Skip to content

Tales of Herding Gods 260

ตอนที่ 260 สังหารชีวิต

ยูไลและเจ้าสํานักเต๋านั้นเป็นสุดยอดพรสวรรค์แห่งรุ่นก่อนและสามารถฝึกปรือจนถึงขั้นเทพเจ้าและพุทธองค์ หากว่าสะพานเทวะไม่ขาดสะบั้น ทั้งคู่คงลอยขึ้นไปบนสรวงสวรรค์และไปจากโลกแห่งนี้แล้ว

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงแม้จะมีประสบการณ์น้อยที่สุดในหมู่พวกเขา แต่เขานั้นยึดครองสายแร่ปราณเก้ามังกรและฝึกวรยุทธ์ในเมืองจักรพรรดิ อันทําให้เขาสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์นี้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เขาสามารถฝึกปรือด้วยความเร็วเป็น 2 เท่า ผนวกกับพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ์อันเลิศลํ้าแล้ว ก็ทําให้เขาเป็นหนึ่งในสุดยอดจอมยุทธ์ในโลกแห่งนี้!

จักรวรรดิสันตินิรันดร์ถูกนับว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ใหญ่มหึมาที่สุดของโลก และเขากับราชครูสันตินิรันดร์ก็เป็นจ้าวลัทธิเจ้าสํานักของแดนศักดิ์สิทธิ์ขนาดยักษ์นี้!

แต่กระนั้นเขาก็ยังคงตํ่าชั้นกว่ายูไลและเจ้าสํานักเต๋าอยู่เล็กน้อย ทั้ง 2 คนนั้นร่วมมือกันจัดการเขาไม่ใช่เพราะว่ารู้สึกฝีมือตํ่าต้อยกว่าจักรพรรดิ แต่เพราะว่ากลัวจักรพรรดิจะหลบหนีไปได้หากสู้กันเพียงหนึ่งต่อหนึ่ง

แต่เมื่อพวกเขาร่วมมือกัน การหลบหนีของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงก็เป็นไปไม่ได้

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ

สายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้าอันปลอดโปร่ง ห้อมล้อมร่างของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงเอาไว้ด้วยประกายไฟฟ้า แสงอันเจิดจ้าบาดตาห้อมล้อมมังกรแท้ที่กําลังร่ายรําอยู่บนนภากาศ และมังกรทั้งเก้านั้นก็คํารามเป็นเสียงเดียวกันและตวัดกรงเล็บเข้าใส่เจ้าสํานักเต๋าและยูไล!

ยูไลหัวเราะในคอ และบาตรทองคําของเขาก็ลอยลิ่วสู่เบื้องบน เปล่งแสงทองเจิดจรัส สรวงสวรรค์ชั้นต่างๆ ถูกส่งออกไปทําให้ทวยเทพและพุทธองค์ออกไปปะทะกับมังกรทั้งหลาย

“สหายเต๋าเฒ่า การสังหารจักรพรรดิข้ายกให้เป็นหน้าที่เจ้า” ยูไลกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เจ้าสํานักเต๋าเฒ่าควบคุมกระบี่ของเขา และแสงกระบี่ก็พุ่งไปด้วยจังหวะอันมหัศจรรย์ ควบคุมการดําเนินไปทุกสรรพสิ่งในโลกมนุษย์ เขาร่ายอย่างแผ่วเบา “เต๋าหล่อเลี้ยงผืนดินของทุกสรวงสวรรค์ ให้กําเนิดทุกหลักกฎ และทั้งโลกก็จะรวมเป็นหนึ่ง! ฝ่าบาท กระบวนท่าอันไม่สมบูรณ์นี้…”

ไม่ทันเขาจะกล่าวจบ แสง 2 เส้นที่พุ่งวาบผ่านมาก็พลันหยุดชะงักเจ้าสํานักเต๋ารีบบังคับกระบี่ของตนให้หยุดโจมตีและเพ่งความสนใจไปกับเรื่องที่แทรกเข้ามาในตอนนั้นเองเขาก็เห็นผู้เฒ่าในชุดพระสีเขียวกับชายตาบอดที่ถือไม้เท้าไผ่ยืนอยู่กลางอากาศ

“เอ๊ะ ยูไล มาสู้อะไรกันแถวนี้” เฒ่าบอดถามด้วยรอยยิ้มแฉ่ง

ยูไลเองก็เก็บแสงทองอันสาดส่องออกมาจากบาตรทองคําและแย้มยิ้ม “หม่าหวางเฉิง สหายเต๋าบอด ทําไมพวกเจ้าถึงอยู่ที่นี่”

เฒ่าหม่ากล่าวอย่างเย็นเยียบ “มาค้นหา!”

เฒ่าบอดเคาะไม้เท้าไผ่ลงมาและท้องฟ้าก็สะท้านสะเทือน ยอดยุทธฝีมือแกร่งทั้งหลายที่กําลังโรมรันพันตูอย่างดุเดือดพลันตระหนกตกใจและรีบหยุดมือ เฒ่าบอดส่งยิ้มหวานไปให้พวกเขา และถาม “ลมพัดทางนี้ทีเมฆก็กระจุยไปทางนั้นที และทุกคนก็ดูเหมือนจะง่วนอยู่กับการต่อสู้ ทุกๆ ท่าน บัดนี้ข้าได้แวะมาทักทาย ก็ขออภัยด้วยที่ขัดจังหวะ ข้าเพียงแต่จะถามว่าพวกท่านเห็นหญิงผู้หนึ่งไหม”

กวนติ่งหวูผู้ซึ่งกําลังถูกฟาดทุบจนปางตายก็มีเวลาหายใจหายคอ เขาถาม “ชายตาบอด เจ้ากําลังตามหาใครกัน”

“หญิงสาวผู้หนึ่ง งดงามอย่างอัศจรรย์ เพียงมองนางหนึ่งคราก็ไม่อาจลืมเลือนนางได้ งามแบบที่จะกลืนหัวใจของพวกเจ้าไปทั้งก้อน” เฒ่าบอดถอนหายใจ “หญิงผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งและมีมารเฒ่าสิงอยู่ในหัวใจของนางหมายจะสร้างกรรมชั่ว เขาหลงรักในรูปโฉมของนางและวางแผนที่จะยึดครองร่างนางเพื่อเปลี่ยนตนเองเป็นสตรี นี่คือสิ่งที่กวีว่ากันว่าสะคราญประดุจเรือนหยกเรือนทอง เดิมทีพวกเราไปที่วัดใหญ่ฟ้าคํารามเพื่อให้ยูไลเฒ่าช่วยสยบมารเฒ่าตนนี้…”

เขาพล่ามอยู่สักพัก แต่ไม่มีใครสักคนที่จับใจความได้ว่าเขาตั้งใจจะพูดว่าอะไรกันแน่ เฒ่าหม่าจึงกล่าว “เฒ่าบอด เข้าประเด็น”

เฒ่าบอดเกาหัวแกรกๆ แล้วกล่าว “หญิงผู้นี้คือธิดาเทพแห่งลัทธิมารฟ้ารุ่นก่อน เพราะยูไลหมายจะสังหารจักรพรรดิจึงปล่อยให้นางหนีไปได้”

ยูไลหัวเราะเบาๆ “หลวงจีนเฒ่าผู้นี้ไม่อาจจะทํา 2 อย่างพร้อมๆ กันในเวลาเดียวได้ ดังนั้นข้าจึงมิอาจช่วยนาง ไม่ว่าข้าจะอยากช่วยสักเท่าไรก็ตาม”

เฒ่าบอดติเตียนเขาอย่างโมโห “ทีหลังถ้าทําไม่ได้ก็บอกก่อนสิ แบบนี้ก็แย่ ตอนนี้พวกเราตามหาตัวนางไม่เจอสักนิด! ไม่ทราบว่าสหายเต๋าท่านใดเห็นธิดาเทพรุ่นก่อนของลัทธิมารฟ้าบ้างไหม นางนั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง และสามารถทําให้พวกเจ้าลุ่มหลงถึงกระดูกดําด้วยเพียงถ้อยคําจํานรรจา พวกเจ้ามีใครเห็นนางบ้าง”

ทุกคนส่ายหน้า

ความหวังจุดประกายขึ้นมาในใจจั่วปี้เอ๋อ และนางกล่าวด้วยเสียงอันดัง “พวกเรามาจากลัทธิมารฟ้า ท่านทั้ง 2 ยื่นมือช่วยได้ไหม”

ยูไลตกตะลึงและเจ้าสํานักเต๋าเฒ่าก็เอ่ยถาม “พวกเขามีที่มาอย่างไร”

“ศิษย์เอกของข้าและทวนเทวะ” ยูไลกล่าว เจ้าสํานักเต๋าร้องอย่างตกใจ “ที่แท้ก็คือเทพตํารวจสามตาหม่า

และเนตรเทวะจากครั้งกระโน้น เจ้านี่แก่เฒ่าชรากันขนาดนี้แล้วหรือ”

เฒ่าหม่าส่ายหน้าและกล่าว “เรื่องของพวกเจ้าไม่สําคัญเท่ากับการตามหาคนของพวกเรา พวกเราไม่ยุ่งเกี่ยว”

“พวกเจ้าสังหารจักรพรรดิ และพวกเจ้าอีกกลุ่มก็กําลังปกป้องจักรพรรดิ ล้วนแต่ไม่สําคัญเท่ากับการตามหาตัวคนของเรา” เฒ่าบอดถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน “หากว่าจักรพรรดิตายไป เราก็แค่เปลี่ยนองค์ใหม่ขึ้นแทนแต่ถ้าปีศาจสาวนั่นหนีไปได้ ฮี่ๆ ทั้งโลกนี้คงถึงจุดจบ จักรพรรดิ เจ้าเห็นหญิงผู้นี้มาก่อนหรือไม่”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงมีสีหน้าเคร่งเครียดและส่ายหน้าช้าๆ “ข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อน ข้าขอให้ผู้อาวุโสทั้ง 2 ยื่นมือช่วยได้หรือไม่”

เฒ่าบอดผิดหวังนิดๆ “ไม่สนใจ ดีแล้วล่ะที่เจ้าไม่เคยเห็น เพราะหากว่าเจ้าเคยเห็นนาง เจ้าก็กระดี๊กระด๊ารอดูความล่มจมของจักรวรรดิเจ้าได้เลย เฒ่าหม่าไปกันเถอะ นางคงหนีไปได้ไม่ไกลหรอก!”

เฒ่าหม่าพยักหน้า และทั้ง 2 ก็พุ่งวาบจากไป หายลับโดยไร้ร่องรอย

ทุกคนสะดุ้ง “พวกเขาเป็นยอดยุทธ์อาวุโสที่แปลกพิลึกเสียจริง”

เสียงการสู้รบฆ่าฟันดังมาในอากาศอีกครั้ง ยูไลปล่อยแสงออกมาจากบาตรทองคํา และสวรรค์ทั้ง 20 ชั้น

ก็ตั้งตระหง่านขึ้นไปบนนภากาศ เจ้าสํานักเต๋าปล่อยแสงกระบี่และพลานุภาพของ 14 นิพนธ์กระบี่เต๋าก็แผ่พุ่งออก แสงกระบี่แผ่ขยายสายสัมพันธ์ระหว่างพื้นพิภพและสรวงสวรรค์ มันเหมือนกับฟ้า มันเหมือนกับดิน แปรเปลี่ยนเป็นทุกหลักกฎ กลายเป็นละอองดวงดาว กระบี่นี้มีแง่มุมทุกแง่ที่สําแดงถึงการหลอมรวมฟ้าดินเป็นหนึ่งเดียว!

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงร่ายรําวิชาเก้ามังกรราชันย์ และละอองไอนํ้าจากเก้ามังกรก็ห้อมล้อมร่างเขาให้เขาก้าวเข้าไปในแสงตะวันอันแยกเป็นเฉดรุ้ง แต่ละการโจมตีของเขาแฝงไว้ด้วยพลานุภาพอันเหนือจินตนาการอันสามารถผ่าภูเขาแยกมหาสมุทร พลิกสวรรค์ ควํ่าดิน เขานั้นเชี่ยวชาญในทักษะเทวะจํานวนมากและ ถึงกับสามารถช่วงใช้กระบี่เต๋าแห่งสํานักเต๋าและวิชาบู๊ไพรีพ่ายฤทธิ์แห่งวัดใหญ่ฟ้าคําราม ไม่ว่าทักษะเทวะใดเมื่ออยู่ในมือเขาก็จะเลิศลํ้ามหัศจรรย์และบรรลุฤทธานุภาพอันเกินจินตนาการ

แต่แต่เคล็ดลับกระบี่สวรรค์พรากชิงชัง เพลงกระบี่อันมีแต่สตรีเท่านั้นที่ฝึกได้ เขาก็ยังสามารถช่วงใช้ด้วยพลังอํานาจอันเหนือกว่าต้นฉบับเสียอีก

เมื่อผ่านมือเขา แม้กระบวนท่าอันธรรมดาสามัญเป็นที่สุดก็จะมีพลานุภาพอันน่าประหวั่นพรั่นพรึง!

เวทมนตร์ เพลงกระบี่ และแม้แต่ทักษะเทวะกายเนื้อก็สามารถถูกจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงร่ายรําขับเคลื่อนออกมาได้ พลังโจมตีของแต่ละกระบวนท่านั้นยังรุนแรงราวเคลื่อนภูเขาย้ายทะเล!

วิชามังกรเก้าราชันย์นั้น เขาก็ฝึกปรือจนถึงเขตขั้นเทวะ!

ดวงตาของเจ้าสํานักเต๋าลุกวาบ และเพลงกระบี่ของเขาก็เคลื่อนไหวและจู่โจมจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงราวกับห่าพายุ เขาเอ่ยปากชม “ทุกคนพูดกันว่าราชครูเป็นยอดอัจฉริยะในมรรคา วิชา และทักษะเทวะ แต่โลกนี้พลาดที่จะเห็นจักรพรรดิเอี้ยนเฝิง ฝ่าบาทท่านนั้นเป็นยอดปรมาจารย์เรียบร้อยแล้วและสามารถก่อตั้งสํานักตน สร้างแดนศักดิ์สิทธิ์ของตนขึ้นมาได้ น่าเสียดาย!”

ฉัวะๆๆ!

กระบี่เต๋ามีจังหวะจะโคนของสวรรค์และพิภพ อันทะลวงผ่านชั้นการป้องกันของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงและสร้างบาดแผลให้แก่เขาซํ้าแล้วซํ้าอีก

ยูไลเห็นช่องโหว่ และบาตรทองของเขาก็พลิกควํ่าให้ 20 สรวงสวรรค์กดดันลงมา 20 โลกเล็กภายในบาตรโถมทับใส่ร่างจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงตามมาติดๆ

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงครางหนักเมื่อเขาต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาลจากสรวงสวรรค์ 20 ชั้น การเคลื่อนไหวของเขาก็เชื่องช้าลงไปด้วย แต่ทว่าพลานุภาพของมรรคาเต๋า วิชา และทักษะเทวะ ของเขากลับทวีความร้ายแรงขึ้นไปอีกเมื่อมันเข้าปะทะกับกระบี่เต๋า

เพลงกระบี่อันไม่สมบูรณ์จากเจ้าสํานักเต๋านั้นมีการเปลี่ยนแปลงอันเหลือคณานับ และไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้เมื่อเขาขับเคลื่อนกระบวนการพีชคณิตไปถึงขีดสุด เขาถ่องแท้ในการใช้หลักเต๋าสร้างหนึ่ง หนึ่งสร้างสอง สองสร้างสาม และสามสร้างสรรพสิ่ง

แต่ทว่า ภูมิปัญญาของเจ้าสํานักเต๋าก็ขาดสะบั้นอยู่เพียงแค่นี้ ดังนั้นเขาจึงฝึกปรือกระบวนท่าสุดท้ายไม่สําเร็จ นี่เป็นเหตุให้เพลงกระบี่ของเขาไม่สมบูรณ์ แต่กระนั้นเพลงกระบี่ที่ไม่สมบูรณ์นี้ก็อาจทําลายล้างได้ทุกมรรคาเต๋า วิชา และทักษะเทวะ!

ยูไลบังคับบาตรให้ลอยค้างอยู่ในอากาศและสวดท่องด้วยเสียงพุทธ “ราชครูสันตินิรันดร์ยังคงไม่ปรากฏตัว แต่การเปลี่ยนแปลงจะต้องมาถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเรารีบทําเรื่องนี้ให้จบให้เร็วที่สุดเถอะ” เมื่อเขากล่าวจบ ร่างของเขาก็สั่นสะท้านและแปรเปลี่ยนเป็นพุทธรูปสูงเสียดฟ้า ฝ่ามือของเขาผลักไปข้างหน้าอย่าง แผ่วเบา ทั้ง 5 นิ้วของเขาสั่นสะเทือน ทําให้กลายเป็น 5 ขุนเขาที่กดทับลงมา

ในตอนนั้นเองฉินมู่กําลังนั่งอยู่บนหลังกิเลนมังกรห่างออกไป 300 ลี้ กิเลนมังกรยังคงวิ่งตะบึงฝ่าอากาศขณะที่เหยียบไปบนเมฆอัคคี

“เร็วเข้า ไปเร็วกว่านี้ได้ไหม!” ฉินมู่รู้สึกถึงคลื่นสะเทือนอันรุนแรงมาจากทิศเบื้องหน้าและเร่งเร้าสัตว์ขี่ของตน “หากว่าเจ้าวิ่งได้เร็วกว่านี้้ ข้าให้ยาวิญญาณเพลิงฉานเจ้า 3 ถังเลย!”

กิเลนมังกรวิ่งไปก็หอบไปอย่างหนักและกล่าว “จ้าวลัทธิ ข้าพยายามสุดกําลังแล้ว”

ฉินมู่กัดฟันแล้วกล่าว “ความเร็วของเจ้าช้ากว่าวัวเขียวนั้นตั้งมาก! เขานั้นวิ่งไวกว่าเจ้า 2 เท่าก็ยังสบายๆ และสามารถเดินทางหมื่นลี้ได้ด้วยการวิ่งตะบึงเดียว! มังกรอ้วน หากเจ้ารีดเร้นพลังออกมามากกว่านี้ได้ ข้าจะพาเจ้าไปรุมกระทืบเจ้าวัวเขียว! แต่ถ้าเจ้ายังอืดอาดอย่างนี้อยู่ละก็ ข้าจะพาวัวเขียวมากระทืบเจ้าแทน!”

กิเลนมังกรกัดฟันกรอด และพลันรีดเร้นกําลังทั้งหมดที่ตนมี พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมฆอัคคีใต้เท้าเขาระเบิดปะทุ และความเร็วของเขาทบทวีขึ้นเป็นอย่างมาก แทบจะทําฉินมู่ร่วงลงจากหลัง หลังจากวิ่งไปด้วยความเร็วปานนี้ได้สัก 40-50 ลี้ ความเร็วของกิเลนมังกรก็ช้าลงอีกครั้ง และนํ้าลายเขาก็ฟูมเป็นฟองออกมาจากปาก “จ้าวลัทธิ ข้าไม่ไหวแล้ว!”

ฉินมู่จนปัญญาและกล่าวอย่างดุร้าย “ถ้าเจ้ากล้าตะกละอีกละก็ ข้าจะเอาเจ้าขึ้นโต๊ะอาหารในปีใหม่หน้า!”

ขณะที่เขาข่มขู่กิเลนมังกรอยู่นั่นเอง แสงสีเขียวและสีเทาก็พุ่งวาบผ่านไปทําให้เขาตกตะลึง แสง 2 เส้นนั้นพลันวกกลับมา

“มู่เอ๋อ ทําไมเจ้ามาอยู่ที่นี่” 2 เส้นแสงหยุดยั้ง เผยให้เห็นว่าเป็นเฒ่าหม่าและเฒ่าบอด เฒ่าบอดกล่าว “หากว่าสายตาข้าไม่ดี ข้าคงเผลอผ่านเจ้าไปนะเนี่ย เจ้าออกมาจากวัดใหญ่ฟ้าคํารามตั้งแต่เมื่อไรล่ะ พวกหลวงจีนหาเรื่องเจ้าไหม”

ฉินมู่กล่าวทันที “ข้าออกมาตามพวกท่านมาติดๆ ท่านปู่บอด ท่านปู่หม่า แย่แล้ว ยูไลกับพรรคพวกพากันไปสังหารจักรพรรดิ!”

เฒ่าหม่ากล่าว “ข้าเห็นแล้วล่ะ เรื่องเล็ก ปกติจักรพรรดิก็เปลี่ยนเรื่อยๆ อยู่แล้ว”

เฒ่าบอดฮึ่มฮั่ม “มู่เอ๋อ เจ้าอย่าเมินเรื่องสําคัญกว่านั้นสิ หลี่เทียนซิ่งต่างหากที่เป็นภัยอันร้ายแรง หากว่าไอ้เปรตนี่แย่งยิงร่างของยายเฒ่าไปได้ นั่นสิจะเป็นปัญหาจริงๆ ใครจะหยุดนางได้”

“ข้าเจอท่านยายแล้ว ดังนั้นท่านปู่ทั้งสองไม่ต้องกังวล ท่านยายเพียงแต่ไม่อยากจะกลับไปแดนโบราณวินาศเพราะเกรงว่าจะทําให้พวกท่านต้องพลอยติดร่างแหไปด้วย” ฉินมู่กะพริบตาปริบ แล้วถาม “ท่านปู่ทั้ง 2 ช่วยจักรพรรดิได้ไหม”

เฒ่าหม่ามองไปยังเฒ่าบอด เฒ่าบอดส่ายหน้า “ยาก จักรพรรดิอาจจะกลายเป็นศพไปแล้วตอนนี้ เมื่อยูไลและเจ้าสํานักเต๋าร่วมมือกันแม้แต่ราชครูสันตินิรันดร์ก็คงจนปัญญา จริงสิ ลัทธิมารฟ้าของเจ้าก็อยู่ที่นั่นด้วย และข้าคิดว่าพวกเขาคงตกตายอย่างน่าเวทนาเป็นรายต่อไป”

ฉินมู่กัดฟัน “ตอนนี้จักรพรรดิยังตายไม่ได้ แต่ไม่ต้องกังวล ยอดฝีมือของลัทธิข้า พวกเขาแค่เคลื่อนย้ายระยะไกลหนีไปได้ตลอดเวลา แล้วราชครูสันตินิรันดร์อ์ยู่ที่นั่นด้วยไหม”

“ไม่เห็นเขา” เฒ่าหม่ากล่าว “ยูไลนั้นชรามากแล้ว เจ้าสํานักเต๋าก็เช่นกัน พวกเขาไม่อาจต่อสู้เป็นระยะเวลานานๆ ได้หรอก มิเช่นนั้นอายุขัยของพวกเขาคงถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว”

เฒ่าบอดยิ้มแฉ่ง “พวกเราอายุน้อยกว่าพวกเขา”

เฒ่าหม่าพยักหน้า และเฒ่าบอดก็แย้มยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นให้พวกเราไปชิงตัวจักรพรรดิมาก็พอ มู่เอ๋อ รอที่นี่ พวกเราจะไปเอาศพจักรพรรดิมาให้เจ้า”

ฉินมู่ตกตะลึง “ศพ?”

เฒ่าหม่าพุ่งไปยังที่ไกลๆ แล้วและเสียงของก็ดังมาไกลลิบ “ในเมื่อเจ้าสํานักเต๋าร่วมลงมือกับยูไล เขาก็ต้องตายแน่นอน”

ในสนามรบ ยูไลและเจ้าสํานักเต๋าโจมตีพร้อมกันเมื่อหมายจะจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงถูกการจู่โจมอันร้ายแรงเช่นนี้ซํ้าแล้วซํ้าอีกระหว่างที่ต้องทนทานรับการโจมตีของตัวตนระดับเทวะ 2 คน ปราณและโลหิตของเขายังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ปราณและโลหิตของยูไลและเจ้าสํานักเต๋ากระเพื่อมขึ้นๆ ลงๆ แต่ทว่าวรยุทธ์ของทั้งสองคนนั้นแข็งแกร่งเกินไป ในด้านวรยุทธ์แล้ว ทั้งคู่เหนือลํ้ากว่าเขา และในด้านพลังการต่อสู้ ทั้งคู่ก็เหนือลํ้ากว่าจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงอีก ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนระดับเทวะทั้ง 2 ยังร่วมมือกลุ้มรุมเขา

แม้ว่าปราณและโลหิตของเขาจะยังคงพลุ่งพล่าน เขาก็เริ่มจะหมดเรี่ยวแรงและริบหรี่ราวกับถ่านไฟที่กําลังมอดดับ

เจ้าสํานักเต๋าและยูไลพบว่ากระบวนท่าต่อไปจะสามารถปลิดชีวิตจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงได้ แต่ทันใดนั้นไม้เท้าไผ่ก็พุ่งเข้ามา เจ้าสํานักเต๋าเฒ่ารีบเหวี่ยงกระบี่ออกไปป้องกันและยูไลรู้สึกถึงจิตสังหารที่มาจากด้านหลัง บาตรทองคําของเขาเปล่งแสงย้อนไปข้างหลังทันที และมีเสียงติ๊งต่องเมื่อไม้เท้าไผ่ปะทะกับกระบี่และกระบี่ก็ถูกปัดไปโจมตีบาตรทอง

เฒ่าบอดเซถอยไปก้าวหนึ่งและชมเปาะ “กําลังฝีมือยอดเยี่ยม วรยุทธ์ของเจ้าเหนือกว่าข้า ด้อยกว่าผู้ใหญ่บ้านเจ้าเฒ่านั่นเล็กน้อยเท่านั้น”

เมื่อเขากล่าวจบ เขาก็หันกายแล้วหนีไป

ยูไลและเจ้าสํานักเต๋ารีบเหลียวกลับมามองและพบว่าจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงได้หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

“ไม่ต้องตาม ปราณและโลหิตของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงเหือดแห้งจนหมดและสมบัติเทวะของเขาก็ล้วนแตกทําลายไปสิ้น” ยูไลถอนหายใจ “ดีล่ะ แม้ว่าจะช่วยเยียวยาให้เขารอดชีวิตได้ ก็กลายเป็นคนพิการไร้ประโยชน์”

ร่างหนึ่งพลันถูกโยนให้กับฉินมู่และร่วงลงมาบนหลังกิเลนมังกร “มู่เอ๋อ ศพที่เจ้าอยากได้อยู่ที่นี่แล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version