Skip to content

พลิกปฐพี 762

ตอนที่ 762

เจรจาไม่ได้ ก็ต้องฆ่าเท่านั้น

“อาศัยความเข้าใจเจ้ากับเผ่ามังกร เรื่องนี้พอจะเจรจากันได้ไหม” มู่ชิงเกอมองโห่วและถามขึ้นกะทันหัน

ขณะที่โห่วมองมา นางก็เอ่ยเพิ่มเติมอีกว่า “ข้าหมายความว่า แก้ปัญหาโดยสันติน่ะ”

โห่วชะงัก ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ยังตอบนางว่า “เป็นไปไม่ได้ เผ่ามังกรยโส โอหังดูถูกคนอื่น มักหยิ่งทะนงในสายเลือดตัวเองว่าสูงส่ง จะมายอมง่ายๆ ได้อย่างไร อีกทั้งครั้งนี้พวกเราสังหารมังกรน้อยของพวกเขาไปห้าตัว หากพวกเขาไม่สังหารข้า ข้าจะรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง”

สีหน้าโห่วหนักแน่นมั่นคง

มู่ชิงเกอคิดแล้วก็เชื่อว่าคงเป็นเช่นนั้น ใจเขาใจเรา หากตระกูลนางถูกสังหาร นางก็คงไม่ยอมปล่อยให้มือสังหารลอยนวล อีกทั้งเผ่ามังกรที่ตายในมือโห่วก็ไม่ได้มี เพียงตัวสองตัวเท่านั้น

สังหารมังกรไปแล้วเท่าไรนั้น น่ากลัวโห่วเองก็ยังจำไม่ได้ ส่วนเผ่ามังกร ตั้งแต่เริ่มแรกต้องการเอาชีวิตโห่วไปแล้วกี่ครั้ง น่ากลัวเผ่ามังกรเองก็จำไม่ได้แล้วเช่นกัน

ความแค้นที่ยาวนานเช่นนี้ เป็นไปได้ยากที่จะชำระกันหมด ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจะลบความแค้นกันจนหมด

“เมื่อเป็นดังนี้ ก็คงต้องทำเช่นนี้แล้ว” มู่ชิงเกอพูดขึ้น

หืม

คำพูดมู่ชิงเกอทำให้หยินเฉินกับโห่วต่างมองไปที่นาง สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย

ต้องทำเช่นนี้

เช่นนี้คือเช่นไร

เวลานี้ในกระจกส่องเทพ เหล่ามังกรชราที่ปรึกษาแผนกันเสร็จแล้วได้แยกเป็นสองทาง ทางหนึ่งเก็บเศษซากของห้ามังกรเล็กและนำกลับแดนมังกร ทั้งรายงานราชามังกรให้รับรู้เรื่องนี้

อีกทางหนึ่งก็ออกไปไล่ตามสังหารพวกโห่ว

พวกเขาไม่รู้ว่าพวกโห่วยังไม่ได้จากไป เพียงหลบอยู่ในช่องว่างคอยดูท่าทีของพวกเขา พวกเขาคิดว่าโห่วหนีไปก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ดังนั้นจึงต้องตามต่อไป

มู่ชิงเกอยกมือโยนไป โอสถสองเม็ดบินออกจากมือ แยกไปที่หยินเฉินกับโห่ว

สองคนยื่นมือรับไว้และเห็นชัดถึงชั้นของโอสถนั้น

“โอสถชั้นมหาเทพ!” โห่วเลิกคิ้ว

มู่ชิงเกอหยิบโอสถอีกเม็ดหนึ่ง ใส่ปากของตัวเอง “นี่เป็นโอสถที่ฟื้นฟูพลังเทพกับปัญญาเทวะ”

ขณะที่นางพูดอยู่ หยินเฉินกับโห่วก็ได้กลืนโอสถเข้าไปแล้ว

เมื่อทั้งสามกลืนกินโอสถเข้าไปแล้ว ส่วนที่สูญเสียไปก็คืนกลับมาในพริบตาเดียว

“ไป” มู่ชิงเกอลุกขึ้นบอกทั้งสอง

พริบตาเดียวพวกเขาก็หายไปจากช่องว่าง เมื่อปรากฎตัวอีกครั้งพวกเขาก็ได้กลับมาที่หุบเขาเดิมแล้ว ที่เพิ่มขึ้นมาคือหุ่นเทพมารของมู่ชิงเกอ

“เจ้าพวกแก่สารเลว ไส้เดือนโสโครก! กล้ามาไล่สังหารข้า! ดี ข้าจะตามอยู่ด้านหลังแล้วฆ่าพวกเจ้าไม่ให้เหลือ!” โห่วม้วนแขนเสื้อพูดอย่างฮึดฮัด

“มาทางนี้” มู่ชิงเกอเอามือไพล่หลังเดินไปทางตรงข้ามกับโห่ว

โห่วชะงัก ถามว่า ‘“นังหนู พวกมันอยู่ทางโน้น”

มู่ชิงเกอหยุดแล้วถามกลับว่า “เจ้าสู้มังกรชราสิบกว่าตัวไหวหรือ”

เอ่อ…

คำถามนี้หยุดโห่วไว้ได้

เขาชะงักแล้วพูดต่อว่า “ไม่ใช่มีพวกเจ้าหรือ”

พูดแล้วเขา ก็ชี้หุ่นเทพมารของมู่ชิงเกอและเอ่ยว่า “ไม่ใช่มีสองคนนี้อีกหรือ สู้อย่างไรก็ไม่มีทางแพ้อยู่แล้ว แค่พวกเราไล่ตามไป ฆ่าได้เท่าไรก็เท่านั้น ไหนๆ พวกมันจะสังหารข้า ข้าย่อมต้องเก็บดอกเบี้ยก่อน”

มู่ชิงเกอพยักหน้าว่า “พูดไม่ผิด แต่พวกเราจะเลือกข้างลำบาก ทิ้งข้างที่มีโอกาสดีกว่าทำไมเล่า”

เห็นโห่วยังนึกไม่ทัน หยินเฉินจึงเอ่ยเพิ่มเติมว่า “ความหมายของชิงเกอคือ ตามไปสังหารมังกรอีกสามตัว”

โห่วเบิกตาโต เข้าใจความหมายมู่ชิงเกอแล้ว

แต่เขาก็สูดลมหายใจเย็นเฉียบ กระซิบว่า “นังหนู เจ้าใจกล้ากว่าข้ามาก! ถึงแม้จัดการสามมังกรนั้นจะง่ายกว่ามาก แต่พวกมันไปทางแดนมังกร เจ้าไม่กลัวพวกมันจะชักนำยอดฝีมือมาจากแดนมังกรหรือ”

มู่ชิงเกอพูดอย่างใจเย็นว่า “ดังนั้นต้องรีบสู้รีบจบศึก อันตรายนั้นมีแน่นอน แต่พวกเราห้าสู้สาม โอกาสชนะสูง ตามที่เจ้าว่า ในเมื่อไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ฆ่าได้มากเท่าไรก็เท่านั้น เลือดมังกรแท้สูงส่งเช่นนี้ ข้าก็เสียดายที่จะเอาไว้ใช้คนเดียว องครักษ์เขี้ยวมังกร องครักษ์ปีกมังกรของข้าล้วนต้องการอย่างมาก”

พูดจบ นางก็แค่นยิ้ม

แต่ไหนแต่ไรมา นางเป็นคนตัดใจได้ชัดเจน ในเมื่อแน่ใจ แล้วว่ายากที่จะจับมือเจรจากับเผ่ามังกรได้ก็ต้องชิงลงมือก่อน!

นัยน์ตาโห่วเป็นประกายขึ้นมา เขามองมู่ชิงเกอแล้วว่า “นังหนู เจ้าเยี่ยมมาก!”

“ไปเถอะ หากชักช้า พวกเราก็ไม่ต้องไปแล้ว” มู่ชิงเกอสะบัดแขนเสื้อ หายวับจากที่เดิมมุ่งไปข้างหน้าก่อนใคร

พอนางขยับหุ่นเทพมารก็ตามติดทันที หยินเฉินกับโห่วย่อมไม่ยอมชักช้า ไล่ตามสามมังกรชราที่เก็บกระดูกกลับไปอย่างรวดเร็ว

สามมังกรชรา มีสองตัวอยู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นสอง อีกตัวเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นสาม

หุ่นเทพมารของมู่ชิงเกอล้วนอยู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่ง นางเองก็ขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่ง ส่วนหยินเฉินก็พอๆ กัน

ด้วยโอสถของมู่ชิงเกอ ความแข็งแกร่งของโห่วก็กลับคืนมาเป็นปกติแล้ว

ตบะบำเพ็ญขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นห้าสามารถอยู่เหนือสิ่งอื่นใด แต่เนื่องจากข้อจำกัดทางสายเลือด ในสภาพการณ์ที่โห่วไม่ได้รับบาดเจ็บ มากที่สุดก็สามารถต่อสู้กับสามมังกรพร้อมกันได้หากมากกว่านี้ ถึงแม้ตบะบำเพ็ญไม่เท่าเขา ก็ยากที่จะไม่บาดเจ็บได้

ในกลุ่มพวกเขา ขอเพียงมู่ชิงเกอสี่คนสามารถช่วยโห่วดึงสองมังกรชราไว้ได้ เขาก็สามารถต่อสู้ได้อย่างเบ็ดเสร็จรวดเร็ว ถอยไปได้ก่อนที่แดนมังกรจะรู้ตัว

พวกเขาตามสามมังกรชราที่กลับแดนมังกรไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่สามมังกรชราเห็นโห่วปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันตรงหน้า ต่างก็สะดุ้งตกใจ กำลังจะเตรียมแจ้งภัย โห่วกลับพุ่งเข้าตะปบอย่างเงียบเชียบ

มู่ชิงเกอ หยินเฉิน หุ่นเทพมารต่างลงมือทันที สองคนต่อหนึ่ง ให้โห่วได้วาดลวดลายเต็มที่

โห่วรู้ว่าเวลากระชั้นชิด หมัดเดียวจึงทุบหัวมังกรชราแหลกคาหมัด ตามด้วยตะปบไปอีกตัว หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมือให้หยินเฉินพุ่งเข้าไปควักหัวใจ หนึ่งในหุ่นเทพมารเข้าไปช่วยมู่ชิงเกอ สามต่อหนึ่ง ทำให้มังกรชรายากที่จะดิ้นหลุด

“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงช่วยคนชั่ว สมคบกับโห่วมาทำร้ายเผ่ามังกรของข้า!” มังกรชราที่ต่อสู้กับมู่ชิงเกอคำรามอย่างโกรธแค้น

เวลานี้มู่ชิงเกอนำหุ่นเทพมารถอยหลังไป

ใบหน้าเหี้ยมเกรียมของโห่วปรากฎอยู่ตรงหน้ามังกรชรา

ตาดำมังกรชราหดลงทันที กวาดหางตามองไปก็พบว่าเพื่อนตัวเองสองตนสิ้นชีพไปแล้ว

‘แย่แล้ว!’ เขาคิดหลบหนี

แต่จะหนีทันเงื้อมมือโห่วได้อย่างไร

เพียงไม่กี่อึดใจก็สิ้นใจ แต่ก่อนสิ้นใจยังใช้มังกรเรียกกู่

ร้องคำราม ก้องกังวานอยู่กลางฟ้าดิน

“ไส้เดือนโสโครก! กล้าเรียกพวกเผ่าเดียวกันมารึ” โห่วพูดอย่างเคืองแค้น

เขาตะปบควักหัวใจออกมา แล้วบอกพวกมู่ชิงเกอว่า

“พวกเรารีบไป พอเสียงมังกรเรียกใช้ออกมาแล้ว ไม่ว่าสิบกว่าตัวก่อนนั้นหรือมังกรในแดนมังกรล้วนจะตามออกมาจนหมด”

สองตามู่ชิงเกอหรี่ลง มองหุ่นเทพมารของตัวเอง แววตาฉายแววเสียดายแล้วกัดฟันทิ้งหุ่นมารไว้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version