Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 551

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 551

ตอนที่ 551 จิตใจได้ตายไปแล้ว

แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นดำทะมึนลงทันที สีหน้าพลันเยียบเย็น เขามาทำไมกัน

ลู่เจียวสีหน้านึกสงสัย อ๋องฉินผู้เป็นบิดาเซี่ยอวิ๋นจิ่นหรือ อยู่ดีๆ มาตระกูลเซี่ยทำไมกัน หรือว่าคิดมาขอร้องแทนเซียวถิง

ลู่เจียวคิดไปพลางหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปพลาง

สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเต็มไปด้วยความเยียบเย็น เม้มปากแน่นเป็นนานก่อนจะโบกมือสั่งพ่อบ้านเซียว “ไปเชิญเขาเข้ามา”

ในเมื่อมาแล้วก็ต้องเชิญเข้ามา ดูว่าเขามาเยือนวันนี้ด้วยเรื่องอันใด คงไม่ใช่มาขอร้องแทนบุตรชายเขากระมัง

พ่อบ้านเซียวหันหลังออกไป

ลู่เจียวด้านหลังมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “เขามาทำไมกัน คงไม่ได้มาขอร้องแทนเซียวถิงกระมัง”

ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเผยสีหน้ายิ่งเย็นเยียบราวกับจับตัวเป็นน้ำแข็ง เต็มไปด้วยรัศมีเย็นยะเยือกปกคลุม

ลู่เจียวเห็นเขาเช่นนี้ก็รีบเอ่ยว่า “อย่าได้โมโห ไม่แน่อาจเป็นข้าคิดมากไป”

เรือนข้างเดิมกำลังกินข้าวกันอย่างมีความสุข เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นบิดามารดาตนไม่เบิกบานใจก็รีบถามว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ เป็นอะไรไปหรือ”

ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ จากนั้นก็คลายสีหน้าลง ยิ้มกล่าวว่า “ไม่มีอันใด ไม่มีอันใด ท่านพ่อกับแม่คุยธุระอยู่”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่จ้องมองพวกเขาอีก มองไปมองมาก็พบว่าสีหน้าพวกเขาอ่อนโยนมาก ไม่ได้ขมวดขึ้งเหมือนก่อนหน้า

ยามนี้ นอกประตูเรือนข้างมีเสียงฝีเท้าดังมา ทุกคนหันไปมองด้วยสัญชาตญาณ เห็นคนประคองอ๋องฉินเดินเข้ามา

ลู่เจียวเป็นหมอ มองออกว่ากำลังวังชาอ๋องฉินไม่ค่อยดีนัก ดูไร้สัญญาณแห่งพลังชีวิต คนผู้นี้คงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองท่าทางของอ๋องฉินออกว่าไม่ค่อยดีนัก ความโมโหเดิมของเขาที่มีต่ออ๋องฉินก็พลันเบาบางลงมาก

เขาลุกขึ้นเชิญอ๋องฉินไปนั่งที่เรือนข้าง ลู่เจียวเองก็พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เดินไปตรงหน้าอ๋องฉิน

อ๋องฉินหอบหายใจคลายความอัดอั้นในใจลงแล้วก็เงยหน้ามองประเมินลู่เจียวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ดูไปดูมา แววตาก็เริ่มรื้นขึ้นมา นี่คือบุตรชาย สะใภ้และหลานชายของเขา

น่าเสียดายพวกเขากลับไม่ยอมรับ สวรรค์ต้องการทำลายล้างจวนอ๋องฉิน

เห็นอยู่ว่าเป็นเด็กฉลาดมีปัญญาแต่กลับถูกจวนอ๋องฉินส่งออกไป หากตอนนั้นให้อยู่ต่อก็คือบุตรชายรองของครอบครัวพวกเขา ตอนนี้จะดีเพียงใด และยังมีหลานชายแล้ว ไม่ได้เหมือนเช่นตอนนี้ แม้แต่หลานชายสักคนก็ไม่มี

อ๋องฉินยิ่งคิดก็ยิ่งอ่อนแรง เขาหอบหายใจมองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ข้างกายลู่เจียว กล่าวว่า “นี่คือลูกๆ ของพวกเจ้าหรือ”

“ใช่”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับคำเสียงหนึ่ง เขามองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตรงหน้า กวักมือเรียกพวกเขามาหา

“นี่คือท่านอ๋องฉินแห่งแคว้นต้าโจว มาคารวะท่านอ๋องก่อน”

ลู่เจียวเคยสอนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ว่าควรทำความเคารพเช่นไร

ดังนั้นพอเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยเรียก เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็เข้ามาคำนับอ๋องฉิน “คารวะท่านอ๋องฉิน”

อ๋องฉินมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ หน้าตาดีมาก เขายื่นมือสั่นเทาออกไปลูบศีรษะเจ้าหนูน้อยทั้งสี่

“ดีจริง หน้าตาดีจริง อบรมก็ดี”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นอ๋องฉินที่ดูก็รู้ว่าสุขภาพอ่อนแอ แต่ถึงกับยังมาตระกูลเซี่ย เห็นชัดว่ามีธุระ

เขาส่งสายตาให้ลู่เจียว ลู่เจียวเข้าใจทันที มองไปยังเฝิงจือสั่งการว่า “พาคุณชายน้อยทั้งสี่ออกไป พวกเรามีเรื่องสำคัญคุยกัน”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบตามเฝิงจือออกไปอย่างเชื่อฟัง

ลู่เจียวโบกมือให้คนในเรือนข้างทั้งหมดออกไป สุดท้ายเรือนข้างเหลือแค่อ๋องฉิน เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสามคน

อ๋องฉินมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นน้ำตาคลอกล่าวว่า “เช้าวันนี้ ฝ่าบาททรงตำหนิข้าสอนบุตรไม่เข้มงวด และให้คนโบยซื่อจื่อไปยี่สิบไม้ ยังรับสั่งให้จวนอ๋องฉินชดใช้ความเสียหายทั้งหมดให้ตระกูลเซี่ย ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ตระกูลเซี่ย”

เขากล่าวจบก็ควักตั๋วแลกเงินออกจากแขนเสื้อด้วยมือที่สั่นเทา

“นี่คือเงินที่ชดใช้ให้ตระกูลเซี่ย”

ความจริงนับเป็นเงินที่เขาชดเชยให้บุตรชายคนนี้

น่าเสียดายเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่ได้ยื่นมือไปรับ

“ท่านเก็บคืนไปเถอะ พวกเราไม่ต้องการ”

อ๋องฉินได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น น้ำตาก็หลั่งรินออกมาอีกครั้ง “เจ้าตำหนิข้าหรือ ลูกพ่อ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองอ๋องฉินเป็นนานไม่กล่าวอันใด ลู่เจียวยื่นมือไปดึงแขนเสื้อเซี่ยอวิ๋นจิ่น รอจนเซี่ยอวิ๋นจิ่นมองมา นางจึงได้ส่ายหน้าใช้ปากบอกอย่างไร้เสียงว่า

อ๋องฉินจะไม่ไหวแล้ว เจ้าอย่าได้ทำเรื่องที่ตนเองต้องนึกเสียใจภายหลัง

ความจริงเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็มองออกนานแล้วว่าอ๋องฉินใกล้จะไม่ไหวแล้ว แต่ตอนนี้ได้ฟังคำพูดลู่เจียว เขาก็ยอมรับว่าในใจรู้สึกเศร้าอย่างไม่อาจบรรยาย

สุดท้ายเขายื่นมือออกไปรับปึกตั๋วแลกเงินที่อ๋องฉินส่งมา กล่าวเบาๆ ว่า “ข้าไม่ได้นึกตำหนิท่าน เรื่องนี้เป็นชะตากรรมของจวนอ๋องฉิน”

อ๋องฉินเห็นเขายอมรับตั๋วแลกเงิน ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ ในที่สุดก็ยิ้มทั้งน้ำตา

“เจ้าเป็นเด็กดี น่าเสียดายตอนนั้นที่เก็บเอาไว้ไม่ใช่เจ้า น่าจะเพราะจวนอ๋องฉินข้าก่อกรรมทำเข็ญไว้มากกระมัง”

ตอนบิดาเขายังอยู่ ช่วยอดีตฮ่องเต้แย่งชิงบังลังก์ เคยสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน

อ๋องฉินคุยต่อได้ไม่นานก็เริ่มคุยไม่รู้ความ เขามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างอ่อนแรง กล่าวว่า “ลูกพ่อ วันหน้าใช้ชีวิตให้ดีๆ”

เขากล่าวจบก็คิดจากไป พ่อบ้านรีบยื่นมือออกไปประคองเขา

อ๋องฉินค่อยๆ หันกายจะออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวด้านหลังมองแผ่นหลังแลดูอ่อนแรงของเขา ในใจก็แทบทนไม่ไหว

เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันคิดถึงความสามารถลู่เจียวขึ้นมา เขารีบหันไปมองลู่เจียว กล่าวเบาๆ ว่า “เจียวเจียว เจ้าช่วยเขาได้หรือไม่”

ลู่เจียวถอนหายใจกล่าวว่า “อ๋องฉินเป็นโรคชรา หากจะยื้อก็ยื้อได้ระยะหนึ่ง แต่ใจเขาอ่อนล้า คิดเพียงจะจากไป ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ดังนั้นแม้ข้ามีความสามารถก็ช่วยคนที่มุ่งมั่นคิดปลดปล่อยตนเองจากความทุกข์ไม่ได้”

ลู่เจียวกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เงียบงัน

ด้านหน้าอ๋องฉินเดินถึงประตูพลันชะงักหันมามองเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “ลูกพ่อ หากสักวันจวนอ๋องฉินเผชิญกับอันตราย เจ้าช่วย เจ้าช่วย…”

อ๋องฉินพูดไม่ออก บุตรชายผู้นั้นไม่เคยเสวยสุขในจวนอ๋องฉินแม้สักวัน เขามีเหตุผลอันใดให้เขาปกป้องจวนอ๋องฉิน กอปรกับหลังจากเขาจากไป ประมุขจวนอ๋องฉินก็คือบุตรชายเนรคุณของเขาคนนั้น ไม่รู้ว่าจะทำเรื่องชั่วอันใดอีก ไยเขาควรขอให้บุตรชายรองปกป้อง

จวนอ๋องฉินถึงคราวสิ้นสุดแล้ว

ร่างชายชราค่อยๆ งอตัวลงก้าวเดินออกจากบ้านตระกูลเซี่ยไปอย่างยากลำบาก

อารมณ์เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวด้านหลังตกต่ำลงอย่างมาก

คืนวันนั้นก็มีข่าวจากจวนอ๋องฉิน อ๋องฉินจากไปแล้ว

เซี่ยอวิ๋นจิ่นในห้องเงียบงันไปเป็นนานตลอดคืน เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาก็ไปหาลู่เจียว “เจียวเจียว พวกเราก็งดเนื้อสัตว์สักสามเดือน สวมชุดสีอ่อนกันสามเดือนดีไหม”

“ตกลง”

อ๋องฉินให้กำเนิดเขา แม้ไม่ได้ทำหน้าที่อบรมเลี้ยงดู แต่นี่ไม่ใช่เจตนาของเขา เป็นเพราะความฝันฮ่องเต้ ดังนั้นในฐานะบุตรชาย เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงตัดสินใจไว้ทุกข์ให้บิดาสามเดือน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version