ตอนที่ 428
เจ้าเป็นภรรยาของข้าไม่ผิดแน่
ซือมั่วนั่งขัดสมาธิอยู่บนเสือไม้ไผ่นอกกระท่อมเนิ่นนาน ไม่ขยับ
สายตาของเขามองไปบนกระดิ่งตรงเอวอยู่ตลอด ในที่สุดเขาก็ยกมือดึงเอากระดิ่งออกมาวางไว้ในมืออย่างแผ่วเบา
เขาจำไม่ได้ว่าตนเองพกกระดิ่งตั้งแต่เมื่อไหร่ และก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนมอบกระดิ่งนี้ให้เขา
แต่ในใจของเขานั้นมีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่ากระดิ่งอันนี้ สำคัญกับเขา! สำคัญมาก!
“เจ้ากำลังดูอะไรหรือ?” หลิงหลิงมาปรากฎตัวอยู่ข้างกายของซือมั่วและมองเห็นกระดิ่งในมือของเขา นัยน์ตาเปล่งประกายยื่นมือออกไปคิดจะหยิบมาดู “กระดิ่งสวยจัง ก่อนหน้านี้เจ้าก็พกติดตัวไว้ตลอด ข้าไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามันงดงามขนาดนี้”
น่าเสียดายที่นางจับโดนเพียงความว่างเปล่า
ซือมั่วกุมกระดิ่งหลบหลีกนาง เขาไม่ได้มองนางเลย รอบกายแผ่กลิ่นอายที่ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้ออกมา
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงหลิงแข็งค้างไป เก็บมือกลับมาอย่างกระดากใจ
นางลองถามหยั่งเชิงดูว่า “กระดิ่งอันนี้สำคัญกับเจ้างั้นหรือ? ใครมอบให้เจ้ากัน?”
ซือมั่วดูเคร่งเครียดขึ้นใบหน้าอันหล่อเหลอเหมือนถูกฉาบไว้ด้วยนํ้าแข็ง เขายืนขึ้นมา ร่างกายสูงใหญ่เพิ่มแรงกดดันหลิงหลิงเข้าไปอีก ทำให้นางถอยหลังออกไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว
ดูเหมือนว่าหากเว้นระยะห่างสักหน่อยนางถึงจะหายใจได้
นัยน์ตาสีอำพันของซือมั่วฉายแววเย็นชา มองไปที่นาง แล้วใช้นํ้าเสียงที่ไร้ความรู้สึกพูดว่า “เจ้าเคยช่วยข้าหนึ่งครั้ง ข้าไว้ชีวิตเจ้าหนึ่งครั้ง หากเจ้ากล้าเข้ามาใกล้ข้าอีก จะฆ่าไม่เว้น”
หลิงหลิงตกใจ เบิกตากว้างมองเขาด้วยสีหน้าทีซีดขาว
คำพูดที่เลือดเย็นเช่นนี้นางไม่กล้าเชื่อเลยว่าจะออกมาจากปากของเขา
นางต้องการเพียงแค่พูดกับเขาดีๆ ก็เท่านั้น แต่เขากลับรังเกียจถึงเพียงนี้ รังเกียจจนอยากจะฆ่านางเลยหรือ?
“เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่เคยคิดจะอ้างบุญคุณ!” หลิงหลิงรีบอธิบาย นางไม่ต้องการให้เขาเข้าใจผิด นางแค่หวังว่าจะได้พูดคุยกับเขาดีๆ ก็เท่านั้น
แต่สายตาของซือมั่วก็ยังคงไร้ความรู้สึกและเย็นชาเช่นเคย
ดูเหมือนส่วนสึกในดวงตาของเขาจะมีเพียงโลกแห่งการฆ่าล้างเท่านั้น
‘คนๆ นี้ไม่มีความรู้สึก! ไม่มีหัวใจ! ท่านปู่พูดถูก เขากับข้านั้นเป็นไปไม่ได้!’ เมื่อถูกสายตาที่เย็นชานั้นมองมา ก็ทำให้หลิงหลิงถอยหลังไปอีกหลายก้าว นางรู้สึกเหมือนโดนความหนาวเย็นโอบล้อม เย็นจนสั่นสะท้านคิดอยากจะหนีไป
“หลิงหลิง” ในตอนที่สติของนางกำลังจะถูกสายตาของซือมั่วทำลายลงนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นช่วยนางไว้ได้ทันพอดี
หลิงหลิงรู้สึกเหมือนตนเองถูกคนช่วยขึ้นมาจากบ่อนํ้าแข็ง นางจับคอ ในที่สุดก็หายใจได้นางรีบกระโดดออกจากโลกแห่งการฆ่าล้างกลับมาลู่ความอบอุ่นอีกครั้ง
หลังจากเก็บอาการหวาดกลัวไปแล้ว นางก็หันไปทางที่เสียงดังมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
ทันใดนั้นเสียงกระดิ่งก็ทำให้นางชะงัก
และในตอนนี้เอง กระดิ่งในมือของซือมั่วก็ดังขึ้นเช่นกัน ทั้งสองเสียงผสานเข้าด้วยกัน
เมื่อซือมั่วเห็นกระดิ่งในมือดังขึ้นก็ขมวดคิ้วแล้วมองไปยังด้านนอกประตู
หลิงหลิงก็มองไปด้านนอกประตูเช่นเดียวกัน ตอนนี้เองนางถึงสังเกตเห็นว่าด้านหลังของท่านปู่มีคนตามมาด้วยจำนวนมาก และมีคนหนึ่งในนั้นที่ดูโดดเด่นมาก
นางสวมชุดกระโปรงสีแดง รูปโฉมงดงามมาก
หลิงหลิงตกตะลึง นางไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนงดงามเช่นนี้มาก่อน เมื่อนางปรากฎกายความสว่างไสวของดวงดาวบนฟ้าก็ราวกับว่ายังโดดเด่นไม่สู้นาง
ที่สำคัญก็คือเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นนั้นดังมาจากตัวของนาง
หลิงหลิงสังเกตเห็นกระดิ่งสีทองที่ผูกอยู่ที่เอวของนาง
นางสังเกตเห็นแล้ว ซือมั่วเองก็สังเกตเห็นเช่นเดียวกัน
เขาค่อยๆ หันกายกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่ปราฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
“นายท่าน!”
“ข้าน้อยคำนับนายท่าน!”
เมื่อมองเห็นใบหน้าของซือมั่วชัด กู่หยาและกู่เย่รวมทั้งองครักษ์มารทั้งห้าร้อยนายก็ระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ พากันคุกเข่าลงไป มีเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่นิ่งๆ มองมาที่เขา อารมณ์ที่อยู่ในดวงตานั้น…ทำให้เขาไม่เข้าใจ
ซือมั่วมองมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอก็มองซือมั่ว คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของนางเป็นซือมั่วจริงๆ
นางไม่สามารถอธิบายความตื่นเต้นในใจตอนนี้ออกมาได้ เมื่อได้เห็นซือมั่วยืนอยู่ตรงหน้าในสภาพปกติดี เส้นประสาทที่ตึงเครียดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง
‘เขาไม่เป็นไร!’ มู่ชิงเกอค่อยๆ เอ่ยขึ้นในใจ
นางคิดจะยิ้ม แต่กลับพบว่าซือมั่วที่อยู่ตรงหน้าดูแปลกๆ
เขาเงียบเกินไป! เรียบนิ่งเกินไปจนดูเย็นชา นี่ไม่เหมือนกับซือมั่วที่นางคุ้นเคย ไม่เหมือนอามั่วของนาง
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น เกิดความสงสัยขึ้นในใจ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สมควรถาม นางละสายตาจากซือมั่วไปหยุดอยู่ที่หลิงหลิง นางยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “ขอบคุณแม่นางที่ช่วยดูแลเสียหลายวัน”
ตามเส้นทางที่มา นางได้รับรู้จากชายชราที่นำทางแล้วว่า หญิงสาวภายในเผ่าไปพบซือมั่วใต้หนองน้ำใหญ่ในขณะที่ไปทำธุระจึงช่วยเขาขึ้นมา พร้อมนำกลับมาที่นี่
หากไม่เป็นเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าซือมั่วจะถูกฝังอยู่ในโคลนตมไปอีกนานเท่าไหร่ และก็คงจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาเร็วขนาดนี้
“เจ้า…เป็นใคร?” หลิงหลิงมองมู่ชิงเกอแล้วก็พูดออกมา
นางถามออกมาจากใจ ไม่ได้ผ่านการครุ่นคิดไตร่ตรองมาก่อน นางอยากจะรู้ว่ามู่ชิงเกอเป็นใครและเกี่ยวอะไรกับชายที่นางช่วยกลับมา
มู่ชิงเกอยิ้ม “ข้าคือ…”
นางกำลังจะแนะนำฐานะของตนเอง แต่กลับถูกเงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งมาบังเบื้องหน้าไว้ทันที
มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ มองผู้ชายที่ยืนบังอยู่ตรงหน้าของตนเอง
กลิ่นหอมอันคุ้นเคยลอยออกมาจากร่างของเขา ทำให้นางยิ่งแน่ใจ ‘ไม่ผิด! เขาก็คือซือมั่ว!’
“เจ้าเป็นภรรยาของข้า ไม่ผิดแน่” ทันใดนั้นซือมั่วก็พูดขึ้น ถึงแม้นํ้าเสียงจะเย็นชาไปบ้าง แต่คำพูดที่เขาพูดออกมาก็ทำให้หลิงหลิงกับมู่ชิงเกอตกใจ
หลิงหลิงตกใจ เพราะก่อนหน้านี้นางแน่ใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ แต่เหตุใดถึงมีภรรยาได้?
ส่วนมู่ชิงเกอตกใจเพราะเขาดูไม่ปกตินัก
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์เป็นคู่หมั้นกัน แต่ซือมั่วก็ไม่เคยเรียกนางเช่นนี้ และถึงแม้ซือมั่วจะพูดเช่นนี้ แต่ความรู้สึกในดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยร่องรอยครุ่นคิดไม่ใช่ความรู้สึกรักสึกซึ้งเช่นเมื่อก่อน
‘เกิดอะไรขึ้น?’ มู่ชิงเกอถามตนเองในใจ สถานะของทั้งสองคนทำให้ชายชราเผ่าฉงพอใจมาก ตามที่เขามองหากคนที่หลานสาวของตนเองช่วยเอาไว้มีภรรยาที่งดงามขนาดนี้ก็คงจะไม่สนใจหลานสาวของตนเองอย่างแน่นอน และหลานสาวของตนเองก็จะได้ยอมตัดใจเสียที
ก่อนหน้านี้องครักษ์มารไม่เคยรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างซือมั่วกับมู่ชิงเกอมาก่อน จึงไม่ได้รู้สึกอะไร
แต่กู่หยาและกู่เย่กลับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ พวกเขาเงยหน้าขึ้นลอบพิจารณาซือมั่วแล้วลอบมองตาสื่อสารกัน
“เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” เมื่อมู่ชิงเกอตั้งสติได้แล้วก็ถามออกไป
นางจับมือของซือมั่วขึ้นมาแล้วตรวจชีพจรให้เขา
ปลายนิ้วเย็นทำให้ซือมั่วหัวใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองผู้หญิงตรงหน้าที่สวมชุดกระโปรงสีแดง ซึ่งเป็นสีที่เขาไม่ชอบมากที่สุด แต่เมื่ออยู่บนตัวผู้หญิงคนนี้แล้วเขากลับรู้สึกว่าน่าดูมาก!
ไอความร้อนกลุ่มหนึ่งห่อหุ้มหัวใจของเขา ทำให้ส่วนลึกในหัวใจของเขาเกิดความปรารถนาขึ้น
ความปรารถนาชนิดนี้ทำให้เขารู้สึกอยากจะกลืนผู้หญิงคนนี้ลงท้องไปเสีย!
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วเขาก็ทำในทันที
ในขณะที่มู่ชิงเกอกำลังตั้งใจตรวจชีพจรให้เขาอยู่นั้น ภายในนัยน์ตาสีอำพันก็ฉายแวววาววาบขึ้นมา อุ้มมู่ชิงเกอขึ้นมาพาดบ่าอย่างกะทันหัน และหันกายก้าวยาวๆ เข้าไปในกระท่อม
ก่อนจะไปก็ยังไม่ลืมสั่งกู่หยาและกู่เย่ว่า “เฝ้าที่นี่ไว้หากใครเข้าใกล้ก็ฆ่าไม่เว้น”
ให้ตายสิ!
นายท่านคิดจะทำอะไร?
กู่หยาและกู่เย่ยืนอ้าปากค้างมองมู่ชิงเกอที่มีสีหน้าดูมึนงงเช่นกัน
องครักษ์มารทั้งห้าร้อยนายเคลื่อนไหวทันที โอบล้อมกระท่อมที่ดูเรียบง่ายเอาไว้อย่างแน่นหนาตามคำสั่งของซือมั่ว
หลิงหลิงกับชายชราเผ่าฉงก็ชะงักอยู่ที่เดิม
ในตอนที่ประตูกระท่อมถูกปิดลงอย่างรุนแรงนั้น ชายชราเผ่าฉงก็ได้สติขึ้นมาก่อน “แค่กแค่ก…หลิงหลิง พวกเราออกไปก่อน”
ชายชราลากหลิงหลิงที่กำลังอ้าปากค้างเตรียมจะจากไป กู่เย่ได้สติขึ้นมารีบเข้ามาอธิบายด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขออภัยด้วย นายท่านและนายหญิงของพวกเราไม่ได้ เจอกันมานาน จึง…อา…”
ใครก็ได้มาช่วยเขาที เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้ว
“เหอ เหอ ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ” ชายชรายิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วพาหลานสาวจากไป
รอจนพวกเขาไปไกลแล้ว กู่หยาถึงได้พูดกับกู่เย่ด้วยความตะลึงงันว่า “องค์ราชาเป็นอะไรไป? ถึงจะไม่ได้เจอคุณชายตั้งนาน แต่ก็ไม่ควรร้อนใจถึงเพียงนี้หรือไม่?”
กู่เย่ขมวดคิ้วพูดเสียงเข้มว่า “ข้าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ”
“เช่นนั้นพวกเราบุกเข้าไปดูดีหรือไม่! ” นัยน์ตาของกู่หยาหดตัวลง เสนอความคิดเห็น
แต่กู่เย่ก็ส่งสายตาบอกว่า ‘หากเจ้าอยากตาย ข้าก็ไม่ว่า’ กลับมาให้เขา
ตอนนี้เป็นเวลาอะไร? พวกเขาสองคนบุกเข้าไปทำลายเรื่องดีๆ ของนายท่าน อยากจะตายอนาถหรืออย่างไร?
เรื่องโง่ๆ เช่นนี้ เหตุใดต้องไปทำด้วย?
มู่ชิงเกอถูกซือมั่วแบกเข้ามา แล้วก็ถูกโยนลงไปบนเตียงไม้แข็งๆ ดีที่กระดูกของมู่ชิงเกอนั้นถูกฝึกฝนจนแข็งแกร่ง ไม่ได้ถูกการกระทำอันป่าเถื่อนของเขาทำให้เจ็บปวดแต่อย่างใด
เพียงแต่นางยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมา ร่างกายของเจ้าบ้านี่ก็ทาบทับลงมา ใช้สองมือที่อยู่ไม่สุขฉีกดึงเสื้อผ้าของนาง
นัยน์ตาสดใสของมู่ชิงเกอฉายแววตกใจ นางไม่รู้ว่าซือมั่วเป็นอะไรไป แต่ก็รู้ว่าไม่สามารถปล่อยให้เขาทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้
นางคว้าจับสาบเสื้อของตนเองเอาไว้แน่น แต่ซือมั่วกลับหันไปดึงสายคาดเอวของนางแทน
นิ้วมือเรียวยาวนั้นคล่องแคล่วมาก เพียงพริบตาเดียวก็คลายสายคาดเอวของนางออก ทำให้นางรู้สึกโหวงๆ ตรงช่วงเอว
มู่ชิงเกอสูดลมหายใจเข้านัยน์ตาฉายแววโมโห นางจับข้อมือทั้งสองของซือมั่วเอาไว้ แล้วกัดฟันเอ่ยถามว่า “เจ้าทำอะไร? เป็นบ้าไปแล้วหรือ?”
ประโยคนี้ทำให้นัยน์ตาอันตรายของซือมั่วหรี่เล็กลง
แต่มู่ชิงเกอก็ยังรับรู้ได้ถึงเสน่ห์อันเย้ายวนในดวงตาของเขา
“เจ้าเป็นภรรยาของข้าใช่หรือไม่?” ทันใดนั้นริมฝีปากบางของซือมั่วก็แย้มออก เอ่ยถามออกมา
มู่ชิงเกอชะงัก กะพริบตา นางเป็นภรรยาของซือมั่วหรือไม่? ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่พวกเขาก็ได้ยอมรับกันและกันไม่มีอะไรปิดบังกันมาตั้งนานแล้ว
“ข้า…อุบ…” มู่ชิงเกอกำลังคิดจะตอบ ชายผู้นี้ก็ทนไม่ไหวซุกใบหน้าลงมา ปิดผนึกริมฝีปากของนาง กลืนคำพูดของนางลงท้องไป