Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 1051

ตอนที่ 1051 โมโห

ยามเย็น เซียวหวงพาฟู่หลินไปอำลาพระอาจารย์ทงหุ้ย ทั้งสองคนขึ้นรถม้าเดินทางออกจากวัดเซี่ยงกั๋ว เข้าเมือง เซียวหวงไปส่งฟู่หลินที่ตระกูลฟู่ก่อน ก่อนหน้านี้นางบอกกับฟู่หลินว่า ตอนนี้ชาติกำเนิดของเขาในเมืองหลวงก็คือบุตรชายคนโตขุนนางระดับห้า

ฟู่หลินไม่ได้เอ่ยอันใดมาก ตามเซียวหวงไปตระกูลฟู่ ตอนลงจากรถม้า เขาอดหันกลับไปมองรอยยิ้มอ่อนโยนอบอุ่นของเซียวหวงไม่ได้ อาหวงยังมีชีวิตอยู่ ดีจริง

ตระกูลฟู่

ใต้เท้าฟู่กับฮูหยินฟู่รู้ว่าฟู่หลินหายดีแล้ว ก็ดีใจอย่างมาก แต่ละคนพากันวิ่งมารุมล้อมเขา

ฟู่หลินมองพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชา แม้ว่าต่อหน้าเซียวหวง เขาจะอ่อนโยน แต่เป็นความอ่อนโยนที่มีให้นางเพียงผู้เดียว เพราะเหตุจากภพก่อน เขาจึงเย็นชาต่อผู้คน ยามเผชิญหน้ากับความยินดีของคนตระกูลฟู่ เขากลับมิได้รู้สึกอันใด

แต่ใต้เท้าฟู่กับฮูหยินฟู่กลับพอเข้าใจ สมองเขาเสื่อมมาหลายปี จะมีความผูกพันกับพวกเขามากมายได้อย่างไรกัน

“หายดีก็ดีแล้วๆ”

ฟู่เซวียนกลับนึกอิจฉา เอ่ยขึ้นอย่างอิจฉาตาร้อนว่า “พี่ใหญ่ ท่านควรขอบคุณรัชทายาท หากไม่ใช่รัชทายาทออกหน้าเชิญพระอาจารย์ทงหุ้ยมาช่วยท่าน ตอนนี้ท่านก็ยังคงสมองเสื่อมอยู่”

ฟู่หลินได้ยินฟู่เซวียน ก็คิดถึงใบหน้าเซียวหวงขึ้นมา แววตาอดอ่อนโยนขึ้นมาไม่ได้

ฟู่เซวียนย่อมเห็นแววตานี้ ได้แต่เอ่ยอย่างริษยาว่า “พี่ใหญ่ พี่คงไม่ได้ชอบรัชทายาทกระมัง ท่านพ่อบอกแล้วว่า สถานะพวกเราไม่อาจเป็นราชบุตรเขยรัชทายาทได้ ดังนั้นพี่ก็อย่าได้คิดหวังจะดีกว่า”

ฟู่หลินได้ยินเพียงวาจาสุดท้ายของฟู่เซวียน เขากระชากฟู่เซวียนมาถามว่า “ราชบุตรเขยรัชทายาทอันใด”

ฟู่เซวียนมองเขา เห็นอยู่ว่าเย็นชา แต่แววตากลับเย็นเยียบ ทำเอาเขาตกใจ กล่าวน้ำเสียงแตกตื่นว่า “ฝ่าบาทกับฮองเฮามีราชโองการเลือกราชบุตรเขยให้กับรัชทายาท นี่เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วทั้งเมืองหลวง แต่ท่านพ่อบอกว่าสถานะตระกูลเราไม่อาจแต่งเป็นราชบุตรเขยรัชทายาทได้”

ฟู่หลินได้ฟังฟู่เซวียน ก็หันหลังคิดออกไปทันทีด้วยสัญชาตญาณ เขาคิดไปหาเซียวหวง แต่เดินไปได้สองสามก้าวก็หยุดลงโนเวลพีดีเอฟ

ใช่แล้ว ตอนนี้เขาเพียงแต่บุตรชายขุนนางระดับห้าเล็กๆ อาหวงเป็นรัชทายาทหญิงแห่งแคว้นต้าโจว

แต่แม้นางเป็นรัชทายาท ครั้งนี้เขาก็จะไม่ยอมปล่อยมืออย่างเด็ดขาด

แต่ตอนนี้บุ่มบ่ามไปหานางไม่ได้ เขาต้องพยายามฝึกฝนวิชาทำลายล้างโลกในภพก่อนให้กลับคืนมาก่อน วันหน้าก็จะได้อารักขาอาหวงให้ดี อาหวงยังไม่รู้ว่าเขาชอบนาง และเขาก็ยังไม่รู้ความในใจของนางในตอนนี้ เกิดบุ่มบ่ามไปหานาง อาจทำให้นางไม่พอใจได้ ดังนั้นเขาจะค่อยๆ ทำให้นางเข้าใจความในใจเขา ส่วนพวกที่เข้าใกล้นาง คิดจะเป็นราชบุตรเขยพวกนั้น เขามีความสามารถเพียงพอจะขับไล่พวกเขาแต่ละคนไปจากนางได้

ฟู่หลินหันมาสนใจใต้เท้าฟู่กับฮูหยินฟู่ต่อ “ข้าพักที่ใด”

ฮูหยินฟู่คิดบอกทันทีด้วยสัญชาตญาณ ใต้เท้าฟู่กลับชิงเอ่ยขึ้นก่อนว่า “จัดเรือนพักให้หลินเอ๋อร์ใหม่”

ฮูหยินฟู่คิดแล้วก็เห็นด้วย เดิมฟู่หลินอยู่ในเรือนห่างไกลที่สุดของตระกูลฟู่ ตอนนี้เขาหายดีแล้ว เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลฟู่ ย่อมต้องจัดหาเรือนพักให้เขาใหม่

ฮูหยินฟู่ไปจัดเรือนพักให้ฟู่หลินด้วยตนเอง

ในวัง เซียวหวงกำลังทูลเรื่องไปวัดเซี่ยงกั๋วต่อเซียวเหวินอวี๋กับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน

เห็นสีหน้าเบิกบานใจของนางยามเล่าว่าฟู่หลินหายดีแล้ว ฮ่องเต้และฮองเฮาก็เงียบงัน บุตรสาวคงมิได้ชอบบุตรชายคนโตตระกูลฟู่ผู้นี้กระมัง

เซียวเหวินอวี๋รู้สึกไม่เห็นด้วยในทันที บุตรชายขุนนางระดับห้าเล็กๆ จะมาเป็นว่าที่พระสวามีฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นต้าโจวได้อย่างไร

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนครุ่นคิดอย่างสงสัย บุตรสาวคงยังไม่รู้ใจตนเอง เห็นนางเอ่ยถึงคุณชายใหญ่ตระกูลฟู่ ก็มีท่าทางดีใจเช่นนี้ นางน่าจะชอบเขา แต่ตอนนางถาม เหตุใดนางบอกว่าเห็นเขาเป็นเพียงน้องชาย มีพี่สาวที่ไหนเอ่ยถึงน้องชายด้วยท่าทางดีใจเช่นนี้

นางเอ่ยถึงพี่รองนางก็มิได้มีท่าทางดีใจเช่นนี้

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนครุ่นคิดแล้วก็มิได้เอ่ยเตือนเซียวหวง แค่ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “หวงเอ๋อร์ ฟู่หลินหายดีแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องคอยเป็นห่วงเรื่องของเขาอีกแล้ว ตอนนี้เจ้ามาสนใจเรื่องหาคู่ครองของเจ้าดีกว่า เสด็จแม่กับเสด็จพ่อได้เลือกไว้ให้เจ้าสองสามคนแล้ว เจ้าหาเวลามาทำความรู้จักคนเหล่านี้สักหน่อยดีไหม”

เซียวหวงนิ่งอึ้งไปทันที คิดว่าควรจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เรียบร้อยได้แล้ว แม้ว่าคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา นางก็มิค่อยกระตือรือร้นสักเท่าไร แต่ในฐานะรัชทายาทหญิง การเลือกพระสวามีในวันหน้าเป็นเรื่องช้าเร็วเท่านั้น

“เพคะ เสด็จแม่จัดการไปก็แล้วกันเพคะ”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนพยักหน้า “เสด็จแม่จัดการเสร็จก็จะบอกเจ้า วันนี้เจ้ายุ่งมาทั้งวัน ไปพักผ่อนเถอะ”

เซียวหวงพานางกำนัลกลับไปพักผ่อนอย่างอารมร์ดี

เซียวเหวินอวี๋ถามซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน “เจ้าอย่าได้คิดให้ฟู่หลินผู้นั้นแต่งกับหวงเอ๋อร์ อย่างไรบุตรสาวเราก็ควรคู่กับมังกรในหมู่ชน”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ก็อดหัวเราะไม่ได้

เซียวเหวินอวี๋ไม่เข้าใจ ถามว่า “หัวเราะอันใด”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกล่าวอย่างนึกขำว่า “หม่อมฉันว่าฝ่าบาทตอนนี้ทำให้หม่อมฉันนึกถึงท่านแม่เล่าถึงท่านพ่อบุญธรรม ท่านแม่บอกว่าท่านพ่อบุญธรรมมองผู้ชายคนใดก็รู้สึกว่าไม่คู่ควรกับพี่หลิงหลง ตอนนี้ฝ่าบาทเองก็มองว่าผู้ใดก็มิคู่ควรกับหวงเอ๋อร์ พวกผู้ชายนี่ ยามอยู่กับภรรยาตนเองก็มักรู้สึกว่าตนเองคู่ควร แต่พอเป็นบุตรสาว ก็รู้สึกผู้ใดก็ไม่คู่ควรกับบุตรสาวตนเอง”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกล่าวจบก็หุบยิ้มมองเซียวเหวินอวี๋ กล่าวว่า “หม่อมฉันไม่ถือสาหากผู้ชายจะสถานะต่ำกว่า ขอเพียงเขารักหวงเอ๋อร์เรามากพอก็พอแล้ว หวงเอ๋อร์เดิมก็มีความสามารถ จัดการงานนอกบ้านได้ ดังนั้นขอเพียงราชบุตรเขยรักนาง ดูแลนางให้ดีก็พอแล้ว หากฟู่หลินทำได้ดังนี้ หม่อมฉันก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้เขาเป็นราชบุตรเขย”

เซียวเหวินอวี๋กำลังคิดจะเอ่ยต่อ แต่ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนถอนหายใจกล่าวว่า “น่าเสียดายบุตรสาวเราดังท่อนไม้ นางบอกกับข้าว่า นางเห็นฟู่หลินเป็นเพียงแค่น้องชาย”

ดังนั้นนางต้องทำให้เซียวหวงรู้ใจตนเอง ว่าแท้จริงมองฟู่หลินในฐานะอันใด

เซียวหวงไม่รู้ความคิดเสด็จแม่ตน นางไม่ได้สนใจเรื่องเลือกคู่ครองแม้แต่น้อย ตอนนี้แก้ปัญหาเรื่องของฟู่หลินได้แล้ว นางก็คิดสนใจเรื่องสำนักหงเหวินก่วน พอคิดถึงเรื่องนี้ เซียวหวงพลันคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา เหตุใดนางมีราชโองการลงไปแล้ว แต่ถึงตอนนี้ก็ไม่เห็นสตรีใดมารอสอบที่สำนักหงเหวินก่วน หรือว่าแคว้นต้าโจวไม่มีสตรีเก่งกาจโดดเด่น หากสถานที่ห่างไกลไม่มี แต่สถานที่ใกล้เมืองหลวงก็น่าจะมีกระมัง ไม่มีทางไม่มีแม้แต่คนเดียว

เซียวหวงรู้สึกว่าเรื่องนี้ผิดปกติ รีบหันมองไปยังนางข้าหลวงใหญ่เจี้ยงเสวี่ย กล่าวว่า “พาคนไปตรวจสอบดูหน่อย เหตุใดไม่มีคนมารอสอบที่สำนักหงเหวินก่วน มีคนเล่นลูกไม้ห้ามคนเข้าเมืองหลวงหรือไม่”

เซียวหวงกล่าวถึงวาจาสุดท้าย แววตาก็เย็นเยียบ หากให้นางจับได้มีมือยื่นมาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดูว่านางจะจัดการมือที่ยื่นยาวมายุ่งกับเรื่องนี้เยี่ยงไร

เจี้ยงเสวี่ยรับคำไปสืบเรื่องนี้ได้หนึ่งวัน ก็สืบพบว่ามีคนขัดขวางหญิงที่จะเข้าเมืองหลวงมาร่วมสอบจริง ไม่เพียงแต่ขัดขวาง แต่ยังข่มขู่ว่า หากหญิงเหล่านั้นกล้ามาสอบที่สำนักหงเหวินก่วน ไม่เพียงแต่นาง แม้แต่ตระกูลนางก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย

หญิงที่เดินทางมาสอบเมืองหลวงต่างตกใจกลัว อย่างไรในยุคสมัยที่ชายเป็นใหญ่สูงสุด แม้ว่ารัชทายาทหญิงก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทแคว้นต้าโจวได้สำเร็จ แต่หลายร้อยปีมานี้ สถานะสตรีก็ต่ำต้อย ในจิตใต้สำนึกหญิงเหล่านี้ พวกนางมั่นใจว่าคนพวกนั้นแตะต้องตระกูลพวกนางได้จริง ดังนั้นสตรีที่เข้ามาสอบในเมืองหลวงจึงพากันเดินทางกลับไปหมด

เซียวหวงได้ข่าวก็โมโหมาก ยกมือหยิบของข้างกายปาทิ้ง “สุนัขพวกนี้ถึงกับกล้าขัดคำสั่งเรา เจี้ยงเสวี่ย ไปเชิญใต้เท้าเสนาบดีกรมอาญามา”

“เพคะ รัชทายาท”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version