ตอนที่ 597 ไม่มีมือเท้าหรือ
คนรอบด้านไม่น้อยพากันพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ บ้านเราก็จะส่งบุตรสาวมาเรียน”
แต่ก็ยังมีคนไม่พอใจ เพราะบุตรสาวอยู่บ้านทำงานบ้าน เด็กหญิงในครอบครัวล้วนไปเรียนที่สำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูล งานในบ้านก็จะไม่มีคนทำ
“เด็กผู้หญิงไม่ต้องเรียนรู้หนังสือ”
“ใช่ เด็กผู้หญิงจะเรียนหนังสือไปทำไมกัน”
“ใช่ ซานยาบ้านข้าต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาว”
ลู่เจียวกวาดตามองผู้คนรอบด้าน กล่าวช้าๆ ว่า “พวกเจ้าคิดว่าผู้หญิงรู้หนังสือไม่มีประโยชน์หรือ คิดว่าผู้หญิงสู้ผู้ชายไม่ได้หรือ เช่นนั้น พวกเจ้าดูข้า คิดว่าข้าลู่เจียวสู้ผู้ชายไม่ได้หรือ”
ลู่เจียวกล่าวจบ ทุกคนรอบด้านต่างส่ายหน้าทันที ภรรยาอวิ๋นจิ่นเช่นนี้ ผู้ชายหลายคนล้วนสู้นางไม่ได้ นางร้ายกาจอย่างที่สุด
“ข้าเรียนรู้วิชาแพทย์ จัดตั้งสามโรงผลิต ติดตามท่านพี่เข้าเมืองหลวงไปดูแลเขา ยังอบรมบุตรชายทั้งสี่ ทุกอย่างล้วนหนีไม่พ้นการรู้หนังสือ”
“หากผู้หญิงหมู่บ้านพวกเรารู้หนังสือ ไม่พูดเรื่องอื่น แค่เรื่องคนที่จะมาสู่ขอ ก็ล้วนเลือกได้ คนปกติทั่วไป พวกเราไม่แต่ง”
ลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ก็มีเหตุผลจริง หากบุตรสาวตนรู้หนังสือ ก็จะได้เลือกคนดีๆ ได้ พวกไม่ได้เรื่องจากหมู่บ้านรอบๆ ก็จะไม่แต่ง อย่างน้อยก็ต้องแต่งให้กับคนในตำบล
คนในหมู่บ้านทุกคนถูกวาจาลู่เจียวกล่าวโดนใจ ต่างเห็นด้วยที่จะให้บุตรสาวตนมาเรียนที่สำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูล
“ได้ ภรรยาอวิ๋นจิ่น พวกเราเห็นด้วย พวกเราจะให้บุตรสาวมาเรียนหนังสือ”
“พวกเราเองก็เห็นด้วย พวกเราก็จะให้บุตรสาวเรามาเรียนหนังสือ”
“เจ้าวางใจ ข้าต้องให้บุตรสาวข้าเรียนหนังสือให้ดีๆ ให้มีความรู้ เรียนรู้จากภรรยาอวิ๋นจิ่นให้มาก”
ลู่เจียวมองทุกอย่างอย่างพึงพอใจ อมยิ้มพยักหน้า
เด็กผู้หญิงโดยรอบที่เดิมกำลังชมบรรยากาศครึกครื้นอยู่ ก็พลันตื่นเต้นดีใจกันไปหมด แม้ว่าพวกนางยังไม่รู้ว่าการเรียนหนังสือสำคัญกับพวกนางเพียงใด แต่ไม่ส่งผลต่อความดีใจของพวกนาง พวกนางสามารถรู้หนังสือ พวกนางจะได้เรียนหนังสือแล้ว
นอกจากกลุ่มคน ชิงชิงกับเสี่ยวเหอบุตรสาวสองคนเซี่ยเอ้อร์จู้กับพี่สะใภ้รองก็ดีใจวิ่งเข้ามารุมล้อมถามลู่เจียว
“อาสะใภ้สาม พวกเราจะได้ไปเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูลหรือ”
เด็กสาวสองคนไม่ได้โง่เขลางุ่มง่ามเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ร่าเริงขึ้นมาก และยังมีความกล้าไม่น้อย
ลู่เจียวเห็นพวกนางสองคนดีใจมากเช่นนี้ ก็ยื่นมือไปดึงมือชิงชิงมาลูบศีรษะนางกล่าวว่า “ได้สิ”
ชิงชิงชอบเรียนหนังสือมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ายินดี
ชิงชิงได้ฟังคำพูดลู่เจียว รีบยิ้มรับรองว่า “อาสะใภ้สาม ข้าจะต้องตั้งใจเรียนอย่างแน่นอน”
ลู่เจียวพยักหน้า อมยิ้มมองชิงชิงกล่าวว่า “เจ้าเรียนในหมู่บ้านสองปี จากนั้นอาสะใภ้สามจะมารับเจ้าไปเมืองหนิงโจว ถึงตอนนั้นอาสะใภ้จะหาคนมาสอนงานฝีมือเจ้า”
ชิงชิงเบิกบานใจขึ้นมาทันที “อาสะใภ้สาม ข้าทราบแล้ว”
เสี่ยวเหอไม่ยอมน้อยหน้า เขยิบเข้าไปใกล้เอ่ยว่า “อาสะใภ้สาม ข้าด้วย ข้าด้วย”
ลู่เจียวลูบศีรษะเสี่ยวเหออย่างนึกขำ “เหมือนกัน ถึงตอนนั้นอาสะใภ้สามจะพาเจ้าไปด้วย”
เสี่ยวเหอเองก็ยิ้มอย่างดีใจ วิ่งไปกวักมือเรียกเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่า ซื่อเป่า พวกเรากลับบ้านกัน”
“ขอรับ พี่รอง”
พวกเด็กๆ พูดคุยกันอย่างเบิกบานใจ
ลู่เจียวดึงมือชิงชิงมาถามอย่างห่วงใยว่า “ทำไมไม่เห็นท่านแม่เจ้าล่ะ”
เซี่ยเอ้อร์จู้กล่าวอย่างดีใจว่า “แม่ของชิงชิงตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว ข้าเห็นว่านางอายุมากแล้ว จึงให้นางรออยู่ที่บ้าน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังก็ดีใจมองเซี่ยเอ้อร์จู้ทันที กล่าวว่า “ยินดีกับพี่รองด้วย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็หันไปมองคนในหมู่บ้าน กล่าวว่า “ข้าสอบจ้วงหยวนได้ พี่สะใภ้รองข้ายังตั้งครรภ์อีก ตระกูลข้านับว่ามีเรื่องมงคลคู่เกิดขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองเรื่องมงคลนี้ นับตั้งแต่พรุ่งนี้ไป บ้านข้าจะจัดงานเลี้ยงแบบสุ่ยหลิวติดต่อกันสามวัน พรุ่งนี้เป็นต้นไป คนในหมู่บ้านก็มากินข้าวที่บ้านข้า สามวันเต็มๆ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ทุกคนรอบด้านต่างฮือฮายินดีกันขึ้น ความครึกครื้นนี้คล้ายช่วงเวลาเฉลิมฉลองปีใหม่
ป้ากุ้ยฮวาและผู้หญิงหลายคนต่างส่งเสียงดังว่า “เช่นนั้น พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะมาช่วยงาน”
“ใช่ พวกเรามาช่วยทำอาหาร”
ลู่เจียวยิ้มมองทุกคนกล่าวว่า “ได้ เช่นนั้น พรุ่งนี้พวกท่านก็มาช่วยกัน”
ทุกคนพูดจายิ้มแย้มส่งเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวทั้งครอบครัวเข้าบ้านพวกเขาแล้วก็กลับไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับจู๋จ่างและผู้ใหญ่บ้านคุยกันอีกคำหนึ่ง ก็ให้พวกเขารีบเปิดประชุมหาเรือเรื่องการสร้างสำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูล ต้องเลือกว่าจะตั้งสำนักศึกษาไว้ที่ใด
จู๋จ่างกับผู้ใหญ่บ้านเดิมคิดว่าสำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูลก็หาที่สักแห่งมาเรียน คิดไม่ถึงว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นถึงกับจะสร้างอาคารสำนักศึกษาใหม่ จู๋จ่างกับผู้ใหญ่บ้านยิ่งดีใจ พยักหน้าหงึกๆ แสดงท่าทีว่าจะรีบไปเลือกสถานที่ตั้ง
ทั้งหมู่บ้านตระกูลเซี่ยต่างเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความยินดีปรีดา ทุกคนดีใจพูดคุยเรื่องสำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูลและที่นากลาง คนที่มีบุตรสาวก็ยิ่งดีใจ พูดคุยกันเรื่องจะส่งบุตรสาวมาเรียน
คนส่วนใหญ่ที่คิดให้บุตรสาวมาเรียนไม่ใช่ว่าเรื่องอันใด แต่เห็นภรรยาอวิ๋นจิ่นก็รู้ความสำคัญของการรู้หนังสือ อีกอย่างบุตรสาวรู้หนังสือ คนที่จะแต่งกับนางก็จะแตกต่างจากเดิม
คนทั้งหมู่บ้านต่างกำลังคุยเรื่องนี้ แต่ละคนว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวใจกว้างและมีจิตใจกุศลดีงาม หากไม่เช่นนั้นจะสอบจ้วงหยวนได้หรือ สอบจ้วงหยวนได้ล้วนเป็นคนมีจิตใจดี
แต่เซี่ยเหล่าเกินทั้งครอบครัวล้วนไม่พอใจมาก แต่เซี่ยเหล่าเกินไม่กล้าแสดงออกมา พวกเซี่ยต้าเฉียงควันลุกท่วมอย่างเดือดดาล พอก้าวเข้าบ้านเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็อดระเบิดอารมณ์ออกมาไม่ได้
“น้องสาม เจ้าสร้างสำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูลให้คนในวงศ์ตระกูลและยังซื้อที่นากลาง ยังจะจัดงานเลี้ยงสุ่ยหลิวสามวัน เจ้ารู้ไหมว่าต้องใช้เงินทองเท่าไร”
คิดถึงว่าเงินทองที่จะไหลเทออกไปพวกนั้นแล้ว เซี่ยต้าเฉียงรู้สึกปวดร้าวคล้ายถูกคนควักหัวใจออกไป สีหน้าอย่าได้เอ่ยว่าย่ำแย่เพียงใด
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นหวาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร ตั้งแต่มารดาถูกบิดาหย่า ชีวิตดีๆ ของเซี่ยอวิ๋นหวาก็จบสิ้น ไม่ได้เสพสุขดังเช่นเมื่อก่อนอีกแล้ว
ก่อนหน้านี้นายอำเภอหูส่งคนมาแจ้งว่าพี่สามสอบจ้วงหยวนได้ เซี่ยอวิ๋นหวาเคยโมโหตนเองที่เมื่อก่อนมีความสัมพันธ์กับพี่สามไม่ดี แต่กลับมาคิดอีกที ก็คิดว่าพี่สามตนไม่น่าจะคิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนั้นของพวกเขาเมื่อก่อนอีกแล้ว
แต่พี่สามกลับมาก็ทำเรื่องดีๆ ให้คนในหมู่บ้านตั้งมากมาย แต่กลับไม่ให้พวกเขาสักนิด เรื่องนี้ทำให้เซี่ยอวิ๋นหวาโมโหคุกรุ่น ดังนั้นเซี่ยต้าเฉียงระเบิดอารมณ์ เขาจึงเงียบ
เซี่ยเอ้อร์จู้อดเอ่ยโต้เซี่ยต้าเฉียงไม่ได้ “นี่เป็นเรื่องของน้องสาม เขาอยากทำอันใดก็ทำ พี่ใหญ่ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ อย่าได้สร้างเรื่องขายหน้าให้น้องสาม”
ตั้งแต่เซี่ยเอ้อร์จู้ได้เป็นผู้อบรมการเลี้ยงปลิงให้คนในหมู่บ้าน ก็ดูมีสง่าราศี ไม่อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนย่อมกล้าโต้เถียงเซี่ยต้าเฉียงแล้ว
สีหน้าเซี่ยต้าเฉียงไม่ดีนัก ส่งสายตาจ้องใส่เซี่ยเอ้อร์จู้ กล่าวว่า “เขามีเงินช่วยคนในหมู่บ้านมากมายเช่นนั้น เหตุใดไม่เห็นเขาช่วยพวกเรา ให้เงินพวกเราสักหน่อย”
ลู่เจียวทนฟังต่อไปไม่ไหว โต้ใส่ทันทีว่า “เจ้าไม่มีมือมีเท้าหรือ ไปหาเงินเองไม่เป็นหรือ วันๆ เอาแต่บอกว่าไม่ให้เงินพวกเจ้า พวกเราต้องเลี้ยงดูพวกเจ้าหรือ ต้องการเงิน เจ้าก็ไปเอากับบิดามารดาเจ้า มาเอากับผู้อื่นทำไมกัน”