Skip to content

Tales of Herding Gods 262

ตอนที่ 262 สมบัติเทวะของจักรพรรดิ

ยายเฒ่าซีถูกดึงดูดด้วยประตูน้อมสวรรค์และม้วนคัมภีร์ อันที่จริงแล้วฉินมู่ไม่เข้าใจถ้อยคําบนนั้น เขาเพียงแต่สามารถอ่านข้อความบนประตูได้เท่านั้น

เขารู้ประโยคเดียวในภาษาแดนใต้พิภพ และนั่นคือวลีว่าประตูน้อมสวรรค์ เพื่อจะรู้ประโยคนี้เขาก็แทบถูกราชามารตู้เถียนหลอกล่อให้ไปตาย

“เจ้าอยากจะเรียนงั้นหรือ ข้าสอนเจ้าได้” ฉินมู่กล่าวอย่างใจเย็น

เสียงของหลี่เทียนซิ่งออกมาจากปากท่านยายซีเมื่อเขาแค่นเสียงหยัน “ข้าต้องให้เจ้าสอนด้วยหรือ เจ้าเป็นจ้าวลัทธิครูบาศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็เป็นจ้าวลัทธิครูบาศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเป็นรุ่นอาวุโสกว่าเจ้า ถ้าให้เจ้าสอนข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

ฉินมู่ยิ้ม “แต่เจ้าไม่รู้วิชาแท้จ้าวครองธาตุดินเทพครองดาวเสาร์ที่แท้จริง”

หลี่เทียนซิ่งไม่สบอารมณ์และกลอกดวงตาอันงดงามของท่านยายซีค้อนใส่เขาอย่างยั่วยวน “ข้าก็เป็นจ้าวลัทธิครูบาศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน มีอะไรที่ข้าไม่รู้”

ฉินมู่เมินเขาและตั้งจิตมั่น สายตาค้อนนั้นร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง และแทบจะทําให้เขาตกในความลุ่มหลง เขาขับเคลื่อนวิชาปลุกเนตรสวรรค์เก้าและชั้นสวรรค์หลายชั้นก็เปิดขึ้นมาในดวงตาของ เขา เมื่อเขามองไปยังจักรพรรดิ เขาก็เห็นแต่สมบัติเทวะที่พังภินท์ราวกับเศษซากของสวรรค์และพิภพ

ฉินมู่ตะโกนด้วยเสียงตํ่า และใจกลางหว่างคิ้วของเขาก็เปิดออกเผยให้เห็นดวงตาที่สาม ดวงตานี้ไม่เหมือนกับตาเนื้อในโลกมนุษย์ แต่มันมาจากโลกมิติอันมืดหม่น มันแผ่บรรยากาศอันมืดดํา และชั่วร้ายที่ทําให้แสงเทียนในห้องพลันริบหรี่ทันที

เมื่อดวงตานี้เปิดขึ้น ทั้งห้องเหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกมิติ อันดูไม่เหมือนโลกมนุษย์!

ฉินมู่ใช้ดวงตานี้มองไปที่คนไข้ของตนและพลันเห็นดวงวิญญาณ จิต จิตวิญญาณดั้งเดิมของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิง เขาพลันพบว่าปัญหาหลักๆ นั้นอยู่ที่ใด

คนผู้หนึ่งฝึกปรือจิตวิญญาณดั้งเดิมของตนก็ต่อเมื่อเข้าสู่ขั้นวรยุทธ์ชาวสวรรค์ เมื่อปราณชีวิตของเขาหลอมรวมเข้ากับวิญญาณและจิต พวกมันก็จะกลายเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิม อันเป็นเทพเจ้าที่ยืนสูงเยี่ยมอยู่ข้างหลังยอดยุทธ์ในขั้นชาวสวรรค์ด้วยเช่นกัน นั่นคือจิตวิญญาณดั้งเดิม ปราณชีวิต และจิต

จิตวิญญาณดั้งเดิมของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงยืนอยู่ที่สะพานเทวะ ดูเหมือนหมายจะข้ามไปยังเขตขั้นเทวะ แต่ในเมื่อสมบัติเทวะของเขากําลังพังทลาย จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขา รวมทั้งดวงวิญญาณและดวงจิตต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้วยดวงวิญญาณและดวงจิตที่ปั่นป่วนสับสนและจิตวิญญาณดั้งเดิมที่ไร้การปกป้อง สามวิญญาณและเจ็ดจิตของเขาจึงมิได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกต่อไป และยังมีพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวโจมตีใส่ร่างเนื้อของเขา ทําให้วิญญาณของเขาหวั่นไหวไม่สงบ

ดังนั้น ต่อให้ฉินมู่สามารถกอบกู้ร่างเนื้อของเขากลับมาดีได้ จิตและวิญญาณของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงก็ไม่อาจรั้งอยู่ในร่างได้อยู่ดี

รังสีอันคุกคามของหลี่เทียนซิ่งพลันกลายเป็นหดหู่เมื่อเขาเอ่ยปากถามอย่างขัดเคือง “แม้ว่าข้าจะไม่เคยเรียนรู้เนตรนี้มาก่อน… แต่ว่านี่มันคือวิชาแท้จ้าวครองแดนดินเทพครองดาวเสาร์ที่แท้จริงในคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตแน่หรือ”

ฉินมู่หลับตาลงและคลายเทวาจําแลงของเทพครองดาวเสาร์ เขาขมวดคิ้วเดินกลับไปกลับมาพลางครุ่นคิด หลี่เทียนซิ่งสะกดกลั้นโทสะเอาไว้และรออย่างเงียบเชียบ

ฉินมู่พลันปรบมือยิ้มร่า “ข้ายืนอยู่ตรงนี้ข้าจะไปเห็นอะไร ทําไมข้าไม่เข้าไปในร่างของจักรพรรดิเพื่อตรวจดูอย่างละเอียด! จ้าวลัทธิหลี่ ตามข้ามา!”

หลี่เทียนซิ่งตระหนกใจและถามอย่างไม่เชื่อถือ “เจ้าจะเข้าไปในร่างกายเขาได้อย่างไร”

“ง่ายจะตาย มันมีวิชาในคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตที่เรียกว่าวิชาเงามายาอันสามารถซ่อนผู้คนไว้ในเงา ซ่อนเร้นร่างเนื้อ และยังมีวิชาที่เรียกว่าวิชาเมล็ดผักกาดสวรรค์ที่สามารถย่อและขยายขนาดร่างเนื้อได้ โดยใช้วิชาทั้ง 2 ควบคู่กัน พวกเราก็จะสามารถย่อหดร่างกายก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นเงาเพื่อเข้าไปในร่างกายของ จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงและตรวจตราดูจิตวิญญาณดั้งเดิมและสมบัติเทวะของเขา”

ฉินมู่ปรายตามองหญิงสาวที่อยู่ใกล้ๆ แล้วกล่าว “เจ้าไม่รู้หรือ”

หลี่เทียนซิ่งหัวเราะด้วยความเดือดดาลแล้วกล่าว “ทําไมข้าจะไม่รู้”

ฉินมู่ถอยไปหนึ่งก้าวแล้วจับมือสตรีผู้นั้นเอาไว้ ดึงร่างนางไปยังจักรพรรดิเอี้ยนเฝิง ทั้งคู่พลันใช้วิชาเงามายาและวิชาเม็ดผักกาดสวรรค์พร้อมๆ กันและระหว่างที่พวกเขาวิ่งตรงไปยังจักรพรรดิเอี้ยนเฝิง ร่างของพวกเขาก็หดเล็กลงๆ ก่อนที่จะกลายเป็นเงาดําเล็กๆ บนพื้นอันมุดเข้าไปในใจกลางหว่างคิ้วของ จักรพรรดิเอี้ยนเฝิง

แม้ว่าจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงจะแข็งทื่อและถูกฉินมู่ปิดผนึกประสาทสัมผัสทั้งห้า เขาก็ยังคงรู้สึกได้ถึงเงาดํา 2 ร่างที่เคลื่อนที่ไปมาในร่างกายเขา

ฉินมู่และหลี่เทียนซิ่งชะงักเมื่อพวกเขามาถึงสมบัติเทวะทารกวิญญาณ พวกเขายืนอยู่ที่ชายเขตแดนของมันและมองตรงเข้าไปสมบัติเทวะทารกวิญญาณของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงนั้นถูกทําลายลงไปแล้ว ทารกวิญญาณและแท่นวิญญาณของเขาพังทลายลง และท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยรูโหว่นับพัน เผยให้เห็นกะโหลกศีรษะขาวที่อยู่ข้างนอก

และยังมีเลือดสดที่หลั่งไหลเข้ามาในสมบัติเทวะทารกวิญญาณราวกับนํ้าตกใหญ่มหึมา

นอกจากนั้น ฉินมู่ยังคงเห็นแสงกระบี่ที่พุ่งไปมาวูบวาบในสมบัติเทวะทารกวิญญาณ ทําลายล้างสมบัติเทวะนี้โดยไม่มีใครกีดขวาง

“กระบี่เต๋าของเจ้าสํานักเต๋า!”

หลี่เทียนซิ่งตกตะลึง “นักพรตเฒ่านั้นฝีมือเลิศลํ้าจริงๆ เขา ถึงกับส่งเจตจํานงกระบี่เข้ามาข้างใน!”

“เจ้าสามารถเอาเจตจํานงกระบี่นี้ออกไปได้ไหม” ฉินมู่ถาม หลี่เทียนซิ่งหัวเราะในคอ “ทําไมข้าต้องช่วยเจ้าด้วย”

ฉินมู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าได้เห็นคําสอนที่เที่ยงแท้ตั้งมากมายของคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตของข้า ก็น่าจะตอบแทนกันบ้าง ต่อให้เจ้าไม่ช่วยข้า พรุ่งนี้ข้าขอให้ท่านยายซีทําให้ก็ได้”

หลี่เทียนซิ่งแค่นเสียงและเหาะไปข้างหน้าด้วยมือที่กางนิ้วทั้งห้าออก ทันใดนั้นเส้นด้ายปราณชีวิตก็แผ่พุ่งออกมาเชื่อมต่อกัน เป็นกรงผนึกที่ใจกลางว่างเปล่ามุมตรงกันข้ามของแต่ละกรง เชื่อมต่อกันสร้างอีกกรงหนึ่งขึ้นในซ้อนกันไปเรื่อยๆ และข้างในนั้นก็มีกรงใหม่เกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หลี่เทียนซิ่งโยนลูกบาศก์นี้ออกไปปะทะกับเจตจํานงกระบี่อันหายวับทันที่เมื่อมันถูกสูบเข้าไปในกรง

หลี่เทียนซิ่งยื่นมือออกเพื่อคว้าลูกบาศก์กลับมา โยนมันขึ้นลงในมือและมองไปที่ฉินมู่ด้วยสีหน้าลําพองใจ

“วิชาผนึกอวกาศหลายหน้า” ฉินมู่อุทาน “นี่ชาญฉลาดจริงๆ”

“เจ้าอาจจะจดจํามันได้ แต่อาจจะช่วงใช้มันไม่ได้” หลี่เทียนซิ่งหัวเราะ

ฉินมู่ยิ้มน้อยๆ แล้วขับเคลื่อนวิชาผนึกอวกาศหลายหน้าโดยไม่ติดขัดเลยสักนิด “วรยุทธ์ของข้ายังอ่อนแอ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจปิดผนึกเจตจํานงกระบี่ของเจ้าสํานักเต๋าได้ แต่ถึงอย่างไร ข้าก็มีความรู้อยู่บ้างในเรื่องพีชคณิต ดังนั้นจึงรู้ว่าจะสร้างผนึกอวกาศ ต้องทําอย่างไร เพียงแต่พลังวัตรของข้าด้อยกว่าเจ้า เจ้า และข้า ล้วนแต่เป็นจ้าวลัทธิครูบาศักดิ์สิทธิ์ นั่นจึงเป็นเหตุให้สิ่งที่ข้ารู้ไม่มีทางน้อยไปกว่าเจ้า ซํ้าจะมากกว่าอีก”

หลี่เทียนซิ่งแค่นเสียงเฮอะ แต่ในเมื่อเสียงของเขาหวานเยิ้ม ตามลักษณะเสียงอิตถีเพศ ผู้ฟังจึงรู้สึกแต่ว่ามันน่ารักแทนที่จะรู้สึกรังเกียจ

ฉินมู่สูดลมหายใจลึกในใจและแปรเปลี่ยนเป็นเงาละเอียดที่ออกไปจากสมบัติเทวะทารกวิญญาณเข้าไปยังสมบัติเทวะห้าธาตุ

ที่นั่น มีพุทธรูปห้าองค์นั่งอยู่ในท้องฟ้าอันแตกหัก ซึ่งเข้ามานั่งแทนตําแหน่งดาวธาตุทั้งห้า หลี่เทียนซิ่งดีดนิ้ว และปราณมาร 5 สายก็แปรเปลี่ยนเป็นดอกบัว 5 ดอกที่ลอยลิ่วไปและร่วงลงใต้ร่างของพุทธรูปมหึมาเหล่านั้น ในพริบตานั้น พวกมันก็กลายเป็นอ่อนแอและเหี่ยวเฉาหายไปเมื่อเพลิงมารแผดเผา พุทธรูปทั้งห้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่าน หลี่เทียนซิ่งเยาะหยัน “เจ้าก็รู้จักนี่ด้วยไหมล่ะ”

ฉินมู่กล่าว “นี่คือมนตรห์ทัยมารบัวแดง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าร่ายมนตร์บทนี้ แต่มันไม่ด้อยไปกว่าเจ้าแน่นอน!”

ปราณชีวิตเขาเปลี่ยนรูปเมื่อเขาร่ายมนตรืหทัยมารบัวแดง ด้วยการดีดนิ้วของเขา ดอกบัวสีแดงสดก็ลอยออกไป

หลี่เทียนซิ่งจ้องดอกบัวไม่วางตา และมันเป็นมนตร์หทัยมารบัวแดงจริงๆ แต่ทว่ามันเหนือลํ้ากว่าเขา ดอกบัวแดงเพลิงมารที่เขาดีดออกไปเมื่อครู่ไม่พิสุทธิ์เท่ากับดอกบัวแดงของฉินมู่ที่ก่อรูปขึ้นมา

จากเพลิงกรรม แต่เพราะว่าข้อจํากัดของขั้นวรยุทธ์ พลานุภาพ ของมนตรห์ทัยมารบัวแดงของฉินมู่จึงด้อยกว่าของเขามาก

ทั้งคู่จึงไปยังสมบัติเทวะหกทิศและเห็นว่ามันถูกบดขยี้ อากาศรั่วไหลออกทุกทิศทาง อันทําให้สถานที่นี้เต็มไปด้วยสายลมและความหนาวเย็นและยังมีสรวงสวรรค์จมอยู่ครึ่งหนึ่งที่นี่ อันมีเทพเจ้าและพุทธองค์จํานวนมากมายโจมตีและทุบทําลาย 6 ทิศ

หลี่เทียนซิ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าว “จักรพรรดินี่เกินเยียวยา แต่ละชั้นสมบัติเทวะของเขายิ่งยํ่าแย่กว่าชั้นก่อนหน้า แม้เจ้าจะช่วยเขาได้ เขาก็จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เจ้าจําเป็นต้องทุ่มเทความพยายามขนาดนั้นด้วยหรือ”

ในการเดินทางครั้งนี้ นางก็ตระหนักแล้วว่าฉินมู่ จ้าวลัทธิครูบาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้กําลังทําอะไร ทัศนคติของนางที่มีต่อเขาดีขึ้นอย่างมาก และนางรู้สึกว่าการที่เขาลงแรงพยายามอย่างนี้ไม่คุ้มค่า

ก็ในเมื่อสุดท้ายแล้วจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงก็จะกลายเป็นคนไร้ความสามารถ

ฉินมู่ส่ายหน้า “ข้าจําเป็นต้องช่วยเขาเพื่อลัทธิมารฟ้า”

หลี่เทียนซิ่งไม่ถามอะไรอีกและลงมือใช้วิชาเพื่อถอนเศษซากของทักษะเทวะของยูไลออกไปจากสมบัติเทวะหกทิศ

“แม้ว่าข้าจะมิได้เป็นจ้าวลัทธิศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป แต่ครั้งหนึ่งข้าก็เคยสวมมงกุฎนั้น ข้ายินดีที่จะทําสิ่งอันเป็นประโยชน์ต่อลัทธิศักดิ์สิทธิ์” นางกล่าวด้วยเสียงเบา

ฉินมู่ตกตะลึง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเงียบงัน ทั้งคู่จึงไปยังสมบัติเทวะเจ็ดดาว และมองไปยังจุดที่สุริยันและจันทราควรจะแขวนห้อยอยู่บนท้องฟ้า ทั้งสองดาวนั้นถูกทําลายไปแล้ว และมีกระบี่เทวะลอยอยู่ที่นั่น กระบี่เทวะทั้งสองจะสั่นเทิ้มเป็นระยะ และปราณกระบี่ที่มืดมัวทั่วฟ้าก็จะปักลงมาในทุกทิศทาง!

ฉินมู่ฉงนฉงาย เขากล่าวด้วยเสียงตํ่า “สมบัติเทวะเจ็ดดาว จากชื่อมันน่าจะมีดวงดาวเจ็ดดวง…”

“สมบัติเทวะเจ็ดดาวมีสุริยันและจันทราดาวแฝด เมื่อรวมกับ ห้าดาวธาตุในสมบัติเทวะห้าธาตุก็จะนับได้เจ็ดดาว” หลี่เทียนซิ่งชี้ให้เขาเห็น “มองลงไปสิ เจ้าจะเห็นสมบัติเทวะห้าธาตุ”

ฉินมู่มองลงไป และหัวใจเขาสั่นสะท้าน เบื้องใต้เท้าของพวกเขาคือสมบัติเทวะห้าธาตุ และดาวธาตุทั้งห้ารวมกับสุริยันจัน ทราก็กลายเป็นเจ็ดดาว แต่ทว่า สมบัติเทวะห้าธาตุของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงถูกทําลายไป และมีรอยแยกอันน่ากลัวใต้เท้าพวกเขา ท้องฟ้าจะร่วงปริลงมาเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อน ดูไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง

“สมบัติเทวะทั้งสองนี้เชื่อมต่อกัน ดังนั้นเมื่อเจ้าฝึกวรยุทธ์ถึงขั้นเจ็ดดาว เจ้าก็จะเห็นห้าธาตุและเจ็ดดาวเป็นหนึ่งเดียวกัน หากว่าเจ้าฝึกถึงขั้นชาวสวรรค์ เจ้าก็จะเห็นหกทิศอยู่รอบนอกทารกวิญญาณ ห้าธาตุกระจายอยู่บนท้องฟ้า ส่วนสุริยันและจันทราแห่งเจ็ดทิศจะลอยอยู่จุดสูงสุด นั่นคือขั้วแห่งฟ้าและดิน”

หลี่เทียนซิ่งอธิบาย ชี้แนะเขา “เมื่อมาถึงขั้นเป็นตาย ความมืดก็จะปรากฏจากพื้นดินใต้เท้าของเจ้า ซึ่งคือทางผ่านไปยังแดนใต้พิภพ เมื่อเจ้าไปถึงสะพานเทวะ ก็จะมีสะพานเทวะเชื่อมต่อตลอดทางไปถึงสรวงสวรรค์! ในตอนนั้นเจ้าก็จะไม่ห่างไกลจากการสําเร็จเป็นเทพเจ้า”

นางเผยยิ้ม แต่เป็นยิ้มอันโหดร้าย

“แต่ในตอนนั้น เจ้าก็จะพบว่าสะพานอันเชื่อมต่อไปยังสรวงสวรรค์ขาดสะบั้น! ฮี่ๆ ขาดสะบั้น! การฝึกปรือตลอดทั้งชีวิตของเจ้า ความมุ่งมั่นและอุดมการณ์อันมั่นคงของเจ้า ล้วนแต่จะเปล่าประโยชน์เมื่อเจ้ามาถึงจุดสิ้นสุดอายุขัย ทุกอย่างจะว่างเปล่า ทุกอย่างจะว่างเปล่า!”

“เจ้าลัทธิหลี่ ใจเย็นๆ” ฉินมู่กล่าว หลี่เทียนซิ่งค้อนควักใส่เขาอย่างมีจริตจะก้านและถามอย่าง

อดไม่ได้ “เจ้าไม่ผิดหวังหรือ”

ฉินมู่ฉงนฉงาย “มีอะไรต้องผิดหวังหากว่าเจ้าใช้ชีวิตให้เต็มที่”

หลี่เทียนซิ่งอึ้งไปแต่แล้วก็ผงกหัวเห็นด้วย “นั่นแหละข้าถึงจะใช้ชีวิตให้เต็มที่ มาเป็นสุดยอดหญิงงามในแดนดิน!”

ฉินมู่ขนหัวลุกเขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะความตื่นเต้นจากยายเฒ่าซีหรือว่าเพราะเขาฝึกปรือคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตที่ทําให้หัวทึบ

พวกเขาเดินเข้าไปในสมบัติเทวะชาวสวรรค์ของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิง และในที่สุดฉินมู่ก็ได้เห็นว่าทารกวิญญาณ หกทิศ ห้าธาตุ และเจ็ดดาวสร้างขั้วฟ้าและดินที่หลี่เทียนซิ่งกล่าวถึงเป็นอย่างไร

เมื่อไปถึงขั้นเป็นตาย เขาก็เห็นความมืดของแดนใต้พิภพใต้เท้าตน

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสถานที่สุดท้าย สมบัติเทวะสะพานเทวะ

สะพานเทวะหนึ่งพาดข้ามท้องฟ้า ข้ามผ่านเป็นและตาย สุริยันและจันทรา ห้าธาตุ หกทิศ ดูราวกับว่ามีสรวงสวรรค์อันวิเศษตระการอยู่ที่ปลายทางสะพานเทวะอันมีทวยเทพเฝ้ารอให้พวกเขาก้าวเข้าไป

แต่ทว่าสะพานเทวะของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงได้แตกหักไปหลายแห่ง และมีชิ้นส่วนร่วงหล่นเป็นระยะๆ ร่วงตรงไปยังสมบัติเทวะชั้น อื่นๆ จนถึงสมบัติเทวะทารกวิญญาณ!

หลี่เทียนซิ่งมองไปรอบๆ “จักรพรรดินี่สิ้นหวังละ เขาไร้ประโยชน์ ดังนั้นเอาผืนหนังเขามาให้ข้า ข้าจะไปเป็นจักรพรรดิ และสันตินิรันดร์ก็จะกลายเป็นของลัทธิมารฟ้า!”

ฉินมู่ส่ายหน้า “เจ้าไม่เหมาะจะมาเป็นจักรพรรดิ เจ้าเหมาะก็แต่เป็นภัยพิบัติให้แก่สรรพชีวิตเท่านั้น”

หลี่เทียนซิ่งเดือดดาลและจ้องเขาอย่างโมโหโกรธา “ข้าจะเป็นจักรพรรดิหญิง และข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นสนม!”

ฉินมู่เหลือกตา อวดตาขาวใส่เขา หลี่เทียนซิ่งตะลึงไปครู่ จากนั้นหัวเราะคิกคัก

“ปีศาจสาวร้ายฤทธิ์!” ฉินมู่รีบปิดผนึกประสาทสัมผัสทั้งห้าทันใด เพื่อมิให้ตัวเขาได้รับผลกระทบ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version