Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 564

ตอนที่ 564 เหล่าบรรดาโอรสฮ่องเต้

ลู่เจียวเลิกคิ้วเตือนเขา “หากเจ้าไม่สนใจเขา เกรงว่าจะจำฝังแค้น ดังนั้นเจ้าต้องให้ความสนใจเขาไว้หน่อย ป้องกันไม่ให้เขาอับอายกลายเป็นโมโหหาทางทำร้ายเจ้า เจ้าต้องระวังเขา อย่าให้เขามีโอกาสเป็นหลี่ เหวินปินคนที่สอง”

“อืม ข้าจำไว้แล้ว”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกอดลู่เจียว รับคำเบาๆ เสียงหนึ่งแล้วก็หลับตาลง ลู่เจียวยังกล่าวอีกว่า “เจ้าคงไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่ถึงกับตบตีเป่าจู ช่างน่าละอายจริง”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นใกล้หลับแล้ว ส่งเสียงอู้อี้กล่าวว่า “เจ้าอย่าได้เข้าแทรกเรื่องครอบครัวของผู้อื่น”

“ข้ารู้”

ลู่เจียวรับคำเสียงหนึ่ง เรื่องนี้ได้แต่ให้เป่าจูยืนขึ้นด้วยตนเอง ผู้อื่นให้ได้เพียงแค่ข้อเสนอแนะ แต่ไม่อาจตัดสินใจแทนนางได้

โอรสสวรรค์พระราชทานเลี้ยงงานเลี้ยงฉยงหลิน เมื่อก่อนในวันนี้ฮ่องเต้มักจะปรากฏตัวพร้อมกับบรรดาจิ้นซื่อที่สอบได้เพื่อร่วมฉลอง แต่ตั้งแต่ทรงมีพระชนมายุมากแล้ว ก็ไม่ได้เสด็จออกงานเลี้ยงฉยงหลินอีก ดังนั้นงานเลี้ยงฉยงหลินจึงดำเนินการโดยหัวหน้าคุมสอบ

งานเลี้ยงฉยงหลินไม่เพียงแต่มีจิ้นซื่อสอบได้เข้าร่วม ยังมีขุนนางในราชสำนัก ควรรู้ว่าผู้ที่สอบได้ล้วนเป็นว่าที่ขุนนางแคว้นต้าโจว ผู้ใดก็ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้วันหน้าจะขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงเพียงใด ดังนั้นการสานสัมพันธ์กับคนที่สอบได้จึงเป็นเรื่องสำคัญ

หลายปีมานี้ ไม่เพียงแต่ขุนนางใหญ่ปรากฏตัวในงานเลี้ยงฉยงหลิน แม้แต่องค์ชายหลายพระองค์ก็ยังเสด็จมาร่วมงาน

ตอนเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาถึง มีคนไม่น้อยจับกลุ่มสามคนห้าคนพูดคุยกันอยู่ในเรือนฉยงฮวา

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมาถึงก็มีคนเข้ามาทักทายทันที ล้วนเป็นจิ้นซื่อจากเมืองหนิงโจวที่สอบได้

“พี่อวิ๋นจิ่น พี่มาแล้ว”

“พี่อวิ๋นจิ่น นี่คือพี่หานจือแห่งหวาหยาง”

“นี่คือ…”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปก็พบว่าที่เรือนฉยงฮวาแบ่งออกเป็นสองสามพวก พวกสอบจิ้นซื่อได้คุยกับพวกสอบจิ้นซื่อได้

ถงจิ้นซื่อกับถงจิ้นซื่อ แน่นอนว่ามีถงจิ้นซื่อที่หน้าหนาพอจะไปประจบสอพลอจิ้นซื่อเพื่อสานสัมพันธ์

ด้านหน้ามีคนไม่น้อยรุมล้อมพูดคุยกับมหาบัณฑิตสำนักศึกษาฮั่นหลินย่วนซุนหมิงเหลียงกับมหาบัณฑิตสำนักมนตรีหวาเฉิงเจ๋อ ทั้งสองท่านนับได้ว่าเป็นทั้งอาจารย์ผู้มีพระคุณของพวกเขา และยังเป็นคนที่วันหน้าพวกเขาต้องสานสัมพันธ์ให้ดี

เซี่ยอวิ๋นจิ่นคุยกับคนข้างกายพร้อมกับพาคนเดินไปทางซุนหมิงเหลียงกับหวาเฉิงเจ๋อ

เขายังเดินไม่ทันถึงซุนหมิงเหลียงกับหวาเฉิงเจ๋อ ก็เห็นทั้งสองคนโบกมือทักทายเขาก่อน

“อวิ๋นจิ่นมาแล้ว รีบมานี่”

พอซุนหมิงเหลียงเอ่ย คนที่นั่งอยู่กับพวกเขาก็รู้ตัวรีบลุกขึ้นให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าไปคารวะซุนหมิงเหลียงกับหวาเฉิงเจ๋อ “คารวะอาจารย์ผู้มีพระคุณทั้งสอง”

ซุนหมิงเหลียงมองหุ้ยหยวนที่ตนเลือกมาอย่างพึงพอใจ ยิ้มกล่าวว่า “อืม รีบมานั่งคุยกัน”

“ขอบคุณอาจารย์”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินมานั่ง จากนั้นก็หันไปทักทายปั้งเหยี่ยนข้างๆ “พี่กู้มาแล้ว?”

กู้ฉางเฟิงยิ้มพยักหน้าทักทาย “อืม เหตุใดพี่เซี่ยเพิ่งมา เดี๋ยวต้องปรับสามจอก”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “อย่าได้ปรับอีกเด็ดขาด ตอนเที่ยงดื่มไปไม่น้อยแล้ว”

กู้ฉางเฟิงยิ้มกล่าวว่า “ไม่ได้ คืนนี้พี่ต้องคารวะสุราอาจารย์สามจอก”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองกู้ฉางเฟิง กล่าวว่า “เจ้าเองก็ต้องคารวะอาจารย์สามจอกด้วยเช่นกัน”

ซุนหมิงเหลียงรู้สึกขำพวกเขาสองคน “พวกเจ้าคารวะเช่นนี้ คิดมอมสุราข้าหรือ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับกู้ฉางเฟิงพากันหัวเราะดัง

ความจริงคนในที่นี่ทุกคนต่างรู้ว่าการที่จ้วงหยวน ปั้งเหยี่ยน ทั่นฮวาสอบได้ครั้งนี้ เบื้องหลังต้องมีคนให้การสนับสนุนพวกเขา จึงได้ตอบหัวข้อยกเลิกฟานอ๋องได้ดีเช่นนี้ เห็นชัดว่าคนเบื้องหลังพวกเขาคาดเดาพระทัยฝ่าบาทได้ถูกต้อง

แต่แม้ว่าเป็นเช่นนี้ ก็ไม่อาจปฏิเสธความสามารถของจ้วงหยวนและปั้งเหยี่ยน พวกเขาสองคนเป็นอันดับหนึ่งและสองในการสอบหุ้ยซื่อ

ส่วนฝ่าบาทเลือกหลิวจื่อเหยียนเป็นทั่นฮวาก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของหลายคน

ซุนหมิงเหลียงกับหวาเฉิงเจ๋อรู้สาเหตุของฝ่าบาท ก็เพราะทรงรู้ว่าสองพ่อลูกตระกูลหลิวไม่ถูกกัน คิดยกหลิวจื่อเหยียนขึ้นมา จากนั้นก็ให้เขาไปขัดขาบิดาเขา

เพราะมีเพียงสามคนแรกที่จะอยู่เมืองหลวงต่อ หากหลิวจื่อเหยียนได้เป็นจิ้นซื่อระดับสองก็ต้องออกไปเป็นขุนนางท้องถิ่น ตอนนี้ฝ่าบาทคิดแต่จะจัดการหลิวโส่วฝู่ ดังนั้นยกหลิวจื่อเหยียนเป็นทั่นฮวา แม้ผู้อื่นมีความคิดเห็นแย้ง แต่เป็นการตัดสินใจของฮ่องเต้ ผู้ใดกล้ากล่าวอันใด

ซุนหมิงเหลียงคิดไปพลางมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับกู้ฉางเฟิง ทั้งสองคนความสามารถสูงจริง ไม่รู้ว่าวันหน้าจะก้าวเดินไปถึงระดับใด

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับกู้ฉางเฟิงได้ยินคำพูดซุนหมิงเหลียงก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน “อาจารย์กล่าวหนักไปแล้ว”

“อีกสักครู่พวกเราดื่มสามจอก อาจารย์ดื่มเล็กน้อยก็พอ จะให้อาจารย์ดื่มมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ กู้ฉางเฟิงก็พยักหน้า “ใช่ พี่อวิ๋นจิ่นกล่าวได้ถูกต้อง”

ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น หน้าเรือนฉยงฮวาก็มีเสียงฝีเท้าดังมา พอทุกคนเงยหน้าไปมองก็พบว่ามีคนเดินเข้ามา

ในจำนวนคนเหล่านี้ ไม่เพียงแต่มีท่านอ๋องหลายท่าน ยังมีขุนนางคนสำคัญในราชสำนัก สรุปก็คือคนที่มาล้วนเป็นกลุ่มคนทรงอิทธิพลแห่งแคว้นต้าโจว

พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นกลุ่มคนตรงหน้ามีอ๋องเยียนเซียวอวี้ ข้างกายเซียวอวี้ยังมีชายในชุดไหมปักดิ้นทอง หน้าตาโดดเด่นอีกสามคน หากไม่เหนือความคาดหมาย คนเหล่านี้ล้วนเป็นโอรสฮ่องเต้

ก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้รับข้อมูลที่ซิ่งอันโหวส่งมาให้แล้ว ดังนั้นพอมองดูละเอียดก็แยกแยะท่านอ๋องหลายคนข้างกายอ๋องเยียนได้

องค์ชายสี่เซียวเฉินได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องจิ้น พระมารดาคือพระสนมเอกลี่กุ้ยเฟยที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปราน แต่ตระกูลของพระสนมเอกลี่กุ้ยเฟยอ่อนแอ อาศัยเพียงแค่ความโปรดปรานจากฝ่าบาท ขุนนางในราชสำนักไม่น้อยสนับสนุนให้องค์ชายสี่เซียวเฉินเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นต้าโจว

องค์ชายห้าเซียวอวี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องเยียน พระมารดาคือพระสนมเอกจิ่นกุ้ยเฟย ตระกูลของพระสนมเอกจิ่นกุ้ยเฟยทรงอิทธิพลมาก พี่ชายนางกุมอำนาจการทหาร เป็นที่หวาดระแวงของฝ่าบาทมาก แต่พระสนมเอกจิ่นกุ้ยเฟยเป็นคนระมัดระวังตัวมาก แม้ฝ่าบาทคิดหาจุดอ่อนนางก็หาไม่พบ

อีกท่านก็คือองค์ชายเจ็ดเซียวปิง ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องรุ่ย พระมารดาอ๋องรุ่ยเป็นพระสนมระดับซูเฟยในวัง อิทธิพลตระกูลเดิมธรรมดา นางคอยติดตามพระสนมเอกลี่กุ้ยเฟย อ๋องรุ่ยก็ติดตามอ๋องจิ้น ปกติก็มักไปหารือกับอ๋องจิ้น

ยังมีอีกองค์ก็คือองค์ชายแปดเซียวเหิง เซียวเหิงอายุไม่มาก ปีนี้สิบเก้า เพิ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง เซวียน พระมารดาอ๋องเซวียนก็คือพระสนมต่งเฟยในวัง พระสนมต่งเฟยเป็นคนสงบเสงี่ยมอย่างมาก ไม่ชอบสานสายสัมพันธ์กับคนในวัง ขอแค่มีชีวิตที่เงียบสงบ องค์ชายแปดเหมือนกับมารดามาก ไม่ค่อยสนใจการแย่งชิงในหมู่พี่น้อง ชอบชีวิตที่สุขสงบ

ด้านหลังองค์ชายมีชนชั้นสูงศักดิ์และขุนนางคนสำคัญในเมืองหลวงมากมาย

พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปก็เห็นเซียวถิงด้านหลังอ๋องจิ้น พี่ชายฝาแฝดของเขาที่เพิ่งจะได้ดำรงตำแหน่งอ๋องฉิน

พอเห็นพี่ชายผู้นี้ ก็คิดถึงเรื่องที่เขาทำ สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเย็นเยียบลงทันใด แววตาเย็นเยียบดุดันอย่างไม่อาจบบรรยาย

ซุนหมิงเหลียงกับหวาเฉิงเจ๋อข้างกายเซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบลุกขึ้นเดินไปเบื้องหน้าองค์ชายทั้งหลาย

เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังรอให้ทุกคนไปแล้วค่อยรีบตามไป

“คารวะอ๋องจิ้น อ๋องเยียน อ๋องรุ่ย อ๋องเซวียน”

“คารวะท่านอ๋องทุกท่าน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version