Skip to content

Tales of Herding Gods 72

72. สังหารบุตรจ่ายค่าอาหารบิดา

ความบ้าคลั่งของคนแล่เนื้อดูเหมือนจะถ่ายทอดมายังเขาผ่านเพลงมีดเชือดหมู มีดของคนแล่เนื้อแต่เดิมก็เป็นมีดอันบ้าคลั่ง มีดอันถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันดุเดือด!

“เจ้าใช้มีด?”

ฝูติงเยว่ระเบิดหัวเราะเมื่อเขาเห็นมีดที่หนาเทอะทะพอๆ กับเขียงใหญ่ “มีดอะไรวะเนี่ย?”

ฉินมู่เคลื่อนร่างและประกายมีดพลันปะทุออกมาราวระเบิดลูกใหญ่ คลับคล้ายทะเลคลั่งคลื่นโหมซ้อนทับกันสาดทุ่มใส่ฝูติงเยว่!

ฝูติงเยว่ยังคงไพล่แขนไว้เบื้องหลังและยิ้มหยัน

เสียงปะทะติงตังของอาวุธสะท้อนก้องมาเมื่อประกายแสงเงินพุ่งวูบวาบปะทะกับมีดเชือดหมู แสงเงินเหล่านั้นคือกระบี่เล่มเล็กๆ

กระบี่อันยาวเพียงสามนิ้ว

และเป็นกระบี่เหล่านี้ที่ฉวัดเฉวียนไปมาราวสายฟ้า มีเส้นด้ายปราณชีวิตเชื่อมต่อมาจากคุณชายติงเยว่ซึ่งควบคุมกระบี่เหล่านั้นให้พุ่งวูบวาบรอบกายเขา เดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหายวับ ยากจะคาดคะเน!

ตามมาหลังจากนั้น คือกระบี่จิ๋วเจ็ดเล่มที่โบยบินออกมาป้องกันการโจมตีอันเร่าร้อนของฉินมู่ ทำให้มีดฉินมู่ไม่อาจทะลุฝ่าไปได้

กระบี่ของเขาเป็นอาวุธวิญญาณที่สามารถแปรรูปลักษณ์ได้อย่างอิสระ และเมื่อตอนนี้กระบี่ของเขาหดเหลือแค่สามนิ้ว ยิ่งทำให้มันยากจะรับมือและง่ายต่อการควบคุม แถมยังคล่องแคล่วว่องไวขึ้นมาก!

ด้วยถ่ายเทปราณชีวิตเข้าไปในกระบี่ กระบี่ก็จะแข็งแกร่งขึ้นและเพิ่มพลังโจมตี!

เขามีกระบี่สามนิ้วแปดเล่ม ซึ่งควบคุมด้วยวิชาเทวฤทธิ์แปดเท่า เมื่อกระบี่ปรากฏวูบวาบไปมา ก็ยิ่งยากจะป้องกัน ฉายาผู้ฝึกยุทธอันดับหนึ่งแห่งเมืองเขตมังกรนับว่าสมคำร่ำลือ!

เขาผ่านประสบการณ์ต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนและสังหารผู้คนไปมากจนจำไม่ได้ ด้วยรังสีสังหารโหดเหี้ยมเยี่ยงเขา แม้แต่เทพและมารคงจะขยาดไม่กล้าเข้าใกล้!

แต่มีดของฉินมู่ยิ่งมายิ่งหนักหน่วง ทำให้พลังอันแฝงอยู่ในการฟาดฟันมีดเหล่านั้นร้ายกาจรุนแรง การโจมตีเขาดุเดือดราวพายุโหมกระหน่ำ ทำให้กระบี่เล่มเล็กๆ เหล่านั้นรับมือมีดเขายากขึ้นทุกที

ด้วยเจ้าเมืองเขตมังกรถ่ายทอดวิชาคุมกระบี่บินให้เขาด้วยตนเอง และความสำเร็จอันสูงส่งในเชิงกระบี่ของเขา ทำให้เขาสามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธมากมายจากแดนโบราณวินาศ

เพลงกระบี่ของเขาสามารถป้องกันเพลงมีดของฉินมู่ได้ในตอนแรก แต่ว่าพละกำลังของมีดนั้นเพิ่มทับถมมากเข้าไปทุกทีจนเกินขีดจำกัดที่เขาจะป้องกันได้

นี่แสดงว่าปราณชีวิตของฉินมู่เข้มข้นกว่าเขา สาเหตุที่ตอนแรกเขายังคงป้องกันได้ เพราะปราณชีวิตของฉินมู่ยังไม่เร่งเครื่องเต็มที่ ยิ่งฉินมู่ปลดปล่อยเพลงมีดมากเท่าไหร่ ปราณชีวิตของเขาก็เร่งแรงม้ามากขึ้นเท่านั้น เป็นผลให้พลังโจมตีของฉินมู่รุนแรงเกรี้ยวกราดขึ้น!

ใบหน้าของคุณชายติงเยว่แดงก่ำขึ้นทุกที ราวกับว่าจะมีเลือดไหลออกจากรูขุมขนได้ทุกขณะ พลังในมีดของฉินมู่นั้นร้ายแรงเกินไป ทำให้ระยะรัศมีในการช่วงใช้กระบี่น้อยเจ็ดเล่มของเขาหดแคบลงทุกที

ทั้งกระบี่ทั้งมีดปะทะฟาดฟันกันอย่างเร็วหวือและยิ่งทวีความเร็วขึ้นไปอีก ท่าเท้าของทั้งคู่ก็เคลื่อนไหวเร่งจังหวะไปมาใจกลางเวทีนั้น พวกเขาเปลี่ยนตำแหน่งยืนแปรผันเท้าไปมารอบคู่ต่อสู้ พร้อมกับความเร็วการโจมตีที่พุ่งปรี๊ดจนลายตา!

ทันใดนั้น ร่างของฉินมู่ก็ขยับวูบเข้าไปประชิดฝูติงเยว่

ฝูติงเยว่แตกตื่นจนขนหัวลุก ท่าไม้ตายสังหารชีวิต?

“แย่แล้ว!”

บนเรือนสยบแม่น้ำ สีหน้าของฝูอวิ๋นตี้แปรเปลี่ยนรุนแรง เขาผุดลุกขึ้นทันใด และกระโจนทะยานฝ่าอากาศไปยังเวทีกลางทะเลสาบ

ในขณะเดียวกันนั้น กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายของฉินมู่ก็บิดเกร็งเคล้นคลั่งราวกับมังกรพิษและงูร้ายที่ม้วนรัดพันกันเป็นเกลียว สร้างขุมพลังมหึมาให้กับร่างกายของเขา กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่บิดเคล้นของเขาทำให้เขาสามารถรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ ทั้งรับรู้ทุกทิศทางและการช่วงใช้พละกำลังของอีกฝ่าย!

ทุกจังหวะทุกปฏิกิริยาของฝูติงเยว่ ประจักษ์ภาพชัดเจนในจิตของเขา

ประกายเย็นเยียบลุกวาบในดวงตาของฉินมู่ ท่าไม้ตายสังหารชีวิตของเพลงมีดเชือดหมู

เสยมีดจากที่ต้องห้าม ยวดยานแล่นอาชาโลดดุจสายฟ้า

หนึ่งบุรุษบุกวังพระราชา หิ้วศีรษะกษัตริยามาในมือ!

กล้ามเนื้อทั่วร่างฉินมู่บิดเขม็ง มีดเชือดหมูสลับจากมือขวาไปยังมือซ้าย และจับย้อนปักปลายลง ฟันโค้งเสยขึ้นฟ้า คมมีดวาบผ่านช่องว่างระหว่างกระบี่น้อยสองเล่มและฟาดเฉือนจากหว่างขาของคุณชายติงเยว่ขึ้นไปเบื้องบน!

การเสยมีดอย่างเรียบง่ายเฉือนเปิดท้องเหมือนกับการเชือดสุกร

นั่นคือเพลงมีดเชือดหมูของคนแล่เนื้อ

ในจังหวะเดียวกันนั้น กระบี่น้อยสองเล่มที่พุ่งวาบในสองตาของฉินมู่ แต่ด้วยดีดนิ้วมือขวา ปลายนิ้วของเขาก็ถูกแท่งเป็นแผลเล็กๆ ส่วนกระบี่น้อยทั้งสองเล่มกระเด็นกลับไป

ตูม!

เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังมาจากเรือนสยบแม่น้ำเบื้องหลังฉินมู่ ทั้งตึกถูกผ่าออกเป็นครึ่งซีกด้วยพลานุภาพอันไม่อาจบรรยายได้!

ตึกสูงลิ่วนี้พังแยกออกเป็นสองแล่ง และถล่มลงในทะเลสาบ สร้างคลื่นซัดน้ำกระฉอกเข้าฝั่ง น้ำที่ซัดไปดับโคมไฟในมือของบรรดาหญิงรับใช้ที่ยืนเรียงรายรอบทะเลสาบ ทำให้พวกนางกรีดร้องด้วยความตระหนก

สีหน้าฝูอวิ๋นตี้กลายเป็นเขียวคล้ำเมื่อเขายืนอยู่บนซากเรือนสยบแม่น้ำ เขาขบกรามกัดฟันแน่นและเลือดก็ไหลย้อยออกมาจากมุมปาก

เมื่อเขาเร่งรุดออกไปหวังช่วยชีวิตบุตรเมื่อครู่นี้ เขาถูกฮูหยินลัทธิมารฟ้าขัดขวางก่อนที่จะออกไปพ้นเรือนได้เสียอีก ด้วยความรีบร้อน เขารับการโจมตีของนางเข้าเต็มรักและบาดเจ็บสาหัสด้วยน้ำมือของฮูหยินลัทธิ

อาการบาดเจ็บของเขานับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เขาช่วยชีวิตบุตรชายของตนไม่ทัน!

เบื้องหน้าเขา ฮูหยินลัทธิยกมือสางเรือนผมอันงดงามของนางให้เข้าที่เรียบร้อยพลางแย้มยิ้ม “ท่านเจ้าเมือง นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างรุ่นเยาว์ แต่ท่านก็ยังจะยื่นมือเข้าไปยุ่มย่าม ไม่ใช่ว่านี่ผิดธรรมเนียมกติกาหรอกหรือ โชคยังดีที่ข้าขัดขวางท่านเอาไว้ทัน ก่อนที่ท่านเจ้าเมืองจะทำเรื่องน่าอับอายขายขี้หน้า”

มุมปากของฝูอวิ๋นตี้กระตุกและเขาพยายามกลั้นเลือดที่กระอักขึ้นมาในคอหอย กลืนเลือดก้อนนั้นกลับเข้าไปในท้อง เขาฝืนยิ้ม “ฮูหยินลัทธิกล่าวถูกแล้ว บุตรชายข้าฝีมือด้อยกว่าเขา…”

หางตาเขากระตุกฉายแววชั่วร้ายเยียบเย็น “เขาสมควรตาย! ข้าเพียงแค่ร้อนใจเกินไปจึงเสียกิริยา”

บนเวทีกลางน้ำ ฉินมู่เสียบมีดกลับเข้าฝัก และยืนตัวตรง

“มีดของข้า เรียกว่ามีดเชือดหมู”

กล้ามเนื้อที่บิดเขม็งของเขาค่อยคลายตัวลง และกล่าวต่ออย่างราบเรียบไร้อารมณ์ “คุณชายติงเยว่ ฝีมือท่านไม่เลวที่สามารถสร้างแผลบนปลายนิ้วทั้งสองของข้าได้”

เบื้องหน้าเขา รอยเลือดพลันปรากฏที่กลางท้องของฝูติงเยว่ และขยายยาวขึ้นไปข้างบน รอยเลือดนั้นยาวขึ้นยาวขึ้นไปจนถึงคอของเขา จนถึงจมูกและหน้าผาก และจากนั้นหน้าอกเขาก็พลักแหวกเป็นสองเสี่ยง ร่างของเขาฉีกออกเป็นสองแล่งสาดโลหิตโซมไปทั่วพื้น

ฉินมู่สาวเท้ายาวรวดเดียวไปยังชายวัยกลางคนที่ยืนตาค้างอยู่ และคว้าถุงเหรียญบนถาด ชายกลางคนนั้นมีสีหน้าซีดประดุจขี้เถ้าและคว้ายุดแขนฉินมู่ไว้ทันใด ตะโกนร่ำร้อง “เจ้าฆ่าคุณชายติงเยว่…”

ฉวบ

ด้วยการตวัดมีดหวือเดียว ฉินมู่ฟันศีรษะชายผู้นั้นหลุดจากร่าง เขาสะบัดมีดเชือดหมูไล่รอยเลือดที่เปื้อนคม แล้วเก็บมันกลับสู่ฝัก จากนั้นเดินมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนสยบแม่น้ำที่พังภิณฑ์

เสียงตูมดังขึ้นข้างหลังเขาเมื่อศพไร้หัวของชายกลางคนผู้นั้นร่วงลงในทะเลสาบ จากนั้นตามด้วยเสียงกัดกร้วมๆ ของปลาปีศาจที่รุมทึ้งแทะซากร่าง

ฉินมู่เดินเหยียบน้ำกลับไปสู่เรือนสยบแม่น้ำที่พังราบไปกับพื้น เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับฝูอวิ๋นตี้ผู้มีสีหน้าเขียวคล้ำ เช่นเดียวกับสีหน้าแตกตื่นของผู้คนโดยรอบ หนุ่มน้อยเผยรอยยิ้มใสซื่อ และยื่นถุงเหรียญไปทางฝูอวิ๋นตี้ซึ่งอยู่ตรงหน้าพลางกล่าว “ท่านเจ้าเมือง นี่คือเหรียญมังกรหนึ่งร้อยเหรียญ เป็นค่าอาหารของข้า”

หางตาของฝูอวิ๋นตี้บิดเบี้ยวกระตุก และเขาก็ไม่ยื่นมือออกไปรับ

“ข้าไม่คุ้นกับการติดค้างบุญคุณใคร ในเมื่อข้าได้รับประทานอาหารที่ท่านเจ้าเมืองจัดหาไว้ ข้าก็ต้องจ่ายท่านคืนแม้ว่าท่านจะไม่อยากรับมัน พวกเราผู้คนที่ถูกละทิ้งแห่งแดนโบราณวินาศแม้จะยากจนข้นแค้น แต่ก็ยังพอมีศักดิ์ศรีความทระนง”

ด้วยรอยยิ้มแจ่มจ้าดุจตะวัน ฉินมู่ปล่อยถุงเหรียญในมือ เมื่อถุงเหรียญร่วงลงสู่พื้น เหรียญมังกรเหล่านั้นก็กระเด็นออกจากถุงและกระดอนกระจายไปทั่ว บางเหรียญถึงกับร่วงลงไปในทะเลสาบจากรอยแยกบนพื้นตึก

“บัดนี้เมื่อข้าจ่ายค่าอาหารแล้ว ก็ได้เวลากลับ ท่านเจ้าเมือง และทุกๆ ท่าน ข้าต้องขอตัวก่อน”

เขาก้าวถอยสองสามก้าว จากนั้นหันกายเดินจากไป เมื่อเท้าเขาเหยียบไปบนคลื่นน้ำ ฉินมู่ก็หัวร่ออย่างสำราญใจ “ท่ามกลางวีรบุรุษนั่งชุมนุมร่ำสุรา ข้าสังหารบุตรจ่ายค่าอาหารบิดา! สำราญใจจริงๆ สำราญใจยิ่งนัก!”

หลิงอวี้จิวกระพริบดวงตาสุกใสและงดงามของนาง คิดจะเรียกเขากลับมา ทว่านางยับยั้งตนเองเอาไว้ เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นแขกในจวนเจ้าเมือง แม้ว่านางจะเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ แต่ก็ยังเป็นผู้ที่นำพาฉินมู่เข้ามาในจวนเจ้าเมือง และบัดนี้เมื่อฉินมู่สังหารบุตรเจ้าเมืองท่ามกลางสายตาแขกเหรื่อ จึงไม่เป็นการดีหากว่านางจะมีความข้องเกี่ยวกับฉินมู่มากไปกว่านี้

ฮูหยินลัทธิยืนอยู่เบื้องหน้าฝูอวิ๋นตี้และกีดกันสายตาของเขาที่จ้องคุกคามหลังฉินมู่ จากนั้นนางเผยรอยยิ้มกล่าว “ในเมื่อไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาหยิบฉวยคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิต งั้นข้าก็จะเก็บรักษามันไว้ต่อล่ะกัน ลาก่อน!” กล่าวจบร่างนางก็ขยับวูบ และหายวับไปคาตา

“เจ้าจะหนีเรอะ!”

ท่านที่นับถือเฮยตะโกนลั่นและรีบวิ่งออกไปไล่ตามฮูหยินลัทธิ พร้อมกับชายหน้าเหลือง ผู้เฒ่าคิ้วขาวและคนอื่นๆ ทุกคน ฝูอวิ๋นตี้ลังเลอยู่ชั่วอึดใจ เรียกเหล่าผู้ฝึกวิชาเทวะในบัญชามา สั่งอย่างรวดเร็ว “พาคนอื่นๆ ไปไล่ตามไอ้เด็กนั่น ฆ่ามันล้างแค้นให้เยว่เอ๋อ! อีกอย่าง หาคนฝังศพเยว่เอ๋อด้วย…”

เมื่อสั่งการเสร็จ เขาก็รีบวิ่งตามไปยังทิศที่ฮูหยินลัทธิหลบหนี เมื่อเทียบกับการล้างแค้นให้บุตรชาย คัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตสำคัญกว่า!

หลิงอวี้จิวลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบและกำลังจะย่องหนีออกจากซากเรือนสยบแม่น้ำ แต่ร่างสูงใหญ่ของฉินเฟยเยว่มาปรากฏเบื้องหลังนาง

“องค์หญิง เลิกก่อเรื่องได้แล้ว”

สายตาของเขาวูบไหวเล็กน้อย ฉินเฟยเยว่กล่าว “กองทัพของท่านราชครูใกล้เข้ามาแล้ว”

หลิงอวี้จิวพึมพำด้วยความผิดหวัง “ออกมารอบนี้ข้ายังเที่ยวสนุกไม่พอเลยอ่ะ…”

ด้วยสายตาอ่อนโยน ฉินเฟยเยว่กล่าวกับนางอย่างนุ่มนวล “หากว่าองค์หญิงเจ็ดชื่นชมเด็กหนุ่มนั่น เมื่อแดนโบราณวินาศกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิสันตินิรันดร์แล้ว ท่านสามารถเรียกเขาเข้าไปในวังและประทานตำแหน่งขันทีให้ ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถอยู่เป็นเพื่อนเคียงกายองค์หญิงได้ตลอด”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version