Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 1045

ตอนที่ 1045 หาคน

เซียวหวงในชุดผ้าปกติ คลุมหน้าด้วยผ้าแพรบาง นางกำนัลทั้งสี่ก็อยู่ในชุดเสื้อผ้าสีอ่อน คลุมหน้าด้วยผ้าแพรบางเช่นกัน

คนปกติย่อมไม่มีทางคิดไปถึงรัชทายาทหญิงกับนางข้าหลวงใหญ่ทั้งสี่ประจำตัวนาง

แต่แม้ว่าไม่เห็นใบหน้าทั้งห้าคนนี้ ทว่าร่างอรชรงดงาม แค่เพียงมองก็รู้ว่าเป็นหญิงสาว คนโดยรอบไม่น้อยเห็นดังนี้ก็พากันคาดเดาว่าเป็นคุณหนูตระกูลใดกัน คนไม่น้อยพากันกระซิบคาดเดากันไปต่างๆ นานา

เซียวหวงไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ มองไปยังเณรน้อยที่มารอรับ ถามว่า “อาจารย์ท่านต้องการพบข้าหรือ”

“สีกามิได้มาพบอาจารย์ข้าหรือ”

พอเขากล่าวขึ้น เซียวหวงก็สะอึก ดูท่าพระอาจารย์ทงหุ้ยสมดังคำล่ำลือจริง ถึงกับรู้ว่านางจะมาพบเขา ดูท่าวันนี้มาพบเพื่อถามเรื่องภพก่อน ไม่แน่ว่าอาจถามได้ความบ้าง

“เชิญนำทาง”

เณรน้อยเดินนำทางทุกคนเข้าไปในวัดเซี่ยงกั๋ว ไปยังวิหารข้างด้านหลังของวัดเซี่ยงกั๋ว ยิ่งเดินลึกเข้าไปคนก็ยิ่งน้อย ถึงกับไม่เห็นผู้ใดแม้แต่คนเดียว เณรน้อยนำเซียวหวงไปถึงหน้าประตูก็ส่งเสียงรายงานนอบน้อม “ท่านอาจารย์ แขกมาถึงแล้ว”

มีน้ำเสียงอ่อนโยนดังแว่วออกมาจากด้านใน “สีกา เชิญ”

เซียวหวงก้าวเท้าเข้าไป นางข้าหลวงใหญ่ก็คิดก้าวเท้าเข้าไป แต่ถูกเซียวหวงยื่นมือไปห้ามไว้ “พวกเจ้ารออยู่ด้านนอก”

นางต้องการถามพระอาจารย์เรื่องภพก่อน ย่อมไม่อยากให้นางข้าหลวงใหญ่ทั้งสี่ได้ยิน

นางข้าหลวงใหญ่ทั้งสี่กลับไม่วางใจ มองนางอย่างเป็นห่วง “องค์หญิง”

เซียวหวงยิ้มเอ่ยว่า “ไม่มีอันใด ข้าเชื่อในพระอาจารย์”

ท่านอาจารย์ผู้นี้เคยมีวาสนาได้พบพานกับท่านย่านาง ได้ยินว่าพระอาจารย์รูปนี้คือน้องบุญธรรมที่ท่านย่ารับไว้ จะทำร้ายนางได้อย่างไร

นางข้าหลวงใหญ่ทั้งสี่ไม่พูดอะไรต่ออีก เซียวหวงก้าวเข้าไป พอก้าวเข้าไปก็เห็นในวิหารมีพระอาจารย์ในชุดจีวรแดงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะนั่งตรงกลาง ยามนี้กำลังยิ้มเล็กน้อยมองมาทางนาง

คราแรกที่เซียวหวงเห็น ก็รู้สึกได้ว่าพระอาจารย์เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ใบหน้า’fงามมาก สีหน้ายังเมตตาอ่อนโยน ยามอมยิ้มมองมา ก็ราวกับพุทธะโปรดสัตว์โลกพ้นทุกข์

“คารวะพระอาจารย์ทงหุ้ย”

ทงหุ้ยยกมือบอกให้นางลงนั่ง “ได้พบกับสหายน้อย อาตมาเบิกบานใจมาก”

เซียวหวงได้ฟังเขาก็อดยิ้มไม่ได้ นางรู้ว่าวาจาพระอาจารย์ทงหุ้ยนี้หมายความเยี่ยงไร “เราได้พบพระอาจารย์ก็เบิกบานใจมากเช่นกัน พระอาจารย์สุขภาพแข็งแรง เชื่อว่าท่านย่าเองก็เบิกบานใจ ”

ทงหุ้ยแววตาอ่อนโยนยิ่งขึ้น แต่ก็เก็บแววตาอย่างรวดเร็ว มองไปยังเซียวหวง เอ่ยขึ้นว่า “สีกาวันนี้มาพบอาตมาด้วยเรื่องอันใด”

เซียวหวงลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงเอ่ยว่า “อยากขอเรียนถามพระอาจารย์เกี่ยวกับภพก่อนและภพนี้” นางพูดพลางลงนั่ง

พระอาจารย์ทงหุ้ยแววตากระจ่างคล้ายมองทะลุปรุโปร่ง เขามองเซียวหวงกล่าวว่า “คำสอนพุทธองค์ เวียนว่ายตายเกิดก็ย่อมต้องเวียนว่ายตายเกิด มีภพก่อนภพนี้ แต่การเวียนว่ายต้องสลัดเรื่องในภพก่อนออกจากภพนี้ บุคคลเช่นสีกาหาได้น้อยมากจริงๆ”

พอทงหุ้ยเอ่ยเช่นนี้ เซียวหวงก็รู้ว่าเขามองภายในของนางออก แววตาอดหรี่ลงไม่ได้ เปล่งรัศมีเยียบเย็นดุดันรอบกาย

พระอาจารย์ทงหุ้ยสวดอมิตาภพุทธแล้วก็เอ่ยด้วยความเมตตาว่า “สีการัศมีเข่นฆ่ารุนแรงเกินไป เก็บสงวนสักหน่อยก็คงดี ทุกอย่างล้วนมีเหตุ กระทำเหตุใดย่อมได้ผลนั้น หากสีกาสร้างกรรมสังหารมากยิ่งขึ้น วันหน้าก็ย่อมต้องรับผลกรรมนี้”

เซียวหวงได้ฟังเขาก็อยากจะแค่นหัวเราะ ภพก่อนนางไม่ได้ทำเรื่องชั่วช้าอันใด สุดท้ายกลับต้องมีจุดจบเช่นนั้น นางควรเรียกร้องหาเหตุผลจากผู้ใด

เพียงแต่นางคิดเช่นนี้แล้วก็พลันคิดถึงทุกสิ่งที่ได้รับในชาติภพนี้ มีบิดามารดาที่รักนาง มีญาติพี่น้องที่รักนาง แสดงให้เห็นชัดว่าเพราะภพก่อนสร้างผลไว้เช่นนั้น ชาติภพนี้จึงได้รับผลเช่นนี้

เซียวหวงพลันเข้าใจถึงหลักการเหตุต้นผลกรรม รัศมีดุดันรอบกายเจือจางลงไปมาก

พระอาจารย์ทงหุ้ยเอ่ยต่ออีกว่า “สีกาต้องการมาถามถึงคนรู้จักกระมัง สีกาเคยสร้างผลใดไว้ ย่อมได้รับผลนั้น”

เซียวหวงได้ยินพระอาจารย์ทงหุ้ยก็พลันเข้าใจกระจ่างว่าฟู่หลินแก้แค้นให้นาง เพราะนางช่วยฟู่หลิน เป็นเหตุต้น ดังนั้นต่อมาฟู่หลินแก้แค้นให้นางก็ล้วนเพราะเหตุต้นผลกรรม

เซียวหวงคิดถึงความฝัน สุดท้ายฟู่หลินคล้ายคิดจบชีวิตตนเอง หากฟู่หลินจบชีวิตตนเองจริง เท่ากับว่าเขาได้สร้างเหตุไว้เช่นนี้ นางก็ต้องคืนผลนี้ให้เขา หากเป็นเช่นนี้จริง นางก็ควรจะมีโอกาสได้พบฟู่หลินอีกครั้งจึงจะถูกต้อง เพราะนางต้องคืนผลนี้ให้แก่เขา

เซียวหวงคิดกระจ่างแล้ว ในใจก็ทั้งกังวลและรอคอย นางลุกขึ้นประสานมือเอ่ยขอบคุณพระอาจารย์ทงหุ้ย “ขอบคุณพระอาจารย์ที่ชี้แนะ”

นางกล่าวจบก็หันหลังเตรียมจะจากไป พระอาจารย์ทงหุ้ยด้านหลังเอ่ยขึ้นว่า “สีกาคือดาวหงส์จุติมายังโลกมนุษย์ จดจำไว้ให้ดี อย่าได้ก่อกรรมสังหารผู้คนมากเกินไปนัก”

เซียวหวงชะงักฝีเท้า แต่กลับไม่หยุด ยังคงก้าวเดินออกไป แต่พอนางก้าวออกจากวิหาร อารมณ์ก็ปลอดโปร่งทันที

ความจริงในภพนี้นางเอาแต่เก็บความแค้นไว้ในใจมาตลอด จนกระทั่งในยามนี้นางจึงได้ปล่อยวางได้อย่างแท้จริง

เพราะสร้างผลอันใดไว้ย่อมได้รับผลเช่นนั้น คนเราเวียนว่ายตายเกิดล้วนต้องเผชิญคำสอนนี้ของพุทธองค์ เช่นนั้นบรรดาคนที่รังแกนาง สุดท้ายก็ต้องได้รับผลกรรมตามสนอง นางไม่อาจก่อกรรม ไม่เช่นนั้นวันหน้านางก็ต้องรับผลกรรมนั้น

เซียวหวงยิ้มเบิกบานราวบุปผาแรกแย้ม ประดุจบุปผางดงามที่สุดในใต้หล้า

นางข้าหลวงใหญ่ทั้งสี่มองจนนิ่งอึ้ง องค์หญิงยิ้มเช่นนี้งดงามยิ่งกว่าบุปผาใดในใต้หล้า

เซียวหวงยกมือปิดผ้าคลุมหน้า เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ไป พวกเรากลับเข้าวังกันเถอะ”

นางข้าหลวงใหญ่ทั้งสี่เห็นนางอารมร์ดี ก็รีบก้าวตามนางไป เดินออกจากวัดเซี่ยงกั๋วขึ้นรถม้ากลับเข้าวัง

เซียวหวงกลับถึงวังก็เริ่มวาดภาพเหมือน นางวาดภาพฟู่หลิน นางอยากลองหาดูว่าฟู่หลินได้มาแคว้นต้าโจวหรือไม่ เขาไม่รู้ว่านางอยู่ที่นี่ นางหาเขาเองก็ได้

หากภพก่อนเขาคิดสั้นจริง เช่นนั้นนางก็ติดค้างเขาแล้ว เขาจะต้องมาปรากฏตัวในภพนี้อย่างแน่นอน

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเห็นภาพวาดก็คิดว่าเซียวหวงชอบชายหนุ่มเช่นนี้ จึงอดมองให้ละเอียดไม่ได้ จากนั้นก็กล่าวว่า “หวงเอ๋อร์ชอบคนเช่นนี้หรือ”

เซียวหวงไม่ได้อธิบายว่าในใจนางฟู่หลินก็คือน้องชาย นางตามหาเขาก็เพื่อดูแลเขาให้ดี

แต่นางไม่ได้บอกเรื่องเหล่านี้กับฮองเฮา

“เสด็จแม่ ท่านช่วยลูกหาดูหน่อยว่าในเมืองหลวงมีคนหน้าตาเช่นนี้หรือไม่ หากไม่มี ก็ให้ไปตามหาที่อื่นๆ ในแคว้นต้าโจวตามรูปวาดนี้”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนตกใจ บุตรสาวแน่ใจว่าต้องการคนเช่นนี้หรือ แม้คนผู้นี้เป็นสามัญชนก็ต้องการแต่งหรือ

“หวงเอ๋อร์ หากคนผู้นี้เป็นสามัญชน เจ้าก็ต้องการหรือ”

เซียวหวงยิ้ม “ต้องการ แม้เขาเป็นสามัญชน หม่อมฉันก็ต้องการเพคะ”

นางจะต้องดูแลเขาให้ดี

ฮองเฮาจะกล่าวอันใดได้รีบเรียกเสนาบดีกรมพิธีการเข้าวัง ให้เขาดูภาพวาดของเซียวหวง สั่งการว่า “รัชทายาทหญิงชอบคนหน้าตาเช่นนี้ ผู้ใดที่มีหน้าตาเหมือนรูปวาดนี้ให้บรรจุชื่อไว้ในรายชื่อคัดเลือกราชบุตรเขย ถึงตอนนั้นให้รัชทายาทเลือก”

เพราะรูปวาดไม่อาจเหมือนกับตัวจริง แต่ก็พอจะคัดเลือกตามภาพได้ ถึงตอนนั้นค่อยให้รัชทายาทหญิงดู

เสนาบดีกรมพิธีการมองสองสามที ในใจแอบบ่น คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทหญิงเป็นคนหลงรูปไม่น้อย หน้าตาแบบนี้ไม่เลวจริงๆ คงหาได้ไม่มาก แต่ไม่เป็นไร ขอเพียงรัชทายาทหญิงต้องการหา เขาก็จะหาให้นางให้ได้ นางจะได้ไม่เอาแต่จับจ้องขุนนางในราชสำนักมากนัก

“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version