Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 594

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 594

ตอนที่ 594 กลับบ้านเกิดอย่างเพียบพร้อม

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวถูกพวกเขาหยอกจนขำ “เอาละ รีบกินข้าวเถอะ”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่นั่งลงกินข้าวอย่างเบิกบานใจ เห็นบิดามารดาอยู่ข้างกาย บิดายังได้เป็นขุนนางแล้ว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ลืมความปวดใจก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น ตอนนี้มีแต่ความเบิกบานใจ พูดคุยกันจุกจิกไม่หยุด

เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งห่อผ้าให้ลู่เจียว “เจียวเจียว ไว้เอาไปเก็บ”

ลู่เจียวรับคำรับไปวางไว้อีกทางหนึ่ง

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวกล่าวว่า “เจียวเจียว ตอนนี้เจ้าเป็นแค่อันเหรินระดับหก วันหน้าข้าจะให้เจ้าได้เป็นอี๋เหริน ก้งเหริน ซูเหริน”

ตามกฎมณเฑียรแคว้นต้าโจว ขุนนางระดับหนึ่งสองเป็นฮูหยิน ระดับสามเป็นซูเหริน ระดับสี่เป็นกง เหริน ระดับห้าเป็นอี๋เหริน ระดับหกเป็นอันเหริน ระดับเจ็ดเป็นหรูเหริน

ตำแหน่งขุนนางเซี่ยอวิ๋นจิ่นตอนนี้คือถงจือเมืองหนิงโจวระดับหก ลู่เจียวก็คืออันเหรินระดับหก

แต่หลายครั้ง ผู้อื่นล้วนเรียกภรรยาขุนนางว่า ฮูหยิน

ลู่เจียวอมยิ้มพยักหน้า นางรู้ว่าวันหน้าเขาต้องนำมาเรื่องเหล่านี้ให้นางได้

“อืม ข้าเชื่อเจ้า”

ทั้งสองคนพูดกันอยู่นั้น เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็กินข้าวเสร็จแล้ว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กินข้าวเสร็จก็เขยิบเข้าไปใกล้ลู่เจียว มองนางกล่าวว่า “ท่านแม่ คืนนี้พวกเรานอนด้วยกันดีหรือไม่”

ลู่เจียวมองวงหน้ากลมที่ผอมลงไปมากของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ในใจก็อดสงสารไม่ได้ จึงตกปากรับคำ “ตกลง”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังก็ไม่พอใจ เขากับเจียวเจียวเพิ่งจะร่วมเตียงกัน กำลังอยู่ในช่วงร้อนแรง เจ้าลูกสี่คนนี่ถึงกับมารบกวนพวกเขา แต่เขาเห็นวงหน้ากลมที่ผอมลงไปมากของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ในที่สุดก็มิได้คัดค้าน

“ได้ แต่แค่คืนนี้คืนเดียวนะ”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เบิกบานใจ ส่งเสียงร้องดังอย่างดีใจ “ทราบแล้วท่านพ่อ”

ลู่เจียวคิดถึงเตียงของตนที่ไม่นับว่าใหญ่ ทั้งครอบครัวนอนเตียงเดียวกันไม่พอ จึงให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปนอนเรือนด้านหน้าพักผ่อนให้ดี

ปรากฏเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่เห็นด้วย “ไม่เป็นไร ข้านอนบนตั่งในห้องเจ้าได้”

ลู่เจียวยังไม่ทันได้กล่าวอันใด เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ลุกขึ้นเดินนำออกไป ลู่เจียวได้แต่พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตามไป

เฝิงจือนำห่อผ้าตามพวกเขาไปที่ห้องนอน เก็บห่อผ้าเรียบร้อย

แม้ว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่บอกจะนอนคุยกับลู่เจียว แต่พออาบน้ำเสร็จขึ้นเตียงนอน ไม่พูดไม่จาก็หลับไป เรื่องที่เกิดขึ้นระยะนี้ทรมานเจ้าหนูน้อยทั้งสี่หนักหนาสาหัสเสียจริง ดังนั้นพวกเขาเพิ่งขึ้นเตียงก็หลับไปทันที

ลู่เจียวเห็นพวกเขาเช่นนี้ ก็รู้สึกสงสาร ยื่นมือไปลูบศีรษะและใบหน้าของพวกเขา

ในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางเช่นนี้ ก็รู้ว่านางปวดใจ จึงเอ่ยปลอบใจว่า “วันหน้าก็ดีแล้ว เจ้าอย่าได้ตำหนิตนเอง เรื่องนี้ไม่อาจโทษเจ้า”

ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย หันหน้าไปเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นนอนอยู่บนตั่ง มือเท้ายื่นออกมาด้านนอก

นางรีบเอ่ยว่า “เจ้าไปนอนเรือนด้านหน้าเถอะ ท่านอนเช่นนี้นอนหลับไม่สนิท”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นปฏิเสธ “ไม่เป็นไร เช่นนี้ดีมาก ข้าอยากจะนอนในห้องเดียวกับเจ้า พูดคุยกันก็พอ”

เขากล่าวจบก็ไม่รอให้ลู่เจียวเอ่ย กล่าวต่อว่า “หนังสือแต่งตั้งมาแล้ว พวกเราก็ต้องรีบเดินทางไปยังเมืองหนิงโจวแล้ว ข้าอยากกลับหมู่บ้านตระกูลเซี่ยก่อนไปรับตำแหน่ง”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงความฝันนั้นก่อนหน้านี้ คนตระกูลเซี่ยในฝันแล้งน้ำใจกับเขา แต่ชาวบ้านดีกับพวกเขาพ่อลูกมาก ดังนั้นเขาคิดจะช่วยคนในหมู่บ้านอย่างเต็มความสามารถเท่าที่จะทำได้

ลู่เจียวได้ฟังเขาก็รับคำ “ได้”

“ข้าคิดอยากสร้างสำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูลในหมู่บ้าน จากนั้นก็ไปซื้อที่นากลางละแวกตำบลชีหลี่ วันหน้าดอกผลที่ได้จากที่นาก็มอบให้จู๋จ่างดูแล เงินที่งอกเงยมาก็นำมาสนับสนุนสำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูล เป็นค่าเล่าเรียนที่ต้องเชิญอาจารย์และค่าเครื่องเขียนของนักเรียน”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็หันไปมองลู่เจียว ถามว่า “เจียวเจียว เจ้าว่าได้หรือไม่”

“ได้ ทำไมจะไม่ได้ ถึงตอนนั้นข้าจะให้ท่านพ่อท่านแม่ข้าส่งหู่จื่อกับเถาจื่อมาเรียนที่สำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูลหมู่บ้านเรา”

ลู่เจียวกล่าวถึงตรงนี้ก็มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “เจ้าไปบอกจู๋จ่างกับผู้ใหญ่บ้าน เด็กผู้หญิงก็มาเรียนที่สำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูลได้โดยไม่ต้องเสียเงิน อย่าได้ให้แต่เด็กผู้ชาย ไม่ให้เด็กผู้หญิง เช่นนี้ลูกสองคนของพี่รองและพี่สะใภ้รองก็จะได้มาเรียนได้ด้วย”

“ทำตามเจ้าว่า”

“เจียวเจียว วันหน้าเจ้าอยากทำอันใดก็ทำไปได้เลย ไม่คิดสนใจก็ไม่ต้องสนใจ แม้ว่าเจ้าเป็นเพียงฮูหยินถงจือระดับหก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเอาใจฮูหยินที่เหนือถงจือขึ้นไป อย่าได้กลัวล่วงเกินพวกนาง ข้าไม่กลัวผู้บังคับบัญชาข้า หากเขากล้าหาเรื่องข้า ข้าก็มีวิธีจัดการพวกเขา ขอเพียงเจ้ามีชีวิตที่เบิกบานใจก็พอ”

สองปีมานี้ นางติดตามเขาลำบากมาก โดยเฉพาะหลังเข้าเมืองหลวงก็ต้องเอาแต่คอยอดทนมาตลอด ตอนนี้มาถึงเมืองหนิงโจว หากยังต้องอดทนอีก เขากลับไปอยู่บ้านเสียดีกว่า

แม้ว่าตอนนี้เขาเป็นแค่ถงจือเมืองหนิงโจว แต่หากผู้บังคับบัญชาหาเรื่องเขา เขาไม่ถือสาหาต้องหาจุดอ่อนของอีกฝ่าย และลากเขาลงมา ก็เหมือนที่เขาลากจือฝู่เมืองหนิงโจวลงจากตำแหน่งมาก่อนหน้านี้

ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รับคำเบาๆ เสียงหนึ่ง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นว่าดึกแล้ว ก็เร่งให้ลู่เจียวเข้านอน เช้าพรุ่งนี้พวกเขาจะกลับหมู่บ้านตระกูลเซี่ย

เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนแยกกันสองทาง

เซี่ยอวิ๋นจิ่นพาลู่เจียวและเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับหมู่บ้านตระกูลเซี่ย พ่อบ้านเซียวพาโจวเส้ากงกับหลี่หนานเทียนไปเมืองหนิงโจวซื้อบ้านและจัดการธุระต่างๆ ก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่ได้คิดออกมาประจำการนอกเมืองหลวง ตอนนี้มาเป็นขุนนางที่เมืองหนิงโจวจึงไม่ได้มีรากฐานใดที่เมืองหนิงโจว ตอนนี้เป็นเช่นนี้ ทุกคนไปถึงก็จะไม่มีที่อยู่กัน

ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงตัดสินใจถือโอกาสที่พวกเขากลับไปหมู่บ้านสองสามวัน ให้พ่อบ้านเซียวไปซื้อบ้านในเมืองหนิงโจวทางนั้นให้เรียบร้อย พวกเขาไปถึงเมืองหนิงโจวก็เข้าพักได้ทันที

พ่อบ้านเซียวรับคำสั่งไปจัดการเรื่องนี้

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพาครอบครัวตระกูลหลิน และหร่วนไค หร่วนจู๋ หลิ่วอัน หลิ่วฝู กลับหมู่บ้านตระกูลเซี่ย

ครั้งนี้กลับไปอย่างยิ่งใหญ่อลังการมาก ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นสอบจ้วงหยวนได้ และยังได้รับตำแหน่งถงจือเมืองหนิงโจว ความยิ่งใหญ่เช่นนี้จึงไม่นับว่ามาก อีกอย่างกลับหมู่บ้านครั้งนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นวางแผนจัดงานเลี้ยงแบบสุ่ยหลิว[1]ในหมู่บ้านสามวัน เพื่อเลี้ยงรับรองคนในหมู่บ้าน ต้องการคนไม่น้อยมาช่วยงาน ดังนั้นเขาจึงได้นำบ่าวรับใช้ทั้งหมดกลับหมู่บ้านตระกูลเซี่ย

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ยินข่าวจะกลับหมู่บ้านก็ดีใจอย่างที่สุด แต่เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่ทันได้เตรียมซื้อของขวัญให้เพื่อนๆ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กำลังโมโหตัวเองอย่างมาก ลู่เจียวบอกพวกเขาว่า “ก่อนหน้านี้พวกเจ้าไปเมืองหลวง ไม่ใช่ว่าซื้อของมาไม่น้อยหรือ เอาของเล่นที่เคยเล่นก่อนหน้านี้มอบให้เพื่อนๆ ก็ได้”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เดิมยังตัดใจไม่ได้ แต่คิดแล้วก็รู้สึกว่าได้

“ขอรับ”

ขบวนยิ่งใหญ่อลังการออกเดินทางจากอำเภอชิงเหอกลับหมู่บ้านตระกูลเซี่ย

พวกเขาเพิ่งจะถึงทางเข้าหมู่บ้านตระกูลเซี่ย พวกเด็กๆ ที่เล่นกันอยู่ทางหน้าประตูตะวันตกของหมู่บ้าน ต่างตกใจกันไม่น้อย ไม่นานก็พบว่าขบวนที่มาก็คือครอบครัวเซี่ยอวิ๋นจิ่นทั้งครอบครัว

หมู่บ้านคนตระกูลเซี่ยแตกตื่นกันไปทันที แต่ละคนวิ่งไปบอกกันอย่างดีอกดีใจ

“ท่านอาเซี่ยสาม กลับมาแล้ว”

“พี่สะใภ้สามกลับมาแล้ว”

“อวิ๋นจิ่นกับภรรยากลับมาแล้ว”

“แฝดสี่ก็กลับมาแล้ว”

แต่ละครอบครัวในหมู่บ้านต่างวิ่งมาต้อนรับเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวทั้งครอบครัวที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน

ก่อนหน้านี้ข่าวมงคลที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นสอบได้จ้วงหยวน ได้นำแจ้งมายังอำเภอชิงเหอแล้ว นายอำเภอหูยังส่งคนนำข่าวมาแจ้งหมู่บ้านตระกูลเซี่ยโดยเฉพาะ ดังนั้นคนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยทุกคนล้วนรู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าเมืองหลวงไปสอบ และสอบจ้วงหยวนได้

ตอนนี้ท่านจ้วงหยวนกลับมาแล้ว คนในหมู่บ้านต่างดีใจ นี่แสดงให้เห็นชัดเจนถึงเรื่องใด ก็แสดงให้เห็นว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ลืมรากเหง้าตนเองอย่างไรเล่า

พวกจู๋จ่างและผู้ใหญ่บ้านได้ข่าวก็พากันวิ่งมาต้อนรับ

………….

[1] งานเลี้ยงแบบไม่กำหนดที่นั่ง ผู้ใดมาก่อนก็เข้านั่งประจำโต๊ะก่อน ยกอาหารขึ้นตั้งก่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version