ตอนที่ 579 อาการกำเริบอีกแล้วหรือ
ลู่เจียวกล่าวไม่ทันจบ ก็พลันมีเสียงตะโกนอย่างร้อนใจดังขึ้นนอกวงล้อมฝูงชน “เจียวเจียว เปล่านะ ข้าไม่ได้นัดพบกับนาง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งเสียงดังมาจากนอกวงล้อมฝูงชน ทุกคนที่ล้อมมุงดูพอได้ยินเสียงเขาก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสัญชาตญาณทันที นอกจากเขายังมีคนอีกไม่น้อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่สนใจผู้อื่น ก้าวเท้าฝ่าฝูงชนเข้ามายืนตรงหน้าลู่เจียว เอ่ยอย่างร้อนใจยิ่งว่า “เมื่อวานเป็นเรื่องบังเอิญ ข้าไม่ได้พบกับนาง ข้ากินข้าวอยู่ที่หอปาซ่าน นางอยู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาในห้องรับรองของข้า บอกว่าเข้าผิดห้อง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ผู้คนโดยรอบก็แน่ใจได้เรื่องหนึ่ง คุณหนูใหญ่หลินจวนเฉิงเต๋อโหวผู้นี้พึงใจเซี่ยจ้วงหยวน จากนั้นก็หาทางหาเรื่องจ้วงหยวนเหนียงจื่อ วันนี้ยังวางแผนร้ายเช่นนี้ หญิงผู้นี้ช่างโหดเหี้ยมแท้
“คิดไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหลินแต่ไรมาดูท่าทางอ่อนโยนสุภาพถึงกับโหดเหี้ยมเพียงนี้”
“ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดแนะนำนางให้หลานชายที่บ้านท่านแม่ข้า ตอนนี้ดูท่าไม่ต้องพูดถึงแล้ว”
“เอาเถอะ วันหน้าอย่าได้แนะนำผู้ใดให้หญิงผู้นี้ จะได้ไม่เป็นการทำร้ายผู้อื่น”
ทุกคนต่างพากันพูดจากันไป สีหน้าฮูหยินเฉิงเต๋อโหวพลันซีดเผือดสลับแดงก่ำ เกียรติยศจวนเฉิงเต๋อโหวหมดสิ้นแล้ว
หลินหรูเยว่เห็นเรื่องมาถึงขั้นนี้ หากนางพูดมากความอีก ทุกอย่างก็จะจบสิ้น นางแผดเสียงร้องไห้ดังลั่นหันหลังวิ่งหนีไปทันที
สาวใช้ด้านหลังรีบตามไป
หลิวโส่วฝู่ให้บ่าวพาแขกเหรื่อกลับไป งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว
ด้านหลังฝูงชน ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่มองลู่เจียวพลางเอ่ยน้ำเสียงเข้มว่า “เจียวเจียว ข้าจะต้องมีคำตอบให้เจ้า”
นางกล่าวจบก็ไม่มีหน้าอยู่ต่อ สั่งคนข้างกายว่า “แบกคุณชายกลับไป”
“เจ้าค่ะ ท่านหญิง”
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่หันไปมองชุนฮวา สั่งการทันทีว่า “จับนางกลับไปขายทิ้ง”
ชุนฮวาตกใจหน้าซีดเผือด หันหน้าไปส่งเสียงร้องบอกเนี่ยเยี่ยเจิน “คุณชายรอง ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย”
ก่อนหน้านี้คุณชายรองรับปากนางว่าหากงานนี้สำเร็จ จะรับนางเป็นอนุ นางจึงได้ยอมช่วยเขา
น่าเสียดายเนี่ยเยี่ยเจินยังเอาตัวเองไม่รอด กอปรกับบาดแผลต่างๆ บนร่างกาย สุดท้ายเจ็บปวดจนหมดสติไป
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่พาคนจากไป ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวพาแขกกลับไปร่วมงานต่อ สุดท้ายเหลือแค่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นร้อนใจมองลู่เจียวกล่าวว่า “เจียวเจียว ข้าไม่ได้แอบพบกับนางจริงๆ ตอนข้าพบกับอ๋องเยียน พอดีนางอยู่ในร้าน จากนั้นก็ผลักประตูเดินเข้ามาในห้องรับรอง”
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ส่งเสียงรับคำเบาๆ คำหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ กล่าวว่า “เมื่อวานข้าเห็นพวกเจ้าที่หน้าประตูหอปาซ่านแล้ว เมื่อวานข้าก็ถามเจ้าตลอดให้เจ้าได้อธิบาย แต่เจ้าก็ไม่ยอมพูด ข้าเสียใจมาก”
สีหน้าลู่เจียวสงบนิ่งอย่างมาก เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับรู้สึกในใจบีบเกร็งแน่น กุมมือลู่เจียวไว้เอ่ยคำรับรองว่า “วันหน้า วันหน้าข้าจะไม่ปิดบังเรื่องใดๆ กับเจ้าอีก ข้ารับรอง เจียวเจียว เจ้าอย่าโกรธได้หรือไม่”
เขากล่าวจบก็ไม่รอให้ลู่เจียวตอบ รีบกล่าวว่า “ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ครั้งก่อนที่งานเลี้ยงฉยงหลินหญิงผู้นั้นก็ปรากฏตัวขึ้นครั้งหนึ่ง ตอนข้าเด็ดดอกไม้ นางก็ปรากฏตัว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกล่าวจบ ลู่เจียวก็แค่นหัวเราะ “เหอะ เดิมข้าคิดว่าเจ้าปิดบังแค่เรื่องเดียว คิดไม่ถึงว่ากลับมีถึงสองเรื่อง เซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ บางทีพวกเราสองคนไม่เหมาะที่จะอยู่ร่วมกัน”
ลู่เจียวกล่าวจบก็หันหลังคิดจากไป ไม่สนใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น
กล้าปิดบังนาง ต้องสั่งสอนเขาเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นวันหน้าจะจดจำไม่ได้
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็พาคนจากไปทันที ไม่หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นแม้แต่น้อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็รีบไล่ตามไป แต่ลู่เจียวไปห้องรับรองแขกหญิง ที่นั่นมีแต่แขกหญิง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าไปไม่ได้ ได้แต่พาคนกลับไปเรือนด้านหน้า ตลอดทางสีหน้าเขาน่ากลัวอย่างไม่อาจบรรยาย รอบกายเปล่งรัศมีเย็นยะเยือก
พอคิดถึงที่ลู่เจียวบอกว่าจะพิจารณาใหม่ว่าเขาและนางเหมาะสมจะอยู่ร่วมกันหรือไม่ เขาเป็นห่วงมาก เป็นห่วงว่านางจะโมโหแล้วจากไป
หร่วนไคกับถงอี้ด้านหลังเห็นเขาเช่นนี้ ก็อดเอ่ยเตือนไม่ได้ว่า “คุณชาย ท่านอย่าได้เป็นห่วง เหนียงจื่อแค่ขู่ท่านเท่านั้น นิสัยเหนียงจื่อไม่มีอะไร ท่านต้องจดจำไว้ วันหน้ามีเรื่องใดห้ามปิดบังนางอีก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย หากครั้งนี้ไม่ได้มีอาการเจ็บปวดที่หัวใจหน้ามืดอย่างน่าประหลาด เขาก็คงไม่ปิดบังเจียวเจียว สาเหตุหลักก็เพราะเขาคิดจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียด ว่าแท้จริงเป็นเรื่องใดกันแน่ เกี่ยวข้องกับหลินหรูเยว่หรือไม่
ทุกคนเดินไปห้องรับรองแขกที่เรือนด้านหน้า คิดไม่ถึงว่าพวกเขาเดินถึงห้องรับรองแขก ก็มีคนมาขวางทางตรงหัวเลี้ยว
คนที่มาขวางพวกเขาไว้ก็คือ คุณหนูใหญ่หลินหรูเยว่จวนเฉิงเต๋อโหว
ยามนี้หลินหรูเยว่สีหน้าซีดเผือด ท่าทางปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงราวกับต้นกล้วยโดนน้ำค้างแข็งกระหน่ำ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนาง สีหน้าก็ดุดันขึ้นมาทันที คิดถึงว่าหญิงผู้นี้บงการให้เนี่ยเยี่ยเจินวางยาปลุกกำหนัด เจียวเจียว หากเจียวเจียวไม่รู้จักกลิ่นกำยานนี้ นางคง…
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่อยากจะคิดถึงผลลัพธ์เช่นนั้น แววตาเขาที่มองหลินหรูเยว่เย็นเยียบราวกับกระบี่น้ำแข็ง ตอนนี้หลินหรูเยว่ไม่สนใจชื่อเสียงฉาวโฉ่ของนางอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้นางต้องการเพียงแค่แต่งกับเซี่ยจ้วงหยวน นางไม่ขอตำแหน่งภรรยาเอกคนที่หนึ่งของจ้วงหยวน ขอเพียงภรรยาเอกคนที่สองก็พอ วันหน้าค่อยหาทางวางแผนต่อ
หลินหรูเยว่ครุ่นคิดแล้วก็มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยขอบตาแดงก่ำ “เซี่ยจ้วงหยวน ข้า ข้าชอบท่าน ข้าไม่ขอตำแหน่งภรรยาเอกคนที่หนึ่งของท่าน ท่านมอบตำแหน่งภรรยาเอกคนที่สองให้ข้าก็พอ หากท่านแต่งกับข้า ข้าจะให้ท่านพ่อข้าช่วยท่านอย่างสุดความสามารถ ให้ท่านก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด ว่าที่ใต้เท้าโส่วฝู่”
วาจานี้หากเป็นชายอื่นได้ยินย่อมต้องยินดีแทบคลั่ง แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับรู้สึกเพียงแค่หญิงผู้นี้หน้าไม่อายเกินไปแล้ว นี่หรือที่กล่าวว่าสตรีสูงศักดิ์เมืองหลวง แม้แต่หญิงบ้านนอกยังเทียบไม่ได้ หน้าตาจารีตสตรีล้วนไม่ต้องการ ยังจะเป็นสตรีสูงศักดิ์ได้อีกหรือ
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเต็มไปด้วยความดำทะมึน ตวาดเสียงเข้มขึ้นว่า “ไร้ยางอาย”
พอคิดถึงว่าหญิงผู้นี้ลงมือกับลู่เจียว เขาก็ควักยาขวดหนึ่งจากแขนเสื้อออกมายัดใส่มือถงอี้สั่งว่า “ไป ป้อนนางกลืนลงไป”
ตอนนี้ถงอี้แต่งกายเป็นสตรี คนปกติคิดว่าเขาเป็นบ่าวหญิงของเซี่ยอวิ๋นจิ่น ไม่รู้ว่าเขาเป็นชาย
ถงอี้รับยามาก็ก้าวเข้าไปหาหลินหรูเยว่ สีหน้าหลินหรูเยว่ยิ่งซีดเผือด มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างขอร้อง กล่าวว่า “เซี่ยจ้วงหยวน ท่านอย่าทำเช่นนี้ ข้าไม่ร้องขอตำแหน่งภรรยาเอกจ้วงหยวน ข้าขอเพียงภรรยาเอกคนที่สองก็ยังไม่ได้หรือ”
ถงอี้เดินถึงข้างกายนาง คว้าตัวนางไว้
นางดิ้นรน ถงอี้กดนางไว้พร้อมกับเทยาในมือลงปากนางทันที
หลินหรูเยว่ถูกป้อนยาลงไปแล้ว ก็มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างหวาดกลัว “เจ้าป้อนยาอันใดให้ข้า เจ้าป้อนยาอันใดให้ข้ากันแน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยปากอย่างเยียบเย็น “เจ้ากล้าวางยาภรรยาข้า ก็ไปลิ้มรสผลการถูกผู้อื่นวางยาเสียบ้าง”
เขากล่าวจบหันไปมองหร่วนไคกับถงอี้กล่าวว่า “ไป พาหญิงผู้นี้ไป คิดหาทางล่ออ๋องฉินเซียวถิงมา มอบหญิงผู้นี้ให้ถึงเตียงเซียวถิง…”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกล่าวจบก็เจ็บจี๊ดที่ใจคล้ายถูกเข็มทิ่มแทง และยังหน้ามืดวิงเวียน ทรงตัวแทบไม่อยู่ ซวนเซจวนจะล้มลง
หร่วนไคข้างๆ ยื่นมือไปประคองเขาไว้ ส่งเสียงร้องอย่างตกใจ “คุณชาย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตกใจอย่างมาก ครั้งนี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน นี่ไม่ใช่ว่าสมองเขาเกิดปัญหา แต่เป็นอาการจากร่างกายเขา ทำไมเจียวเจียวตรวจไม่พบ และเหตุใดตอนเข้าใกล้หลินหรูเยว่ บางทีก็เป็น บางทีก็ไม่เป็น เกิดปัญหาที่ใดกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยายามคิดแยกแยะ พลันคิดถึงว่าเพิ่งจะกล่าวว่าส่งหลินหรูเยว่ขึ้นเตียงอ๋องฉิน ก็เจ็บจี๊ดที่หัวใจหน้ามืดวิงเวียน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็คิดถึงว่าครั้งก่อนตนเองเจ็บปวดที่หัวใจหน้ามืดตาลาย ก็เพราะตนเองคิดทำเช่นนี้ จากนั้นก็เกิดอาการเจ็บปวดเช่นนี้ เป็นเพราะเหตุใดกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดจะลองอีกครั้ง สั่งการถงอี้ด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ไป พาหญิงผู้นี้ส่งขึ้นเตียงเซียวถิง…”
ครั้งนี้ เขายังกล่าวไม่ทันจบ ความเจ็บปวดรวดร้าวในใจก็กระหน่ำขึ้นมาอีกครั้ง หน้ามืดตาลาย เจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติไร้เหตุผลเช่นนี้ กัดฟันกล่าวต่อว่า “รีบไป”
เขากล่าวจบ โลหิตก็ทะลักขึ้นแน่นอกจนกระอักออกมาทันที