใน มีทั้งหมด 6 คน”

ในห้วงมิติจํากัดเขต ทุกคนสะดุ้งตกใจและมองออกไปข้างนอกแต่ไม่อาจเห็นสิ่งใด

เฒ่าบอดกระวนกระวายใจเหลือแสนและสั่งอย่างเข้มงวด “มู่เอ๋อ อย่าเข้ามา! เจ้าไม่มีกําลังฝีมือพอที่จะต้านทานเวทเทวะจํากัดเขต!”

เสียงของฉินมู่ดังมาจากข้างนอก “ราชามาร เจ้ามีวิธีช่วยพวกเขาออกมาไหม”

“ห้วงมิติจํากัดเขตนี้ใช้วิชาลับของห้วงมิติเมตทริกซ์เพื่อสร้างชั้นมิติ 109 ชั้นจากนั้นแยกมันออกเป็น 108 ส่วน มันอาจจะดูเหมือนมีเพียง 108 ชั้น แต่จริงๆ มันมีทั้งหมด 109”

เสียงนั้นกล่าวต่อ “แต่ทว่า เทพเจ้าที่จัดวางวิชาลับห้วงมิติเมตทริกซ์นี้น่าจะเอาง่ายเข้าว่าและมิได้คํานวณไปถึงจุดทศนิยมที่เล็กที่สุด นั่นจึงมีจุดบกพร่องเล็กน้อยอยู่ วิชาลับนี้จะพังทลายลงไปเองหลังจากทํางานต่อไปอีก 24,000 ปี แต่หากว่าผู้ใดค้นพบมิติที่ 109 ได้ ก็คงไม่ยากที่จะไขมันออก ให้ข้าคํานวณดูสักครู่…”

ในห้วงมิติจํากัดเขต ท่านยายซี คนแล่เนื้อ และคนอื่นๆ หันไปมองกันและกัน คนที่อยู่ข้างๆ ฉินมู่นับว่าเลิศล้ำเหนือธรรมดา สามารถเห็นแง่อัศจรรย์ของเวทจำกัดเขตนี้ได้ด้วยการมองเพียงปราดเดียว เขานั้นน่าไว้วางใจยิ่งกว่าเจ้าบอด

ผ่านไปสักพักเสียงนั้นก็กล่าวอีกครั้ง “เจ้ามีสมบัติวิเศษอะไรที่เจ้าไม่ใช้แล้วบ้างไหมล่ะ บางอย่างที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเพื่อที่ข้าจะได้โยนมันเข้าไปในชั้นมิติที่ 109 หากว่ามีวัตถุแข็งแกร่งเข้าไปที่นั้น มันก็จะเหมือนวัตถุส่วนเกินปรากฏขึ้นระหว่างฟันเฟืองของเครื่องจักรกล และจะขัดขวางฟันเฟืองเหล่านั้นโดยอัตโนมัติ จากนั้นพยุหะนี้ก็จะคลี่คลายไปได้เอง”

ฉินมู่จึงกล่าว “ข้าเก็บตกนี่มาจากวังทองโหรวหลัน มันใช้ได้ไหม”

“เอ๊ะ สมบัติชิ้นนี้ไม่เลวเลย การที่เจ้าเก็บตกสมบัติเช่นนี้มาได้ เจ้าต้องโชคดีมากแน่ๆ มิน่าล่ะข้าถึงหลอกเจ้าไม่ได้ ที่แท้โชคของเจ้าก็ท้าทายสวรรค์ ไม่ใช่เป็นข้าที่ไร้ความสามารถ”

ขณะที่เขากล่าวเช่นนั้นท่านยายซีและคนอื่นๆ ก็เห็นมุกส่องแสงลอยอยู่เบื้องหน้าพวกเขา ไข่มุกลูกนี้ขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น จนกระทั่งมันเหมือนกับมีภูเขาและแม่นํ้าบรรจุอยู่ในนั้น ราวกับว่ามันมีโลกอันสมบูรณ์พร้อมอยู่ในไข่มุกด้วยเทือกเขาตั้งตระหง่านและนํ้าตกอันไม่รู้จบสิ้น

ไข่มุกส่องแสงพุ่งผ่านขอบฟ้า กลายเป็นวัตถุใหญ่มหึมา ท้องฟ้าอันโค้งกลมมีภูเขาและแม่นํ้าอันหายวับไปในพริบตาถัดมา

“ระวัง เมื่อเวทจํากัดเขตถูกคลี่คลาย มันจะสะเทือนสักนิดนะ” เสียงจากข้างนอกบอกเตือน

เมื่อเขากล่าวจบแรงสั่นสะเทือนรุนแรงก็พลันส่งมาจากส่วนลึกของห้วงมิติ ชั้นมิติต่างๆ แหลกทําลายลงไปอย่างต่อเนื่องระหว่างที่ ดิน นํ้า ลม และไฟต่างก็ไหลบ่าเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง กวาดล้างทุกสิ่ง พลานุภาพของเวทเทวะจํากัดเขตในแต่ละชั้นปริแตก และพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวก็ซัดพุ่งไปรอบทิศทาง!

ผู้คนที่อยู่ในเวทจํากัดเขตพลันกระตุ้นปราณชีวิตของตนเพื่อใช้วิธีการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละคนในการต่อสู้กับพลังงานอันสับสนและร้ายกาจนั้น โชคดีที่ว่าพลังงานดังกล่าวมิได้พุ่งเป้ามายังพวกเขา หากแต่กระจัดกระจายไปรอบๆ พวกเขาจึงยังพอรับมือไหว!

หากว่าพวกมันพุ่งเป้ามายังผู้เฒ่าเหล่านี้ พวกเขาก็จะต้องแหลกเป็นผุยผงอย่างแน่นอน!

ฉินมู่ยืนอยู่ตรงหน้าส่วนหนึ่งของป่าซึ่งพลันกลายเป็นเถ้าถ่าน คลื่นทําลายล้างที่พลุ่งพล่านมาก็ซัดล้างไปทั่วทุกทิศทาง และเปลี่ยนต้นไม้ทุกต้นให้กลายเป็นผงละเอียด

ตึบ ตึบ ตึบ

เงาร่าง 4 ร่างร่วงลงมาจากความว่างเปล่าและกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง สร้างหลุมใต้ร่างพวกเขา

ฉินมู่ส่ายหน้า “แก่เฒ่าขนาดนี้ก็ยังไม่ทําให้ผู้คนหายห่วงกังวล…”

“เฒ่าเป๋ ถอยไป!” เสียงของเฒ่าหนวกดังมาจากข้างบนเมื่อผู้เฒ่านี้ร่วงหักปักพื้นมาจากท้องฟ้า ข้างล่างเขาเฒ่าเป๋ครางหนักๆ เมื่อเฒ่าหนวกร่วงลงมาปักใส่เขาพอดิบพอดี

ในใจกลางอากาศ รัศมีพุทธธรรมเจิดจ้าเมื่อพุทธรูปยักษ์ร่อนลงมา นํ้าพุทองคําพุ่งออกมาจากพื้นและมีดอกบัวทองคําเบ่งบานขึ้นมาจากในนั้น พุทธรูปยักษ์วางเท้าลงและเหยียบลงบนดอกบัว

ดอกบัวและนํ้าพุทองคําสลายไป พุทธรูปยักษ์ก็หายไปเช่นกันแปรเปลี่ยนเป็นผู้เฒ่าในชุดเขียว มิใช่ใครอื่นนอกจากเฒ่าหม่า และแม้ว่าเสื้อผ้าเขาจะขาดวิ่นเล็กน้อย แต่ก็นับว่าอยู่ในสภาพที่ดีกว่าทุกๆ คน

ทุกคนลุกขึ้น และมองกันไปมา พวกเขารอดออกมาจากห้วงมิตินั้นจนได้ แม้ว่าพวกเขาล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ก็ไม่มีผู้ใดสาหัสจนถึงชีวิต

ทุกคนเงยหน้ามองเห็นฉินมู่ยืนอยู่ไกลๆ เด็กหนุ่มแห่งหมู่บ้านพิการชรายังคงยืนส่ายหน้าระอาใจใส่พวกเขาที่ยิ่งแก่เฒ่าก็ยิ่งไว้ใจไม่ได้

ตรงหน้าฉินมู่มีหุ่นเหล็กก้อนหนึ่งยืดอกอยู่ด้วยมือทั้ง 8 เท้าสะเอว เขาดูเหมือนตะเกียงที่รอให้ผู้คนคุกเข่าบูชายกย่องเขา

ข้างหลังฉินมู่คือกิเลนมังกรที่อ้วนยังกะหมู เขาดูเหมือนยังตื่นไม่เต็มตา และดูอืดอาดง่วงงุน ไม่มีความสนใจต่ออะไรทั้งสิ้น

“มู่เอ๋อ เจ้ามาที่นี่ทําไม” ท่านยายซีตระหนกใจและเดินเข้ามาดูฉินมู่ขึ้นๆ ลงๆ หลังจากตรวจตราดูเขาแล้ว นางก็ฮึ่มฮั่ม “กล้าดีอย่างไรถึงเข้ามาในที่อันตรายแบบนี้! เจ้าใจกล้าเกินไปแล้วนะ นี่เจ้าเจ็บตรงไหนบ้างไหม”

“ยายเฒ่า ถอยไปห่างๆ เขา” เฒ่าบอดเดินเข้าไปและมองอย่างกระวนกระวายที่ฉินมู่ “ยายเฒ่าซีช่วงนี้ควบคุมเมล็ดพันธุ์มารในจิตเต๋าของนางไม่ค่อยได้ บางครั้งนางก็เป็นหญิงบางครั้งก็เป็นชาย พวกเราไม่รู้ว่านางจะถูกหลี่เทียนซิ่งยึดครองร่างไปเมื่อไหร่ ระวังให้ดีเผื่อนางจะลงมือกับเจ้า!”

เสียงชายชราดังมาจากปากท่านยายซีอันเต็มไปด้วยสันดานมาร “ไม่ต้องห่วง เขาเป็นจ้าวลัทธิคนปัจจุบันของลัทธิศักดิ์สิทธิ์พวกเรา ในฐานะจ้าวลัทธิคนก่อน ข้าย่อมไม่แตะต้องเขาเป็นแน่”

ทันใดนั้นเสียงท่านยายซีก็กลับมาเป็นผู้หญิงตามเดิม “หลี่เทียนซิ่ง ไสหัวไป!”

เฒ่าเป๋ก้าวออกไปข้างหน้าและมองขึ้นๆ ลงๆ ดูราชามารตู้เถียนที่ยืนท้าวสะเอวด้วยแขน 8 ข้าง “มู่เอ๋อ ก้อนเหล็กของเจ้านี่มีประโยชน์ดีจริงๆ เขาชื่ออะไรนะ บอกใหม่ที”

เฒ่าหม่ากล่าว “ราชามารตู้เถียน”

คนแล่เนื้อก้าวเข้ามาดูเช่นกันและถามอย่างสงสัย “เจ้าไปได้เขามาจากไหน ครั้งสุดท้ายที่ข้าเจอเจ้า เจ้ายังไม่มีไอ้ก้อนเหล็กนี่ แต่เขาก็ยังนับว่ามีประโยชน์ดี”

“อัปลักษณ์จริงๆ” เฒ่าหนวกกล่าว

ราชามารตู้เถียนเดือดดาลและกําลังจะอาละวาด แต่ฉินมู่ขัดจังหวะอย่างทันท่วงที “นี่คือราชามารตู้เถียน จ้าวผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลกตู้เถียนซึ่งข้าได้เชื้อเชิญมาเพื่อช่วยเหลือพวกท่านทั้งหมด เขานั้นมีความเชี่ยวชาญอย่างเอกอุในเวทเทวะจํากัดเขต ดังนั้นเขาย่อมพาเราไปยังที่ปลอดภัยได้แน่นอน”

ราชามารตู้เถียนเบิกบานขึ้นทันที ‘เจ้าเด็กร้ายกาจนี่ยังคงรู้จักพูดจา แม้ว่าจิตเจตนาเขาจะร้ายอยู่สักหน่อย วิธีการของเขาก็อํามหิตเล็กน้อย และจิตใจเขาก็ระวังระไวมากไปนิด…’

“ผู้ใหญ่บ้านอยู่ที่ไหน” ฉินมู่ถาม “และท่านปู่นักปรุงยาด้วย กับท่านปู่ใบ้ด้วย พวกเขามาถึงที่นี่หรือเปล่า”

เฒ่าบอดส่ายหน้า “สายตาของข้าดี ดังนั้นข้าจึงเห็นร่องรอยของนักปรุงยากับผู้ใหญ่บ้านแต่ข้าไม่เห็นเจ้าใบ้”

คนอื่นๆ พยักหน้าอย่างเงียบงัน

ท่านยายซีกล่าว “นักปรุงยาและผู้ใหญ่บ้านน่าจะไม่ประสบปัญหาอะไรในเมื่อพวกเขาไปด้วยกัน ทั้งยังมีปรมาจารย์และผู้อาวุโสคุมกฎอยู่ด้วย แต่ทว่าพวกเราไม่เห็นเฒ่าใบ้เลย และเจ้าหมอนี่ไม่เคยจะปริปาก ไม่ว่าพวกเขาจะวางแผนอะไรก็ตาม เขาก็ไม่บอกให้พวกเรารู้สักนิด หากว่าเขาอยู่ตามลําพัง ข้าเกรงว่าเขาคงยากจะรับมือไหว มู่เอ๋อ สถานที่นี้อันตรายร้ายกาจ แต่เจ้าก็ยังอุตส่าห์เสาะหาหนทางมายังที่นี่ได้ เจ้าคงต้องลําบากมากสินะ”

ฉินมู่โมโหขึ้นมาทันใด “ก็พวกท่านร่อนเร่ออกไปแทนที่จะกลับบ้านมาฉลองปีใหม่! หากว่าพวกท่านหายไป ข้าจะทําอะไรได้นอกจากต้องมาตามหาน่ะสิ! ราชามาร เจ้าจงนําทางไป แล้วพวกท่านทั้งหลายห้ามออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด”

“ได้เลยๆ” ผู้เฒ่าทั้งหลายผงกหัวประหลกๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version