ตอนที่ 473 คำสั่งบิดามารดา วาจาแม่สื่อ
ลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว หันไปทักทายสวีโต้ว สวีโต้วนำสมุดบัญชีมาส่ง
ก่อนปีใหม่ ครอบครัวลู่เจียวกลับหมู่บ้าน นางไม่อาจนำสมุดบัญชีไปส่ง ได้แต่รอนางกลับมา ตอนนี้ได้ยินว่านางกลับมาแล้ว นางก็รีบนำสมุดบัญชีมาให้ตรวจดู
“เหนียงจื่อ นี่คือสมุดบัญชีกับตั๋วแลกเงิน”
ลู่เจียวยื่นมือออกไปรับมาตรวจ โรงหีบน้ำมันกับสบู่หอมทำกำไรได้ไม่เลวจริงๆ
“อืม ไม่เลว”
แม้ว่ามีเพียงสองร้านเล็กๆ แต่ทำกำไรได้หลายพันตำลึง
สวีโต้วยิ้มกล่าวว่า “สินค้ามาถึงก็ขายหมดเกลี้ยงในทันที ส่วนใหญ่พวกเราแม่ลูกก็ว่าง ข้ามาครั้งนี้คิดจะหารือกับเหนียงจื่อสักหน่อย ลองเปิดเป็นตัวแทนค้าธัญพืชในร้านน้ำมัน ส่วนโรงเวชสำอางก็เป็นตัวแทนขายของมงคลจำพวกนั้น”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เจ้าเป็นผู้จัดการสองร้านค้านี้ เรื่องนี้เจ้าตัดสินใจได้เลย หากหาเงินได้ เจ้าก็ทำไปได้เลย”
“เจ้าค่ะ เหนียงจื่อ”
สวีโต้วยิ้มรับคำอย่างดีใจ ลู่เจียวมองนางพลางถามเรื่องของพวกนางแม่ลูกในตอนนี้อย่างห่วงใย
“พวกเจ้าสบายดีไหม”
“เหนียงจื่อวางใจได้ ทุกอย่างดีมาก”
ก่อนหน้านี้เพิ่งจะหย่า ในใจก็เสียใจอยู่ไม่น้อยจริงๆ แต่ตอนนี้ความเจ็บปวดในใจทุเลาลงแล้ว เวลานี้ความคิดนางมีแต่เรื่องหาเงินออกเรือนให้จิ่นซิ่วบุตรสาวนาง รอจิ่นซิ่วออกเรือนไป นางก็จะวางใจหาเงินมาแสดงความกตัญญูบิดามารดานาง
ลู่เจียวเห็นสวีโต้วปล่อยวางได้แล้ว ก็รู้สึกสบายใจ
“อย่างนั้นก็ดี คนเราควรมองไปข้างหน้า อย่าเอาแต่คิดวกวนกับเรื่องในอดีต เช่นนี้รังแต่จะทำให้ตนเองทุกข์ใจเอง”
สวีโต้วพยักหน้า นางแปลกใจกับความคิดหลายมุมของลู่เจียวมาก เหนียงจื่ออายุไม่มาก แต่คำพูดที่กล่าวออกมากลับเต็มไปด้วยหลักการและเหตุผล
ลู่เจียวคุยกับสวีโต้วได้ครู่หนึ่งก็พลันคิดถึงเรื่องแต่งงานของลู่กุ้ยขึ้นมา
สวีโต้วใช้ชีวิตในอำเภอมาหลายปี ย่อมต้องรู้จักตระกูลดีไม่น้อย ขอให้นางช่วยลู่กุ้ยหาสะใภ้ดีสักคนก็คงไม่เลว
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังสวีโต้ว “พี่สวี ข้าอยากขอให้เจ้าช่วยสักหน่อย”
“เหนียงจื่อ เชิญว่ามาได้”
สวีโต้วมองลู่เจียว ลู่เจียวบอกเรื่องราวของน้องชายตน “ปีนี้สิบเก้าแล้ว คนที่อายุเท่าเขาก็แต่งงานมีลูกกันไปแล้ว แต่เขายังไม่ได้หมั้นหมายอันใด ในฐานะพี่สาว ข้าเองก็อยากใครมาช่วยดูให้เขาสักคน”
“เดิมท่านแม่ข้าปีนี้ก็หาหญิงในหมู่บ้านให้เขาดูตัวไปหลายคน แต่ข้าไม่เห็นด้วย เพราะข้าวางแผนกับน้องชายไว้ว่าจะเปิดร้านอาหารในอำเภอชิงเหอ น้องสะใภ้จะไม่รู้หนังสือสักตัวไม่ได้ นางควรรู้หนังสือบ้าง จะได้ช่วยงานสามีตนเองได้”
ลู่เจียวกล่าวจบมองไปยังสวีโต้ว “พี่สวีช่วยข้าดูหน่อยได้หรือไม่ว่ามีหญิงสาวเช่นนี้หรือไม่ หากมีก็ช่วยเป็นแม่สื่อให้ลู่กุ้ยน้องชายข้าสักหน่อย แม้ว่าเขาเป็นคนบ้านนา แต่เป็นคนซื่อมาก สมองไม่นับว่าฉลาด แต่ความประพฤติพอใช้ได้ และมีข้าเป็นพี่สาวคอยดูแล คงไม่แย่ไปถึงขั้นใด”
ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ สวีโต้วก็มีสีหน้าเหมือนครุ่นคิด ลู่เจียวเดาว่านางคงนึกถึงผู้ใดได้แล้ว ก็นิ่งรอฟังเงียบๆ
ผู้ใดจะรู้ว่าสวีโต้วพลันกล่าวว่า “เหนียงจื่อรู้สึกว่าบุตรสาวข้าจิ่นซิ่วเป็นอย่างไรบ้าง”
ลู่เจียวมีสีหน้าตกใจ นางมองสวีโต้วด้วยคิดว่าตนเองฟังผิดไป “จิ่นซิ่ว?”
ซูจิ่นซิ่วตอนนี้ชื่อว่าสวีจิ่นซิ่ว จิ่นซิ่วอายุน่าจะไม่มากกระมัง
“ตอนนี้จิ่นซิ่วอายุไม่น้อยแล้วกระมัง”
“พ้นปีใหม่นี้ก็สิบห้าแล้ว ข้ากำลังคิดจะหาคนมาดูตัวนางอยู่”
“น้องชายข้าสิบเก้า จิ่นซิ่วแค่สิบห้า อายุเขามากไปสักหน่อยไหม”
สิบห้าแค่มัธยมต้น ตอนนี้ถึงกับคุยเรื่องแต่งงานแล้ว?
ลู่เจียวทำความเข้าใจตนเองใหม่อีกครั้งว่ายุคสมัยนี้ไม่เหมือนกับยุคสมัยนาง
แต่สวีโต้วกลับไม่คิดเช่นนี้ นางมองลู่เจียวกล่าวว่า “พอดี ผู้ชายโตกว่าสักหน่อยจะได้รู้จักทะนุถนอม ข้าเองก็มองดูพ่อบ้านลู่มาระยะหนึ่ง เขาเป็นคนดีมาก”
“ตั้งแต่หย่ากับซูต้าไห่ ข้าก็พยายามคิดเรื่องหนึ่งอย่างจริงจัง วิเคราะห์ว่าเหตุใดเขาจึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้ ที่แท้ข้าคิดมาตลอดว่าท่านแม่เขาบังคับเขา แต่ตอนนี้พลันกระจ่างขึ้นมาเรื่องหนึ่งว่า ความจริงเดิมเขาก็เป็นคนเช่นนี้ ตอนอายุยังน้อยก็ย่อมพูดจาเอาใจข้า เขาเอาใจข้าเป็น เช่นนั้นก็ย่อมเอาใจผู้อื่นเป็น”
“เหนียงจื่อบอกว่าพ่อบ้านลู่เป็นคนซื่อ พูดจาเอาใจสตรีไม่เป็น หากเขาพูดเป็นก็คงแต่งภรรยาไปแล้ว คนเช่นนี้ความจริงก็ดีมาก พูดวาจาหวานเอาใจภรรยาตนไม่เป็น แต่ก็ย่อมไม่กล่าววาจาหวานกับสตรีอื่นเช่นกัน”
ลู่เจียวเห็นท่าทางเช่นนี้ก็รู้ว่าสวีโต้วถูกใจลู่กุ้ยเข้าจริงๆ แล้ว
นางก็ไม่รู้ว่าควรกล่าวอันใดดี เงียบไปเป็นนานจึงได้กล่าวว่า “พี่สวี เรื่องนี้ต้องให้จิ่นซิ่วเห็นด้วยหรือไม่ บางทีนางอาจไม่ถูกใจลู่กุ้ย”
“คำสั่งบิดามารดา วาจาแม่สื่อ ไหนเลยที่นางจะกล่าวอันใดได้ ตอนนั้นข้าไม่ฟังคำท่านพ่อข้าท่านแม่ วันนี้ต้องมาเสียเปรียบ บิดามารดาเสียเปรียบมากกว่าข้าวที่พวกเรากินไปมาก เป็นบิดามารดาย่อมรู้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบุตร”
ลู่เจียวไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ เป็นบิดามารดาได้แต่เสนอให้บุตร ไหนเลยจะจัดการแทนบุตรได้ หากบังคับให้พวกเขาอยู่ร่วมกัน ก็รังแต่จะกลายเป็นคู่แค้น
ลู่เจียวนึกถึงลู่กุ้ยก่อนหน้านี้ที่คิดแต่งกับเฝิงจือ พริบตาจะให้เขาแต่งกับจิ่นซิ่ว ไม่รู้ว่าเขาจะคัดค้านไหม
แต่ลู่เจียวคิดแล้วก็รู้สึกว่าหากตัดเรื่องอายุออกไป สวีจิ่นซิ่วก็ไม่เลว
นางใบหน้างามกระจ่างตา และยังรู้หนังสือ ติดตามมารดาเช่นสวีโต้วเติบโตมา เป็นคนที่มีความคิดมาก นางเช่นนี้ค่อยๆ ไปติดตามเรียนรู้จากลู่กุ้ย วันหน้าย่อมต้องเก่งกาจอย่างแน่นอน
ปัญหาคืออายุนางน้อยเกินไปจริงๆ ลู่เจียวมักรู้สึกว่าทำเช่นนี้เป็นการฝืนเร่งต้นอ่อนให้เติบโต
“พวกเราให้พวกเขาดูตัวกันก่อน สรุปก็คือต้องให้ทั้งสองคนเห็นด้วย เรื่องนี้จึงจะได้ หากไม่เห็นด้วย พวกเราก็อย่าได้บังคับพวกเขา”
“ตกลง”
สวีโต้วคุยเรื่องนี้จบก็คิดจะจากไป ลู่เจียวรีบเรียกนางไว้กล่าวว่า “พรุ่งนี้ข้าพาลู่กุ้ยไปร้านน้ำมัน ให้ทั้งสองคนได้พบกันสักหน่อย”
สวีโต้วพยักหน้า ทิ้งตั๋วแลกเงินไว้ นำสมุดบัญชีออกไป
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ก้าวเข้าประตูมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างนาง ยื่นมือไปกุมมือนางไว้
ตอนนี้ทั้งสองคนสัมผัสใกล้ชิดกันอย่างเป็นธรรมชาติมาก ลู่เจียวเองก็มิได้รู้สึกฝืนใจแม้แต่น้อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพบว่านางมีเรื่องในใจ ก็รีบถามอย่างห่วงใยว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
ลู่เจียวถอนหายใจกล่าวว่า “เมื่อครู่ ข้าเพิ่งขอให้พี่สวีช่วยหาสะใภ้ให้ลู่กุ้ย ปรากฏเจ้าเดาว่าเกิดอันใดขึ้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้าแสดงท่าทีว่าไม่รู้
สีหน้าลู่เจียวคาดไม่ถึง “นางบอกว่าให้จิ่นซิ่วแต่งกับลู่กุ้ย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แต่คิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “ก็พอได้”
ลู่เจียวถอนหายใจ “ข้ารู้สึกว่านางอายุน้อยเกินไป พ้นปีใหม่นี้นางก็แค่สิบห้าเท่านั้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบยิ้มกล่าวว่า “หญิงสาวหลายคนสิบเอ็ดสิบสองก็หมั้นหมาย สิบสามสิบสี่ก็แต่งแล้ว นางก็สิบห้าแล้ว ไม่ถือว่าเด็ก”
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างยอมรับได้แล้ว เอาเถอะ ยุคสมัยนี้ก็เป็นเช่นนี้
แต่? วันหน้าแฝดสี่ไม่ควรแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย
“วันหน้าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ต้องสิบแปดจึงจะแต่งงานได้ อายุน้อยไป ข้าไม่เห็นด้วย”