ตอนที่ 670 บุกเข้าไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเผยรอยยิ้มอ่อนโยนและอบอุ่น กล่าวว่า “ถึงตอนนั้นก็ไม่แน่ว่าซื่อเป่าต้องกลับมาอยู่ข้างกายอ๋องเยียน หากเขาไม่กลับมาอยู่ข้างกายอ๋องเยียน ก็ไม่ได้มีเหตุต้องปะทะกับซื่อจื่อเซียวเจิน ระหว่างพวกเขาก็ไม่มีอันใด”
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เงียบงันไปครู่หนึ่ง เรื่องราวในนิยาย ซื่อจื่อเซียวเจินเป็นพระเอก ส่วนซื่อเป่าบุตรชายของนางเป็นตัวร้าย ตอนนี้เรื่องราวในนิยายเปลี่ยนไปเพราะนางทะลุมิติมา ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นเช่นไรแล้ว ซื่อเป่าน่าจะไม่กลายเป็นตัวร้ายแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวเงียบงันไป ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “เจ้าเป็นอันใดหรือ”
ลู่เจียวส่ายหน้า “เปล่า แค่คิดถึงลูกๆ อยู่บ้าง”
นางไม่พูดยังดี พอพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็คิดถึงเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ขึ้นมา
เมื่อก่อนพวกเขาไม่เคยแยกจากกันนานเพียงนี้ ยามนี้ถึงกับแยกจากกันนานเพียงนี้ ไม่รู้ว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่คิดถึงพวกเขาเพียงใด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเดินทางกลับครั้งนี้ใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนกว่า เดิมพวกเขาคิดว่าเพราะพวกเขาช่วยอ๋องเยียน อ๋องจิ้นจะถือโอกาสลงมือจัดการพวกเขา ปรากฏตลอดทางมากลับปลอดภัยราบรื่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดาว่าต้องเป็นอ๋องเยียนเอาเรื่องอ๋องจิ้นจนอ๋องจิ้นไม่มีเวลามาสนใจพวกเขา
ทุกคนถึงเมืองหนิงโจวกลางเดือนเจ็ด
พอลงจากเรือ ลู่เจียวก็แทบทนรอไม่ไหว สั่งให้โจวเส้ากงไปซีเฟิงย่วนรับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับมา
โจวเส้ากงรับคำสั่งไปจัดการ ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับจวน พอพวกเขากลับถึงจวนตระกูลเซี่ย โจวเส้ากงก็รับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับมาแล้ว
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็กอดเขาสองคนไว้ไม่ยอมปล่อยอย่างดีใจมาก
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเราคิดถึงพวกท่านมาก เหตุใดท่านพ่อท่านแม่เพิ่งกลับมาตอนนี้”
“พวกเราคิดถึงท่านพ่อท่านแม่จนกินข้าวไม่ลงเลยนะ”
เอ้อร์เป่าขอบตาแดง พวกเขาคิดถึงบิดามารดาจริงๆ ระยะนี้กินข้าวไม่อร่อยเลย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก้มหน้ามองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ แลผอมลงไม่น้อยจริงๆ ดูท่าเด็กๆ จะคิดถึงพวกเขามาก
“ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ดีเอง ครั้งหน้าหากจะต้องจากกันนานเช่นนี้อีก ก็จะพาพวกเจ้าไปด้วย”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบพยักหน้าเต็มแรง “ตกลง ท่านพ่อกับท่านแม่พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”
ซื่อเป่ายังยื่นมือออกไป เกี่ยวก้อยกับลู่เจียว เพราะอยู่ใกล้ลู่เจียว จึงพบว่าท้องลู่เจียวโตขึ้นไม่น้อย
ซื่อเป่าตกใจเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท้องท่านแม่เหมือนโตแล้วกระมัง”
พอเขากล่าวขึ้น ที่เหลืออีกสามคนก็เห็นเช่นกัน ไม่สนใจความเศร้าเสียใจตนเอง หันมารุมล้อมท้องลู่เจียว จ้องมองอย่างอยากรู้อยากเห็นทันที
“ท่านแม่ ท้องท่านแม่โตจริง”
ลู่เจียวนึกขำ มองพวกเขากล่าวว่า “มีลูกเติบโตอยู่ในท้อง ย่อมต้องโต พวกเจ้าเมื่อก่อนก็ค่อยๆ เติบโตเช่นนี้”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังรีบยื่นมือไปลูบท้องลู่เจียว ถามลู่เจียวว่า “ระยะนี้น้องสาวว่านอนสอนง่ายหรือไม่ ทำให้ท่านแม่ลำบากหรือไม่”
เพราะเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ผ่านความทุกข์ใจมา ลู่เจียวจึงไม่คิดแก้คำพูดพวกเขา “เปล่า นางว่านอนสอนง่ายมาก เหมือนกับพวกเจ้า”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ยินคำพูดลู่เจียวเช่นนี้ก็ดีใจจนพูดไม่ออก แต่ละคนแย่งกันลูบท้องลู่เจียว กล่าวทักทายกับท้องนาง ยังกล่อมลูกในท้องนางอีกด้วย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกลับมา ไม่เพียงแต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจ แม้แต่บ่าวรับใช้จวนตระกูลเซี่ยเองก็ล้วนดีใจมาก
พ่อบ้านเซียวรีบมารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลเซี่ยระยะนี้
“หลินจือฝู่ส่งคนมาดูใต้เท้าถึงสองครั้ง ถูกข้าน้อยกันไว้หมด ระยะหลายวันนี้เหมือนเขาสงสัยแล้ว ดังนั้นทุกวันก็จะมาตระกูลเซี่ยเยี่ยมใต้เท้า ยังขอพบฮูหยิน”
“ข้าน้อยบอกว่าฮูหยินเสียใจมาก ไม่อยากพบผู้ใด ขอให้เขากลับไป เขายังไม่ยอม ต่อมาใต้เท้าหูร่วมช่วย ข้าน้อยจึงได้ให้เขากลับไปอย่างงงๆ ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังพ่อบ้านเซียวก็ถามว่า “ใต้เท้าหูรู้เรื่องข้าแล้วหรือ”
“ขอรับ ตั้งแต่ใต้เท้าไป วันๆ ใต้เท้าหูก็วิ่งมาเยี่ยมใต้เท้า ข้าน้อยขวางไว้ ปรากฏมีวันหนึ่งขวางไว้ไม่ทัน ทำให้เขาพบเรื่องนี้ ข้าน้อยจึงได้บอกกับเขาว่าใต้เท้าออกจากเมืองหนิงโจวไปเมืองหลวง ใต้เท้าหูแสดงท่าทีว่าจะช่วยข้าน้อยกันพวกใต้เท้าจือฝู่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย ใต้เท้าหูผู้นี้ทำงานหลักไม่ได้ แต่ทำหน้าที่ลูกน้องเสริมหัวหน้าก็พอได้
พ่อบ้านเซียวกล่าวจบเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็แสร้งทำป่วย กล่าวถึงอีกเรื่องหนึ่ง
“บ่าวรับใช้อำเภอชิงเหอส่งจดหมายกลับมาสองฉบับ นายผู้เฒ่าเซี่ยทางนั้นสนิทสนมกับใต้เท้านายอำเภอที่มาใหม่ นายอำเภอมักเชิญเขาไปดื่มสุราและดื่มชาที่จวน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังพ่อบ้านเซียว แววตาก็พลันเย็นเยียบ แต่ไม่ได้เอ่ยอันใด
พ่อบ้านเซียวรายงานต่อว่า “วันพรุ่งนี้ท่านจ้าวกับคุณหนูเจ็ดอำเภอชิงเหอจะแต่งงานแล้ว ก่อนหน้านี้ส่งเทียบเชิญนายท่านและฮูหยินไปกินเลี้ยง ข้าน้อยคิดว่าพวกท่านกลับมาไม่ทัน จึงได้เตรียมของขวัญจะให้คนนำไปส่งพรุ่งนี้ คิดไม่ถึงว่าพวกท่านจะกลับมา”
ส่วนนายท่านและฮูหยินไปไม่ไปกินเลี้ยง ก็เป็นเรื่องของนายท่านและฮูหยิน
ลู่เจียวได้ยินว่าจ้าวหลิงเฟิงกับเถียนฮวนจะแต่งงาน ก็ดีใจอย่างที่สุด รีบยิ้มกล่าวว่า “พรุ่งนี้ข้าพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปร่วมงานเลี้ยงที่ตระกูลจ้าว เจ้าไปที่ทำการก็แล้วกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า เขาจากเมืองหนิงโจวไปสองเดือนกว่า เกรงว่าในที่ทำการมีงานไม่น้อย ดังนั้นเขาต้องรีบเร่งทำงานกับใต้เท้าหู ไม่เช่นนั้นงานก็จะยิ่งทับถม ส่วนงานเลี้ยงตระกูลจ้าวและตระกูลเถียน ลู่เจียวไปแทนเขาก็พอ
เพียงแต่พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงว่าลู่เจียวตั้งครรภ์ ก็กำชับว่า “เจ้าระวังหน่อย แม้ว่าตอนนี้สี่เดือนแล้ว ไม่มีอาการแพ้ครรภ์แล้ว แต่ควรระวังคนชั่วลอบทำร้ายเจ้า ดังนั้นระมัดระวังไว้สักหน่อยดีกว่า”
“ได้ ข้ารู้แล้ว”
ทั้งครอบครัวไปกินข้าวอย่างเบิกบานใจ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เอาแต่เกาะติดพวกเขาถามเรื่องราวในเมืองหลวง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวย่อมไม่เล่าเรื่องอันตรายระหว่างทาง เล่าเพียงเรื่องสนุกให้เจ้าแฝดสี่ฟัง เด็กๆ ฟังจนหัวเราะคิกคักเบิกบานใจ
คืนนี้ผู้ใหญ่ทั้งสองเล่นเป็นเพื่อนเด็กน้อยทั้งสี่จนถึงเที่ยงคืนดึกดื่นจึงได้เข้านอน วันรุ่งขึ้นทั้งครอบครัวต่างตื่นสายดังคาด ปรากฏจือฝู่ใต้เท้าหลินมาอีกแล้ว ครั้งนี้ใต้เท้าหลินนำคนบุกเข้ามาในเรือนด้านหลังที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพักอยู่
ในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกมา
“ใต้เท้าหลินนี่มันเรื่องอันใดกัน”
ในลานด้านหน้า ใต้เท้าหลินพามือปราบในที่ทำการกำลังคิดจะบุกทะลวงเข้ามา แต่ถูกพวกหร่วนไคกับถงอี้ขวางไว้ สองฝ่ายต่อสู้กันชุลมุน
พอดีกับที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเดินออกมา
หลินจือฝู่เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นในสภาพร่างกายสมบูรณ์ ก็คาดเดาเรื่องก่อนหน้านี้ได้ว่าเขาเสแสร้งเพื่อหลอกตน จะได้แอบหนีไปเมืองหลวง
ใต้เท้าหลินคิดกระจ่างแล้ว ใบหน้าก็เย็นเยียบ โมโหตวาดว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าบังอาจมาก ถึงกับเสแสร้งว่าได้รับบาดเจ็บหลอกลวงข้า เจ้าแอบหนีไปจากเมืองหนิงโจวโดยพลการใช่หรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นย่อมไม่กลัวเขา เขาแอบไปจากเมืองหนิงโจวได้กราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทไปแล้ว ดังนั้นเขาไม่มีอันใดต้องเกรงกลัว
“ใช่แล้ว ใต้เท้าหลิน”
ใต้เท้าหลินได้ยินคำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็จับจุดอ่อนได้ทันที ส่งเสียงดังขึ้นว่า “ข้าจะรายงานเบื้องบนว่าเจ้าออกจากเมืองหนิงโจวโดยพลการ เจ้าเป็นถงจือเมืองหนิงโจว ไม่อยู่ประจำในเมืองจัดการการงาน ถึงกับทิ้งงานไปจากเมืองหนิงโจว”