ตอนที่ 763
เซียนในหมู่อสูร ชื่อภูติภูเขา
“ชิงเกอ!” หยินเฉินมองมู่ชิงเกอด้วยความกังวลเล็กน้อย
มู่ชิงเกอเก็บงำความคิดแล้วสั่นศีรษะช้าๆ วิ่งอย่างรวดเร็วไปพลางพูดกับหยินเฉินไปพลาง “หวังเพียงให้หุ่นมารยังสามารถกลับมาได้”
นางเม้มปาก ก่อนที่จะไปนางยังเปลี่ยนแผนเล็กน้อย
มังกรชราสิบกว่าตัวที่ไล่ตามไป แปลงเป็นมังกรขี่เมฆหมอกกลับมา เมื่อพวกเขามาถึงสถานที่ที่สามมังกรชราถูกสังหารก็คงเหลือเพียงคาวเลือดเต็มพื้นดิน
ไม่เพียงแต่พวกมันที่กลับมา ภายในแดนมังกรก็มีมังกรตามออกมาอีกยี่สิบกว่าตัว พวกมันต่างแปลงเป็นร่างคนลงมาที่พื้นดิน นัยน์ตาเปล่งแววสังหารมองดู หุ่นมารที่ก้มศีรษะ คุกเข่าข้างเดียวบนพื้นไม่กระดุกกระดิก
“เขาเป็นฆาตกร!”
“นี่ไม่ใช่โห่ว!”
“ไม่ใช่! ขั้นบำเพ็ญเขาไม่พอ ไม่สามารถสังหารพวกเขาทั้งสามได้!”
“นี่เป็นเผ่ามาร!”
“ไม่ใช่ นี่เป็นหุ่นมาร!”
มังกรชราสี่สิบกว่าตัวล้อมหุ่นมารจนแน่น พวกมันเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวังจึงแยกแยะฐานะของเขาออก
ขณะที่พวกมันเข้าไปใกล้ คิดจะจับตัวหุ่นมาร เพื่อสืบหาเบาะแสนั้น หุ่นมารก็เงยศีรษะขึ้นในทันใด
สองมือเขานั้น มีลูกระเบิดที่มู่ชิงเกอผลิตเองหลายลูกอยู่
ระเบิดชนิดนี้นางเคยใช้ในโลกแห่งยุคกลาง หลังจากเข้ามาในแผ่นดินเทพมารแล้วก็ใช้เวลาปรับปรุงอีกพักหนึ่ง นางตั้งชื่อมันว่าระเบิดวิญญาณ
ของที่เผ่ามังกรยังไม่เคยเห็นนี้ทำให้พวกมันไม่ทันระวังตัว จนกระทั่งพวกมันรู้สึกได้ถึงอันตรายก็ไม่ทันเสียแล้ว
บึ้ม!
บึ้ม บึ้ม!
บึ้ม บึ้ม บึ้ม!
บนพื้นดินเกิดเสียงระเบิดเจ็ดแปดครั้งในทันที ทั้งยังมีเสียงร้องโหยหวนน่าสยดสยองอีกด้วย
ระเบิดแต่ละลูกของระเบิดวิญญาณนี้มีความรุนแรงเท่ากับการระเบิดตัวเองของชั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่ง หุ่นมารที่ยืนอยู่ตรงศูนย์กลางระเบิดถูกระเบิดเข้าอย่างจัง หากไม่ใช่หุ่นมารที่ร่างกายแข็งแกร่งทั้งถูกมู่ชิงเกอใช้พญาเพลิงหลอมสร้างมา น่ากลัวว่าจะต้องถูกระเบิดเป็นจุณไปแล้ว
ระเบิดที่รุนแรงนี้ทำให้เผ่ามังกรในที่นั้นไม่มีใคร รอดพ้นไปได้ไม่ตายก็เจ็บ
หุ่นมารเองก็เสียหายอย่างหนัก เพียงแต่มันเป็นหุ่นจึงไม่มีความรู้สึก ไม่รู้สึกเจ็บ มันถือโอกาสโดดขึ้นมาควักหัวใจมังกรหกตัวที่ถูกระเบิดตาย
“เจ้าโจรชั่ว เจ้ากล้า!”
การกระทำของมันทำให้บรรดามังกรชราเห็นแล้วโทสะพลุ่งพล่าน
มังกรชราตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาที่หุ่นมาร
แผ่นหลังหุ่นมารถูกระเบิดรุนแรงจนกระดูกสันหลังยุบเข้าไป แต่มันก็ยังเคลื่อนไหวไม่หยุด ถือโอกาสควักหัวใจมังกรอีกสองตัวแล้วมุ่งหน้าไปทางที่ พวกมู่ชิงเกอจากไป
พอมันหนีเผ่ามังกรที่เหลืออยู่ก็จะตามไป
แต่กลับถูกมังกรตัวหนึ่งเรียกให้หยุด “สุนัขจนตรอกอย่าไล่ต้อน! ฮึ ขอเพียงยังอยู่ในป่าอสูร พวกเขาก็หนีไปไม่พ้น! กล้าทำร้ายเผ่าข้าเช่นนี้ย่อมอยู่ร่วมโลกกัน ไม่ได้!”
“ขอรับ! ราชามังกร”
ที่แท้มังกรตัวนี้ก็คือราชาของเผ่ามังกรนี่เอง
ราชามังกรมองดูคนในเผ่าตัวเองด้วยความเจ็บปวด มันอยากฉีกร่างฆาตกร แต่ก็ไม่สามารถนิ่งดูดาย ต่ออาการบาดเจ็บของเหล่ามังกรที่เหลือได้
“กลับแดนมังกร ข้าจะส่งทหารเกล็ดมังกรไปตามจับ! ข้าสาบานว่าจะไม่ยอมปล่อยให้ใครก็ตามที่กล้าเข่นฆ่าเผ่าข้าหลุดรอดไปได้แม้เพียงคนเดียว!” ราชามังกรพูดด้วยความแค้น
โห่วสูดจมูกดมกลิ่นอย่างแรงแล้วบอกมู่ชิงเกอว่า
“เอ๊ะ ไม่มีกลิ่นพวกไส้เดือนโสโครกแล้ว หรือว่าพวกมันจะไม่ไล่ตามมาแล้ว”
เขาเพิ่งพูดจบก็เห็นว่ามีจุดดำจากที่ไกลๆ มุ่ง หน้ามายังพวกเขาอย่างรวดเร็ว
โห่วกำลังจะลงมือ แต่ถูกมู่ชิงเกอยกมือห้ามไว้
จนเมื่อจุดดำเข้ามาใกล้พวกเขาจึงเห็นชัดว่าเป็นหุ่นมารที่เสียหายยับเยิน เละเทะไปทั้งร่าง ในมือของเขาถือหัวใจมังกรไว้แปดดวง
หัวใจแปดดวงนี้ รวมกับมังกรชราที่ถูกสังหารก่อนหน้านี้อีกสามตัว มังกรเล็กตั้งแต่แรกอีกห้าตัว หักตัวที่ถูกมู่ชิงเกอทำเสียของไปหนึ่งตัว ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงวันเดียว พวกเขาก็รวบรวมหัวใจมังกรได้ถึงสิบห้าดวงแล้ว
“จุ๊ๆ อเนจอนาถนัก” โห่วมองหุ่นมารแล้วจุปากพูด
ไม่รู้ว่านํ้าเสียงที่เยาะเย้ยนี้หมายถึงหุ่นมารหรือเผ่ามังกรกันแน่
แต่หยินเฉินเห็นความสะใจในแววตาของเขา
มู่ชิงเกอมีสีหน้าเย็นชาเก็บหุ่นมารคืน นางว่า “เดิมทีข้าตั้งใจจะใช้หุ่นมารเป็นเหยื่อ พอเผ่ามังกรไล่ทันแล้วให้หุ่นมารระเบิดตัวเอง ได้หนึ่งตัวก็หนึ่งตัว แต่สุด ท้ายแล้วข้ายังเสียดายหุ่นมารข้าจึงนึกถึงระเบิดวิญญาณที่ข้าค้นคว้ายามว่างขึ้นมา ดูแล้วจะได้รับประโยชน์ไม่น้อยเลย”
หยินเฉินกับโห่วฟังนางเงียบๆ จนจบก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นยะเยือก
ครู่หนึ่ง โห่วจึงยื่นนิ้วหัวแม่โป้งให้มู่ชิงเกอพลางครวญว่า “ข้าหลงเข้าใจว่าติดตามอยู่ข้างเจ้ามาหลายปี พอจะเรียนรู้กลยุทธ์อะไรได้บ้าง แต่เวลานี้ดูแล้ว แม้แต่ขนเส้นเดียวของเจ้าข้าก็ยังทาบไม่ติด!”
“ตอนนี้พวกเราจะไปไหนกัน” ตามโห่วเดินอยู่ในที่รกร้างมาหนึ่งคืน มู่ชิงเกอก็อดเอ่ยถามไม่ได้
โห่วนำอยู่ข้างหน้าตอบโดยไม่หันกลับว่า “เผ่ามังกรจะต้องวางหูตาไว้ที่ทางออกป่าอสูรทุกจุดแน่ กลิ่นไส้เดือนโสโครกพวกนั้นข้าอยู่ห่างพันลี้ก็ยังได้กลิ่น พวก
มันก็คุ้นเคยกลิ่นของข้าอย่างมากเหมือนกัน”
“เช่นนั้นข้าจะเอาเจ้าไว้ในช่องว่างแล้วนำไปด้วย” มู่ชิงเกอพูดทันที
ในเมื่อนางยังไม่ถูกเปิดเผยตัวตน เช่นนั้นแล้ว เพียงแค่แยกโห่วออกก็สามารถออกจากป่าอสูรได้แล้วไม่ใช่หรือ
แต่โห่วกลับสั่นศีรษะ “เจ้านึกว่าเจ้าฆ่ามังกรไปมากมาย บนตัวจะไม่มีกลิ่นอายอะไรติดอยู่บ้างเลยหรือ”
มู่ชิงเกอเม้มปากนิ่ง ในจุดนี้นางมองข้ามไปจริงๆ
นางได้ซักเปลี่ยนเสื้อผ้าบนร่างไปแล้วทั้งหมด ตัวเองไม่ได้กลิ่นคาวเลือดแล้ว หรือว่ายังมีกลิ่นอายมังกรหลงเหลืออยู่อีก
“ดังนั้น พวกเราจะต้องหาสถานที่ปลอดภัยที่สุด หลบชั่วคราว ช่วยเจ้าหลอมเลือดมังกรแท้ เพิ่มพูนความแข็งแกร่ง กลิ่นอายเผ่ามังกรจะกระจายหายไปในเวลา 49 วัน รอให้กระจายหายไปก่อนพวกเราจึงออกจากป่าอสูร ขอเพียงออกจากป่าอสูรแล้ว เผ่ามังกรก็จะไม่ส่งมังกรเข้าไปในแผ่นดินเทพมากนัก ถึงเวลานั้นพวกมันมาหนึ่งตัว พวกเราฆ่าหนึ่งตัว หึๆ” นัยน์ตาโห่วเปล่งประกายพูดถึงแผนการตัวเอง
ความจริงแล้ว แผนการนี้นับว่าไม่เลว
แต่มู่ชิงเกอยังอดไม่ได้ถามว่า “ยังจะมีที่ไหนปลอดภัยกว่าช่องว่างของข้าอีกเล่า”
โห่วกลับหยุดกะทันหัน หันไปแยกเขี้ยวยิ้มใหhมู่ชิงเกอว่า “นังหนู เจ้าอยากลองของวิเศษลำดับที่สามในบรรดาสามของวิเศษแห่งป่าอสูรไหม”
“อะไรคือสามของวิเศษแห่งป่าอสูร” มู่ชิงเกอถามด้วยความประหลาดใจ
นางเคยได้ยินเพียงไฟเพิ่งหวงและเลือดมังกรแท้ แต่สามของวิเศษแห่งป่าอสูรนางเพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก
แม้แต่หยินเฉินเองยังมองโห่วด้วยความสงสัย
โห่วหัวเราะขึ้นมา “คนในโลกนี้รู้จักเพียงไฟเพิ่งหวงกับเลือดมังกรแท้ แต่ความจริงแล้วภายในป่าอสูรของที่มีค่ามากที่สุดคือผลภูติของเผ่าภูติภูเขา”
“เผ่าภูติภูเขา!” มู่ชิงเกอชักสนใจ
โห่วพยักหน้าว่า “ภูติภูเขาถูกขนานนามว่าเซียน ในป่าฐานะของพวกเขาภายในป่าอสูรราวกับเป็นผู้พิทักษ์ เล่ากันว่า พวกเขาเกิดจากต้นไม้ต้นแรกในป่าอสูรที่คงเหลืออยู่ หล่อเลี้ยงจากพลังเดือนตะวันในป่าอสูร ดังนั้นในสถานการณ์โดยทั่วไปจะไม่มีใครกล้าไปรบกวน ส่วนผลภูติก็คือผลไม้ที่เกิดจากต้นไม้นั้นในทุกหนึ่งพันปี ชีวิตหนึ่งกินได้เพียงครั้งเดียว หลังจากกินแล้วสามารถเพิ่มพูนตบะบำเพ็ญได้หมื่นปี”