ตอนที่ 593 ถงจือระดับหก
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่ได้กล่าวอันใดต่ออีก พวกเขาออกมาจากเมืองหลวงมาแล้ว เรื่องหลังจากนี้จะจัดการอย่างไร ก็ได้แต่รอคอย หากไม่เหนือความคาดหมาย อ๋องเยียนน่าจะจัดการได้
สองสามีภรรยาเดินเล่นอยู่ครู่หนึ่งก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง ประการแรก ก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกระอักโลหิต ร่างกายยังไม่แข็งแรงดีสักเท่าไร ประการที่สอง เมื่อคืนวานนี้ทั้งสองคนเริงรมย์กันมาถึงเที่ยงคืนดึกดื่น ทั้งสองคนต่างเหนื่อยมาก จึงกลับห้องไปพักผ่อนด้วยกัน
ตอนบ่ายตื่นนอนมา เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็มาถึงแล้ว
พอเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นลู่เจียว ก็แผดเสียงร้องไห้ดังลั่น
ลู่เจียวเห็นพวกเขาร้องไห้ปวดใจเช่นนี้ก็นึกตำหนิตนเอง แอบโมโหตนเองที่ทำร้ายจิตใจเด็กน้อยทั้งสี่คนเช่นนี้
นางเดินไปกอดเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ โอบพวกเขามาปลอบโยน
ต้าเป่าร้องไห้ปวดใจ “ท่านแม่ ท่านไม่ชอบพวกเรา ไม่รักพวกเราแล้วหรือ”
เอ้อร์เป่าขอบตาแดงจ้องมองอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านแม่ เพราะพวกเราไม่ดี ดังนั้นท่านแม่จึงได้ไม่ต้องการพวกเราใช่หรือไม่”
ซานเป่ากับซื่อเป่าเองก็ร้องไห้ยิ่งหนักราวกับเด็กน้อยน่าสงสารที่ไม่มีผู้ใดต้องการ
ลู่เจียวถูกเสียงร้องไห้ของพวกเขาทำเอาในใจปวดปลาบ น้ำตาหลั่งรินออกมาตามพวกเขาไปด้วย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบก้าวเข้ามา ยื่นมือออกไปกอดเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “พวกเจ้าอย่าได้กล่าวเช่นนี้ ท่านแม่รักพวกเจ้ามาก นางไม่มีหนทางอื่นจึงได้ทำเช่นนี้”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่จ้องมองลู่เจียวเขม็ง “จริงหรือ”
ลู่เจียวรู้ว่าต้องหาเหตุผลให้กับการที่ตนเองจากเมืองหลวงมา ไม่เช่นนั้นในใจเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ย่อมฝังใจกับเรื่องนี้
นางคิดแล้วก็มองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “ใช่ แม่รักพวกเจ้ามาก ที่ตอนนั้นจากพวกเจ้ามาก็เพื่อช่วยท่านพ่อพวกเจ้า”
ลู่เจียวกล่าวจบมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เองก็มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ลู่เจียวยังกล่าวว่า “มีคนที่มียาช่วยท่านพ่อพวกเจ้าอยู่ในมือ แต่นางคิดแต่งกับท่านพ่อพวกเจ้า ข่มขู่แม่ให้จากมา นางจะได้เอายามาช่วยท่านพ่อพวกเจ้า”
ลู่เจียวโยนบาปทั้งหมดให้หลินหรูเยว่ และยังทำให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่จดจำไว้ว่าหลินหรูเยว่เป็นหญิงชั่วร้าย วันหน้าหญิงผู้นั้นคิดหลอกใช้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ทำอันใด ก็ย่อมไม่อาจทำได้สำเร็จ
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ลืมความปวดใจไปหมดสิ้น หันไปโมโหแทน ต้าเป่าถึงกับไม่ต้องให้ลู่เจียวเอ่ย ก็คาดเดาได้ว่าหญิงผู้นั้นคือผู้ใด
“หญิงชั่วร้ายที่ท่านแม่กล่าวถึงใช่หญิงผู้นั้นที่เข้ามาทักทายตอนที่ท่านพ่อพวกเราสอบจ้วงหยวนได้ใช่หรือไม่”
ลู่เจียวรีบพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ เป็นนาง”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็โมโหเดือดดาลกล่าวว่า “หญิงชั่วนั่น ครั้งหน้าพวกเราได้เห็นนาง อีก จะต้องไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน”
“ถึงกับคิดอยากแต่งกับท่านพ่อข้า หน้าไม่อายจริงๆ”
ซื่อเป่าด่าจบ พลันคิดถึงว่าอาการป่วยบิดาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “อาการป่วยท่านพ่อจะทำอย่างไรดี”
ลู่เจียวรีบกล่าวว่า “ตอนแม่กลับมาอำเภอชิงเหอก็หาสมุนไพรช่วยท่านพ่อพวกเจ้าได้แล้ว เมื่อวานรักษาท่านพ่อหายแล้ว”
ลู่เจียวกล่าวจบ พลันคิดถึงว่าตนเองได้ช่วยเซี่ยอวิ๋นจิ่นไว้ได้อย่างไร ใบหน้าก็พลันแดงระเรื่อ อดกินปูนร้อนท้องขึ้นมาไม่ได้
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ย่อมไม่รู้ความนัยในเรื่องนี้ ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ดีใจอย่างที่สุด
“ท่านแม่ อาการป่วยท่านพ่อหายแล้ว”
“ท่านพ่อไม่เป็นไรแล้ว”
“เช่นนั้น วันหน้าพวกเราก็จะไม่ต้องแยกจากกันอีกแล้ว?”
“ท่านแม่จะไม่ไปจากพวกเราอีกแล้ว ใช่หรือไม่”
ลู่เจียวยื่นมือไปโอบกอดพวกเขา พยักหน้าเต็มแรงแสดงท่าทีกล่าวว่า “วันหน้าแม่จะไม่ไปจากพวกเจ้าอีกแล้ว”
ลู่เจียวกล่าวจบมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เอ่ยขอโทษจริงจัง “ครั้งนี้เป็นความผิดแม่เอง ไม่ควรแอบจาก พวกเจ้ามา ให้อภัยแม่สักครั้งได้หรือไม่”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ไม่โกรธลู่เจียวแล้ว กลับกัน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับรังเกียจหลินหรูเยว่อย่างมาก
“ไม่ใช่ความผิดท่านแม่ ความผิดหญิงชั่วผู้นั้น วันหน้าพวกเราจะไม่สนใจนางอีกแล้ว”
“หากนางกล้ามาปรากฏตัวตรงหน้าพวกเรา พวกเราจะต้องไม่ปล่อยนางไปเป็นแน่”
“พวกเราจะต้องพยายามฝึกยุทธ์ นางมาให้เห็นอีกก็จะจัดการนางให้หนัก”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พูดจากันอย่างเดือดดาล
ลู่เจียวเห็นท่าทางพวกเขา ในที่สุดก็โล่งอก หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอมยิ้มมองพวกนางแม่ลูกแล้วในใจก็พลันอบอุ่นขึ้นมา
พวกพ่อบ้านเซียวกับจ้าวเหิงด้านหลังเห็นภาพนี้แล้วก็พากันโล่งอก ก่อนหน้านี้พวกเขายังกลัวว่าครอบครัวนี้จะต้องแยกจากกัน หากแยกจากกันจริง ก็ไม่มีคำว่าครอบครัวอีกแล้ว ดีที่ตอนนี้สองสามีภรรยาดีกันแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเห็นว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่เสียใจแล้ว ก็ลุกขึ้นยืนจูงลูกๆ ไปเรือนข้างกินข้าว
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้เลี้ยงดูจนใบหน้ามีเนื้อหนังอวบอิ่ม ตอนนี้ไม่ค่อยมีเนื้อหนังแล้ว ลู่เจียวเห็นแล้วก็ปวดใจ ในใจแอบตัดสินใจว่าวันหน้าจะไม่ทำเรื่องที่ทำร้ายจิตใจเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อีก
“มา กินให้เยอะๆ หน่อย จะได้ตัวสูงอ้วนท้วน”
ลู่เจียวคีบอาหารให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นมารดามาอยู่ข้างกายพวกเขาอีกครั้ง ก็ยิ้มเบิกบานใจ กินไปก็คีบอาหารให้ลู่เจียวไป “ท่านแม่ก็กินด้วย”
ทั้งครอบครัวกำลังกินข้าวกันอยู่ที่เรือนข้าง พ่อบ้านเซียวก็รีบเดินเข้าประตูมารายงานว่า “คุณชาย อ๋องเยียนส่งองครักษ์นำจดหมายมาส่งให้คุณชาย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรีบหยุดมือหันไปมองพ่อบ้านเซียว
อ๋องเยียนส่งคนมาส่งจดหมายเพียงอย่างเดียวหรือว่าส่งคำสั่งแต่งตั้งมาให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นโบกมือให้พ่อบ้านเซียวไปเชิญเข้ามา
องครักษ์ที่มาเป็นคนแปลกหน้า อ๋องเยียนน่าจะกลัวคนสืบความสัมพันธ์เขากับเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ ดังนั้นส่วนใหญ่คนที่เคยพบเซี่ยอวิ๋นจิ่นล้วนเป็นองครักษ์ไม่คุ้นหน้า
องครักษ์เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เอ่ยอย่างสุภาพว่า “คารวะใต้เท้าเซี่ย”
เสียงเรียกขานนี้ทำเอาคนในเรือนข้างรู้ว่า อ๋องเยียนส่งคนนำหนังสือแต่งตั้งเซี่ยอวิ๋นจิ่นมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยกมือแสดงท่าทีให้ลุกขึ้น คนที่มาส่งห่อผ้าหนึ่งให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “นี่คือหนังสือคำสั่งแต่งตั้งและเครื่องแต่งกายถงจือเมืองหนิงโจวระดับหก[1]ที่อ๋องเยียนสั่งให้ข้ารีบเร่งขี่ม้านำมา นอกจากคำสั่งแต่งตั้งใต้เท้าเซี่ย ยังมีของขวัญมอบให้ฮูหยินที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอันเหรินระดับหก[2]”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไม่ถึงว่าอ๋องเยียนถึงกับยังนำคำสั่งแต่งตั้งเจียวเจียวมาด้วย ในใจก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก
ตามหลักการแล้วหนังสือแต่งตั้งเจียวเจียวต้องให้เขาเข้ารับตำแหน่งก่อน เขียนหนังสือส่งไปขอกรมพิธีการแต่งตั้ง ให้กรมพิธีการตรวจสอบก่อน เจียวเจียวจึงจะได้รับสถานะอันเหริน คิดไม่ถึงว่าอ๋องเยียนจัดการมาให้เลยเช่นนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ ยิ้มมององครักษ์จวนอ๋องเยียน กล่าวว่า “ช่วยกล่าวขอบคุณอ๋องเยียนแทนข้าด้วย วันหน้าหากท่านอ๋องมีอันใดใช้งานอวิ๋นจิ่น ก็ขอให้สั่งการมาได้ทันที”
องครักษ์จวนอ๋องเยียนเห็นท่าทีเซี่ยอวิ๋นจิ่น และได้ยินวาจาเขาก็พยักหน้าอย่างพอใจ “ข้าน้อยจะกลับเมืองหลวงไปรายงานทันที”
ลู่เจียวรีบมองไปยังพ่อบ้านเซียว พ่อบ้านเซียวพอรู้อยู่ รีบตามองครักษ์ออกไป มอบตั๋วแลกเงินใบหนึ่งให้แก่องครักษ์
องครักษ์กล่าววาจาเกรงใจสองสามประโยคแล้วก็รับตั๋วแลกเงินจากไป
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ในเรือนข้างมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ถามขึ้นว่า “ท่านพ่อเป็นขุนนางแล้วหรือ”
“ระดับหกใหญ่หรือไม่”
ซานเป่าวาดมือกล่าวว่า “น่าจะใหญ่ราวนี้”
ซื่อเป่ารีบกล่าวว่า “ตอนนี้ท่านพ่อใหญ่แค่นี้ วันหน้าจะใหญ่เท่านี้ ใหญ่เท่านี้”
เขาออกแรงวาดมือบอกขนาดตำแหน่งวันหน้าของเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะใหญ่โตเพียงใด
…………..
[1] ระดับของขุนนางจีน มี 9 ระดับ ระดับ 1 เป็นระดับสูงสุด ระดับ 9 เป็นระดับล่างสุด ในแต่ละระดับยังแยกชั้นเอกและชั้นโท ถงจือประจำเมืองอาจมีได้หลายคน อาจหมายถึงรองเจ้าเมือง อยู่ใต้บังคับบัญชาจือฝู่ (เจ้าเมือง)
[2] ตามกฎมณเฑียรแคว้นต้าโจว ภรรยาขุนนางระดับหก เรียกว่า อันเหริน