ตอนที่ 372 วางเพลิง
หวางมู่หรันและคนอื่นๆ งงงวยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อฉินมู่ขี่กิเลน มังกร เจ้าตัวนี้วิ่งอืดอาดเอามากๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คาดคิดว่า ฉินมู่จะล่วงหน้ามาได้ หรือว่ากิเลนมังกรจอมตะกละนี้จะซุกงําฝีมือ แกล้งทําเป็นอ่อนแอ
ทั้ง 3 คนก้าวมาข้างหน้าและคารวะทักทายกัน หลงอวี๋นั้นดี ขึ้นกว่าเมื่อสองสามวันก่อนมาก เขานั้นไม่หัวเราะคิกคักอีกต่อไป และสีหน้าของเขาก็ไม่เลว
“นี่คือช่างตีเหล็กของหมู่บ้านข้า ท่านปู่ใบ้” ฉินมู่แนะนําเฒ่า ใบ้ให้ทุกคนรู้จัก
เฒ่าใบ้ยิ้มแฉ่ง เขาส่งหีบไม้ให้หวางมู่หรัน แต่ฉินมู่ตะโกน ทันที “อย่ารับนะ!”
หวางมู่หรันตะลึงและไม่ได้ยื่นมือออกไป เฒ่าใบ้ทําแก้มป่อง เขาร้องอาๆ บ่นพึมว่าฉินมู่ไม่รู้จักเคารพผู้เฒ่าผู้แก่
ฉินมู่ไม่อธิบาย ในเมื่อเขารู้ดีว่าหีบของเฒ่าใบ้นั้นหนักอึ้งมาก แค่ไหน หากว่าหวางมู่หรันรับไป เขาก็จะถูกทับลงไปกับพื้นแน่
หากว่าให้ฉินมู่ชี้ตัวผู้เฒ่าที่ซุกซนร้ายกาจที่สุดในหมู่บ้าน ก็ จะต้องชี้เฒ่าใบ้อย่างแน่นอน!
แม้ว่าเฒ่าเป๋จะชอบต้มตุ๋นเอาพุทราเชื่อมของเขาตั้งแต่เขายัง เล็ก แต่เฒ่าเป๋ก็แค่แกล้งหยอกเขา และมักจะคืนให้ฉินมู่ที่ร้องแงๆ หลังจากกัดไปเพียงคําสองคํา
เฒ่าใบ้จึงเป็นผู้ที่ซุกซนร้ายกาจที่สุดในหมู่บ้าน เขามีแผนร้าย อยู่เต็มพุง ตั้งแต่เด็กจนโต ฉินมู่โดนเขาหลอกมานับครั้งไม่ถ้วน
“การต่อสู้เมื่อ 2 วันก่อนหยุดลงไป ดังนั้นพวกเราจึงไม่แน่ใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น” หวางมู่หรันกล่าว “พวกเรารีบมาตามทาง และสัมผัสถึงรัศมีที่เทพเจ้าเหล่านั้นปะทะกัน จากทิศทางที่รัศมีแผ่มา จุดปะทะน่าจะอยู่ในใจกลางระหว่างมณฑลผ่อนคลายและมณฑล ป้าโจว”
เขานําแผนที่ของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ออกมาและค้นพบ มณฑลผ่อนคลายและมณฑลป้าโจว เขากากบาทตําแหน่งไว้ที่จุด กึ่งกลางระหว่าง 2 มณฑล
ฉินมู่ตะลึงไป นั่นคือจุดที่ท่านยายซีอาศัยอยู่!
สถานที่ที่เทพเจ้าเหล่านี้ต่อสู้กันนั้นไม่ห่างไกลจากท่านยาย เช่นนั้นนางน่าจะตกอยู่ในอันตราย!
หัวใจของเขากระสับกระส่าย แต่ผู้ใหญ่บ้านและผู้สันโดษชิง โยวได้ล่วงหน้าไปที่นั่นแล้ว ความเร็วของพวกเขาเร็วกว่ามาก และ น่าจะไปถึงจุดปะทะนานแล้ว
“พวกเราอยู่ไม่ไกลจากสถานที่นั้นอีกต่อไป เหลือเพียง ประมาณ 1,000 ลี้ ดังนั้นพวกเราจะสามารถไปถึงที่นั่นได้ภายใน 1 วันหรือน้อยกว่า!” มู่ชิงไต้กล่าว
ฉินมู่นําขลุ่ยทองคําออกมาและใช้ปราณชีวิตของเขาเป่ามัน เขากล่าว “ครึ่งวันก็ไม่จําเป็น”
สํานึกรู้ของมังกรไร้เขาตัวหนึ่งเชื่อมต่อกับฉินมู่ และมันรีบ เขย่าร่างเพื่อแปลงกายเป็นสัตว์ยักษ์มหึมาอันยาวกว่า 15 วา ฉินมู่กระโดดขึ้นไปบนหลังของมันและกิเลนมังกรก็กระโดดขึ้นตาม
“ขึ้นมาสิ พวกเราคงใช้เวลาอย่างมากก็ชั่วโมงหนึ่งก็ถึงที่นั่น” หวางมู่หรันและคนอื่นๆ งงงวย แต่ก็ยังกระโดดขึ้นมาบนหลัง
มังกรไร้เขา กวางใหญ่ก็ขึ้นมาด้วยและมองไปที่มังกรไร้เขานี้ด้วย สายตาสงสัย ก่อนที่จะหันไปมองกิเลนมังกรด้วยเช่นกัน
กิเลนมังกรก้มหน้ามองจมูกของตนเองและไม่ใส่ใจสายตา เหยียดหยามที่ส่งมาจากกวาง
เฒ่าใบ้กระโดดขึ้นไปกับหีบของเขา และมังกรไร้เขาอัน ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามพลันถูกกดแบนลงกับพื้น มันแผละลงไป เหมือนกับงูตาย กรงเล็บทั้ง 4 ข้างของมันตะเกียกตะกายเพื่อดิ้น ขึ้นมา ขุดหลุมลึกเข้าไปในดิน แต่ก็ปี นไม่ขึ้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
“ท่านปู่ใบ้ ลงไป ลงไป!” ฉินมู่ตะโกนทันที “ท่านจะทับมันตายแล้วนั่น!”
เฒ่าใบ้กระโดดลงด้วยความขัดเคืองและส่งภาษามือรัวๆ
ฉินมู่หน้าแดงฉาน “ท่านปู่ใบ้ ทําไมท่านดุด่าข้าล่ะ ข้าไม่ได้ไม่เคารพท่าน เพียงแต่หีบของท่านนั้นหนักเกินไป…ดูสิ ท่านดุด่าข้าอีกแล้ว!”
หวางมู่หรันและพรรคพวกหันไปมองหน้ากันด้วยความอึ้ง
ฉินมู่เป่าขลุ่ยทองคํา และมังกรไร้เขา 10 กว่าตัวก็บินเข้ามา ช่วยกันยกเฒ่าใบ้ขึ้น ตาเฒ่าผู้นี้ถึงค่อยพอใจ มังกรไร้เขาเหล่านี้ มากฤทธิ์เดช เทียบได้กับสุดยอดฝีมือระดับจ้าวลัทธิ ดังนั้นความเร็วของพวกมันย่อมไม่ชักช้า
ทุกคนรีบรุดไปด้วยความเร็วยิ่งยวด ต้นไม้รอบๆ ข้างพวกเขา ผ่านหวือไปราวกับเงา แม้แต่ภูเขาก็ผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว บนหลังของมังกรนี้ กวางตัวผู้ยังคงมองไปที่กิเลนมังกรด้วยสายตา ที่ดูแคลนมากขึ้นเรื่อยๆ มันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงจามดังๆ ออกมา อันน่าจะเป็นคําเย้ยหยันเจ้าตะกละนี่
กิเลนมังกรหางตกลู่และมองแต่จมูกตัวเอง
ฉินมู่เห็นแล้วก็ค่อนข้างปลื้มใจ มังกรอ้วนก็ยังรู้จักอายอยู่ ดังนั้นเขาก็น่าจะพอสอนได้ ข้าจะป้อนยาชีวาเทพธาตุไฟให้เขาพรุ่งนี้ และคราวนี้ข้าจะไม่ให้เขาเลือกทิ้งล่ะ
ทันใดนั้น มังกรดําไร้เขาตัวเพรียวยาวจํานวนหนึ่งก็ปรากฏ ขึ้นมา บ้างก็ปีนไต่อยู่บนยอดไม้ และบ้างก็บินอยู่บนอากาศ พวก มันโงหัวขึ้นมองมายังมังกรไร้เขาและกลุ่มคนที่มังกรไร้เขาแบกอยู่
ฉินมู่กวาดตาไปและสะดุ้ง
“สัตว์พิสดารอย่างมังกรไร้เขาปกติแล้วหาได้ยาก ทําไมตอนนี้ มันมีอยู่เต็มไปหมด” มู่ชิงไต้ถามด้วยความฉงน
มังกรดําไร้เขาเหล่านั้นเหาะขึ้นมาและเงยหัวขึ้นคําราม เปล่ง เสียงประหลาดเหมือนกัน “โอมาฮา โอมาฮา”
ทุกๆ คนหันกลับไป และเห็นฝูงมังกรแบบเดียวกันนี้ เป็นพันๆ ตัวเหาะมาข้างหลัง พวกมันหนาแน่นเป็นอย่างยิ่งอันคลี่คลุมไปทั้งยอดเขา
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือมังกรไร้เขาหลายพันตัวพวกนั้น ทั้งกระโจน เลื้อย และเหาะเข้ามาไล่ล่าพวกเขา
ฉินมู่เบือนหน้าไปจากพวกมัน
คนที่มีความสามารถทำเช่นนี้ได้ ก็ย่อมต้องเป็นเทพครองแดน เลี้ยงมังกร! มังกรไร้เขาส่วนใหญ่ของเขาอยู่กับข้า แล้วมังกรดำไร้ เขาพวกนี้มาจากที่ไหนกัน พวกมันดูไม่ค่อยเหมือนของจริงเท่าไร
เขาเปิดถุงเต๋าตี้ของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรและนําคัมภีร์เลี้ยง มังกรออกมาดู หลังจากสํารวจดูอย่างละเอียด เขาก็เห็นประโยคที่ กล่าวถึงการใช้ปราณมังกรหล่อเลี้ยงร่างกาย
‘ดูดซับปราณมังกร บ่มเพาะร่างกายให้เป็นมังกรตัวหนึ่ง จากนั้นโคจรวิชาเพื่อเปลี่ยนร่างกล้ามเนื้อ เส้นผม และผิวหนัง ไม่มีสิ่งใดที่มิอาจแปลงร่างได้’
ฉินมู่อึ้งไปเล็กน้อย เขาหันกลับไปมองที่มังกรดําไร้เขา เหล่านั้น อันไล่ล่าพวกเขามาอย่างดุเดือด ถ้าอย่างนั้น มังกรดำไร้
เขาพวกนี้ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเทพครองแดนเลี้ยงมังกร และในเมื่อพวกมันมีมากมายขนาดนี้ ก็ย่อมต้องเป็นเส้นผมของเขา สมแล้วที่เป็นเทพเจ้าแห่งเหนือฟ้า ถึงกับสามารถบ่มเพาะเส้นผมของตนเองให้กลายเป็นมังกรได้ ในเมื่อพวกมันเป็นเส้นผม พวกมันก็น่าจะกลัวไฟ…
ฉินมู่กะพริบตาปริบ และเสียงของขลุ่ยก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หนึ่งในมังกรอัคคีที่แบกเฒ่าใบ้อยู่นั้น ชะลอความเร็วลงและพลัน ยอบกายหายลงไปในป่าข้างล่าง
ฉินมู่ควบคุมมังกรตัวอื่นๆ ไปเร่งรีบไปตามทาง ระหว่างที่มังกร ดําไร้เขาอันหนาแน่นฝูงนั้นไล่ตามมาอย่างบ้าคลั่งราวกับเมฆดํา พยับหนึ่ง
เมื่อเมฆดํานี้เหาะผ่านเหนือมังกรอัคคี เพ ลิงแท้อันน่าสะพรึงกลัวก็พลันพวยพุ่งจากข้างล่าง และพลันขยายท่วมรัศมีกว่า 10 ลี้ มังกรดําไร้เขาจํานวนนับไม่ถ้วนดิ้นปัดๆ เมื่อพวกมันถูกเผา ในไฟแท้สมาธิ ควันดําคลุ้งโขมงไปทั่วฟ้า และไม่นานนัก สิ่งมีชีวิต เหล่านี้อันเป็นเส้นผมของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรก็ถูกเผาไปจน สิ้นซาก
หลังจากมังกรอัคคีไร้เขาแผดเผามังกรดําไร้เขาทั้งมวลแล้ว มันก็รีบเร่งติดตามกลุ่มไป พลางโยกหัวสะบัดหางไปมา ไม่นานนัก มันก็ตามทันและมาช่วยเพื่อนแบกผู้เฒ่าต่อ
เฒ่าใบ้เผยสีหน้าชื่นชมและยกนิ้วโป้งให้ฉินมู่ เด็กหนุ่มยิ้มเขิน และโบกไม้โบกมือ “ท่านปู่ใบ้ อย่าพูดชมข้าแบบนี้สิ…”
หวางมู่หรัน มู่ชิงไต้ และหลงอวี๋เบิกตากว้างจ้องมองมังกรดําไร้ เขาหลายพันตัวที่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน พวกเขาทุกคนตัวสั่นสะท้าน
“มู่หรัน เจ้าเป็นเด็กดี อยู่ห่างๆ กษัตริย์มนุษย์ไว้” หลงอวี๋ลอบ กระซิบบอก “คนผู้นี้สันดานมารเข้มข้นเกินไป!”
หวางมู่หรันลังเล “ศิษย์พี่ใหญ่ เมื่อท่านเสียสติไปนั้น เขาและ ข้าได้ร่วมมือเป็นพันธมิตร และก่อตั้งพันธมิตรสวรรค์ ข้าเป็น 1 ใน 4 ผู้นําใหญ่ที่นั่น ดังนั้นข้าและเขาจึงลงเรือลําเดียวกันแล้ว…”
หลงอวี๋มองตาค้างและผ่านไปสักพักก็ถอนหายใจ “เจ้าจะถูก เขาชักออกนอกลู่นอกทาง”
ผ่านไปสักพัก เทพครองแดนเลี้ยงมังกรก็มาถึงจุดที่ฉินมู่เผา มังกรดําไร้เขาทั้งหมดของเขา และสีหน้าของเทพเจ้าก็ดําสนิทเมื่อ เห็นเถ้าถ่านโปรยไปทั่วภูเขา เขาโกรธเกรี้ยวจนมือสั่นเทิ้ม “ไอ้เด็ก หน้าซื่อตาใส ไอ้เด็กหน้าซื่อตาใส…”
บนหัวเขาเหนือเส้นผมหยิกขอดอยู่ไม่กี่เส้น และมันดูจะมีชีวิต ขึ้นมาเองเมื่อพวกมันสั่นเทิ้มไปมาด้วยความหวาดกลัว
“ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด! แม้ว่าเจ้าจะขึ้นสวรรค์หรือลง นรก ข้าก็จะไปลากคอเจ้า! ข้าจะสับศพเจ้าให้ละเอียด! สับเป็น หมื่นๆ ชิ้น!”
เขาถอนเอาเส้นผมที่เหลืออยู่อันดิ้นส่ายไหวไปมาบนหัว พยายามจะกลับเข้าไปในหนังหัวคืน เห็นได้ชัดว่าพวกมันหวาด ผวาเมื่อได้เห็นจุดจบของสหายพวกเดียวกัน
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรมีสีหน้ามืดครึ้มและเป่าลมหายใจแห่ง ปราณมังกรเข้าไปในเส้นผมกํานี้ พวกมันแปลงร่างเป็นมังกรดําและดมฟุดฟิดในบริเวณรอบๆ พวกมันสามารถได้กลิ่นที่หลงเหลือ อยู่ของมังกรไร้เขาตัวอื่นๆ แต่ไม่กล้าที่จะไล่ติดตามไป
“เลี้ยงพวกเจ้าเสียข้าวสุก!”
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรโกรธกริ้ว เขาสะบัดหัว และมังกรดํา
ไร้เขาทั้งหลายก็แปลงร่างกลับเป็นเส้นผมคืนไปยังหนังหัวของเขา อีกครา
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรปาดข้อมือของตนเพื่อรีดเลือดสด ออกมาเล็กน้อย เลือดหยดเหล่านั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นมังกร โลหิตไร้เขาเพื่อติดตามหาร่องรอยของฉินมู่ต่อไป
ข้างหน้านั่นเป็นสถานอาศัยเร้นกายของท่านยาย
ฉินมู่หยุดเป่าขลุ่ยและมองไปข้างหน้า ภาพที่เห็นทําให้เขา ตะลึงไปอย่างข่มไม่อยู่
ท่านยายซีอาศัยอยู่ที่ตีนเนินเขาอันอยู่กึ่งกลางระหว่างมณฑล ป้าโจวและมณฑลผ่อนคลาย ข้างๆ บ้านมีทะเลสาบใส บริเวณ โดยรอบร้างไร้ผู้คนและเงียบสงบ เพราะว่าหลี่เทียนซิ่งชอบออกมา เที่ยวเล่นข้างนอก ท่านยายจึงเลือกสถานที่อันห่างไกลผู้คน
แต่ทว่า ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าฉินมู่และคนอื่นๆ มิใช่ป่าชัฏ และภูเขาเถื่อน ในทางตรงข้าม มันคือหมู่ปราสาทราชวังอันหรูหรา วิจิตร ซึ่งก่อสร้างขึ้นมาจากทองคําและหยก
ราชวังสวรรค์ตั้งอยู่เคียงกันเต็มไปหมด เปลี่ยนให้ป่าชัฏและ ภูเขาเถื่อนกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะ มีเสาหินอ่อนสลักเป็นหงส์มังกรมากมาย หยกขาวถูกปูลาดไว้บนพื้น และเสาทองคํา ใหญ่มหึมาไร้ใดเปรียบที่คํ้ายันหลังคาอันกุก่องเหนือธรรมดา!
เทือกเขาใกล้ๆ นั้นก็ผ่านการปรับเปลี่ยน มีทั้งหินรูปทรง ประหลาดและป่าสนหน้าตาพิสดาร หญ้าวิญญาณพรืดเต็มไปทั่ว ดินแดน มีทั้งบุปผชาติสีสันสดใส สัตว์พิสดารแปลกประหลาด มากมายและสัตว์ปีกพิสดารโบยบินไปทั่ว อุทยานทุกชนิดทุก ขนาดเกลื่อนกล่นไปหมด และยังมีสมุนไพรวิญญาณมากมายที่ ฉินมู่ไม่รู้จัก
นํ้าพุวิเศษ นํ้าตกลอยฟ้า ทางเดินคดเคี้ยว ธารนํ้าและโตรกถํ้า อันช่วยมาแต่งแต้มความงามของขุนเขาและแม่นํ้าอันน่าจะหาชม ได้ก็แต่ในภาพวาดเท่านั้น
แม้ว่าทุกคนในกลุ่มจะมาจากสํานักใหญ่อันโด่งดังที่คุ้นเคยกับ การได้เห็นความหรูหราวิจิตร แต่การเดินอยู่บนแดนศักดิ์สิทธิ์แห่ง นี้ก็ทําให้พวกเขารู้สึกเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง พวกเขากลัวจะทํา ให้พื้นสกปรกหรือไปชนให้การตกแต่งเหล่านั้นเสียหายไป
เฒ่าใบ้เผยสีหน้าสงสัยและส่งสัญญาณมือสองสามครั้ง ฉินมู่ กล่าวอย่างงงงัน “ข้าก็ไม่รู้ ตอนที่ข้ามาคราวก่อนมันไม่ได้เป็นแบบ นี้…ท่านยาย! ท่านยาย!”
เขาเรียก 2 ครั้ง แต่ไม่มีคนตอบ มีก็แต่ปลายักษ์สองสามตัว กระโดดขึ้นมาจากนํ้า แปลงกลายเป็นสตรีงดงามซึ่งมีร่างท่อนบน เป็นมนุษย์และครึ่งท่อนล่างเป็นปลา พวกนางเอนพิงภูเขาจําลองใน ทะเลสาบและขับร้องเพลงอันรื่นหูด้วยเสียงอันทรงเสน่ห์และนุ่มนวลของตน
เฒ่าใบ้ร้องอาๆ 2 ทีและฉินมู่พยักหน้า “มันหรูหราเกินไป จริงๆ นั่นแหละ ข้าก็ไม่รู้ว่าท่านยายได้ของทั้งหมดพวกนี้มาได้ อย่างไร…”
พวกเขามายังโถงเทวะแห่งหนึ่งซึ่งประดับประดาเพริศแพร้ว อย่างเหลือล้น หลังจากเข้าไปแล้ว พวกเขาก็รีบเดินออกมาทันที
ด้วยกลัวว่าจะทําให้สถานที่นั้นสกปรก เฒ่าใบ้เดินไปอีก 2 ก้าว จากนั้นก็วางหีบไม้ของตนลง
“ท่านยายไม่ได้อยู่ที่นี่” ฉินมู่กล่าวแก่หวางมู่หรันและคนอื่นๆ ด้วยความงงงวย “ท่านยายคงไม่อยู่บ้าน เช่นนั้นพวกเรารอสักเดี๋ยว ก่อนดีกว่า หากว่าฟ้าจะมืดแล้วท่านยายก็ยังไม่กลับ พวกเราต้อง รีบออกจากที่นี่โดยพลัน ชักช้าไม่ได้แม้แต่นานทีเดียว! เมื่อ
ท้องฟ้ามืดคํ่า ผู้ที่กลับมาไม่ใช่ท่านยายแน่นอน แต่จะเป็นมารเฒ่า!”
