38. พระสูตรมหายานยูไล
หลวงจีนน้อยหมิงซิ่นฟังแล้วก็โมโหเลือดขึ้นหน้า ตะโกนใส่ฉินมู่ “พยศอวดดี! เจ้ากล้าดียังไงมาลบหลู่พุทธองค์!”
ฉินมู่เผยรอยยิ้มด้วยใจสงบ สองตาเขาปรี่ล้นด้วยความมั่นใจอันไร้ประมาณ เมื่อเขารู้ว่าถึงแม้หลวงจีนเยาว์ผู้นี้จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน หรือวิชาฝึกปรือจนร้ายกาจเพียงใด แต่ในแง่กรอบคิดจิตใจเขามิอาจเทียบเทียมฉินมู่ได้
หลวงจีนเฒ่าที่นั่งอยู่หน้าเฒ่าหม่าลังเลหวั่นไหว สิ่งที่ฉินมู่พูดแม้จะดูพยศอวดดี เมื่อเขามิได้หมิ่นหยามเพียงแต่พุทธองค์ แต่ยังดูแคลนเทพและมารอีกด้วย ทว่าเมื่อเขาฟังแล้วมันกลับไม่ดูคล้ายคำพยศอวดดีเลยสักนิด แต่กลับฟังคล้ายถ้อยคำแห่งปัญญา
ไม่มีพุทธะในหัวใจ เจ้าย่อมสามารถเป็นพุทธะ
เมื่อยังมีพุทธะในหัวใจ เจ้าก็มิอาจเป็นพุทธะ
ไม่มีมารในหัวใจ เจ้าย่อมสามารถเป็นมาร
แต่หากยังมีมารในหัวใจ เจ้าก็มิอาจเป็นมาร
กรอบคิดจิตใจของหมิงซิ่นยังไม่บรรลุถึงขั้นนั้น เขาจึงไม่อาจเข้าใจความนัยของประโยคนี้ได้ ทว่าหลวงจีนเฒ่ารู้ซึ้งถึงความนัยของมัน หลวงจีนเฒ่าเพิ่งเข้าใจนัยยะของกรอบคิดจิตใจนี้ก็ต่อเมื่อเขาบรรลุวรยุทธขั้นชาวสวรรค์ แต่ถึงแม้ว่าขณะนี้เขาเกือบจะบรรลุวรยุทธขั้นเป็นตายแต่ก็ยังมิอาจทุบทำลายพุทธรูปในหัวใจ ยิ่งพลังวัตรสูงล้ำมากเท่าไหร่ก็ยิ่งซึ้งกระจ่างใจถึงพลานุภาพมารและเทพ และตระหนักถึงความสูงส่งอัศจรรย์ของพระพุทธองค์
มันพูดง่ายแต่ทำยาก
ตรรกะแบบนี้กลับสามารถออกจากปากของเด็กผู้นี้ได้ ช่างดูน่าแปลกประหลาดเป็นล้นพ้น และที่ยิ่งประหลาดกว่านั้นคือ เด็กผู้นี้ถึงกับอ้างว่าเขาได้ทุบทำลายเทพและพุทธในหัวใจแล้ว!
อายุของฉินมู่นั้นยังน้อยเกินกว่าที่น่าจะเข้าใกล้เฉียดเคียงแก่นแท้ความนัยของคำพูดดังกล่าว ในเมื่อเขายังมิอาจเข้าใกล้แก่นแท้ได้ เหตุใดเขาจึงสามารถทุบทำลายเทพและพุทธในใจตนได้
หากผู้ใดจะทุบทำลายเทพและพุทธในใจ ผู้นั้นต้องฝึกปรือขัดเกลาตนเองอย่างหนักหนาสาหัส และผ่านประสบการณ์แสงสว่างทางปัญญา มิเช่นนั้นในใจของเขา พุทธะก็จะยังเป็นพุทธะ และเทพก็จะยังเป็นเทพ
แต่ยังไง เขาก็มิได้เรียนรู้สุดยอดวิชาของวัดใหญ่ฟ้าคำราม ดังนั้นไม่ว่ากรอบคิดจิตใจเขาจะเหนือล้ำปานใด ก็คงไม่อาจเอาชัยหมิงซิ่นได้
หลวงจีนเฒ่าหลุบตาต่ำตามเดิม มีทีท่าเหมือนปล่อยวางจิตว่างจากผลแพ้ชนะ
บนเวทีประลอง ร่างสูงโปร่งของหมิงซิ่นมีแสงทองเรืองรองลางๆ ให้ผู้คนที่มองเห็นรู้สึกราวว่าเขาคือพุทธองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์และสูงสง่า สร้างแรงกดดันไร้ประมาณแก่จิตวิญญาณของผู้มองเห็น!
ข้างล่างเวทีประลองเต็มไปด้วยผู้คนจากหมู่บ้านต่างๆ พวกเขาถูกดึงดูดจากการต่อสู้ และคุยวิพากษ์วิจารณ์กันอึกทึก แต่ทว่าเมื่อร่างของหมิงซิ่นเปล่งรัศมีทอง เสียงพูดคุยก็หยุดลงทันที กลายเป็นความเงียบสงัด
พวกเขาหุบปากลงโดยทัน ราวกับว่าได้ยินเสียงตวาดติเตียนดังกึกก้องใส่หน้า!
นี่คือวิชาฝึกใจของสำนักพุทธ พระสูตรมหายานยูไล
วิชาฝึกใจนี้แตกต่างจากวิชาฝึกใจของสำนักอื่นๆ แนวทางที่สำนักพุทธยึดถือนั้นเป็นการฝึกปรือจากภายนอกเข้าสู่ภายใน ภายนอกนั้นหมายถึงภายนอกร่างกาย ให้ร่างกายสำเร็จพุทธะ ภายในหมายถึงหัวใจ ให้หัวใจสำเร็จพุทธะ
แม้ว่าหมิงซิ่นจะเพิ่งฝึกถึงขั้นร่างกายสำเร็จพุทธะ แต่ด้วยภาพเงาของพุทธองค์ที่ปรากฏ มันก็เหมือนมีเสียงตวาดติเตียนดังกึกก้องใส่หน้า!
ท่านยายซีและคนอื่นๆ กังวลจนนั่งไม่ติด ขนาดหมิงซิ่นยังไม่เริ่มลงมือโจมตี เขาก็เปล่งรัศมีแสดงความกล้าแกร่งเพื่อทำลายขวัญกำลังใจสู้ของฉินมู่แล้ว
ถามผู้คนในโลกหล้า ผู้ใดหาญกล้าจู่โจมพุทธองค์
ฉินมู่กล้า!
ใจและกายฉินมู่รวมเป็นหนึ่ง ตามด้วยใจและจิต จิตและหมัด หมัดและปราณ ปราณและกาย ทั้งหมดหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทารกวิญญาณเคลื่อนไหวตามกายเนื้อ และเมื่อกายเนื้อและจิตวิญญาณรวมเป็นหนึ่ง เขาก็ร่ายหมัดซัดพายุสายฟ้าเก้ามังกร!
ท่าเท้าของฉินมู่คือวิชาขาเทวะขโมยสวรรค์ของเฒ่าเป๋อันว่องไวราวปรอท ไม่ทันที่หมิงซิ่นจะกะพริบตา ฉินมู่ก็พุ่งวาบมาตรงหน้าเขา และไม่ทันที่หมิงซิ่นจะตั้งการ์ด กำปั้นของฉินมู่ก็ฟาดลงบนอกเขาแล้ว
พายุสายฟ้าเก้ามังกรประกอบด้วยพลังเก้าระลอกซ่อนอยู่ในหมัด ระลอกแรกคล้ายมังกรเพลิงอันพวยพุ่งออกจากหมัดฉินมู่ปะทะอกหมิงซิ่น สร้างเสียงตูมดังสนั่น
แสงทองเรืองจากร่างของหมิงซิ่นแจ่มจ้าขึ้นทันตา และเงารูประฆังทองคำปรากฏครอบร่างเขาอยู่ลางเลือน
พลังระลอกที่สองของฉินมู่ตามมาติดๆ ระลอกที่สองคือมังกรคู่บิดเกลียว มังกรสองตัวหมุนพันกันแล้วทะลวงควงสว่านใส่จุดเดิม
เหง่ง!
เสียงระฆังดังขึ้นอีกครา เมื่อพลังสองระลอกนี้มาติดๆ กันอย่างรวดเร็ว เสียงระฆังดังซ้อนทับ ก่อคลื่นเสียงกึกก้องสนั่นหวั่นไหว!
ต่อจากนั้น พลังระลอกที่สามก็ตามมา สามมังกรทลายหิน ตามด้วยสี่มังกรโจนขย้ำ ห้ามังกรขจัดมาร หกมังกรกลับชาติ และเจ็ดมังกรอาละวาดสมุทร!
คลื่นพลังเจ็ดระลอกซัดซ้ำกันอย่างต่อเนื่อง เสียงระฆังก็ดังรัวกันติดๆ แสงทองจากร่างหมิงซิ่นจึงโรยราลง ทำให้หลวงจีนร่างสูงต้องถอยกลับไปหนึ่งก้าว
พลังระลอกที่แปด มังกรสมานฟ้า กระแทกให้หมิงซิ่นก้าวถอยไปอีก และพลังระลอกที่เก้าของฉินมู่ เก้ามังกรพายุสายฟ้า ตามซ้ำซัดจนแสงทองหุ้มกายหมิงซิ่นแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ
ฉินมู่ตื่นตระหนก ขนาดลิงยักษ์อสูรยังไม่อาจทนทานรับพลังหมัดเต็มพิกัดของพายุสายฟ้าเก้ามังกร ทุกครั้งที่ฉินมู่ประลองฝีมือกับมัน เขาจะยั้งมือไว้แค่พลังระลอกที่หกหรือเจ็ดเท่านั้น เพราะเกรงว่าจะทำอันตรายแก่ลิงยักษ์อสูรจนเจ็บสาหัส แต่ทว่าหมิงซิ่นตรงหน้าเขาไม่หลบหลีกหมัด แอ่นอกรับพลังเก้าระลอกตรงๆ ได้!
จากที่ท่านยายซีบอกเตือน เขาไม่ได้ออมมือเก็บกำลังซัดไปเต็มที่ แม้กระทั่งช่วงใช้พลังภายในสมบัติทารกเทวะวิญญาณ แต่ทั้งหมดนี้ทำได้แค่ให้หมิงซิ่นถอยไปไม่กี่ก้าว
“เจ้ามิได้รับถ่ายทอดแก่นแท้ของวิชาฟ้าคำรามแปดจู่โจม”
หมิงซิ่นขยับ ปราณชีวิตระเบิดปะทุใต้ฝ่าเท้า เร็วดุจประกายไฟ เขายกฝ่ามือขึ้นมากำ เสียงฟ้าผ่าดังเลื่อนลั่นออกมา ด้วยกำปั้นซัดไปหมัดเดียว เสียงมังกรคำรามกึกก้องสะเทือนแก้วหู!
ครึ่ม!
ก่อนที่หมัดจะปะทะฉินมู่ เขาเห็นปราณชีวิตของหมิงซิ่นแปรรูปเปลี่ยนลักษณ์เป็นมังกรเขียว แม้ว่ามันจะดูเลือนลาง แต่มังกรนั้นก็ดูดุร้ายข่มขวัญ!
พลังระลอกแรกจากพายุสายฟ้าเก้ามังกร ถึงกับก่อรูปเป็นมังกรจากปราณชีวิต นั่นแสดงว่าปราณชีวิตของเขาทั้งเข้มข้นและที่สำคัญคือเขามีวิชาฝึกใจที่เสริมส่งสอดคล้องกับฟ้าคำรามแปดจู่โจมอย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือสิ่งที่ฉินมู่ขาดพร่อง!
ฉินมู่รับหมัดนั้นโดยตรง และรู้สึกถึงกำลังมหาศาลของพลังระลอกแรก ทว่าไม่ทันที่เขาจะตั้งตัวจากระลอกที่หนึ่งได้ พลังระลอกที่สองก็ตามมาพร้อมกับมังกรคู่บิดเกลียว มังกรสองตัวก่อรูปจากปราณชีวิตของหมิงซิ่นหมุนรัดพัน บิดแขนฉินมู่จนปัดเป๋ พลังระลอกที่สามก็ตามมาและกระแทกซัดไปบนแขนของเขา!
เลือดกระเซ็นออกจากแขนของฉินมู่ทันที และท่าเท้าของเขาก็กลายเป็นสับสนเมื่อเขาถอยกรูดๆไป เศษหินดินปลิวว่อนกระเซ็นกระสายไปทั่วสารทิศไป เมื่อเท้าของเขากระแทกสนามประลองด้วยกำลังแรง
มังกรปราณสี่สายกระโจนขย้ำใส่เขา ฉินมู่ครางเสียงหนัก และรีบขับปราณเข้าไปในดวงตาปลุกเนตรสวรรค์อย่างเร็วรี่ ปราณชีวิตในมือเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นทวนยาว แล้วแทงสวบทะลุเงาสี่มังกรไปถึงฝ่ามือของหมิงซิ่น ก่อนที่ห้ามังกรขจัดมารของหมิงซิ่นจะถูกปลดปล่อยออกมา ปราณชีวิตของเขาก็ถูกสลายไปโดยทวนนี้
เมื่อพลังทั้งสองปะทะกัน หอกอันก่อรูปขึ้นมาด้วยปราณชีวิตของฉินมู่ก็แตกสลายไปเช่นกัน
ฉินมู่เลิกคิ้วเขม้นมองฝ่ามือของหมิงซิ่น บนฝ่ามือมีหยดเลือดหยาดออกมา จากการถูกปลายทวนแทงเข้า
ขณะที่แขนของฉินมู่เละเทะเต็มไปด้วยบาดแผล อาการเขาสาหัสกว่าหมิงซิ่นมาก
ฉินมู่สูดลมหายใจลึกเมื่อปราณของเขาพลันโหมเพลิงกระพือ แล้วพุ่งเข้าใส่หมิงซิ่น
สายฟ้าวสันต์ในทะเลบูรพา!
คราวนี้เขามิได้ใช้ปราณชีวิตธาตุน้ำ และเปลี่ยนเป็นไฟแทน เพลงหมัดเขาประดุจลำน้ำเพลิงที่พุ่งลงจากท้องฟ้าทะลวงลงไปในทะเล หมายจะแผดเผามหาสมุทรให้เหือดแห้ง!
หมิงซิ่นไม่ขยับเลยสักก้าว เขาเพียงยกมือขึ้นรับกระบวนท่า สองตาเขาดูกระจ่างใสไร้กังวล “โดยปราศจากวิชาฝึกใจ ทุกสิ่งก็เป็นแค่เปลือกกลวงเปล่าอันดูดีแต่รูป”
หมิงซิ่นร่ายรำกระบวนท่าสายฟ้าวสันต์ในทะเลบูรพาเช่นกัน และสายฟ้าฟาดก็ระเบิดออกจากฝ่ามือ ทำลายวิญญาณด้วยการฟาดเปรี้ยงของฟ้าพิโรธ รัศมีเพลิงโหมฟ้าของฉินมู่ถูกทำลายหายวับไปในพริบตา!
และในจังหวะนั้นเอง ฉินมู่ก็ยกแขนทั้งสองชูขึ้น พวกมันติดไฟเพลิง เขาใช้แขนต่างมีด ฟาดฟันใส่หมิงซิ่นราวปีศาจคลั่ง!
วิชามีดเชือดหมู…ตะวันในทะเลบูรพา คลื่นซัดพันระลอก!
นี่เป็นกระบวนท่าอันบ้าคลั่ง เพราะหากจะปลดปล่อยพลานุภาพของวิชามีดคนแล่เนื้อให้ถึงขีดสุด คนใช้ต้องบ้าและคลั่งพอ ด้วยรูปลักษณ์ของดวงตะวันเจิดจ้าโผล่พ้นผืนน้ำ พร้อมชักพาคลื่นหนึ่งพันระลอกโหมซัดซ้อนทับกันในคราเดียว ใช้พลังมีดไร้ต่อต้านฟาดฟัน ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางมัน!
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
ในพริบตานั้น คลื่นหนึ่งพันระลอก มีดหนึ่งพันมีด โถมทับซ้อนกัน ไม่มีสิ่งที่ที่มีดเหล่านี้มิอาจผ่า ไม่มีสิ่งใดที่คลื่นนี้มิอาจทำลาย!
สีหน้าหมิงซิ่นแปรเปลี่ยน แต่ฉินมู่เองก็ขมวดคิ้ว เขาเห็นได้ว่าหมิงซิ่นรับมือวิชามีดเขาด้วยกระบวนท่าที่แปดของฟ้าคำรามแปดจู่โจม…พุทธองค์พันกร!
ฝ่ามือของหลวงจีนน้อยผู้นั้นรับฝ่ามือของเขา เงาฝ่ามือคล้ายกับพุทธองค์ที่มีพันแขนกำลังป้องกันมีดอันบ้าคลั่ง!
ฉินมู่ใจเสียเล็กน้อย แขนของเขามิใช่มีดจริง พลังป้องกันของหมิงซิ่นแข็งแกร่งยิ่งยวด ยากที่จะใช้แขนแทนมีดเฉือนหั่นมือเขาไป
งั้นข้าต้องฟาดฟันให้เร็วขึ้น! เร็วขึ้นเร็วขึ้นอีก! เร็วจนเจ้าไม่อาจคว้าจับมีดของข้า! ลมฝนราตรีถล่มเมือง!
ฉินมู่เหมือนมารอสูรที่กำลังบ้าเลือด และฟาดฟันเพลงมีดอย่างเกรี้ยวกราด มีเพียงกระแสคิดเดียวที่อยู่ในหัวของเขา คือ เร็วขึ้น เร็วขึ้น เร็วขึ้น เร็วจนกว่าเขาจะบั่นหัวพุทธองค์ได้สำเร็จ!
“ไม่มีหมูตัวไหนในโลกที่มีดเชือดหมูข้าเชือดมันมิได้!” ฉินมู่ตะโกนอย่างอุกอาจ ปราณชีวิตของเขาพลุ่งพล่าน
ติง ติง ติง ติง ติง!
หมิงซิ่นใช้พุทธองค์พันกรรับมือ และทันใดนั้น เขาก็พลาดรับมีดฉินมู่ไปหนึ่งมีด มันเฉือนเข้าที่คอของเขา แสงรูประฆังทองใบยักษ์ที่ปกป้องพิทักษ์กายส่งเสียงเหง่งหง่าง ตามมาด้วยมีดที่สองที่ฟันซ้ำรอยเดิม สร้างเสียงระฆังดังสนั่นอีกรอบ
มีดที่สาม มีดที่สี่ มีดที่ห้า และมีดที่หก!
มีดของฉินมู่ยิ่งมายิ่งเร็วหวือ และจู่โจมจุดเดิมซ้ำๆ ซึ่งก็คือคอหอยของหมิงซิ่น!
“ศิษย์พี่ เมื่อครั้งกระโน้นข้าเรียนวิชาเดียวกับเจ้า และเราต่างก็รู้ไส้รู้พุงกันดี กระบวนท่าพุทธองค์พันกรของเจ้ามีช่องโหว่”
เฒ่าหม่าที่นั่งประจันหน้าหลวงจีนกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ดูเหมือนว่าเจ้าจะถ่ายทอดช่องโหว่กระบวนท่าให้กับศิษย์ของเจ้าเช่นกัน”