31. วิชากระบี่แม่น้ำหลี่
ฉินมู่ใจเต้นตุ้มต่อมเมื่อเขาชักมีดเชือดหมูออกจากกลางหลัง เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอสถานการณ์แบบนี้
ท่าทีการวางตัวของมู่เป่ยเฝิงทำให้เขารู้สึกกดดันโดยไม่รู้ตัว
ทุกๆ วาจาและท่าทางที่ผู้อาวุโสนี้แสดงออกมา แผ่แรงกดดันมหาศาลให้กับทุกคนตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้ามาในหมู่บ้าน
การต่อสู้ระหว่างเขากับศิษย์พี่ฉูนั้นเป็นสถานการณ์บังคับซึ่งเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต่อสู้กลับ แต่ว่าการประลองพนันชีวิตตรงหน้าเขาแบบนี้ทำให้เขารู้สึกขนพองสยองเกล้า
ทำไมข้ายังกลัวอะไรแบบนี้ด้วย ในเมื่อข้ากล้าเยี่ยวใส่รูปสลักหินในหมู่บ้าน ข้ายังเคยเห็นภูตปีศาจอย่างแม่นางอู๋ และมารร้ายในวังสะกดเภทภัย หากว่าตอนนั้นข้าไม่กลัว ทำไมตอนนี้ข้าต้องกลัวด้วยล่ะ ไม่ว่ามู่เป่ยเฝิงจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่าเหล่าเทพและหมู่มาร!
ฉินมู่ตั้งสติ ระงับอารมณ์แตกตื่นของตน เขาแลมองไปรอบๆ และย่นคิ้วเล็กน้อย หมู่บ้านนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไร และรวมเขาแล้วมีคนอยู่ในนี้ทั้งหมดยี่สิบสองคน ยืนนิ่งกันเหมือนตอไม้ ตำแหน่งยืนของแต่ละคนแตกต่างและดูเหมือนจะยืนสุ่มๆ กระจายไปทั่วพื้นที่ของหมู่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านตั้งอยู่บนแคร่ของเขา นักปรุงยายืนอารักขาอยู่ข้างๆ คนแล่เนื้อกระโดดเอาตัวครึ่งท่อนของตนไปวางไว้บนกองไม้ และอีกกองไม้หนึ่งเฒ่าหม่าก็เอนพิงอยู่ ท่านยายซีถือตะกร้าของนาง เฒ่าใบ้ยืนอยู่หน้าห้องตีเหล็กของเขา เฒ่าหนวกมือถือพู่กันที่ยังมีหมึกหยดติ๋งๆ และเฒ่าเป๋ก็ยืนด้วยขาหนึ่งข้างกับไม้ค้ำหนึ่งอัน
ผู้คนที่มู่เป่ยเฝิงชักนำมาก็ดูเหมือนจะยืนในตำแหน่งที่สอดคล้องอย่างประหลาด การจัดตำแหน่งยืนของพวกเขาพิลึกพิสดาร ดูขวางทางไม่ให้ใครเคลื่อนไหวได้โดยเร็วในหมู่บ้าน อย่าว่าแต่จะสู้กันเลย
สถานการณ์เช่นนี้ เรียกร้องความแม่นยำสุดขั้วในการใช้ปราณคุมกระบี่บิน!
หากว่าจะใช้ปราณคุมกระบี่บินในสถานที่นี้ จะต้องระมัดระวังและแม่นยำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยว่ากระบี่ของเขาอาจจะเสียจังหวะถูกขัดขวางจากการที่เข้าไปชนกับบุคคลอื่นในบริเวณ เพลงมีดจากสำนักวิชาสายประชิดไม่อาจทำแบบนั้นได้ และนั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมฉินมู่ผู้ฝึกปรือวิชามีดเชือดหมู ดูจะใช้สู้ในสถานที่นี้ไม่ได้
“ที่นี่เลยหรือ” ฉินมู่ถาม
เฉียนชิ่วพยักหน้า “เราจะประลองกันที่นี่!”
ฉินมู่ฟังดังนั้นจึงเก็บมีดเชือดหมูเข้าฝัก แล้วตั้งท่าหมัดมือเปล่า
เฉียนชิ่วเห็นฉินมู่เก็บมีด ประกายในดวงตาของเขาไหววูบหนึ่ง เขาไม่คิดว่าฉินมู่จะเลือกใช้มือเปล่าแทนมีด
ก่อนที่มู่เป่ยเฝิงจะนำพวกเขามาที่นี่ พวกเขาได้สืบสวนร่องรอยจากซากโบราณในหุบเขา และจากทั้งกระดูกที่หลงเหลืออยู่ของศิษย์พี่ฉู มู่เป่ยเฝิงวิเคราะห์ว่าเขาถูกสังหารโดยวิชามีดของฉินมู่
ฉินมู่หยิบกิ่งไม้ใช้แทนมีด ฟาดตีศิษย์พี่ฉูครานั้น ร่องรอยที่เขาทิ้งไว้บนกระดูกมีรอยแตกเล็กเท่าเส้นผมหลงเหลือจากการถูกทุบตีอย่างหนัก
จากเบาะแสนี้ มู่เป่ยเฝิงคาดคะเนได้ว่าวิชามีดของฉินมู่นั้นซับซ้อนสูงส่ง ทั้งท่าเท้าของเขายังรวดเร็วว่องไว ทำให้เขาสามารถจู่โจมทุบตีศิษย์พี่ฉูจากรอบทิศทางได้!
ด้วยสายตาอันเหนือล้ำของมู่เป่ยเผิง และด้วยที่ว่าเขาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือของยุทธจักร เขาสามารถระบุจากร่องรอยที่หลงเหลือได้ว่าฉินมู่ใช้วิชาสายบู๊
สำนักวิชาสายบู๊นั้นเชี่ยวชาญในการต่อสู้ประชิดตัว และมักไม่ชำนาญในการใช้ปราณคุมกระบี่บิน
จากนั้นเป็นต้นมา มู่เป่ยเฝิงได้คิดแผนสังหารฉินมู่ เมื่อพวกเขาเข้ามาในหมู่บ้าน ตำแหน่งที่ยืนของพวกเขาจะยืนกันเป็นแบบแผนเพื่อจัดตั้งค่ายกลมังกรวารีแม่น้ำหลี่ จุดศูนย์กลางเก้าจุดของพยุหะถูกจงใจปล่อยว่างไว้ และมู่เป่ยเฝิงจะยืนที่ตำแหน่งหัวมังกร
นอกจากเฉียนชิ่วแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือจากสำนักแม่น้ำหลี่ เพื่อป้องกันมิให้ค่ายกลมังกรวารีแม่น้ำหลี่บังเกิดผล ผู้เฒ่าในหมู่บ้านพิการชราจะต้องยืนขัดขวางบนเก้าตาของพยุหะ ผู้ใหญ่บ้านและนักปรุงยายืนกดดันที่ตำแหน่งตามังกร เฒ่าบอดขัดขวางตำแหน่งหัวใจ เฒ่าเป๋ ท่านยายซี เฒ่าหม่า และคนแล่เนื้อ ยืนที่ข้อต่อขามังกรทั้งสี่ของค่ายกลมังกรวารี ช่างตีเหล็กยืนสะกดกายมังกร ส่วนเฒ่าหนวกยืนสะกดหางมังกร
ผลที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนยืนระเกะระกะในหมู่บ้าน ในเมื่อทุกคนต้องยืนป้องกันตำแหน่งของตน จึงยากที่ใครก็ตามจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในบริเวณนี้ และยากที่จะใช้ปราณคุมกระบี่บิน เว้นเสียแต่มีความเชี่ยวชาญแม่นยำอันสูงส่ง
แน่นอนว่า ฉินมู่ไม่ใช่คนผู้นั้น
และศิษย์ของมู่เป่ยเฝิง เฉียนชิ่ว คือบุคคลผู้นั้น
มาตรว่าเฉียนชิ่วจะยังอยู่ในขั้นวรยุทธทารกวิญญาณ แต่เขามีทักษะปราณคุมกระบี่บินสูงล้ำ เส้นด้ายปราณชีวิตของเขาถูกฟั่นเฟ้นรีดคลึงจนละเอียดประณีตเกินจินตนาการ ซ้ำวิชาฝีมือยังร้ายกาจ เขาเคยใช้ปราณคุมกระบี่บินมาบังคับพู่กันเพื่อวาดภาพหญิงงามในวรรณคดีจากระยะร้อยก้าว โดยรูปไม่ผิดเพี้ยนแม้ปลายเส้นผม
หากว่าฉินมู่ใช้มีดต่อสู้กับเขา ฉินมู่ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
เฉียนชิ่วไม่คาดคิดว่าฉินมู่จะเก็บมีดเข้าฝัก และรับคำท้าของเขาด้วยมือเปล่า แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรสองหมัดก็ยากจะต่อกรกับกระบี่วิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นกระบี่ที่เขาพกพามาด้วยครานี้ยังมิใช่กระบี่ธรรมดา แต่เป็นกระบี่อาวุธวิญญาณที่กำเนิดและถูกหล่อเลี้ยงในสมบัติเทวะหกทิศของผู้ฝึกยุทธขั้นหกทิศ
ความคมกล้า ความทนทาน ความแข็งแกร่ง และความคล่องแคล่วว่องไวของกระบี่วิญญาณย่อมเหนือล้ำกว่าอาวุธทั่วๆ ไป
ฉินมู่โค้งคำนับ “ศิษย์พี่ผู้นี้ เชิญลงมือ”
เฉียนชิ่วโค้งรับ กระบี่วิเศษที่ลอยอยู่ข้างหลังเขาส่งเสียงหึ่งๆ “ศิษย์น้องท่านนี้ เชิญลงมือ”
ทันทีที่ฉินมู่ย่างเท้า กระบี่วิเศษของเฉียนชิ่วก็พุ่งวาบเข้ามา ด้วยปราณคุมกระบี่บินของเขา กระบี่นั้นทิ่มแทงคุกคามฉินมู่ด้วยรังสีอันเย็นเยียบ
เส้นด้ายปราณชีวิตนั้นละเอียดประณีตจนแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ด้วยเสียงหึ่งเบาๆ กระบี่ก็เร่งทิ่มแทงรุกไล่ฉินมู่จากทุกทิศทางด้วยความเร็วอันละลานตา!
ฝีเท้าของฉินมู่ว่องไวถึงขีดสุด เมื่อเขาซิกแซกไปมาระหว่างกลุ่มคนที่ยืนนิ่งตามจุดต่างๆ ทว่าความเร็วกระบี่บินของเฉียนชิ่วยังเร็วกว่าเขา ถ้าใครเห็นฝีไม้ลายมือกระบี่บินวิเศษเอกอุระดับนี้ คงอึ้งจนพูดไม่ออก กระบี่บินไม่เฉียดใกล้ทำร้ายผู้คนที่ยืนอยู่เต็มพื้นที่เลยแม้แต่น้อย แต่ทุกท่วงท่าของมันกลับมุ่งร้ายหมายชีวิตของฉินมู่
ขนาดว่าเขาใช้วิชาขาขโมยสวรรค์ของเฒ่าเป๋ ฉินมู่ยังไม่อาจหลบหลีกคมกระบี่ได้ ด้วยว่ามีอุปสรรคขัดขวางการเคลื่อนที่มากเกินไปจากผู้คนที่ยืนเบื้อเป็นตอไม้เหล่านี้ ทำให้เขาไม่อาจเร่งเครื่องห้อสุดฝีตีน!
พรึ่บ!
ฉินมู่เพ่งไฟในจิต ปราณชีวิตของเขาพลันกลับกลายเป็นดุเดือดเลือดพล่าน และเกิดเสียงคำรามมังกรก้องครืนครัน บนแขนของเขาเลื้อยพันไว้ด้วยมังกรอัคคีอันปรากฏร่างขนดอยู่เลือนลาง
มังกรเพลิงนี้ดูวูบไหวไม่คงรูป บางครั้งหัวมังกรก็หลอมรวมเข้ากับหมัดของเขา และบางครากรงเล็บมังกรก็ผนึกผสานกับเข้าฝ่ามือของเขาเปลี่ยนแปรไปไม่หยุดยั้ง
เมื่อรังสีกระบี่พุ่งใส่ฉินมู่ เขารับมันด้วยหมัดเปล่า ขณะที่กำปั้นของเขาจะปะทะกับกระบี่วิญญาณนั่นเอง นิ้วทั้งห้าของเขาก็คลายออก และอากาศในฝ่ามือก็ระเบิด ผลักปลายกระบี่ที่ทิ่มแทงมาให้กระดอนออกไป!
ติง ติง ติง ติง ติง!
นิ้วทั้งห้าของฉินมู่ดีดออกและปะทะกับทั่วทั้งใบกระบี่รัวติดๆ กัน ทุกการดีดส่งเสียงกัมปนาทยังกับว่าใช้ค้อนยักษ์ทุบขยี้ใส่กระบี่
เมื่อเขาดีดนิ้วที่ห้า กระบี่วิญญาณก็กระเด็นออกไปจากตัวเขา ทำลายเส้นด้ายปราณชีวิตของเฉียนชิ่วไปด้วยพร้อมๆ กัน
ฉินมู่เร่งความเร็วฝีเท้า และซิกแซกผ่านกลุ่มคนมุ่งไปหาเฉียนชิ่ว จังหวะนี้เฉียนชิ่วมีสีหน้าตกตะลึง ทว่าเสียงกระบี่อีกเล่มดังขึ้นจากถุงกระบี่ของเขา กระบี่วิญญาณอีกเล่มพุ่งวาบออกมาและจู่โจมฉินมู่ทันที
คราวนี้ฉินมู่ตกตะลึงบ้าง เขารีบถอยกลับ กระบี่วิญญาณเล่มที่สามพลันลอยพุ่งออกมา ตามด้วยเล่มที่สี่ เล่มที่ห้า เล่มที่หก เล่มที่เจ็ด…
กระบี่วิญญาณมากกว่าสิบเล่มพุ่งฉวัดเฉวียนในทิศทางเดียวกัน เมื่อเส้นด้ายวิญญาณของเฉียนชิ่วร้อยผ่านด้ามจนถึงปลายกระบี่ กระบี่ทั้งหมดถูกร้อยต่อกันเป็นเส้นสายดูคล้ายมังกรเงินโจนทะยานแหวกว่ายในอากาศ และก็ดูคล้ายกับกระแสน้ำคลั่งในแม่น้ำหลี่
วิชากระบี่แม่น้ำหลี่!
ยอดวิชากระบี่อันดับหนึ่งในแดนใต้
กระบี่หัวขบวนของเฉียนชิ่วคล่องแคล่วพลิกแพลงถึงขีดสุดเมื่อมันเผ่นโผนโจนทะยานไปทั่วทิศ กระบี่ที่ตามขบวนมาข้างหลังเลี้ยวตามหัวอย่างคล่องแคล่ว เหินผ่านผู้คนที่ยืนระเกะระกะโดยไม่แตะต้องใครเลย จากมุมมองของฉินมู่ เขามองเห็นแค่กระบี่หัวขบวนโดยมิอาจเห็นกระบี่เล่มอื่นๆ
สัญญาณอันตรายร้องหวีดหวือในจิตของเขา สิ่งที่เขาไม่อาจมองเห็นได้ก็หมายความว่าเขาไม่เห็นทิศทางของมัน เมื่อไม่เห็นทิศทางก็ยากจะหลบหลีก และมิอาจคะเนทำนายว่ากระบี่เหล่านั้นจะทิ่มแทงมายังจุดใด
เพลงกระบี่แม่น้ำหลี่กลอกกลิ้งร้ายกาจจริงๆ!
ในพริบตานั้นเอง กระบี่วิญญาณหัวขบวนก็พุ่งวาบจนเห็นแค่เงาใส่ฉินมู่ ทำให้ฉินมู่ปั่นป่วน
ข้างหลังเงากระบี่แรก กระบี่เล่มที่สองพลันฉีกออกจากขบวนแล้วทิ่มแทงไปยังคอหอยของฉินมู่ มันถูกบังคับโดยเส้นด้ายปราณวิญญาณที่ซ่อนอยู่อีกเส้น