ตอนที่ 1046 ฟู่หลิน
ฮองเฮากำชับเสนาบดีกรมพิธีการอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ให้แอบดำเนินการเงียบๆ ก็พอ เสนาบดีกรมพิธีการรับพระบัญชาออกไปจัดการ
เซียวหวงวาดภาพเหมือนออกมาใบหนึ่ง ใบหน้ารูปงาม ท่วงท่าสง่าราวหยกสลัก หนุ่มเสเพลรูปงามในเมืองหลวงเดิมทีก็มีน้อยมาก หลายคนยังหวาดกลัวรัชทายาท ไม่ยอมเป็นคู่ครองรัชทายาท พอระบุรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ คนที่ถูกเลือกมาย่อมมีน้อยมาก
เสนาบดีกรมพิธีการนำรายชื่อขึ้นทูลรายงาน ฮองเฮาเห็นแล้วก็ไม่พอพระทัยอย่างมาก แต่ดูไปแล้วก็รู้สึกว่ามีความเหมือนกับคนในภาพอยู่บ้าง
ฮองเฮามองไปยังเสนาบดีกรมพิธีการ “นอกจากคนเหล่านี้ก็ไม่มีผู้ใดเหมือนภาพวาดอีกแล้วหรือ”
เสนาบดีกรมพิธีการมองฮองเฮา เอ่ยอย่างลังเลขึ้นว่า “ฮองเฮา กระหม่อมรู้ว่ามีคนที่เหมือนกับภาพวาดมาก เพียงแต่…”
เสนาบดีกล่าวไม่ทันจบ นอกประตูมีคนเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ก็คือรัชทายาทหญิง
เซียวหวงเดินเข้ามาก็ถามเสนาบดีกรมพิธีการทันที “ผู้ใด”
เสนาบดีกรมพิธีการมองฮองเฮา แล้วก็มองไปยังรัชทายาทหญิงเซียวหวงกล่าวว่า “คนผู้นั้นก็คือคุณชายใหญ่ฟู่หลินบุตรชายใต้เท้าฟู่ขุนนางระดับห้ากรมพิธีการ เพียงแต่คนผู้นี้ก่อนหน้านี้หกล้มจนสมองเสื่อม ตอนนี้คล้ายดังคนปัญญาอ่อน”
ฮองเฮาได้ฟัง กำลังอยากจะเอ่ยว่าคนปัญญาอ่อนจะเป็นราชบุตรเขยรัชทายาทหญิงได้อย่างไร
เซียวหวงกลับตื่นเต้นยินดี เพราะคุณชายขุนนางระดับห้าผู้นี้ถึงกับชื่อฟู่หลิน
เซียวหวงย่อมไม่ได้เป็นเพราะเขาปัญญาอ่อนก็ไม่คิดจะไปพบเขา ในทางกลับกันนางอยากพบคนผู้นี้มาก
แต่นางไม่ได้เอ่ยอันใดกับฮองเฮาและเสนาบดีกรมพิธีการใต้เท้ามากนัก เพียงแค่รับคำเบาๆ เสียงหนึ่ง ก่อนจะมองไปยังฮองเฮากล่าวว่า “เสด็จแม่ เรื่องนี้ไม่ต้องร้อนใจไปเพคะ ค่อยๆ ดำเนินการ การเลือกคู่ครองไม่อาจสำเร็จในทันทีที่ประสงค์เพคะ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนคิดแล้วก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ เรื่องนี้ไม่อาจร้อนใจ อาจเกิดความผิดพลาดได้ง่าย
“ได้ ไม่รีบ”
ความจริงเสนาบดีกรมพิธีการร้อนใจมากกว่า เพราะรัชทายาทเลือกคู่ครองได้เร็ว มีความรักหวานชื่นเร็วอีกหน่อย ก็จะไม่มีเวลาไปยุ่งกับสำนักหงเหวินก่วน เขาได้ข่าวมาว่าสตรีทั้งแผ่นดินกำลังเร่งเดินทางมาเมืองหลวงร่วมสอบคุณสมบัติที่สำนักหงเหวินก่วนกันแล้ว
แต่พวกรองโส่วฝู่ส่งคนไปขวางทางสตรีเหล่านั้นไว้แล้ว ไม่ให้พวกนางเข้าเมืองหลวง
สรุปก็คือบรรดาขุนนางในราชสำนักไม่อยากให้สตรีเข้าร่วมงานในราชสำนัก ชายชาตรีแท้ๆ ถึงกับต้องทำงานกับสตรี จะไม่เสียเกียรติได้อย่างไร
แต่เสนาบดีกรมพิธีการไม่ได้เปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ตอนนี้ขอเพียงตั้งใจจัดการเรื่องงานอภิเษกของรัชทายาทหญิงไปก็พอ
เซียวหวงไม่รู้การเคลื่อนไหวนี้ของพวกรองโส่วฝู่ ยามนี้นางมีแต่เรื่องของฟู่หลิน
ตกค่ำ เซียวหวงพานางข้าหลวงใหญ่ทั้งสี่แอบออกจากวังเดินทางไปจวนใต้เท้าฟู่
ใต้เท้าฟู่เป็นเพียงแค่ขุนนางระดับห้าเล็กๆ ปกติงานก็ไม่ได้มีอันใดให้เขาต้องทำมากนัก ขอเพียงเขาทำงานในแต่ละวันให้เสร็จกลับจวนก็พอ
เพียงแต่เขาแม้ฝันก็คิดไม่ถึงว่า รัชทายาทหญิงถึงกับมาเยือนตระกูลฟู่ ใต้เท้าฟู่กับฮูหยินฟู่พากันตกใจ
พวกเขารู้ว่ารัชทายาทหญิงโหดเหี้ยม ได้ยินว่าอวิ๋นซานป๋อกับขุนนางตรวจการเฉาถูกรัชทายาทหญิงจัดการ แต่ละคนในตระกูลพลอยติดร่างแหไปด้วย แม้ว่าใต้เท้าฟู่ไม่เคยพบรัชทายาทหญิง แต่ก็รู้ว่ารัชทายาทหญิงไม่ใช่คนที่ต่อกรด้วยได้ง่ายๆ
แต่เขาคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เหตุใดรัชทายาทหญิงมาตระกูลฟู่
“กระหม่อมถวายพระพรรัชทายาท”
“หม่อมฉันถวายพระพรรัชทายาท”
เซียวหวงพยักหน้าเล็กน้อย จะเดินเข้าไปในจวนตระกูลฟู่ ใต้เท้าฟู่ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น รีบก้าวเท้าไปนำทางด้านหน้าทันที
เซียวหวงเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ได้ยินว่าตระกูลฟู่มีคุณชายใหญ่ชื่อว่าฟู่หลิน?”
ใต้เท้าฟู่แววตาวูบไหวเล็กน้อย หรือว่าบุตรชายปัญญาอ่อนเขาทำให้รัชทายาทไม่พอใจ ดังนั้นรัชทายาทหญิงจึงได้มาคิดบัญชีกับเขา
ในใจใต้เท้าฟู่ทั้งหวาดกลัวและร้อนใจ แต่ไม่กล้าปิดบัง “พ่ะย่ะค่ะ รัชทายาท”
“พาข้าไปพบเขา”
ใต้เท้าฟู่ลอบถามอย่างระมัดระวังว่า “รัชทายาท เขาทำอันใดผิดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวหวงหันไปมองทีหนึ่งใต้เท้าฟู่ อมยิ้มกล่าวว่า “เราเคยได้รับการช่วยเหลือจากเขามาครั้งหนึ่ง ต่อมาสืบทราบว่าคนผู้นั้นอาจเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลฟู่ ดังนั้นจึงได้มาดูสักหน่อยว่าใช่ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเราไว้หรือไม่”
ใต้เท้าฟู่มองตาค้าง ชะ… ช่วยรัชทายาทไว้หรือ
ในใจเขาอดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เช่นนั้นตระกูลฟู่ก็จะรุ่งเรือง มีหน้ามีหน้าต่อหน้ารัชทายาทได้ เป็นเกียรติระดับใดกัน
เพียงแต่บุตรชายเขาฟู่หลินเป็นคนปัญญาอ่อน เขาเคยช่วยรัชทายาทเอาไว้ เป็นไปได้หรือ
เมื่อก่อนฟู่หลินมักออกไปเที่ยวเล่น แต่ทุกครั้งที่กลับมาก็มักโดนผู้อื่นรังแก ต่อมาเขาให้คนคอยเฝ้าเขาไว้ไม่ให้ออกไป
หรือว่าตอนนั้นที่เขาออกไป เคยช่วยรัชทายาทเอาไว้ เป็นไปได้หรือ
ใต้เท้าฟู่คิดไม่เข้าใจ พาพวกเซียวหวงไปเรือนพักฟู่หลิน
ฟู่หลินสมองเสื่อมปัญญาอ่อน ดังนั้นถูกคนตระกูลฟู่จัดให้อยู่เรือนที่ห่างไกลที่สุดในจวนตระกูลฟู่ สถานที่แห่งนี้ทั้งเงียบและไร้ผู้คน แต่โชคดีที่สถานที่พักปัดกวาดเรียบร้อย บ่าวปรนนิบัติก็ตั้งใจดูแล ฟู่หลินนอกจากผ่ายผอมแล้วก็มิได้ถูกทำทารุณกรรมอันใด
เพียงแต่เซียวหวงเห็นเขาผอมจนเหลือแต่กระดูกเช่นนี้ ก็อดปวดใจไม่ได้ แม้ว่าไม่รู้ว่าฟู่หลินผู้นี้ใช่น้องชายนางในภพก่อนหรือไม่ แต่เห็นกับที่เขาหน้าตาเหมือนกับน้องชายนางทุกอย่าง นางก็ยังคงปวดใจอย่างไม่อาจระงับ
เซียวหวงเดินเข้าไปก้มลงมองเขา เขาเหลือบตาขึ้นมอง แววตาตื่นตระหนกราวกับลูกกวางน้อย ถดตัวหนีด้วยสัญชาตญาณ แม้ว่าเขาปัญญาอ่อน แต่เห็นได้ชัดว่ายังคงรู้จักระวังป้องกันตนเอง
เซียวหวงมองเขา แววตาอดอ่อนโยนลงไม่ได้ นางย่อตัวลงมองเขา “เจ้าชื่อฟู่หลิน?”
ฟู่หลินมักได้ยินคนเรียกเขาเช่นนี้ก็พยักหน้าเอ่ยน้ำเสียงเบาราวกับยุงบิน “ข้าชื่อฟู่หลิน”
แต่แม้ว่าน้ำเสียงเบามาก แต่ยังรู้จักตอบ และไม่หลบอีก พร้อมกับแอบลอบเงยหน้ามองเซียวหวงทีหนึ่ง
ท่าทางเช่นนั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดูอย่างไม่อาจบรรยาย แม้ว่าตอนนี้เขาโตแล้ว แต่กิริยาท่าทางยังคงเหมือนภพก่อนตอนเซียวหวงเพิ่งจะเก็บเขากลับมา ตอนที่เขาเพิ่งจะถูกนางเก็บกลับมาเลี้ยงก็มีท่าทางตื่นตระหนกอย่างมาก แม้ว่าเซียวหวงรับรองแล้วว่าจะดูแลเขา แต่เขายังคงไม่เชื่อใจนาง มักจะลอบมองนางตอนนางเผลอ เซียวหวงแสร้งทำเป็นไม่เห็น แต่กลับไม่ได้ละเลยประกายไฟลุกโชนในแววตาเขา สุกสกาวราวดวงดาวยามค่ำคืน
ยามนี้ท่าทางที่ฟู่หลินมองนางก็เหมือนเขาในอดีต
เซียวหวงไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าฟู่หลินผู้นี้ใช่ฟู่หลินในภพก่อนหรือไม่ ไม่อาจเพราะหน้าตาพวกเขาเหมือนกัน นางก็แน่ใจว่าเขาคือฟู่หลิน
เซียวหวงลุกขึ้นมองไปยังใต้เท้าฟู่ด้านหลัง “เหตุใดฟู่หลินจึงกลายเป็นคนปัญญาเสื่อมเช่นนี้ไปได้ เราได้ยินว่าเมื่อก่อนไม่ได้เป็นเช่นนี้”
เอ่ยถึงเรื่องนี้ใต้เท้าฟู่ก็ปวดใจมาก “พ่ะย่ะค่ะ เมื่อก่อนบุตรชายคนเล็กกระหม่อมไม่เพียงแต่ไม่ได้ปัญญาเสื่อม แต่ยังฉลาดเฉลียวอย่างมาก อายุสิบห้าก็สอบซิ่วไฉได้ เดิมคิดเข้าสอบต่อ ปรากฏออกไปท่องเที่ยวกับสหายร่วมชั้นเรียน ไม่ทันระวังรถม้าที่นั่งไปตกจากเนินเขา ทำให้สมองเขาได้รับความกระทบกระเทือน”
ตอนนั้นเขายังคิดว่าสหายร่วมชั้นเรียนวางแผนทำร้ายเขา จึงได้ส่งคนไปสืบเรื่องนี้ ปรากฏเป็นอุบัติเหตุจริง