Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 565

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 565

ตอนที่ 565 มีความคิดอื่น

อ๋องจิ้นแสดงท่าทีสุภาพดังเช่นบัณฑิตทรงภูมิ กล่าวอ่อนโยนว่า “ทุกท่านตามสบาย วันนี้เป็นวันมงคลยิ่งของจิ้นซื่อทุกท่าน พวกข้ารับพระบัญชาให้มาแสดงความยินดีกับจิ้นซื่อทุกท่าน”

อ๋องจิ้นกล่าวจบ อ๋องรุ่ยก็ยกมือหัวเราะดังลั่น กล่าวว่า “ทุกคนอย่าได้เอาแต่ยืนกันตรงนี้ เข้าไปข้างในกัน”

อ๋องเยียนเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้กล่าวอันใด อ๋องเซวียนที่รั้งท้ายมาไม่กล่าวอันใดสักคำ

แม้ว่าท่านอ๋องเหล่านี้ดูแล้วอ่อนโยนอย่างมาก แต่คนในที่นั้นหาใช่คนโง่ ทุกท่านเหล่านี้เป็นองค์ชายที่สูงศักดิ์ที่สุดในแคว้นต้าโจว ในบรรดาคนเหล่านี้ยังมีว่าที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจว พวกเขาไม่กล้าล่วงเกินพวกเขา

บรรดาองค์ชายเพียงแค่แสดงท่าทีไปตามมารยาทเท่านั้น แม้ว่าจิ้นซื่อใหม่ล้วนเป็นเสาหลักแห่งแคว้นต้าโจวในวันหน้า ในจำนวนนี้ไม่แน่อาจมีขุนนางระดับสูง แต่ตอนนี้ความสนใจองค์ชายไม่ได้อยู่ที่คนเหล่านี้

ฮ่องเต้พระชนมายุมากแล้ว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือดึงขุนนางคนสำคัญไปเป็นพวกตน เพื่อแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้

ส่วนจิ้นซื่อใหม่เล่านี้ ตอนนี้ยังไม่มีประโยชน์ต่อพวกเขาแม้แต่น้อย สาเหตุที่พวกเขามานั้น ประการแรกเป็นพระประสงค์เสด็จพ่อ ประการที่สอง เพื่อแสดงท่าทีให้ขุนนางในราชสำนักได้เห็นว่าพวกเขาท่าทีสุภาพดังเช่นบัณฑิตทรงภูมิ

พวกอ๋องจิ้นสนทนาสุภาพกับคนในที่นั้นเล็กน้อยแล้วก็ไม่ได้กล่าวอันใดอีก แต่ไปคุยกับพวกซุนหมิง เหลียง พูดไปก็เดินเข้าไปในโถงเรือนฉยงฮวา

คนที่นำมาย่อมเป็นองค์ชายสี่ ‘อ๋องจิ้น’ อ๋องจิ้นเป็นผู้อาวุโสสุด พี่ชายสามคนของเขาล้วนสิ้นไปแล้ว ตอนนี้เขานับว่าเป็นองค์ชายที่อายุมากที่สุด และได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้มาก ดังนั้นเรื่องทุกเรื่องจึงแย่งนำหน้าหมด ทำราวกับตนเองเป็นรัชทายาทผู้ทรงความเมตตาอารี

อ๋องจิ้นคุยกับซุนหมิงเหลียงและหวาเฉิงเจ๋อไปพลางเดินเข้าไปถึงตรงหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่น พลันชะงักฝีเท้า

“ท่านนี้ก็คือจ้วงหยวนปีนี้?”

ซุนหมิงเหลียงรีบรับคำนอบน้อม “พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”

อ๋องจิ้นหัวเราะดัง เอ่ยชมว่า “หนุ่มน้อยที่มีความสามารถจริง”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองสายตาเย็นเยียบของอ๋องจิ้นที่แวบขึ้นมาได้ทัน แต่เขาไม่แสดงออก ประสานมือคำนับนอบน้อม “คารวะท่านอ๋องจิ้น”

อ๋องจิ้นยิ้มมองประเมินเซี่ยอวิ๋นจิ่น “หน้าตาดีไม่เลว”

กล่าวจบ เขาก็ทำเหมือนไม่สนใจ หันไปมองอ๋องฉินเซียวถิง “ได้ยินว่าภรรยาเขาหน้าตาดี?”

วาจานี้กล่าวออกไป ก็มีความคิดเป็นอื่นได้ต่างๆ นานา

เอ่ยถึงภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่าหน้าตาดีต่อหน้าทุกคน และไม่ได้ถามเซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่เป็นอ๋องฉิน พอกล่าวจบทุกคนในที่นั้นล้วนได้ยิน ต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา

ภรรยาเซี่ยจ้วงหยวนคงไม่ได้มีบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยกับอ๋องฉินกระมัง

ครั้งนี้ที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นสอบจ้วงหยวนได้ คงไม่ใช่เพราะเขาเสียสละภรรยาตนเองกระมัง

คิดอะไรกันไปครบหมดทุกเรื่อง

สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเยียบเย็น ดำทะมึนราวกับแผ่นน้ำแข็ง เขาเงยหน้ามองทันทีด้วยสัญชาตญาณคิดโต้ตอบ

อ๋องเยียนเซียวอวี้ข้างกายอ๋องจิ้นกลับเอ่ยน้ำเสียงเยียบเย็นขึ้นว่า “พี่สี่กล่าววาจาระวังหน่อยจะดีกว่า เซี่ยจ้วงหยวนเป็นจ้วงหยวนที่เสด็จพ่อทรงเลือก เซี่ยจ้วงหยวนมีความสามารถ ภรรยาเขาก็มีความประพฤติไร้มลทิน”

เซียวอวี้กล่าวจบก็มองเตือนเซี่ยอวิ๋นจิ่น

เขารู้นิสัยเซี่ยอวิ๋นจิ่น อย่าเห็นว่าเขาเป็นจ้วงหยวนที่ไร้อิทธิพล แต่ใจกลับกล้ามาก ทว่าในสถานที่เช่นนี้ไม่อาจให้เขาแสดงนิสัยไม่สนใจสิ่งใดของเขาออกมาได้

เซี่ยอวิ๋นจิ่นสบตาอ๋องเยียนก็ย่อมเข้าใจความหมายของเขา เขาไม่กล่าวโต้อันใด มีเพียงแค่แววตาดำทะมึนราวกับท้องฟ้าขมุกขมัว เขาจดจำอ๋องจิ้นไว้แล้ว

อ๋องจิ้นเซียวเฉินได้ฟังวาจาเซียวอวี้ สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน แต่ก็กลับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มได้อย่างรวดเร็ว “น้องห้าทะนุถนอมผู้มีความสามารถ?”

กล่าวจบเขาไม่พูดอีก หันหน้าเดินไปด้านใน อ๋องรุ่ยเซียวปิง อ๋องฉินเซียวถิงตามหลังเขาไป

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกับอ๋องจิ้น

ตอนอ๋องฉินเซียวถิงเดินผ่านเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ส่งสายตาจ้องใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่น แววตาเขาเต็มไปด้วยความอาฆาต เขาไม่ลืมเรื่องก่อนหน้านี้ที่ถูกฮ่องเต้สั่งโบยและกักบริเวณ

หากไม่ใช่บิดาจากไป ตอนนี้เขายังคงถูกกักบริเวณ ดีที่บิดาจากไป ต้องให้ผู้เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวออกมาดูแลการงานแทน ดังนั้นฮ่องเต้จึงยกเลิกคำสั่งกักบริเวณเขา เขาจึงออกมาได้

แต่เซียวถิงไม่กล้าหาเรื่องเซี่ยอวิ๋นจิ่นในตอนนี้ ได้แต่แอบจดจำความแค้นนี้ไว้ในใจ วันหน้าค่อยหาทางจัดการเซี่ยอวิ๋นจิ่น

ท่านอ๋องทุกท่านนำบรรดาขุนนางใหญ่หลายคนเดินเข้าไปด้านใน พวกเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังก็ค่อยๆ เดินตามไป

กู้ฉางเฟิงข้างเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีสีหน้าไม่เข้าใจ ถามเบาๆ ว่า “พี่อวิ๋นจิ่น ภรรยาพี่หน้าตางดงามมากจริงหรือ”

กล่าวจบก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินตามบรรดาขุนนางไป

เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังเผยสีหน้าดุดัน แววตาดำเข้มจ้องมองกู้ฉางเฟิงด้านหน้าไม่วางตา

หากไม่เหนือความคาดหมาย กู้ฉางเฟิงน่าจะเป็นคนของอ๋องจิ้น ก่อนหน้านี้เซียวเฉินทักทายกับเขาผู้เป็นจ้วงหยวน แต่กลับเหมือนลืมกู้ฉางเฟิงผู้เป็นปั้งเหยี่ยน

เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดให้ละเอียดแล้วก็เข้าใจ เพื่อหลบเลี่ยงคำครหาเท่านั้น

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังคิดอยู่ ข้าง ๆ ก็มีเสียงคนดังมาอย่างมีมารยาทว่า “ที่ไหนมีคนย่อมมีวงการยุทธจักร เจ้าควรปรับตัวให้ชินไว้ล่วงหน้า”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองพบว่าคนที่คุยกับเขาก็คือหันจือ จิ้นซื่อจากหวาหยาง ที่มีคนแนะนำให้เขารู้จักก่อนหน้านี้

เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนก้าวเดินไปด้านหน้า

ด้านหน้าเต็มไปด้วยผู้คน ทุกคนไม่ใช่ท่านอ๋องก็เป็นชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวง แม้เขาเป็นจ้วงหยวน แต่ต่อหน้าคนเหล่านี้ ก็เล็กราวกับมดปลวก ดังนั้นตอนนี้เขาไม่มีกำลังพอจะต่อสู้กับคนเหล่านี้

แต่แม้เป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่อาจปล่อยให้คนลบหลู่เจียวเจียวได้ เซียวเฉิน เซียวถิง เขาล้วนจดจำไว้แล้ว

เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไปก็เดินไป ได้ยินอ๋องจิ้นกำลังคุยกับหลิวโส่วฝู่พ่อลูก

“คุณชายใต้เท้าโส่วฝู่ ช่างเป็นหนุ่มมีความสามารถ บิดาเช่นไรย่อมมีบุตรชายเช่นนั้นจริงๆ”

หลิวโส่วฝู่อมยิ้มถ่อมตน “ขอบคุณอ๋องจิ้นที่ชม บุตรชายกระหม่อมพอมีความรู้บ้าง แต่ก็อายุยังน้อย ความสามารถในการทำงานก็ยังไม่สมบูรณ์พร้อม ต้องฝึกฝนให้มาก”

หลิวโส่วฝู่อยู่ในราชสำนักมาหลายปี อิทธิพลบารมีสูงมาก อ๋องจิ้นย่อมคิดดึงเขาไปเป็นพวก

แต่จิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ตอนนี้ไม่ได้อยู่ฝ่ายใด อ๋องจิ้นรู้ว่าเขากำลังมองดูว่าองค์ชายใดจะมีความหวังได้ขึ้นครองราชย์มากที่สุด

แต่อ๋องจิ้นรู้ว่าตอนนี้เสด็จพ่อไม่พอพระทัยใต้เท้าโส่วฝู่ ดังนั้นเขาเองก็ไม่ได้คิดดึงไปเป็นพวกเหมือนดังเช่นเมื่อก่อน แต่แม้ว่าไม่ได้คิดดึงไปเป็นพวก ก็ไม่อาจล่วงเกิน

“มีใต้เท้าโส่วฝู่คอยชี้แนะ บุตรชายท่านก็คงได้รับตำแหน่งสำคัญในเร็ววัน วันหน้าย่อมต้องเป็นเสาหลักแห่งแคว้นต้าโจว”

“ด้วยวาจามงคลท่านอ๋อง หากก้าวเดินไปถึงวันนั้นจริง กระหม่อมก็ตายตาหลับ”

อ๋องจิ้นยิ้มกล่าวว่า “ใต้เท้าโส่วฝู่กล่าววาจาเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านมีชีวิตอีกร้อยปีก็ไม่เป็นอันใด”

หลิวโส่วฝู่รีบยิ้มรับคำว่า “เช่นนั้นใช่ว่ากระหม่อมกลายเป็นปีศาจไปแล้วหรือ”

คนในที่นั้นไม่น้อยพากันให้เกียรติหัวเราะดัง

นอกจากอ๋องจิ้น ท่านอ๋องอื่นล้วนไม่กล่าวอันใด มีท่านอ๋องหลายท่านในที่นั้น ชนชั้นสูงศักดิ์ในที่นั้นก็ย่อมไม่กล้าเอ่ยปากอันใดออกมา ดังนั้นงานเลี้ยงฉยงหลินดีๆ ก็กลายเป็นสถานที่แสดงอำนาจของอ๋องจิ้นไป

จนกระทั่งขุนนางรับหน้าที่ดูแลงานเลี้ยงมาเชิญ “ท่านอ๋อง งานเลี้ยงฉยงหลินจัดเตรียมเสร็จแล้ว จะเข้างานเลยหรือไม่”

“ตกลง”

งานเลี้ยงจัดอยู่ที่หอลู่หมิงในมุมหนึ่งของเรือนฉยงฮวา ดังนั้นทุกคนก็เดินตามหลังท่านอ๋องทุกท่านไปยังหอลู่หมิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version