ตอนที่ 1016 พบความจริง
หวังเมิ่งเหยาก้มหน้าไม่มองพวกนางสองคน นางกลัวว่าตนเองจะทนไม่ไหวสังหารอวิ๋นซินระบายแค้นเสียตอนนี้ เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือวางยาเซียวเหวินอวี๋ หากไม่เช่นนั้นนางกับบุตรชายนางก็ต้องตาย
“แอบให้คนไปพาจิ่งเอ๋อร์มา”
“เพคะ ฮองเฮา”
อวิ๋นซินหันหลังเดินออกไปจัดการเรื่องนี้
หลี่หมัวมัวเห็นสีหน้าฮองเฮาคล้ายว่าไม่ดีนัก ก็รีบไปเทน้ำมาให้นางดื่ม
หวังเมิ่งเหยาดื่มน้ำเสร็จก็สงบนิ่งลง นางรับรู้กระจ่างเรื่องหนึ่ง ไม่ว่ากระบวนการจะเป็นเช่นไร แต่เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่อาจหันหลังกลับได้อีก นางได้แต่เดินหน้าต่อไปไม่อาจถอยกลับได้อีกแล้ว
ตอนนี้นางถึงกับสงสัยว่ายาพิษที่ซั่งกวนเฮ่อให้นางมาจะไม่ใช่ยาทำให้ปัญญาอ่อนอันใด แต่อาจจะเป็นยาพิษที่เขาคิดสังหารเซียวเหวินอวี๋
หวังเมิ่งเหยาคิดถึงเรื่องนี้ ขอบตาก็รื้นขึ้นมาทันที คิดถึงว่าหากเซียวเหวินอวี๋ถูกยาพิษตายไป นางคงเสียใจมาก แต่นางไร้หนทางจริงๆ
ฝ่าบาท ขอโทษเพคะ
หวังเมิ่งเหยาเอ่ยขอโทษในใจ แต่ยังคงยกมือโบกสั่งการว่า “อีกสักครู่รัชทายาทเข้ามา พวกเจ้าอย่าได้เข้ามา”
“เพคะ ฮองเฮา”
หลี่หมัวมัวเห็นสีหน้าฮองเฮาไม่ดีนัก ก็ไม่กล้าเอ่ยอันใด ถอยออกไปเงียบๆ
รัชทายาทมาเร็วมาก พอเข้ามาเห็นสีหน้าหวังเมิ่งเหยาไม่ดีนัก เขาเอ่ยอย่างเป็นห่วงว่า “เสด็จแม่ เป็นอันใดไปหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หวังเมิ่งเหยาเห็นบุตรชายท่าทางไม่รู้เรื่อง ในใจก็ยิ่งปวดร้าว แต่ไม่อยากให้บุตรชายมองออก นางเทยาถอนพิษส่งให้รัชทายาท “จิ่งเอ๋อร์ หิวน้ำไหม ดื่มน้ำสิ”
เซียวจิ่งรีบรับมาดื่มไปสองสามอึก เขาเห็นสีหน้าฮองเฮาซีดเผือดก็เป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก
“เสด็จแม่ ข้าจะต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ทำให้เสด็จพ่อยกเลิกคำสั่งกักบริเวณเสด็จแม่ให้ได้ เสด็จแม่อย่าได้เสียพระทัยมากเกินไปนะพ่ะย่ะค่ะ”
หวังเมิ่งเหยาเห็นบุตรชายเช่นนี้ ก็ตัดสินใจว่าจะต้องผลักดันบุตรชายขึ้นสู่ตำแหน่งให้ได้
นางมองรัชทายาท พลางเอ่ยอย่างเศร้าใจว่า “จิ่งเอ๋อร์ เจ้าช่วยเสด็จแม่สักเรื่อง กลับไปขอร้องเสด็จพ่อ ได้หรือไม่ เสด็จแม่ป่วยแล้ว สุขภาพไม่ดีอย่างมาก เสด็จแม่ไม่อยากตายในตำหนักเช่นนี้ เจ้าไปทูลเสด็จพ่อ ขอร้องพระองค์ครั้งสุดท้ายอีกสักครั้ง หากยังทรงไม่ยินยอมยกเลิกคำสั่งกักบริเวณเสด็จแม่ เสด็จแม่ก็จะทำใจ วันหน้าจะไม่เอ่ยเรื่องนี้อีก ดีหรือไม่”
ความจริงเซียวจิ่งไม่ค่อยอยากไปเข้าเฝ้าเซียวเหวินอวี๋ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับเสด็จพ่อไม่ดีนัก
เพราะเขาไปขอร้องแทนเสด็จแม่หลายครั้ง ทำให้เสด็จพ่อทรงไม่พอพระทัยเขาอย่างมาก เขาเองก็ไม่อยากทำให้เสด็จพ่อทรงรำคาญพระทัยอีก
แต่เห็นสีหน้าเสด็จแม่ไม่ดีนัก ร่างกายยังผ่ายผอมเช่นนี้ รัชทายาทก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“เสด็จแม่ ข้าจะไปขอร้องอีกครั้ง หากเสด็จพ่อยังคงไม่รับปาก วันหน้าเสด็จแม่ก็อย่าเรียกข้าไปขอร้องอีก ได้หรือไม่”
เขากล่าวจบก็แสดงท่าทีรับรองจริงจังต่อหวังเมิ่งเหยา “เสด็จแม่วางใจ รอให้ข้าขึ้นครองราชย์ จะต้องยกเลิกคำสั่งนี้ วันหน้าจะไม่มีผู้ใดกล้าทำให้เสด็จแม่เป็นทุกข์อีก ถึงตอนนั้น เสด็จแม่ก็จะเป็นไทเฮาที่เป็นที่เคารพที่สุดในใต้หล้านี้”
หวังเมิ่งเหยายิ้มอ่อนแรง กล่าวว่า “ได้ เสด็จแม่รู้แล้ว เสด็จแม่ขอบคุณจิ่งเอ๋อร์มาก”
นางกล่าวจบก็ยกมือจัดเสื้อผ้าให้เซียวจิ่ง พร้อมกับหยดยาที่ซั่งกวนเฮ่อให้นางมา แต่ไม่ได้หยดไปบนตัวเซียวจิ่งทั้งหมด ยังเก็บไว้อีกเล็กน้อย
หวังเมิ่งเหยาจัดเสร็จก็ยื่นมือไปจูงรัชทายาทส่งออกนอกตำหนักบรรทมนาง ไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ พอเดินถึงหน้าประตูตำหนัก หวังเมิ่งเหยาก็ควักยาเม็ดออกมาส่งใส่มือเซียวจิ่งสองสามเม็ด “นี่คือยาบำรุงร่างกายที่เสด็จแม่ให้คนปรุงขึ้นมา เจ้าแบ่งให้บ่าวรับใช้ข้างกายเจ้าคนละเม็ด พวกเขาปรนนิบัติรับใช้เจ้ามา เสด็จแม่อยากขอบคุณพวกเขา”
เซียวจิ่งไม่ทันได้สนใจ เพราะก่อนหน้านี้เสด็จแม่เองก็ให้คนข้างกายเขากินยานี้ไปแล้ว ตอนนั้นเขาได้ถามไปแล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้ถามอีก
หวังเมิ่งเหยากลับรู้สึกเป็นห่วง ครั้งนี้เซียวจิ่งทายาไปเยอะอยู่สักหน่อย หากคนพวกนั้นไม่กินยาถอนพิษ ไม่ต้องรอไปถึงหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท เกรงว่าคนข้างกายเซียวจิ่งก็คงตายไปเสียก่อน เช่นนั้นฝ่าบาทจะไม่รู้ได้หรือ
หวังเมิ่งเหยาครุ่นคิดแล้วสีหน้าก็เคร่งขรึมไม่น้อย มองเซียวจิ่งกล่าวว่า “จำไว้ให้พวกเขากินยานี้ลงไป ได้ยินหรือไม่”
เซียวจิ่งมองหวังเมิ่งเหยาอย่างแปลกใจทีหนึ่ง หวังเมิ่งเหยารีบกล่าวว่า “จำคำเสด็จแม่ให้ดี”
นางกล่าวจบก็ไอสองสามที สีหน้าอ่อนแรงอย่างไม่อาจบรรยาย
เซียวจิ่งรีบรับปาก “ได้ เสด็จแม่วางใจได้”
เขากล่าวจบก็กำยาเม็ดเดินออกไป
หวังเมิ่งเหยาอึ้งมองตามแผ่นหลังเขาออกไป แอบอธิษฐานขอให้เรื่องนี้สำเร็จ
ความจริงตอนรัชทายาทออกไปจากตำหนักเฉาหยางกง เซียวเหวินอวี๋ก็ได้รับรายงานแล้วว่า รัชทายาทไปตำหนักฮองเฮา
แต่ไรมารัชทายาทไปตำหนักฮองเฮา เซียวเหวินอวี๋ล้วนรู้ แต่เขาปล่อยรัชทายาทไปตำหนักฮองเฮาก็เพื่อทดสอบดูว่ารัชทายาทแยกแยะได้หรือไม่ว่าเสด็จแม่ตนไร้คุณสมบัติ ดูว่าเขาจะรับมือเรื่องพวกนี้ได้หรือไม่ หากเขารับมือเรื่องพวกนี้ได้ดี ไม่ได้รับอิทธิพลจากฮองเฮา เช่นนั้นเขาก็คิดจะทุ่มเทอบรมรัชทายาทให้เขาได้เป็นรัชทายาทที่เพียบพร้อมของแคว้นต้าโจว
กลับกัน หากรัชทายาทได้รับอิทธิพล กระทำเรื่องที่ไม่ควรกระทำ เช่นนั้นเขาก็มิใช่รัชทายาทที่มีคุณสมบัติได้มาตรฐาน เขาก็จะหาเหตุผลปลดรัชทายาท
“ฝ่าบาท รัชทายาทออกมาจากตำหนักเฉาหยางกงมาถึงแล้ว”
องครักษ์ลับรีบรายงาน
เซียวเหวินอวี๋พยักหน้าเล็กน้อย เขาอยากดูว่ารัชทายาทมาด้วยเหตุใด
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบพลันคิดถึงว่าตนเองอาจถูกพิษ แม้ว่าเขาไม่ใช่หมอ แต่เขาเคยเรียนวิชาการแพทย์ รู้ว่าคนบนโลกนี้ไม่มีทางที่สุขภาพจะย่ำแย่ลงอย่างไร้สาเหตุ เขาเห็นสุขภาพตนเองสองสามวันนี้เสื่อมลงกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด ความแดงระเรื่อบนใบหน้าเริ่มจางหายลงไปทุกวัน สีหน้าเริ่มซีดขาวลงเรื่อยๆ
รายละเอียดพวกนี้ คนทั่วไปอาจไม่ทันค้นพบ แต่เขาค้นพบแล้ว
ดังนั้นเขาจึงได้สงสัยว่าตนเองตกหลุมพรางผู้อื่น แต่ทว่าฉีเหล่ยก็ตรวจไม่ออกว่าเขาถูกพิษ
แต่เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้ทิ้งความสงสัยนี้ของตน บนโลกใบนี้มีพิษมากมายที่การจับชีพจรไม่อาจรู้ได้
ตั้งแต่เซียวเหวินอวี๋สงสัยเรื่องนี้ ก็ครุ่นคิดถึงรายละเอียดรอบกายอยู่ตลอด แต่ก็ไม่พบร่องรอยอันใด อาหารการกินของเขาก็ปกติดีทุกอย่าง ล้วนมีขันทีทดสอบก่อนให้เขากิน เสื้อผ้าเขาก็ไม่ได้มีร่องรอยยาพิษอันใด อีกอย่างคนข้างกายเขาก็ปกติดีมาก
มีเพียงหนึ่งเดียวที่น่าสนใจก็คือรัชทายาท
เซียวเหวินอวี๋คิดถึงเรื่องนี้ ในใจก็ตื่นตระหนก เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าหวังเมิ่งเหยาจะคิดสังหารเขา
แม้หวังเมิ่งเหยาขัดใจเขา ถึงกับทำร้ายองค์หญิงรอง แต่เขาไม่เคยคิดสังหารนางมาก่อน เขาเพียงแค่กักบริเวณนาง
เขาถึงกับทำใจยอมละทิ้งซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเพราะหวังเมิ่งเหยา
แต่ตอนนี้ฮองเฮาอาจจะยืมมือรัชทายาทวางยาพิษเขา เรื่องนี้ทำให้เขาหนาวยะเยือกในใจ
ไม่ เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้เลย
หากเรื่องนี้เป็นจริง ฮองเฮาก็คงเสียสติคลุ้มคลั่งไร้ความเป็นคนไปแล้วจริงๆ
ทำร้ายบุตรสาวตนเองไม่พอ ยังคิดทำร้ายเขาอีก
เซียวเหวินอวี๋ไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้จริงๆ
แต่ตอนรัชทายาทมา เขาก็ยังเอ่ยว่า “เซียวจิ่งยืนอยู่ตรงนั้น อย่าขยับ”