88. ฝูงมารฟ้า
ผู้ใหญ่บ้านถูกมารปีศาจนั่นดึงเข้าไปในวังน้ำวน หรือว่าเขาจะ…
ฉินมู่เต็มไปด้วยสังหรณ์ร้าย เมื่อหันกลับไปมองเขาก็อยู่ไม่ไกลจากประตูเฝิงตู่ หมอกเหล่านี้มิได้ท่วมล้นประตูเมือง แต่ถ้ามันยังโหมหอบทับถมกันมากขึ้นมากขึ้นแบบนี้ ไม่นานเขาก็คงไม่อาจมองเห็นประตูได้อีกต่อไป
ผู้ใหญ่บ้านวรยุทธแข็งแกร่ง เขาต้องไม่เป็นไร! ข้าต้องรีบออกจากที่นี่และไม่เป็นตัวถ่วงเขา!
ตึม ตึม ตึม!
หมอกเทาขมุกขมัวไปทั่วอากาศ เสียงฝีเท้าในหมอกฟังวุ่นวายสับสน บางเสียงก็มาจากข้างหลัง บางเสียงก็มาจากข้างๆ แม้แต่บางเสียงก็เหมือนจะขัดขวางระหว่างเขากับประตูเฝิงตู่
ฉินมู่ข่มใจไม่ให้หวั่นไหว แล้วรีบมุ่งหน้าตรงไปยังประตูเฝิงตู่ เขาเข้าไปใกล้ประตูภูเขามหึมานั้นเข้าทุกที แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังสนั่นมาจากข้างหน้า พร้อมกับเงาดำอันกระโจนใส่เขา
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ฉินมู่แทงนิ้วกระบี่ออกไป ปลามังกรของกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์พลันกระโดดตีลังกาขึ้นมาพ่นกระบี่วิเศษอันกรีดผ่านม่านหมอกทึบและเสียบเข้าใส่เงาดำนั้นด้วยความเร็วปานสายฟ้า!
ฟิ้ววว
สายลมหวีดหวือ กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ก็กระแทกเงาดำนั้นถอยไป ด้วยเสียงเสียบดังสวบ เงานั้นกระเด็นไปปะทะกับเสาหินและถูกปักตายคาที่
ฉินมู่เร่งฝีเท้าตะบึงต่ออย่างดุเดือด เมื่อเขาผ่านเสาหินดังกล่าว นิ้วกระบี่เขาก็ชี้อีกครา กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ถอนออกมาจากศพคาเสาแล้วแล่นกลับเข้าไปในปากปลามังกรเบื้องหลังเขา
ซากศพเจ้าของเงามืดนั้นร่วงลงจากเสาหินและเผยให้เห็นซากร่างของสิ่งกลายพันธุ์น่าเกลียดน่ากลัว มันมีเกล็ดปลาเต็มไปหมดทั้งตัว และมีพังผืดของกบที่มือและเท้า
ปราณชีวิตของสิ่งกลายพันธุ์นี้ยังไม่ทันกระจัดกระจาย และยังคงโอบรัดรอบๆ ร่างมันเหมือนงูเปื้อนเลือด ฉินมู่ได้กลิ่นคาวฉุนเฉียวและรู้สึกคลื่นเหียนทันใด เขาเดินเซไปนิดหนึ่งและตระหนักว่านี่คือวิชาเทวะอันมีพิษร้ายกาจ!
ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าภาพวาดอันเฒ่าหนวกวาดไว้ให้ด้วยเลือดมังกรพิษ พลันร้อนระอุขึ้นมา จากนั้นพิษในกายเขาก็พลันจางหายไป
“ผู้ฝึกวิชาเทวะ? นี่ข้าสังหารผู้ฝึกวิชาเทวะหรือเนี่ย”
ฉินมู่ตกตะลึง จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเขาใช้ปราณชีวิตคุมกระบี่บินเมื่อครู่ เตาหลอมใหญ่ที่เฒ่าใบ้ซ่อนไว้ในอกของเขาพลันติดเพลิงไฟและทวีปราณชีวิตของเขาขึ้นร้อยเท่า!
และเตาหลอมนั่นน่ะแหละที่ส่งเสริมปราณชีวิตของเขาให้พุ่งปรี๊ดถึงระดับที่เขาสามารถสังหารผู้ฝึกวิชาเทวะได้ในกระบี่เดียว!
ที่เหลือเชื่ออัศจรรย์ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเตาหลอมนี้จะเพิ่มพูนปราณชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วนก็ต่อเมื่อเขาเรียกใช้ปราณชีวิต และเมื่อฉินมู่ดึงปราณชีวิตกลับ ระดับปราณชีวิตของเขาก็ลดลงสู่ระดับปกติ ด้วยวิธีนี้จึงไม่ทำให้ร่างกายของเขารับภาระหนักเกินไป
มันเหมือนกับการเติมน้ำลงไปในหม้อใหญ่ หากว่าหม้อใหญ่นั้นสามารถรองรับน้ำได้เพียงสามถัง แต่ถูกเทน้ำอัดเข้าไปถึงสิบถัง น้ำอีกเจ็ดถังย่อมล้นออกมา แต่ทว่าร่างกายมนุษย์ไม่ใช่หม้อใหญ่ ไม่มีปากหม้อให้ปราณชีวิตส่วนเกินไหลล้นระบาย ผลลัพธ์มีอย่างเดียวคือร่างกายระเบิดแหลกเละ
ความพิสดารของเตาหลอมใหญ่ของเฒ่าใบ้จึงอยู่ที่ว่า ต่อให้มันส่งปราณชีวิตร้อยเท่ามาให้ฉินมู่หยิบยืม แต่ปราณชีวิตร้อยเท่านั้นก็จะไหลวนกลับเข้าไปในหม้อตามเดิมโดยไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายเขา
ฉินมู่วิ่งไปข้างหน้าและสมองเขาประมวลผลอย่างรวดเร็ว “หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้ข้ายังมีพลังวัตรเท่านี้ ก็จะสามารถช่วงใช้วิชาเทวะได้สิ? ถ้าอย่างนั้น ก็แปลว่าข้าใช่จะไม่มีทางสู้กับฝูงมารฟ้า”
เตาหลอมใหญ่ที่เฒ่าใบ้ใส่ไว้ในร่างกายของเขา ทำให้เขาสามารถใช้ปราณชีวิตร้อยเท่าได้ ปราณชีวิตที่เข้มข้นรุนแรงขนาดนั้นเป็นสิ่งที่ฉินมู่ไม่เคยจะคิดฝัน ก่อนหน้านั้นเพลงหมัดของเขาก็ยังเป็นเพลงหมัด และเพลงมีดของเขาก็ยังเป็นเพลงมีด แต่บัดนี้เขาสัมผัสได้ว่าเขาสามาถใช้ปราณชีวิตร้อยเท่านี้เปล่งพลานุภาพวิชาเทวะของเพลงหมัดและเพลงมีดตนได้!
หากว่าวิชาฝีมือที่เฒ่าหม่าและคนแล่เนื้อถ่ายทอดให้เขาสามารถบรรลุถึงขั้นทักษะเทวะได้ มันจะทรงพลังถึงเพียงไหน
ฝีเท้าของเขายิ่งมายิ่งรวดเร็ว เขาผสมผสานวิชาขาขโมยสวรรค์เข้าไปในการวิ่งตะบึงของตนเองโดยไม่รู้ตัว และถ่ายเทปราณชีวิตไร้สิ้นสุดลงไปในขาของตน
ฉินมู่ผิวปากหวือเสียงกังวาน และเท้าของเขาก็สะกิดไปข้างหน้า สร้างพายุลม มันเป็นกระแสลมอันเกิดจากย่างเท้าของเขา
เมื่อเขาก้าวเท้าแรก ฉินมู่พลันรู้สึกว่าอากาศที่เขาเหยียบไม่ต่างอะไรจากดินแข็งๆ ทุกที่บนฟ้ากว้างคือผืนพสุธา อันเขาสามารถหยั่งเท้าเหยียบ!
ความเร็วเขาพลันเร่งทวีพาร่างเขาเดินทางข้ามฟ้า ด้วยย่างก้าวไม่กี่ก้าว เขาก็ทะยานพ้นจากทะเลหมอกเทาอันท่วมถ้นไปหมด และปรากฏร่างอยู่บนท้องฟ้าเหนือมวลหมอก จากนั้นก้าวทะยานไปยังประตูเฝิงตู่อย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น ก็มีร่างมหึมากระโจนขึ้นมาจากหมอกเทา มันเป็นสัตว์ปีศาจอันร่างห่อหุ้มไปด้วยเพลิงไฟดูคล้ายกับทั้งร่างมันก่อขึ้นมาจากหินหลอมเหลว หมัดของมันหนักหน่วงราวภูเขา เมื่อมันเหวี่ยงกำปั้นซัดใส่ฉินมู่!
ฉินมู่รีบเร่งเพิ่มความเร็วการวิ่งทะลวงฟ้า และมีดเชือดหมูก็ลอยขึ้นจากกลางหลังเขาทันใด ร่วงลงมาในมือเขาอย่างเหมาะเจาะ
ตะวันทะเลบูรพา คลื่นซัดพันระลอก!
มีดเชือดหมูเปล่งประกายเจิดจ้าบาดตา ราวกับดวงอาทิตย์แผดรัศมีอันโผล่พุ่งขึ้นจากทะเลพันคลื่นเชี่ยวกรากดุดัน
เคร้ง เคร้ง เคร้ง
เสียงปะทะดังรัวลั่นไม่หยุด เมื่อฉินมู่ปะทะกับสัตว์ปีศาจมหึมาและกระเด็นออกไป เขาเสียบมีดเก็บฝักที่หลังแล้ววิ่งตะบึงต่อ
ตึบ ตึบ ตึบ เสียงหินร่วงลงสู่พื้น ตามมาด้วยศีรษะใหญ่โตมโหฬาร ยักษ์ลาวาตัวใหญ่ถูกทุบทำลายเป็นชิ้นด้วยเพลงมีดของเขา!
นี่คือทักษะเทวะของเพลงมีดเขา ยักษ์ลาวาเป็นผู้วิชาเทวะที่ทรงพลังและมีกำลังกายมหาศาล แต่เมื่อเทียบกับทักษะเทวะในเพลงมีดของคนแล่เนื้อ มันก็อ่อนแอกว่าหนึ่งส่วน!
สายฟ้าแลบแปลบปลาบบนท้องฟ้า พร้อมกับชายหนุ่มรูปงามที่ทะยานขึ้นจากหมอกเทาข้างล่าง สายฟ้าแล่นพล่านไปมาในอุ้งมือ และทันใดนั้นนิ้วทั้งสิบของเขาก็เปิดอ้า สายฟ้าพลันฟาดกระจัดกระจาย สายฟ้าเหล่านั้นถักทอกันเป็นตาข่าย และพุ่งซัดใส่ฉินมู่!
ทักษะเทวะที่พัฒนาขึ้นจากปราณชีวิตมังกรเขียวงั้นรึ มันจะแน่ไปกว่าวิชาหมัดของเฒ่าหม่าได้หรือ
ฉินมู่กู่ร้องและซัดหมัดออกไป ปราณชีวิตในหมัดของเขาก่อรูปเป็นฝูงมังกร และสร้างกองกำลังมังกรสี่สิบห้าตัว พายุสายฟ้าเก้ามังกร!
มังกรทั้งสี่สิบห้าตัวคำรามกึกก้องทรงพลัง กลืนกลบหนุ่มรูปงามผู้นั้นและตาข่ายสายฟ้าของเขา
หมัดของทั้งคู่ปะทะกัน และร่างของหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็พลันแข็งทื่อ จากนั้นร่างของเขาระเบิดออกดังปัง เลือดเนื้อของเขากลายเป็นมังกรสี่สิบห้าตัวที่ฉีกทึ้งออกมาจากภายใน!
ข้าแข็งแกร่งขนาดนี้เชียว?
ฉินมู่สะดุ้ง เขาเคยเห็นฤทธานุภาพของพายุสายฟ้าเก้ามังกรที่ใช้โดยเฒ่าหม่า แต่เพราะเป็นเฒ่าหม่าจึงไม่น่าแปลกใจในความฤทธานุภาพอันรุนแรง แต่ทว่าเมื่อฉินมู่สามารถปล่อยปล่อยเพลงหมัดนี้ในระดับทักษะเทวะ เขาจึงเพิ่งตระหนักถึงฤทธิ์เดชร้ายกาจของฟ้าคำรามแปดจู่โจม
อย่างไรก็ตาม พายุสายฟ้าเก้ามังกรสร้างเสียงอึกทึกครึกโครมมากเกินไป และนั่นจะทำให้ฝูงมารฟ้าที่อยู่ในหมอกหนาจับทิศทางของเขาได้ด้วยแหล่งเสียง!
ฉินมู่พลันได้ยินเสียงแหวกอากาศ และใจเขาก็ตกวูบ จำนวนของฝูงมารฟ้าที่มารเทวะดีดออกมานั้นมากมายเกินไป หากว่าเขาไม่ได้ฉวยโอกาสอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ เขาก็คงไม่มีทางป้องกันพวกมันได้
เขาเข้าใกล้ประตูขุนเขาเฝิงตู่มากขึ้นทุกที ทันใดนั้นเมฆปีศาจดำทมิฬก็พวยพุ่งขึ้นมาขวางทัศนวิสัยของเขา ฉินมู่รีบยั้งเท้าทันที และปล่อยร่างร่วงลงในมวลหมอก
ศีรษะมหึมาโผล่ออกมาจากเมฆปีศาจทมิฬ ใบหน้านั้นมีหนวดโง้งและดวงตาก็พ่นเพลิงไฟมองไปรอบๆ
เมฆปีศาจพลันหดย่อลง ศีรษะยักษ์นั้นก็หดเล็กลงเช่นกัน และเมื่อเมฆปีศาจหดลงได้สักวาครึ่ง หญิงน่าเกลียดอัปลักษณ์ก็ปรากฏ ปากของนางเต็มไปด้วยฟันเหลืองอ๋อยที่แหลมเหมือนตะปูหนา ๆ และบนหลังของนางแบกไว้ด้วยขวดน้ำเต้าอาบเลือดที่สูงเท่าๆ กับตัวมนุษย์ และในขณะนั้นเมฆปีศาจก็กำลังหดกลับเข้าไปในปากน้ำเต้า
หญิงอีกนางหนึ่งทะยานขึ้นไปบนอากาศและยืนบนผิวทะเลหมอกเทา นางผู้นี้มีใบหน้าสะสวย ผิวนุ่มลื่น เรือนร่างคอดเว้าได้สัดส่วน แต่ว่าข้างหลังนางกลับงอกเงยไว้ด้วยหางแมงป่องใหญ่ยาวอันมีหนามแหลมรอบๆ นางกวัดแกว่งหางแมงป่องไปมา
หญิงทั้งสองนางมองไปรอบๆ เพื่อหาร่องรอยของฉินมู่ แต่ไม่พบเขา ทันใดนั้น เสียงหวีดหวือของกระบี่คมกริบก็ดังแหวกอากาศ และก่อนที่หญิงงามหางแมงป่องจะทันตั้งตัว แสงกระบี่ก็ปาดเฉือนผ่านคอของนางเรียบร้อยแล้ว
สตรีแมงป่องกุมคอของนางหมายจะคว้าจับศีรษะตนให้ติดอยู่กับบ่า แต่ไม่อาจทำอะไรได้ ศีรษะของนางร่วงหล่นจากคอทันที
นี่คือหนึ่งในท่วงท่ากระบี่พื้นฐานที่ผู้ใหญ่บ้านสอนเขา ผ่า
หญิงอัปลักษณ์หวีดร้องแหลม เมฆปีศาจเบื้องหลังนางพลันแผ่พุ่งออกมาอีกครา ในเมฆปีศาจนั้นมียักษ์ตนหนึ่งยืนอยู่ และมีร่างเพียงครึ่งท่อนบนที่โผล่มาจากเมฆ มันซัดหมัดราวภูเขาของมันลงไปใส่จุดที่กระบี่พุ่งมา!
ตูมมม!
เสียงกระแทกดังสนั่น ตามมาด้วยเสียงครางด้วยความเจ็บปวดดังมาจากในหมอกเทา หญิงอัปลักษณ์ตาลุกวาวทันใด และยักษ์ในเมฆปีศาจก็ระดมหมัดซัดใส่จุดที่เสียงนั้นมาอย่างไม่ปรานี!
หลังจากที่ยักษ์ในเมฆปีศาจซัดไปกว่าร้อยหมัด หญิงอัปลักษณ์ก็แสยะยิ้มเมื่อเห็นรอยเลือดที่ติดหมัดยักษ์ตนนั้น นางร่อนร่างลงไปในหมอก เท้าหยั่งแตะกับพื้น
อาวุธวิญญาณของนางวิเศษเหนือธรรมดา และมันคือขวดน้ำเต้าเลือด ยักษ์ที่มีร่างเพียงครึ่งท่อนอันโผล่จากขวดน้ำเต้าเลือดนั้นเป็นทักษะเทวะที่นางฝึกปรือขึ้นจากวิชาของนาง อย่างไรก็ตามด้วยการหล่อเลี้ยงของน้ำเต้าเลือด ร่างของยักษ์ก็ถูกขัดเกลาจนแข็งแกร่งราวเหล็กกล้า มีกำลังมหาศาล!
หญิงอัปลักษณ์ลงสู่พื้นและเดินไปยังจุดที่ยักษ์ซัดกำปั้นใส่ นางจึงเห็นซากศพแหลกเละ สีหน้าของนางบิดเบี้ยวอย่างรุนแรงเมื่อพบว่าซากร่างนั้นมิใช่ศพมนุษย์แต่เป็นศพของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของนาง!
ในตอนนั้นนางพลันรู้สึกเย็นวูบจากกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ที่เสียบทะลุมาจากข้างหลัง
ข้างหลังนาง ฉินมู่ลอบเข้ามาใกล้อย่างเงียบเชียบ แล้วจึงหายต๋อมไปในหมอกเทาหลังจากที่ถอนกระบี่กลับไปแล้ว ด้วยมวลหมอกหนาทึบขนาดนี้และด้วยวิชาขาขโมยสวรรค์ที่เฒ่าเป๋ถ่ายทอดให้ จึงเป็นสภาวะการณ์ที่เหมาะเหม็งในการลอบสังหารของฉินมู่!
เมื่อเขาวิ่งวกวนเวียนไปมาในหมอกทึบ เขาก็ปิดบังร่องรอยของตนและมุ่งหน้าไปยังแหล่งกำเนิดเสียง ให้กระบี่ไม่ก็มีดคร่าชีวิตพวกมันในกระบวนท่าเดียว!
ทะเลหมอกเทายิ่งมาก็ยิ่งหนาทึบจนเนตรเก้าสวรรค์ของฉินมู่ก็ยังไม่อาจมองไปได้ไกล
ทันใดนั้นก็มีหนวดเถาวัลย์ดำเมี่ยมกวัดแกว่งไปมาเบื้องหน้าฉินมู่ ฉินมู่ยืนยิ่งสนิทให้ให้หนวดเถาวัลย์เหล่านั้นผ่านเขาไป ชี่ ชี่ ชี่ เสียงเบาละเอียดพลันดังขึ้นมา เมื่อใยแมงมุมถูกพ่นผ่านร่างของเขาออกไปก่อเป็นโครงใย
ใยแมงมุมพลันสะเทือนไหว ราวกับมีบางสิ่งเหยียบกระทบใยของมันและส่งแรงสะเทือนผึง ดังคล้ายเสียงสายพิณสายซอ
ใยแมงมุมฉีดพ่นก่อโครงไปทั่วมากขึ้นทุกที และรกเรื้อไปทั่วบริเวณรอบๆ ฉินมู่ ในหมอกก็มีหนวดเถาวัลย์ควานไปมาในอากาศ หมายจะกวาดต้อนฉินมู่ออกมา
ฉินมู่ขมวดคิ้ว จากนั้นโคจรปราณชีวิตของตนเข้าไปในถุงมือขวา เส้นไหมที่ถักทอถุงมือพลันคลี่ตัวออกอย่างเงียบเชียบและโงปลายหัวของมันชูไปรอบๆ เหมือนงูวิญญาณ
ฉินมู่ควบคุมคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตและส่งเส้นไหมละเอียดไปซ้อนทับกับใยแมงมุม หลังจากนั้นไม่นานนัก เส้นไหมอันถักทอเป็นถุงมือก็ถูกใช้ออกเกือบหมด เหลือติดนิ้วทั้งห้าของเขาอยู่เท่านั้น