Skip to content

Tales of Herding Gods 69

69. เลอโฉมสง่างาม

ฝนดอกไม้สวรรค์พลันโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ดูงามมหัศจรรย์ และท่ามกลางกลีบดอกไม้ที่พลิ้วผลิเต็มฟ้า โฉมสะคราญงามหยดย้อยก็ลอยเลื่อนลงมาจากท้องฟ้า เหยียบกลีบดอกไม้เหล่านั้นลงมา กลีบบุปผาร่วงหล่นแล้วเหี่ยวเฉาสร้างเสียงติงตัง และหนึ่งในกลีบเหล่านั้นหล่นลงมาต้องมือของฉินมู่

เขาเอื้อมมือไปรับ แต่กลีบดอกไม้กลับละลายหายไปราวกับเกล็ดหิมะ

แปรเปลี่ยนจากปราณชีวิต?

ฉินมู่ทึ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเห็นโฉมสะคราญผู้นั้นถนัดตา หัวใจเขาพลันเต้นตึกตักอย่างรุนแรง

เรียนรู้การวาดภาพและคัดพู่กันจากเฒ่าหนวก เขารู้ว่าเฒ่าหนวกมีฝีพู่กันเลิศล้ำไร้เทียมทานซึ่งสามารถวาดภาพโฉมสะคราญใดก็ตามในโลกหล้า ทว่าแม้ด้วยฝีพู่กันของเฒ่าหนวก เขาเกรงว่าก็คงมิอาจถ่ายทอดความสวยสง่าเลอเลิศ กิริยาท่วงท่าร้อยเปลี่ยนพันแปลงของสตรีนางนี้ได้

เมื่อได้เห็นนาง ฉินมู่ถึงเข้าใจความหมายของคำว่างดงามเกินบรรยาย บทกวีโบราณที่เฒ่าหนวกเคยสอนเขาพลันถูกระลึกขึ้นมาในจิต

อนงค์เยื้องกรุยกรายคล้ายเงาจันทร์

อันเงียบงันลีลาศผ่านเมฆหวิว

และคล้ายดั่งเปลวหิมะที่ปลิดปลิว

ลอยละลิ่วด้วยวายุอันพัดพาย

ทรวดทรงนางเหมาะเจาะราวรูปปั้น

อันเทพท่านสร้างสมให้ชมหมาย

ไหล่ระหงดุจหงส์เหินขยับกาย

เอวองค์คล้ายบางรวบรัดด้วยแถบทอง

ผิวสะคราญผุดผาดพิลาสล้ำ

ไร้กลิ่นน้ำประทินผิวและแป้งหอม

ปอยเกศารับขนงอันโก่งล้อม

ปากถนอมสีชาดสะอาดตา

ยามแย้มยิ้มเห็นลักยิ้มที่พริ้มพราว

ฟันนางขาวประกายส่องทุกองศา

เนตรสุกใสระยิบยับเหลือคณา

กิริยาอ่อนช้อยเกินเย้ายวน

ท่วงทีนางสงบนิ่งดุจนางกวาง

โฉมสะอางทรงเสน่ห์ยามสรวล

เมื่อเอ่ยเอื้อนพจนากล่าวชี้ชวน

ก็คู่ควร…เลอโฉมสง่างาม

ดูเหมือนว่ามีแต่กวีโบราณบทนี้ที่จะสามารถบรรยายรูปโฉมและท่วงทีกิริยาของนางได้

สตรีนางนี้เลอโฉมเกินกว่าจะเป็นสิ่งที่ปุถุชนปั้นแต่งขึ้นมา ใครก็ตามคงมิอาจวาดรูปโฉมนางผู้นี้ได้ด้วยพู่กัน อย่าว่าแต่จะถ่ายทอดท่วงทีกิริยาลงในภาพเขียน

นางคือท่านยายซีจริงหรือ

หรือว่าท่านยายซีจะสังหารหญิงงาม แล้วสวมใส่หนังของนางผู้นั้น ฉินมู่ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาเมื่อเขานึกถึงเรื่องสยอง

“เฮ้ย! เด็กเลี้ยงวัว!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงเด็กสาวร้องเรียกมาจากเบื้องหลัง ฉินมู่หันกลับไปมอง แต่กลับไม่เห็นเงาร่างผู้ใด เขาเงยหน้าขึ้นดู จึงเห็นเด็กผู้หญิงนั่งอยู่บนชายคาของวิหาร ชุดของนางยาวถึงข้อเท้า เผยผิวขาวผ่องเรียบละมุน

เท้าของนางเกือบแกว่งโดนหัวฉินมู่ นิ้วแม่โป้งเท้านางกระดิกขึ้นลงไปมาอย่างซุกซนเมื่อนางแกว่งเท้าไปมา

นางยิ้มจนดวงตาหรี่กิ่วเหมือนพระจันทร์คว่ำ แล้วกล่าว “เด็กเลี้ยงวัว เจ้าขึ้นมาบนนี้สิ ตรงนี้มองเห็นได้ไกลกว่าและชัดกว่า”

ฉินมู่กระโดดขึ้นไปบนชายคาวัดและนั่งลงข้างๆ นาง เขาได้กลิ่นที่คุ้นจมูกจากร่างของนางและรู้สึกฉงน

ปอยผมยาวสองเส้นอันถูกหวีไว้อย่างดีถูกปล่อยระสองข้างแก้ม ทำให้ใบหน้าของนางดูเหมือนเมล็ดดอกทานตะวัน ตาสุกใสและฟันขาวจะดูคล้ายพระจันทร์เสี้ยวทุกคราที่นางแย้มยิ้ม นางหัวเราะคิกคักแล้วถาม “นี่ข้าอ้วนตุ้ยนุ้ยไหม”

ฉินมู่ผงกหัวและตอบไปตามสัตย์ “ปอยผมสองปอยที่เจ้าหวีไว้สองข้างแก้ม ทำให้ใบหน้าของเจ้าดูผอมบางลง แต่ว่า หากเจ้าเอาปอยผมพวกนี้ออก เจ้าก็จะดูอ้วนตุ้ยนุ้ย”

เด็กสาวเตะเขาด้วยเท้าของนางอย่างเคียดขึ้ง เท้าของนางเปล่าเปลือย รองเท้าของนางถอดวางอยู่ใกล้ๆ นางฮึ่มฮั่มอย่างโกรธๆ “แก้มยุ้ยๆ ของข้ามันเป็นอย่างนี้ของมันเอง ข้าจะอะไรได้ล่ะ!”

ทั้งคู่นั่งแกว่งขาบนชายคา ฉินมู่ยันแขนไปข้างหลังรับน้ำหนักตนเองและครุ่นคิดสงสัยว่าทำไมเขารู้สึกว่าเด็กสาวผู้นี้ดูคุ้นๆ กลิ่นที่นางกรุ่นออกมายิ่งคุ้นเข้าไปใหญ่

ตรงหน้าของพวกเขาคือจวนท่านเจ้าเมือง ประตูจวนเปิดกว้าง และมีผู้คนกว่าร้อยคนเดินออกมาอย่างโอ่อ่า บรรยากาศของแต่ละคนดูทรงพลัง พวกเขาล้วนแต่มีท่วงทีน่าเกรงขามเหนือธรรมดา พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ฝึกวิชาเทวะที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองเขตมังกร!

ชายผู้นำผู้คนทั้งหมดมีร่างสูงบึกบึน ตาเขาดุราวพยัคฆ์และเอวเขาก็หนาราวกับหมี การเคลื่อนไหวของเขาคล้ายมังกร ย่างก้าวก็คล้ายเสือโคร่ง มีความน่ายำเกรงที่ทำให้ผู้มองดูระย่นระย่อใจ หนวดของเขาชี้ชันออกไปสองข้าง เขาอาจจะไม่ได้รูปงามหล่อเหลา แต่นับว่าแมนเข้มเต็มชาย

รูปเงาของเทพมารปรากฏเบื้องหลังเขา มันเป็นเทวะแปดแขนที่ถืออาวุธแปดชนิด มันน่าจะเป็นการเผยปรากฏของปราณชีวิตอันดูเลิศล้ำเหนือธรรมดา

“ตั้งแต่เมื่อฮูหยินได้ขโมยคัมภีร์ปีศาจ คัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตจากลัทธิมารฟ้า และหลบหนีเงื้อมมือของผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์และปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์มาได้ ท่านก็สาบสูญเข้าไปในแดนโบราณวินาศโดยไร้ร่องรอย”

เจ้าเมืองเขตมังกรหัวร่ออย่างลำพองแล้วกล่าว “ฮ่าๆ ข้าได้แต่กังวลสวัสดิภาพของฮูหยินทั้งวันทั้งคืน แต่ไม่นึกว่าฮูหยินยังคงปลอดภัยไร้อันตราย ค่อยคลายใจหน่อย ข้าเดาว่าฮูหยินคงใช้เวลาสี่สิบปีมานี้ศึกษาคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตจนทะลุปรุโปร่ง และบัดนี้เมื่อท่านออกมาจากการปิดประตูฝึกปรือ ก็แปลว่าท่านคงไม่กริ่งเกรงผู้อาวุโสและปรมาจารย์ลัทธิมารฟ้าพวกนั้นอีกต่อไป ข้ากล่าวถูกหรือไม่”

ฮูหยินลัทธิมารฟ้ามีบทสนทนาเริงใจกับเจ้าเมืองเขตมังกรราวกับว่าเป็นสหายกันมานมนาน

เจ้าเมืองเขตมังกรไม่กล้าเข้าใกล้นาง และกล่าวเชิญ “ฮูหยิน บังเอิญว่าสถานที่อันต่ำต้อยของข้ากำลังจัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกสำคัญ เมื่อข้าได้ทราบว่าท่านมาเยือนถึงหน้าประตู ข้าก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรข้าก็มิอาจปล่อยให้แขกสำคัญรอค้างเติ่งอยู่นาน เช่นนั้นแล้ว เหตุไฉนฮูหยินจึงไม่เข้ามาในสถานที่อันต่ำต้อยของข้าเพื่อสนทนาพาทีกันเล่า”

โฉมสะคราญผู้นั้นหัวเราะติงตังราวระฆังเงิน “อย่างงั้นก็ดีเหมือนกัน ข้าเองก็สนใจใคร่รู้ว่าแขกสำคัญของท่านเจ้าเมืองเป็นใคร คงต้องรบกวนท่านแล้ว”

“ฮูหยินล้อข้าเล่นแล้ว ไม่เป็นการรบกวนเลยสักนิด เชิญเข้ามาข้างในก่อน!”

“นั่นคือวิชาเทวฤทธิ์แปดเท่าของเจ้าเมืองเขตมังกร”

เด็กสาวกระซิบกระซาบข้างๆ ฉินมู่ “ว่ากันว่า ฝูอวิ๋นตี้ เจ้าเมืองเขตมังกรฝึกฝนถึงขั้นเป็นตาย เขาสามารถทลายกำแพงสมบัติเทวะเป็นตายได้สำเร็จ และกลายเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่หาตัวจับยากในแดนโบราณวินาศ!”

ฉินมู่มองไปที่เจ้าเมืองเขตมังกร ฝูอวิ๋นตี้ วิชาเทวฤทธิ์แปดเท่าของฝูอวิ๋นตี้นั่นไม่ธรรมดาจริงๆ หากว่าเขาใช้วิชานี้ เทพสวรรค์ก็จะปรากฏแปดใบหน้าและสามารถมองเห็นได้รอบทิศ ทั้งเขายังสามารถโจมตีศัตรูทุกคนรอบตัวเขา ฉินมู่อุทานด้วยความทึ่ง “นี่เป็นวิชาที่แข็งแกร่งจริงๆ”

เด็กสาวผู้นั้นเอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ “เจ้า เด็กเลี้ยงวัว เจ้าก็แข็งแกร่งมากเลยนะ เจ้าฝึกวิชาอะไรน่ะ”

“กายาจ้าวแดนดินสามอมตะ”

ฉินมู่กล่าว “ข้าชื่อฉินมู่ เจ้าชื่ออะไรล่ะ”

เด็กสาวเสยปอยผมทัดหลังใบหูของนางแล้วแย้มยิ้ม “ข้าชื่ออวี้จิว”

ฉินมู่โพล่งขึ้นมา “อวี้จิว จากฉงหลิงอวี้จิว?” (เลอโฉมสง่างาม)

เด็กสาวอุทานด้วยความประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าแซ่หลิง”

“หลิงอวี้จิว? ชื่อนี้ฟังรื่นหูดีจัง”

ฉินมู่กล่าวต่อ “แต่หากแก้มเจ้าผอมกว่านี้ คงเหมาะสมสอดคล้องกับชื่อ”

หลิงอวี้จิวเตะเขาอีกที แล้วสวมใส่รองเท้าก่อนกระโดดลงไปจากชายคา “ข้าไม่สนใจเจ้าแล้ว!”

เมื่อนางแตะพื้นและก้าวไปได้สองก้าว ก็พลันเอี้ยวคอกลับมาถามด้วยความฉงน “ทำไมเจ้าไม่ตามข้ามาล่ะ”

ฉินมู่งงงวย “ก็เจ้าพูดว่าไม่สนใจข้าไม่ใช่หรือ แล้วทำไมข้าต้องตามเจ้าไปด้วย”

“คนขี้ใจน้อย!”

หลิงอวี้จิวโบกมือเรียกเขาให้ตามมา แล้วหัวเราะคิกคัก “ข้ามีวิธีเข้าไปในจวนเจ้าเมือง ตอนนี้จวนเจ้าเมืองกำลังครึกครื้น พวกเราเข้าไปเล่นในนั้นกัน! หรือเจ้าไม่อยากเห็นหรือว่าพวกตัวเป้งแห่งแดนโบราณวินาศเขาคุยอะไรทำอะไรกัน”

หัวใจฉินมู่เริ่มคันยิบๆ เขากระโดดลงจากหลังคาวัดโบราณ แล้วตามนางไปติดๆ พลางถามอย่างสงสัย “แล้วเจ้าจะเข้าจวนเจ้าเมืองอย่างไร”

“พวกเราก็ต้องเข้าไปอย่างโอ่อ่าผ่าเผยน่ะสิ!”

หลิงอวี้จิวเดินนำไปยังประตูทางเข้าจวนเจ้าเมือง มีผู้ฝึกวิชาเทวะสี่คนคุ้มกันประตูอยู่ แต่พวกเขาไม่ทักอะไรเมื่อเด็กทั้งสองเดินผ่านพวกเขาเข้าไปในจวน

ฉินมู่ทึ่งและกระซิบถาม “น้องสาว นี่เจ้าเป็นลูกสาวของเจ้าเมืองเขตมังกรหรือ”

“ฝันไปเถอะ!”

หลิงอวี้จิวถ่มถุยแล้วกล่าว “พ่อของข้ามีอิทธิพลใหญ่โตกว่าเขาเยอะ! ข้าสามารถเข้าออกจวนเจ้าเมืองเขตมังกรได้ตามใจชอบ ตรงนั้นน่ะคือเรือนสยบแม่น้ำ เรือนที่ฝูอวิ๋นตี้ใช้รับรองแขกสำคัญ”

ฉินมู่มองตรงไปเบื้องหน้า และสิ่งแรกที่ประจักษ์ต่อสายตาคือทะเลสาบใหญ่อันมีคลื่นพลิ้วสีน้ำเงินใส มีไข่มุกเรืองแสงหลายลูกใหญ่เท่าตะกร้าจัดวางไว้ก้นทะเลสาบนั้นและส่งแสงเรืองรองอันสะท้อนสะบัดไปกับริ้วคลื่นที่ผิวทะเลสาบ บ่าวรับใช้อันส่วนมากเป็นสตรียืนถือโคมไฟและยืนอยู่ริมฝั่งอย่างไม่ไหวติง ส่องแสงสว่างทั้งทะเลสาบในจวนแห่งนี้

เรือนสยบแม่น้ำถูกก่อสร้างไว้เชิงเขาที่ติดทะเลสาบแห่งนี้ เรือนนี้ถูกสร้างเป็นรูปทรงของห่านป่า เมื่อมองจากไกลๆ การตกแต่งภายในดูละลานตา ให้ความรู้สึกเหมือนกับเศรษฐีใหม่ตื่นทอง เจ้าเมืองเขตมังกรปรารถนายิ่งกว่าสิ่งใดที่จะปะทองคำเปลวไปทั่วทุกตารางนิ้วของเรือนสยบแม่น้ำ ให้ชีวิตเขาดูหรูหราอู้ฟู่!

ในเรือนสยบแม่น้ำ นางระบำหญิงสามสี่คนกำลังเต้นรำอย่างอ่อนช้อยงดงามที่ใจกลางห้อง ชายแขนเสื้อของพวกนางหมุนพลิ้วไหวไปกับกระโปรง มีดนตรีและกลองตีประสานกันประกอบการเต้นระบำ เป็นภาพอันเจริญตา

ที่ใจกลางทะเลสาบเป็นเวทีสี่เหลี่ยมที่กว้างร้อยห้าสิบวา ใต้เวทีมีเสาหนาใหญ่รองรับไว้ บนท้องฟ้ามีโคมไฟแสงหรี่เรืองให้แสงสว่างแก่เวทีดูเจิดจ้าราวกับกลางวัน

เสียงระเบิดดังมาจากเวทีนั้น อันมีเด็กหนุ่มสองคนต่อสู้ปะทะกันอยู่ ฉินมู่ชะงักเท้าและมองไปด้วยความตื่นใจ เด็กหนุ่มทั้งสองแข็งแกร่งอย่างยิ่ง และมีทักษะอันพิสดารเหนือธรรมดา

หนึ่งในเด็กหนุ่มที่สู้อยู่ คือคนที่ถูกล่อลวงด้วยร้อยเหรียญทองจากถนนหน้าจวนโดยชายกลางคนเพื่อให้มาสู้กับเด็กหนุ่มอีกคนในเวทีประลองนี้ เขาน่าจะครอบครองกายาวิญญาณพยัคฆ์ขาว และปราณชีวิตพยัคฆ์ขาวของเขาบรรลุถึงขั้นสำริดทองคำ มีสีสองสีในร่างกายเขาสีหนึ่งคือสีทอง อีกสีคือสีน้ำตาลเข้มของทองแดงโบราณ

เมื่อคู่ต่อสู้โจมตีโดนร่างของเขา ก็จะมีเสียงโกร่งกร่างกึกก้องคล้ายกับเสียงยามที่พุทธรูปทองแดงเคลื่อนไหว แม้กระทั่งประกายไฟจากจุดปะทะก็กระเซ็นออกมาให้เห็น!

สามารถใช้ปราณพยัคฆ์ขาวขัดเกลาร่างกายมาจนถึงระดับนี้นับว่าล้ำเลิศ มิน่าล่ะเขาถึงกล้าเข้ามาในจวนเจ้าเมืองเพื่อต่อสู้บนเวทีประลอง

คู่ต่อสู้ของเขาก็ไม่ได้อายุมากมายอะไร น่าจะสิบสี่สิบห้าราวๆ ฉินมู่เท่านั้น การโจมตีของเขาโหดเหี้ยม เขาใช้กระบี่แปดเล่ม และแต่ละเล่มมี ‘แขน’ จับกระบี่อยู่

นี่มิใช่แขนเลือดเนื้อ แต่เป็นปราณชีวิตของเขา เขาใช้ปราณชีวิตเพื่อควบคุมกระบี่แปดเล่มพร้อมๆ กัน

“วิชาเทวฤทธิ์แปดเท่า?” ฉินมู่ถามด้วยเสียงเบา

วิชาเทวฤทธิ์แปดเท่าที่เด็กหนุ่มผู้นั้นช่วงใช้ออกมาแตกต่างจากวิธีช่วงใช้วิชาเทวฤทธิ์แปดเท่าของเจ้าเมืองเขตมังกรฝูอวิ๋นตี้

ฝูอวิ๋นตี้ได้ฝึกปรือถึงระดับที่ปราณชีวิตสำแดงรูปลักษณ์ออกมาภายนอก ให้มีเทพสวรรค์แปดกรปรากฏอยู่เบื้องหลังเขา

แต่วิชาเทวฤทธิ์แปดเท่าของเด็กหนุ่มผู้นั้นยังมิได้ฝึกปรือถึงขั้นที่ว่า แต่วิธีการโคจรปราณนั้นเสริมส่งให้เขาสามารถสำแดงรูปลักษณ์ปราณแบบฝูอวิ๋นตี้

หลิงอวี้จิวตอบ “เขาเป็นบุตรของฝูอวิ๋นตี๋ นามติงเยว่ จะว่าไปแล้ว เขาเป็นคนที่น่าสงสาร สูญเสียมารดาไปตั้งแต่ยังเล็กๆ และถูกเลี้ยงมาโดยบิดาเพียงคนเดียว…”

ฉึก

กระบี่สองเล่มของฝูติงเยว่พลันเสียบเข้าไปในดวงตาของคู่ต่อสู้ กระบี่สองเล่มนั้นหมุนเกลียวอย่างรุนแรง บดขยี้ลูกตาคนผู้นั้นจนแหลกเละ

คู่ต่อสู้ของเขาฝึกปรือปราณชีวิตพยัคฆ์จนแข็งแกร่ง ทว่าเขายังไม่ได้ฝึกปรือดวงตา และกรีดร้องโหยหวนเมื่อดวงตาเขามืดบอดไป ฝูติงเยว่ไม่ได้สังหารเขาโดยทันทีและไม่หยุดมือแต่เพียงเท่านี้ เขากลับค่อยๆ เฉือนเด็กหนุ่มตาบอดผู้นั้น ตัดฟันนิ้วเขาออกทีละนิ้วทีละนิ้ว ด้วยสีหน้าตื่นเต้นสาสมใจ

ฉินมู่ขมวดคิ้ว แล้วหันไปย้อนถามหลิงอวี้จิว

“เขาเป็นคนน่าสงสารที่สูญเสียมารดา?”

หลิงอวี้จิวเองก็สะดุ้งโหยงกับภาพที่เห็น นางรีบฉุดแขนเขาไปทางเรือนสยบแม่น้ำ ขณะที่เผยยิ้ม “ข้าหิวแล้วล่ะ ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน! ข้าก็เป็นแขกของที่นี่ ดังนั้นจึงรบกวนใครมากไม่ได้…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version