ตอนที่ 598 ความสำคัญของบุตรชาย
เซี่ยต้าเฉียงได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็คิดด่าหยาบคายขึ้นด้วยสัญชาตญาณ แต่พออ้าปากก็คิดถึงว่าสถานะลู่เจียวตอนนี้ ตั้งแต่น้องชายตนสอบจ้วงหยวนได้เป็นขุนนาง ตอนนี้ลู่เจียวก็เป็นฮูหยินขุนนางแล้ว ฮูหยินมีระดับชั้น หากเขาด่า นางย่อมต้องให้คนตบปากเขา
เซี่ยต้าเฉียงอ้าปากจะด่าแล้วก็หุบปากลงต่อ เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองเซี่ยเหล่าเกินอย่างไม่พอใจ ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านพ่อ พาพวกเขากลับไป หากมีเช่นนี้อีก วันหน้าก็ไม่ต้องมาปรากฏตัวตรงหน้าข้าอีก”
เซี่ยเหล่าเกินอ้าปากคิดให้บุตรชายช่วยเซี่ยต้าเฉียงบ้าง แต่เพิ่งจะอ้าปากก็คิดถึงสถานะแท้จริงของเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เขาได้แต่กลืนลงท้องไป ลุกขึ้นเรียกพวกเซี่ยต้าเฉียงให้กลับ “เอาละ กลับได้แล้ว”
เซี่ยต้าเฉียงคิดไม่ถึงว่าบิดาตนถึงกับไม่ขอให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นช่วยพวกเขา ก็อดส่งเสียงดังอย่างโมโหจัดไม่ได้ “ท่านพ่อ วันนี้ท่านเป็นอันใดไป ทำไมไม่ให้น้องสามช่วยพวกเราบ้าง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเซี่ยต้าเฉียงด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม จากนั้นก็มองไปยังเซี่ยเหล่าเกิน
เซี่ยเหล่าเกินสะอึกในใจ รีบตวาดว่า “หุบปาก รีบไสหัวกลับไป”
เฉินหลิ่วอดไม่ไหว เอ่ยอย่างโมโหว่า “ท่านพ่อ พวกเรายังมีบุตรชายอีกสองคน ตอนนี้คนในหมู่บ้านไม่น้อยสร้างบ้านอิฐชิงจวนกัน บ้านเรายังกองรวมกันอยู่ในบ้านดิน วันหน้าหลานชายท่านโตขึ้นจะแต่งภรรยา อย่างไรก็ต้องให้พวกน้องสามช่วยเหลือพวกเราบ้าง”
เซี่ยเหล่าเกินหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น พบว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังมองด้วยสีหน้าเย็นเยียบเขา เซี่ยเหล่าเกินรีบเร่งให้พวกเซี่ยต้าเฉียงกลับ
ลู่เจียวด้านหลังกลับเรียกเซี่ยเหล่าเกินไว้ “ท่านพ่อ”
เซี่ยเหล่าเกินชะงักฝีเท้าหันมามอง ลู่เจียวควักตั๋วแลกเงินร้อยตำลึง เดินไปตรงหน้าเซี่ยเหล่าเกิน ส่งให้เขากล่าวว่า “ท่านพ่อ นี่คือตั๋วแลกเงินร้อยตำลึง ครั้งนี้พวกเรากลับมาอย่างเร่งรีบ ไม่ทันได้ซื้อของมาให้ท่านพ่อ เงินร้อยตำลึงนี่ก็แทนความกตัญญูต่อท่านพ่อ ท่านพ่อเอาไปซื้อของได้เอง”
เซี่ยเหล่าเกินมองตั๋วแลกเงินร้อยตำลึงตรงหน้า เขาโตมาขนาดนี้ แต่ไรมาไม่เคยได้เห็นเงินทองคราเดียวมากมายเพียงนี้มาก่อน ยามนี้ตื่นเต้นสั่นระริกไปทั้งตัว พริบตาก็ลืมคิดเล็กคิดน้อยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปหมดสิ้น
ลู่เจียวทำเช่นนี้ก็เพราะมีเป้าหมายของตนเอง พวกนางกลับมาเพื่อสร้างสำนักศึกษาประจำวงศ์ตระกูลและซื้อที่นากลาง หากไม่ยอมมอบเงินให้พวกเซี่ยเหล่าเกินบ้าง แพร่ออกไปจะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางควักเงินร้อยตำลึงเพื่อซื้อชื่อเสียงที่ดีให้กับพวกนางเอง อีกอย่าง จะได้ให้พวกเซี่ยต้าเฉียงกับเซี่ยอวิ๋น หวาไปมุ่งเอากับเซี่ยเหล่าเกิน ให้พวกเขาทั้งครอบครัวไปกัดกันเอง จะได้ไม่แล่นมาหาเรื่องให้พวกนางต้องวุ่นวายใจ
เซี่ยเหล่าเกินยื่นมือไปรับตั๋วแลกเงินมาอย่างตื่นเต้นดีใจ แววตาที่มองลู่เจียวเรียกได้ว่าเมตตาเสียยิ่งกว่าเมตตา
สะใภ้สามช่างเป็นเทพเจ้าเงินตรา นางสะบัดนิ้วมือก็เพียงพอให้เขาได้ใช้จ่ายแล้ว
ไยเขาต้องทุกข์ใจว่าใช่บุตรชายเขาแท้จริงหรือไม่ ขอเพียงเอาใจลูกสะใภ้ก็พอ
เซี่ยเหล่าเกินมองลู่เจียวด้วยสายตาเมตตาอารี วาจาที่กล่าวออกมาก็ทำให้คนรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“สะใภ้สาม เจ้าเป็นสะใภ้กตัญญู ท่านพ่อท่านแม่เจ้าเลี้ยงดูเจ้ามาดีมาก และนับเป็นวาสนาบ้านเรา จึงได้แต่งเจ้ามาเป็นสะใภ้ได้ พ่อโชคดีที่ตอนนั้นแต่งสะใภ้เช่นเจ้ามาให้เจ้าสาม”
ลู่เจียวได้ยินก็มีสีหน้าดำคล้ำ รีบเอ่ยว่า “ท่านพ่อ วันนี้ครอบครัวพวกเราเพิ่งจะกลับมา รู้สึกเหนื่อย จึงไม่ขอให้ท่านพ่ออยู่กินข้าวแล้ว พรุ่งนี้ขอเชิญท่านพ่อมางานเลี้ยงด้วย”
“ได้ ได้”
เซี่ยเหล่าเกินหยิบตั๋วแลกเงินเดินออกไปอย่างดีอกดีใจ พวกเซี่ยต้าเฉียงกับเฉินหลิ่วก็รีบตามไปติดๆ แต่ละคนเริ่มคิดว่าจะล้วงเงินจากเซี่ยเหล่าเกินอย่างไร
เซี่ยเอ้อร์จู้มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “น้องสาม เจ้าประหยัดหน่อย วันหน้าเป็นขุนนางยังต้องใช้เงินอีกมากกระมัง”
แม้ว่าเขาไม่ฉลาด แต่ก็รู้ว่าน้องสามเป็นขุนนางแล้ว ต้องมีน้ำใจในวงการขุนนาง ไม่ได้คนตัวเล็กๆ ในหมู่บ้านดังเดิม คนเป็นขุนนางต้องมีเงินทองไปมาหาสู่กันก้อนโต แม้ว่าน้องสะใภ้สามหาเงินได้ แต่ก็ใช่ว่าจะพอ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันหน้าไปยิ้มมองเซี่ยเอ้อร์จู้ พี่รองเขามักจะคิดเพื่อเขาเสมอ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “พี่รองวางใจ ข้าทราบแล้ว”
เพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีท่าทีพูดจากับเซี่ยเอ้อร์จู้เหมือนกับเมื่อก่อน เซี่ยเอ้อร์จู้จึงได้ผ่อนคลายลง พี่น้องเดินไปยังลานบ้านคุยกันต่ออย่างเบิกบานใจ
พี่สะใภ้รองได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านนอกนานแล้ว แต่เพราะนางตั้งครรภ์หกเดือน ดังนั้นไม่กล้าลุกวิ่งไปไหนมาไหน ยามนี้ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็เดินออกมาจากในห้อง มายืนรอต้อนรับ
พอเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว นางก็อึ้งไป พลางเอ่ยอย่างเป็นห่วง “น้องสาม น้องสะใภ้สาม เหตุใดพวกเจ้าผ่ายผอมเช่นนี้ ล้มป่วยหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวได้ฟังวาจานี้ก็อดหัวเราะเบาๆ ขึ้นมาไม่ได้
ดูสิ คนที่มีพวกเขาในใจ คราแรกก็มองออก เห็นพวกเขาก็เป็นห่วง เป็นห่วงพวกเขาว่าล้มป่วยหรือไม่ กลับกัน เซี่ยเหล่าเกินทั้งครอบครัวแต่ต้นจนจบ เหมือนไม่เห็น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวกับพี่สะใภ้รองว่า “ล้มป่วยเล็กน้อย กอปรกับก่อนหน้านี้ต้องเข้าสอบ ดังนั้นจึงได้ผอมลง แต่พี่สะใภ้รองไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นไร”
พี่สะใภ้รองพยักหน้า “ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี”
ชิงชิงกับเสี่ยวเหอก็วิ่งไปหามารดาตนเอย่างดีใจ กล่าวอย่างเบิกบานว่า “ท่านแม่ ท่านรู้ไหม ท่านอาสามกับอาสะใภ้สามจะสร้างสำนักศึกษาในหมู่บ้าน เด็กๆ ทุกคนในหมู่บ้านก็จะได้เรียนไม่ต้องจ่ายเงิน เด็กผู้หญิงก็จะได้เรียนด้วย ท่านแม่ พวกเราจะได้ไปเรียนที่สำนักศึกษาแล้ว”
“อาสะใภ้สามยังบอกว่าให้พวกเราเรียนในหมู่บ้านสักสองปีก่อน อีกสองปี นางจะส่งคนมารับพวกเราไปเมืองหนิงโจว หาคนมาสอนงานฝีมือพวกเรา ท่านแม่ พวกเราดีใจมาก”
แต่ไรมาพี่สะใภ้รองไม่เคยเห็นบุตรสาวทั้งสองดีใจเช่นนี้ พริบตาก็ยิ้มออก จากนั้นก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวอย่างตื้นตันใจ “ขอบคุณอวิ๋นจิ่นกับน้องสะใภ้สาม”
ในเวลานี้พี่สะใภ้รองรู้สึกว่าตนเองแต่งกับเซี่ยเอ้อร์จู้ไม่มีอันใดไม่ดี อย่างน้อยชายผู้นี้ก็จิตใจดี เขาดูแลน้องสามตนเองอย่างดี ปรากฏจึงได้รับวาสนาสุขตอบแทนยิ่งใหญ่เพียงนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวยิ้มพลางส่ายหน้า “เราครอบครัวเดียวกัน”
พอทุกคนเดินไปยังเรือนตะวันออกของตระกูลเซี่ย ลู่เจียวก็จัดการที่พักให้บ่าวที่ตามมา ฮวาเสิ่นกับหลิ่วอันรีบไปทำงานในห้องครัว
เฝิงจือกับหร่วนจู๋ก็ไปเก็บห้องให้พวกเขา สรุปคือทุกคนล้วนเข้าประจำการงานตนเอง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเซี่ยเอ้อร์จู้สองพี่น้องก็ย่อมไปหาที่คุยกัน ลู่เจียวดึงพี่สะใภ้รองมาตรวจครรภ์ให้นาง
พอตรวจแล้วก็พบว่าครรภ์แข็งแรงดี แต่เพราะพี่สะใภ้รองเหน็ดเหนื่อยมานาน ร่างกายไม่สมบูรณ์ดี ดังนั้นหลังครรภ์นี้ ลู่เจียวไม่แนะนำให้พี่สะใภ้รองมีลูกอีก
“พี่สะใภ้รอง คลอดครรภ์นี้แล้ว วันหน้าอย่าตั้งครรภ์อีก หากคลอดอีก พี่จะอันตรายมาก”
พี่สะใภ้รองอึ้งไปเล็กน้อย เงยหน้ามองลู่เจียว ถามอย่างระมัดระวังว่า “น้องสะใภ้สาม ข้าอยากคลอดบุตรชายให้พี่รองเจ้า เจ้าว่าครรภ์นี้จะเป็นบุตรชายหรือไม่
ลู่เจียวรู้ว่ายุคสมัยนี้ไม่มีบุตรชายก็เท่ากับสิ้นตระกูล แม้ตายก็ยังถูกคนก่นด่า ตอนนี้เซี่ยเอ้อร์จู้นำคนในหมู่บ้านเลี้ยงปลิง ดังนั้นในหมู่บ้านไม่มีคนพูดเรื่องนี้ แต่เขาเดินออกไป ผู้อื่นรู้ว่าเขาไม่มีบุตรชาย ก็ยังแอบเยาะเย้ยเขา
ลู่เจียวยิ้มมองพี่สะใภ้รอง กล่าวว่า “พี่สะใภ้รองวางใจ ชะตาพี่รองมีบุตรชาย”
วาจานางนี้ก็เท่ากับบอกพี่สะใภ้รองว่าในครรภ์นางนี้เป็นบุตรชาย
พี่สะใภ้รองร้องขึ้นอย่างดีใจ หัวเราะลั่นอย่างตื่นเต้นยินดี ยังกล่าวกับลู่เจียวว่า “เช่นนั้น ครรภ์นี้แล้ว ข้าก็จะไม่ตั้งครรภ์อีก”
นอกประตู เซี่ยเอ้อร์จู้กับเซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินเข้ามา ได้ยินเสียงหัวเราะของพี่สะใภ้รองก็อดเอ่ยถามไม่ได้ว่า “เกิดอันใดขึ้น ดีใจกันเช่นนี้”
พี่สะใภ้รองดีใจกล่าวว่า “น้องสะใภ้สามว่าครรภ์นี้ของข้าเป็นบุตรชาย”
เซี่ยเอ้อร์จู้ดีใจกระโดดตัวลอย ถามอย่างตื่นเต้นว่า “จริงหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็ดีใจ ถามลู่เจียวว่า “เจียวเจียว เรื่องนี้จริงหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า ทารกหกเดือนในครรภ์ก็แยกเพศได้แล้ว นางแน่ใจว่าครรภ์นี้ของพี่สะใภ้รองเป็นเด็กผู้ชาย
“จริงสิ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็ดีใจ ยกมือขึ้นตบไหล่เซี่ยเอ้อร์จู้ทีหนึ่ง “พี่รอง เรื่องมงคลยิ่ง คืนนี้เราพี่น้องมาร่ำสุรากันสักหน่อย”