41. ผลักมีด
เมื่อฉินมู่วิ่งตะบึงไปไม่พัก เขาก็สร้างเกลียวลมหมุนตามเส้นทางที่วิ่งไป ยายเฒ่าซีและเฒ่าบอดนั่งอยู่บนจุดยอดของเกลียวลมนี้เพื่อเกาะลอยตามมาด้วย คลื่นน้ำเกิดจากการเคลื่อนไหวของกระแสน้ำ และคลื่นลมที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของฉินมู่ก็ทำให้เกิดยอดลมขึ้นมา
ชายหนุ่มที่เกาะหลังฉินมู่มารีบกระโดดลง แล้วนำคนทั้งสามไปยังบ้านของเขา ปากก็เร่งด้วยร้อนใจ “พวกท่าน เร็วๆ ทางนี้!”
ฉินมู่เลิกคิดเรื่องยอดลมไปชั่วคราว และเดินไปยังลานหน้าบ้านของเรือนแห่งนี้เพื่อแลดูสภาพแวดล้อม หมู่บ้านแห่งนี้ใหญ่กว่าหมู่บ้านพิการชรา มีผู้คนอาศัยอยู่กว่าร้อยครัวเรือน บ้านแต่ละหลังปลูกสร้างแบบเรียบง่ายและหยาบกร้าน
ที่ลานหน้าบ้านมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านกว้างคลุมครึ่งบ้าน หญิงที่กำลังจะคลอดอาศัยอยู่ในบ้านหลังที่อยู่ใต้ไม้ใหญ่ต้นนั้น
หญิงชาวบ้านอีกคนหนึ่งโผล่หัวออกมาจากห้องและตะโกน “น้ำคร่ำของนางเดินแล้ว เอาน้ำร้อนมาเร็วเข้า! โอ้…ดีจริงๆ หมอตำแยจากหมู่บ้านพิการชรามาที่นี่แล้ว! คราวนี้แม่และเด็กต้องปลอดภัยแน่!”
ท่านยายซีมองไปรอบๆ และเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทันที นางกล่าวกับฉินมู่ “มู่เอ๋อ ปลุกเนตรของเจ้าแล้วมองรอบๆ หาสิ่งผิดปกติ ถ้ามีปัญหา เจ้าแก้มันเลยด้วยตนเอง ข้าจะเข้าไปข้างในช่วยทำคลอดเด็ก เฒ่าบอด เจ้าต้องระวังตัวด้วย อย่าพลอยตกหลุมพรางไปอีกคน”
“เนตรสวรรค์ ปลุกพลัง!”
ฉินมูปลุกเนตรสวรรค์ของตนและมองไปรอบๆ ทันใดนั้นสายตาของเขาก็จ้องจับที่ยอดไม้หนาทึบ เขาเสียวสันหลังวาบกับสิ่งที่เห็นจนแทบจะร้องอุทานออกมา
มีไม้กิ่งหนึ่งบนต้นไม้ที่หนาอวบ แต่เมื่อเขาเขม้นมองให้ดีแล้วกลับพบว่ามันคืองูยักษ์ที่ลำตัวใหญ่เท่าถังน้ำ!
งูยักษ์ตัวนี้ซ่อนอยู่บนคาคบไม้ ครึ่งร่างของมันจมหายซ่อนไปกับลำต้นไม้ ตามลำต้นมีตาไม้เป็นปุ่มๆ แต่จริงๆ แล้วนั่นคือลำตัวของงูที่โผล่จากต้นไม้กลวงๆ นั้น!
เพียงดูจากขนาดตัวของมัน ฉินมู่คิดว่าความยาวตัวของมันคงไม่ใช่แค่ที่เห็นนี้ บางทีอีกครึ่งร่างของมันอาจจะซ่อนในรากไม้ใต้ดิน ตัวยาวยักษ์ยิ่งกว่างูมังกรเขียวที่เฒ่าหม่าเคยจับมา!
ตลอดทั้งลำต้นรวมถึงคาคบไม้ ปลดปล่อยกระแสไอดำออกมาคลี่คลุมห่อหุ้มบ้านใต้ต้นไม้หลังนี้!
ในตอนนั้นเอง งูมหึมาก็แลบลิ้นสองแฉกสีแดงฉานของมันออกมาเมื่อมันก้มหัวลงจับจ้องห้องที่หญิงท้องแก่กำลังคลอดลูก ฉินมู่ไม่รู้ว่ามันกำลังจะทำอะไร!
ฉินมู่กลัวว่าสายตาของเขาจะมองผิดพลาดไป จึงลองหยุดเนตรสวรรค์และมองดูด้วยตาเปล่า ต้นไม้ใหญ่ยังคงเป็นต้นไม้ใหญ่มิใช่งูยักษ์ แต่เมื่อเขาปลุกเนตรสวรรค์อีกครั้ง ก็ยังคงเห็นงูยักษ์เลื้อยพันบนคาคบไม้รอกลืนกินวิญญาณทารกที่กำลังจะลืมตาดูโลก!
เห็นได้ชัดว่างูยักษ์นี้นี่แหละที่คอยกินวิญญาณทารกที่หญิงนางนี้คลอดออกมาในระยะเวลาหลายปีนี้!
ไฟโทสะลุกขึ้นในใจเขาทันที และเขาเอ่ยปากถามอย่างเคร่งขรึม “ท่านปู่บอด…”
เฒ่าบอดที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ตอบอย่างไม่ยี่หระ “ท่านยายของเจ้าบอกให้เจ้าจัดการเองไม่ใช่หรือ ดังนั้นจะทำอะไรก็ทำ นี่จะเป็นการออกล่าครั้งแรกของเจ้า รีบ ๆ เข้า เด็กกำลังจะคลอดอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว”
ฉินมู่จึงตั้งท่าตั้งสติ แล้วเดินไปที่โคนต้นไม้ใหญ่นั้น เขาสูดลมหายใจลึกและระบายออกสุดปอด
ปราณชีวิตของเขาอันนิ่งอยู่แต่เดิมเริ่มเคลื่อนคล้อยโคจร และด้วยโทสะที่โหมกระพือในใจ ปราณของเขาก็ไหลหลั่งถั่งโถมอย่างไร้สิ้นสุด เมื่อมันโคจรไหลเวียนเร็วขึ้นและเร็วขึ้น!
เมื่อปราณชีวิตในตัวของเขาท่วมท้นขึ้นมา รังสีโทสะของเขาก็ยิ่งร้อนแรงเดือดพล่าน!
ชริ้ง!
ทันใดนั้น มีดเชือดหมูก็สั่นพ้องกับปราณชีวิตในกายเขา และพุ่งขึ้นลอยเหนือหัวส่งเสียงหึ่ง
ยื่นมือคว้าจับมีด ปราณชีวิตอันคลุ้มคลั่งของเขาก็ถั่งโถมเข้าไปในมีดเชือดหมู เขาตวัดมีดฟัน!
ฟันเข้าไปสุดกำลัง!
ฉัวะ!
มีดเชือดหมูในมือเขาส่งเสียงหวีดหวือเมื่อมันฉีกทึ้งอากาศและฟันฉับเข้าไปที่ลำต้นไม้!
เคร้ง!
เสียงกระทบดังสนั่นเมื่อฉินมู่ฝังคมมีดเข้าไปในต้นไม้ และเฉือนจมครึ่งลำตัวงูยักษ์ งูนั้นฝึกปรือเนื้อและหนังของมันจนเหนียวหนาทนทานอย่างยิ่งยวด ขนาดที่ว่ามีดเชือดหมูที่เฒ่าใบ้หลอมตีขึ้นมา อันคมกล้าเหนือล้ำกว่าอาวุธวิญญาณ ยังมิอาจฟันงูยักษ์ขาดเป็นสองท่อนได้!
สองมือเขากุมมีดมั่น สองขาก็ใช้วิชาขาของเฒ่าเป๋
เฒ่าเป๋เคยกล่าวไว้ว่า สองขาก็เหมือนสายลม ดุจพื้นพสุธา เป็นรากเหง้าของพละกำลังทั้งปวง!
เหยียบขายืนหยัดบนปฐพี เขาช่วงใช้กำลังทั้งหมดที่มี และพื้นรอบจุดที่เขายืนก็ยุบตัวลงไปด้วยกำลังแรง พละกำลังทั้งหมดที่ส่งมานั้น เขาใช้มันผลักสันมีดขณะที่มืออีกข้างก็ยังกุมกำด้ามมีดแน่น!
เสียงครืดคราดดังมาหนึ่งครา งูมหึมาและต้นไม้นั้น ตัวและต้นขาดออกเป็นสองท่อนพร้อมๆ กัน!
ฉินมู่ตั้งกำลังขาให้แม่นเหมาะ แล้วเหวี่ยงมีดเชือดหมูตรงหน้าเขาโลหิตที่หยาดหยดจากตัวมีดยังคงหยดย้อยลงมา และกล้ามเนื้อบนหลังเขาก็บิดเคลื่อนไปมาอย่างมิอาจควบคุมได้
เบื้องหลังเขา ต้นไม้ใหญ่ค่อยเอียงลงแล้วล้มลงไปอีกทิศ
โครม!
ต้นไม้สูงลิ่วนี้ล้มครืนลงในลานหน้าบ้าน ทำฝุ่นคลีฟุ้งตลบไปหมด และทันใดนั้น ต้นไม้ใหญ่ที่ล้มโค่นก็กลับมาขยับเขยื้อนมีชีวิต!
งูยักษ์ที่ถูกมีดเฉือนออกเป็นสองท่อนยังไม่ตาย ร่างท่อนบนของมันดิ้นฟาดเหวี่ยงไปรอบๆ ทำลายลำต้นไม้ที่มันซุ่มซ่อนอยู่ เปลือกไม้ปลิวว่อนไปทั่ว เปลือกบางชิ้นถูกเหวี่ยงอย่างแรงจนถึงกับฝังเข้าไปในกำแพงผนัง!
เปลือกไม้อันแตกระเบิดไปรอบทิศ ยังน่ากลัวเสียยิ่งกว่าหอกซัด เมื่อมันพุ่งแหวกอากาศด้วยกำลังแรง
ลมฝนราตรีทลายเมือง!
ใบมีดเชือดหมูในมือฉินมู่สะบัดวาบ เหวี่ยงซัดไปมา กระบวนท่าก่อนหน้านี้เขาเน้นอัดพละกำลังทั้งหมดลงไปในตัวมีด ขณะที่มีดนี้ เพลงมีดของเขาแปรเปลี่ยนเป็นรวดเร็วราวผีเสื้อระบำ!
มีเคล็ดลับเพียงหนึ่งเดียวสำหรับวิชามีดของคนแล่เนื้อ คือความเร็ว เร็วขึ้นอีก เร็วที่สุด
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
เสียงเคร้งดังถี่ยิบเมื่อเปลือกและเศษเนื้อไม้นับไม่ถ้วนปะทะกับมีดเชือดหมูของฉินมู่ แขนของเขาชาไปหมดจากการป้องกันห่าพายุไม้
พละกำลังของงูยักษ์นั้นเหนือล้ำกว่าเขา ทว่ามันมัวแต่ใจจดใจจ่อที่หญิงท้องแก่ ด้วยกระหายอยากจะสูบกินวิญญาณทารกที่กำลังจะออกมาในทันทีที่คลอด
เมื่อทารกถือกำเนิด สายสะดือของเขาจะยังคงเชื่อมต่อกับมดลูกมารดา แก่นปราณทารกนั้นจะยังเปี่ยมไปด้วยปราณเซียนเถียน แต่หากคลอดมาได้สักพักปราณเซียนเถียนจะเปลี่ยนเป็นปราณฮ่าวเถียน และเมื่อทารกยังอยู่ในครรภ์แก่นปราณของเขาจะยังไม่เต็มปรี่สมบูรณ์ ดังนั้นงูยักษ์จึงต้องคอยดักสูบวิญญาณทารกในจังหวะที่เขาคลอดออกมาพอดี
ไม่มีใครรู้ว่างูยักษ์ตัวนี้ลอบเข้ามาในหมู่บ้านได้อย่างไร และมันสามารถซ่อนตัวจากสายตาของทุกคนในหมู่บ้านแอบฝึกปรือกินวิญญาณอยู่บนคาคบต้นไม้ใหญ่นี้ มันซุ่มซ่อนอยู่บนต้นไม้มาได้ตั้งหลายปีโดยไม่ถูกเปิดโปง และสูบกินวิญญาณทารกไปหลายคนเพื่อเสริมสร้างบ่มเพาะพลังวัตรของมัน มันคิดว่าครานี้การกินวิญญาณก็คงราบรื่นไร้อุปสรรคเหมือนกับทุกๆ ครั้ง จึงไม่ทันสังเกตเห็นฉินมู่ และปล่อยให้ฉินมู่เฉือนฟันมันออกเป็นสองแล่ง
แต่แม้ว่าตัวมันจะขาดเป็นสองท่อน มันก็ยังไม่ยอมตาย
งูยักษ์อาละวาดฟาดตัวอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยรู้ว่าตัวของมันที่ขาดเป็นสองท่อนคงมีลมหายใจต่อไปได้อีกไม่นาน มันจึงตอบโต้แก้แค้นทันใด อ้าปากกว้างฉกงับใส่ฉินมู่!
ลมแรงร้ายพุ่งปะทะใบหน้าฉินมู่จนใบหน้าบิดเบี้ยวและลืมตาไม่ขึ้น
โดยไม่ต้องคิด มีดในมือฉินมู่ฟาดซัดไปข้างหน้าราวพายุบุแคม ทว่าพลังมหาศาลเกินจินตนาการพุ่งเข้าปะทะเขา กระแทกเขากระเด็นออกไปครางเสียงหนัก ด้วยเสียงเปรี้ยงโครมใหญ่ ช่องรูรูปทรงมนุษย์ก็ปรากฏทะลุบนผนังกำแพงของลานบ้าน!
ไม่ทันที่ฉินมู่จะลุกขึ้นยืน เขาก็เห็นประตูใหญ่ของเขตบ้านถูกป่นทำลายเหมือนกระดาษบางๆ งูยักษ์ทะลวงผ่านประตูนั้นและเลื้อยไล่เข้าใส่เขาอย่างกระหายเลือด ปากกว้างแดงฉานและเขี้ยวคู่โง้งยาวทำเอาฉินมู่ขนหัวลุก มิกล้าปะทะกับงูยักษ์นั้นซึ่งๆ หน้า เขาลอบส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังเฒ่าบอด
ห่างออกไปเบื้องหลังงูยักษ์ เฒ่าบอดยืนเฉยอยู่อย่างไม่อนาทรร้อนใจ ไม่สนใจการต่อสู้ที่เกิดขึ้นข้างหน้า
ฉินมู่ฉุกใจคิด “หรือว่าท่านปู่บอดคิดว่าข้าสามารถจัดการงูนี้ได้ ในเมื่อท่านปู่คิดว่ามันไม่ยากเกินไป ข้าต้องทำได้สิ! เนตรสวรรค์ ปลุกพลัง!”
ปราณชีวิตของเขาโคจรอย่างรวดเร็วและไหลเข้าไปในดวงตาสร้างรูปรอยพยุหะอันก่อตัวเป็นวงแหวนลวดลายซับซ้อนในดวงตาเขา
เมื่อเขาปลุกเนตรสวรรค์ เขารู้สึกทันทีว่าโลกเบื้องหน้าเขาเหมือนถูกก่อรูปขึ้นมาใหม่ หมู่บ้านในแสงโพล้เพล้ บ้านเรือนกระจัดกระจาย และงูยักษ์เลื้อยพุ่งใส่เขา ทั้งหมดกลับกลายเป็นแจ่มจ้าชัดเจน ทุกการเคลื่อนไหวของงู ไม่อาจหลบรอดสายตาเขาไปได้
เปลี่ยนจังหวะก้าวย่าง ฉินมู่หลบหลีกการฉกของงูอย่างเฉียดฉิว และส่งมีดเชือดหมูเฉือนกรีดดวงตาของมันเมื่อมันพุ่งผ่านเขา
กระโดดขึ้นไปบนอากาศ เขาหลบลำตัวงูที่ฟาดใส่ไปเส้นยาแดงผ่าแปด
ทุกการขยับไหวของงูยักษ์ อยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นมัดกล้ามเนื้อที่บีบหดไปมาภายใต้หนังงู และทิศทางการส่งพละกำลังขับเคลื่อนมัน เขาสามารถทำนายการเคลื่อนไหวของงูยักษ์ทุกจังหวะ และหลบหลีกการโจมตีของมันได้ทั้งหมด
การเคลื่อนที่ของฉินมู่ลื่นไหลประดุจกระแสน้ำ ดูเป็นธรรมชาติราวกับว่าเขาไม่ได้คำนวณคิดการเคลื่อนไหวของมันอย่างซับซ้อน
เนตรสวรรค์ สวรรค์ชั้นแรกของวิชาปลุกเนตรสวรรค์เก้าไม่เพียงแต่ช่วยให้เขามองทะลุเปลือกเห็นแก่นแท้ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความไวผัสสะของเขาอย่างก้าวกระโดด!
ตาซ้ายของมันถูกกรีดฟันด้วยมีดของฉินมู่ งูยักษ์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และหันไปแว้งฉกใส่ฉินมู่ที่ร่วงกลับลงสู่พื้นทันที แต่ทว่าความมืดพลันเข้ามาเยือนทัศนวิสัยของมัน เมื่อดวงตาอีกข้างก็ถูกฉินมู่กรีดฟันจนบอดไปเช่นกัน
งูมหึมานั้นเชื่องช้าลงและหยุดนิ่งในที่สุด ฉินมู่เองก็ยืนนิ่งโดยไม่ส่งเสียงใดๆ หนึ่งงูหนึ่งมนุษย์ ประจันหน้าห่างกันเพียงไม่กี่วา
ที่ทางเดิน ถนนเล็กในหมู่บ้าน ชาวบ้านหลายคนออกมาดูที่มาของเสียงอึกทึกครึกโครม พวกเขายืนตะลึงมองภาพที่เด็กชายอายุสิบเอ็ดสิบสองต่อสู้กับงูยักษ์
ราตรีได้เข้าคลี่คลุมหมู่บ้าน และแสงจากตะเกียงเก่าๆ ก็ฉายแสงหรี่เรืองจากหน้าต่างบ้านต่างๆ ส่องทางเดินนั้นแค่พอมองเห็น
แทบทุกคนกลั้นลมหายใจเอาไว้ หวาดกลัวเกินกว่าที่จะส่งเสียงใดๆ
ทุกคนยกเว้นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่หวีดร้องด้วยความกลัว
งูยักษ์นั้นพลันขยับเขยื้อน มันเลื้อยคุกคามไปยังเด็กผู้หญิง ปากของมันอ้าปากส่งกลิ่นคาวฉุนเฉียว และฉกเข้าใส่พ่อแม่ลูกสามคนที่ยืนทื่อตัวแข็งจากความกลัว